Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
หน้าที่ในการชำระหนี้ - Coggle Diagram
หน้าที่ในการชำระหนี้
หน้าที่ชำระหนี้ให้ถูกต้อง
วัตถุแห่งหนี้
ความหมาย
ลูกหนี้
สิ่งที่ลูกหนี้จะต้องดำเนินการในการปฏิบัติการชำระหนี้ ตาม ม.208
เจ้าหนี้
สิ่งที่เจ้าหนี้อาจเรียกร้องเอาจากลูกหนี้
ม.194 ด้วยอำนาจแห่งมูลหนี้ เจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิจะเรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้ได้อนึ่งการชำระหนี้ด้วยงดเว้นการอันใดอันหนึ่งก็ย่อมมีได้
วัตถุแห่งหนี้เป็น "การงดเว้นการอันใดอันหนึ่ง"
ม.213 วรรคสอง ...ถ้าวัตถุแห่งหนี้เป็นการกระทำอันหนึ่งอันใด...
วัตถุแห่งหนี้เป็น "การกระทำอันหนึ่งอันใด"
ม.195 บัญญัติถึงการส่งมอบทรัพย์สิน
วัตถุแห่งหนี้เป็น "การส่งมอบทรัพย์สิน"
"หนี้กระทำการ"
หนี้กระทำการมีทั้ง "มูลหนี้สัญญา" และ "มูลหนี้ละเมิด"
ลูกหนี้ต้องการกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งแก่เจ้าหนี้
เช่น ไปสร้างบ้านให้ ไปวาดรูปให้
ลูกหนี้เพียงแต่รับผิดชอบในการจัดการอันนั้นโดยที่ลูกหนี้ไม่ต้องกระทำด้วยตนเอง
เช่น หนี้ตามสัญญารับจ้างสร้างบ้าน ลูกหนี้ซึ่งเป็นผู้รับเหมา ไม่จำเป็นต้องลงมือสร้างด้วยตนเอง เพียงแต่หาช่างมาทำให้เสร็จตามสัญญา
ลูกหนี้กระทำด้วยตัวลูกหนี้เองตามสภาพสัญญา หรือตามข้อตกลง
เช่น สัญญาจ้างแรงงาน ลูกจ้างก็ต้องไปทำงานด้วยตนเอง
สภาพแห่งหนี้ มุ่งใช้ความสามารถเฉพาะตัวของลูกหนี้
เช่น จ้างให้ไปสอนหนังสือ ไปบรรยายพิเศษ
กรณีที่ไม่จำเป็นที่ลูกหนี้ต้องกระทำด้วยตนเอง แต่เป็นเจตนาของคู่กรณี ที่กำหนดให้ลูกหนี้กระทำด้วยตนเอง
เช่น สัญญาจ้างร้านเฟอร์นิเจอร์ให้ต่อตู้ให้ ปกติร้านจะให้ช่างทั่วไปกระทำก็ได้ แต่ผู้ว่าจ้างต้องการได้งานที่มีคุณภาพดี จึงตกลงให้ลูกหนี้ซึ่งเป็นช่างฝีมือดีกระทำเอง
หนี้กระทำการที่ลูกหนี้ต้องกระทำเองโดยเฉพาะ ถือเป็น "หนี้ส่วนตัว" ไม่ตกเป็นมรดกแก่ทายาทลูกหนี้
หากลูกหนี้กลายเป็นคนไม่สามารถชำระหนี้ได้ ถือว่าการชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัย
มาตรา 219 วรรคสอง ถ้าภายหลังที่ได้ก่อหนี้ขึ้นแล้วนั้น ลูกหนี้กลายเป็นคนไม่สามารถจะชำระหนี้ได้ไซร้ ท่านให้ถือเสมือนว่าเป็นพฤติการณ์ที่ทำให้การชำระหนี้ตกเป็นอันพ้นวิสัยฉะนั้น
เช่น จำสัญญาจ้างจิตรกรฝีมือดีมาวาดรูปเหมือนของตนเอง แต่ก่อนวาดจิตรกรประสบอุบัติเหตุกลายเป็นอัมพาตไม่สามารถวาดรูปได้ เช่นนี้ กฎหมายถือเป็นพฤติการณ์ที่ทำให้การชำระหนี้ตกเป็นอันพ้นวิสัย
"หนี้งดเว้นการกระทำ"
วัตถุแห่งหนี้กำหนดให้ลูกหนี้ไม่ต้องกระทำการตามที่ตกลงกันไว้
มาตรา 213 วรรคสาม ส่วนหนี้ซึ่งมีวัตถุเป็นอันจะให้งดเว้นการอันใด เจ้าหนี้จะเรียกร้องให้รื้อถอนการที่ได้กระทำลงแล้วนั้นโดยให้ลูกหนี้เสียค่าใช้จ่าย และให้จัดการอันควรเพื่อกาลภายหน้าด้วยก็ได้
เช่น ทำสัญญาเช่าที่ดินเพื่อสร้างอาคารพาณิชย์ เจ้าของที่ดินไม่ต้องการให้อาคารพาณิชย์บังทิวทัศน์ของบ้านตน จึงตกลงห้ามสร้างอาคารขึ้นเกิน 2 ชั้น เช่นนี้ ถ้าผู้เช่าทำอาคารสูงเกินที่ตกลงกันไว้ ผู้เช่าซึ่งเป็นลูกหนี้ก็ฝ่าฝืนหน้าที่ในการชำระหนี้และอาจถูกบังคับให้รื้อถอนตาม มาตรา213 วรรค 3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4014/2530
การที่จำเลยมีความสัมพันธ์ทางชู้สาว กับสามีโจทก์จนถึงขั้นสามีโจทก์ให้โจทก์ยอมรับจำเลยเป็นภรรยาน้อย มิฉะนั้นจะทิ้งโจทก์และจำเลยตบ หน้าสามีโจทก์ในร้านอาหารเพราะความหึงหวงต่อหน้าโจทก์ ทั้งสามีโจทก์และจำเลยยังได้ร่วมกันกู้เงินจากธนาคารมาสร้างหอพักในที่ดินของจำเลย และมีผู้รู้เห็นว่าสามีโจทก์ได้มาหาและพักนอนอยู่ที่บ้านจำเลยหลายครั้ง เช่นนี้ พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยได้แสดงตน โดย เปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาว กับสามีโจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องเรียกค่าทดแทนจากจำเลยได้ตามมาตรา1523 วรรคสอง แต่คำขอของโจทก์ที่ขอให้จำเลยระงับการมีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาว กับสามีโจทก์นั้นสภาพของคำขอดังกล่าวไม่เปิดช่องศาลไม่อาจบังคับได้
หนี้งดเว้นกระทำการต้องมีสภาพเป็นหนี้ที่อาจบังคับได้ ไม่ใช่หน้าที่โดยทั่วไป
หนี้งดเว้นกระทำการถ้าไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของเวลาหรือสถานที่ อาจขัดต่อเสรีภาพ หรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดี มีผลให้สัญญาที่ก่อหนี้ เป็น "โฆมะ" ก็ได้
มาตรา 194 ด้วยอำนาจแห่งมูลหนี้ เจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิจะเรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้ได้อนึ่งการชำระหนี้ด้วยงดเว้นการอันใดอันหนึ่งก็ย่อมมีได้
"หนี้การส่งมอบทรัพย์"
ลูกหนี้มีหน้าที่ส่งมอบทรัพย์สินแก่เจ้าหนี้
เช่น การซื้อขายก๋วยเตี๋ยว ผู้ซื้อมีหน้าที่ส่งมอบเงินให้แก่ผู้ขาย และผู้ขายก็ต้องส่งมอบทรัพย์สินที่เป็นก๋วยเตี๋ยวให้แก่ผู้ซื้อ
"หนี้โอนทรัพย์สิน" รวมถึงการส่งมอบทรัพย์สินในกรณีที่ไม่มีการโอน หรือโอนทรัพยสิทธิอื่นในทรัพย์ด้วย
ความแตกต่างของการโอนกรรมสิทธิ์ การโอนทรัพย์สินและการส่งมอยทรัพย์สิน
การโอนกรรมสิทธิ์
การโอนความเป็นเจ้าของในทรัพย์สิน ที่ซื้อขายนั้นให้แก่ผู้ซื้อ
เกิดขึ้นเมื่อมีการจดทะเบียน
การส่งมอบทรัพย์สิน
การโอนการครอบครองทรัพย์สินจากผู้ขายไปยังผู้ซื้อ
มีได้ทั้งสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์
เจ้าหนี้มีเพียงสิทธิเรียกร้องให้ลูกหนี้ปฏิบัติการชำระหนี้เท่านั้น หากลูกหนี้ไม่ยอมชำระ เจ้าหนี้ก็ต้องไปร้องขอต่อศาล
ต้องเป็นทรัพย์ที่มีรูปร่าง และเป็นทรัพย์เฉพาะสิ่ง
เช่น รถยนต์คันใดคันหนึ่งโดยเฉพาะ
ต้องเป็นทรัพย์ที่มีรูปร่างทั่วไป แต่ไม่เป็นทรัพย์เฉพาะสิ่ง
เช่น ข้าวสาร ถ่าน น้ำตาล
ลูกหนี้มีหน้าที่ชำระหนี้ให้ต้องตามความประสงค์แห่งหนี้โดยเครงครัด มิฉะนั้นเจ้าหนี้ก็มีสิทธิที่จะไม่รับการชำระหนี้และเรียกค่าเสียหาย
คำพิพากษาฎีกาที่ 695/2508
เมื่อไม่ปรากฏว่าได้มีการตกลงกันให้ฝ่ายผู้ให้เช่าไปเก็บค่าเช่าจากผู้เช่า ผู้เช่าจึงมีหน้าที่ไปชำระค่าเช่า ณ ภูมิลำเนาผู้ให้เช่า ฉะนั้น การที่ผู้ให้เช่าไม่ไปเก็บค่าเช่าจึงไม่เป็นข้อแก้ตัวให้ผู้เช่าพ้นความรับผิดในการผิดนัดไม่ชำระค่าเช่า
มาตรา 215 เมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ให้ต้องตามความประสงค์อันแท้จริงแห่งมูลหนี้ไซร้ เจ้าหนี้จะเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่การนั้นก็ได้
ลูกหนี้ต้องชำระหนี้ให้ต้องตามความประสงค์แห่งหนี้ รวมทั้งเงื่อนไขและเงื่อนไขเวลา
เช่น วัตถุแห่งหนี้เป็นการส่งมอบม้า ลูกหนี้ก็ต้องส่งมอบม้า จะส่งมอบลาแทนไม่ได้
การชำระหนี้ถ้ามีเงื่อนไขเวลาก็ต้องชำระให้ถูกต้องตามกำหนดเวลา
สถานที่ชำระหนี้ก็เป็นความประสงค์แห่งการชำระหนี้
หนี้ที่เกิดจากมูลละเมิด มักเป็นการใช้ค่าสินไหมทดแทน
ค่าสินไหมทดแทนที่ไม่เป็นตัวเงิน
มาตรา 446 ในกรณีทำให้เขาเสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัยก็ดี ในกรณีทำให้เขาเสียเสรีภาพก็ดี ผู้ต้องเสียหายจะเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อความที่เสียหายอย่างอื่นอันมิใช่ตัวเงินด้วยอีกก็ได้
ค่าสินไหมทดแทนที่เป็นการคืนทรัพย์สินอันผู้เสียหายต้องเสียไป
มาตรา 438 วรรคสอง อนึ่งค่าสินไหมทดแทนนั้น ได้แก่การคืนทรัพย์สินอันผู้เสียหายต้องเสียไปเพราะละเมิด หรือใช้ราคาทรัพย์สินนั้น รวมทั้งค่าเสียหายอันจะพึงบังคับให้ใช้เพื่อความเสียหายอย่างใด ๆ อันได้ก่อขึ้นนั้นด้วย
กรณีที่มีข้อสงสัย
มาตรา 11 ในกรณีที่มีข้อสงสัย ให้ตีความไปในทางที่เป็นคุณแก่คู่กรณีฝ่ายซึ่งจะเป็นผู้ต้องเสียในมูลหนี้นั้น
ทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งการชำระหนี้
มาตรา 195 เมื่อทรัพย์ซึ่งเป็นวัตถุแห่งหนี้นั้นได้ระบุไว้แต่เพียงเป็นประเภท และถ้าตามสภาพแห่งนิติกรรม หรือตามเจตนาของคู่กรณีไม่อาจจะกำหนดได้ว่าทรัพย์นั้นจะพึงเป็นชนิดอย่างไรไซร้ ท่านว่าลูกหนี้จะต้องส่งมอบทรัพย์ชนิดปานกลาง
ถ้าลูกหนี้ได้กระทำการอันตนจะพึงต้องทำเพื่อส่งมอบทรัพย์สิ่งนั้นทุกประการแล้วก็ดี หรือถ้าลูกหนี้ได้เลือกกำหนดทรัพย์ที่จะส่งมอบแล้วด้วยความยินยอมของเจ้าหนี้ก็ดี ท่านว่าทรัพย์นั้นจึงเป็นวัตถุแห่งหนี้จำเดิมแต่เวลานั้นไป
ทรัพย์ที่จะส่งมอบเป็นทรัพย์สินทั่วไป
เป็นได้ทั้งสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ ทรัพย์เฉพาะสิ่งหรือทรัพย์ในอนาคต
ทรัพย์เฉพาะสิ่ง
คือ ทรัพย์ที่รู้แน่ว่าเป็นทรัพย์ชิ้นใด
ทรัพย์ในอนาคต
คือ ในขณะที่เกิดหนี้ ลูกหนี้ยังไม่มีทรัพย์อยู่เลย
เช่น ทำสัญญาซื้อขายเก้าอี้ 100 ตัว กำหนดในการส่งมอบ 1 เดือน เช่นนี้แม้ยังไม่มีเก้าอี้อยู่เลยก็สามารถที่จะทำสัญญาซื้อขายได้
เช่น ป้ายทะเบียนรถ
การทำให้ทรัพย์เป็นวัตถุแห่งหนี้
กรณีทรัพย์นั้นไม่ใช่ทรัพย์เฉพาะสิ่ง
เช่น หนี้ส่งมอบข้าวสาร 1 กระสอบ ข้าวสารก็ยังไม่ใช่วัตถุแห่งหนี้ เพราะลูกหนี้จะเอากระสอบใดมาส่งมอบก็ได้
มาตรา 195 วรรคสอง ถ้าลูกหนี้ได้กระทำการอันตนจะพึงต้องทำเพื่อส่งมอบทรัพย์สิ่งนั้นทุกประการแล้วก็ดี หรือถ้าลูกหนี้ได้เลือกกำหนดทรัพย์ที่จะส่งมอบแล้วด้วยความยินยอมของเจ้าหนี้ก็ดี ท่านว่าทรัพย์นั้นจึงเป็นวัตถุแห่งหนี้จำเดิมแต่เวลานั้นไป
ทรัพย์สินทั่วไปจะเป็นวัตถุแห่งหนี้ด้ 2 กรณี
ลูกหนี้ได้กระทำการอันตนจะพึงต้องทำเพื่อส่งมอบทรัพย์สินั้นทุกประการแล้ว
1 more item...
ลูกหนี้ได้เลือกกำหนดทรัพย์แล้ว ด้วยความยินยอมของเจ้าหนี้
1 more item...
ผลจากการที่เป็นทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งหนี้
มาตรา 370 ถ้าสัญญาต่างตอบแทนมีวัตถุที่ประสงค์เป็นการก่อให้เกิดหรือโอนทรัพยสิทธิในทรัพย์เฉพาะสิ่ง และทรัพย์นั้นสูญหรือเสียหายไปด้วยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งอันจะโทษลูกหนี้มิได้ไซร้ ท่านว่าการสูญหรือเสียหายนั้นตกเป็นพับแก่เจ้าหนี้
ถ้าไม่ใช่ทรัพย์เฉพาะสิ่ง ท่านให้ใช้บทบัญญัติที่กล่าวมาในวรรคก่อนนี้บังคับแต่เวลาที่ทรัพย์นั้นกลายเป็นทรัพย์เฉพาะสิ่งตามบทบัญญัติแห่งมาตรา 195 วรรค 2 นั้นไป
ทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งหนี้ ตามมาตรา 195 วรรคสอง คือทรัพย์เฉพาะสิ่งตามมาตรา 370 วรรคสองด้วย
หลักเกณฑ์เมื่อเกิดภัยพิบัติแก่ทรัพย์สินที่จะต้องส่งมอบ
ทรัพย์เฉพาะสิ่ง หรือป็นทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งหนี้ ตามมาตรา 195 วรรคสอง เมื่อทรัพย์ได้สูญหายไปด้วยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งจะโทษลูกหนี้ไม่ได้ "ความเสียหายจะตกเป็นพับแก่เจ้าหนี้ คือ เจ้าหนี้ต้องเป็นคนรับผิดชอบ"
ทรัพย์นั้นยังคงเป็นทรัย์ทั่วๆไป ไม่ใช่ทรัพย์เฉพาะสิ่ง หรือทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งหนี้ "การสูญหายก็ไม่ตกเป็นพับแก่เจ้าหนี้ คือ เจ้าหนี้ไม่ต้องรับผิดชอบ"
กรณีที่จะต้องส่งมอบได้ระบุไว้เป็นเพียงประเภท
มาตรา 195 เมื่อทรัพย์ซึ่งเป็นวัตถุแห่งหนี้นั้นได้ระบุไว้แต่เพียงเป็นประเภท และถ้าตามสภาพแห่งนิติกรรม หรือตามเจตนาของคู่กรณีไม่อาจจะกำหนดได้ว่าทรัพย์นั้นจะพึงเป็นชนิดอย่างไรไซร้ ท่านว่าลูกหนี้จะต้องส่งมอบทรัพย์ชนิดปานกลาง
ต้องพิจารณาถึงสภาพแห่งนิติกรรมหรือเจตนาของคู่กรณี
นิติกรรม
เช่น ซื้อข้าวสารเพื่อส่งเข้าประกวดคุณภาพข้าวระดับโลก ก็ต้องส่งมอบข้าวชนิดดีเยี่ยม เพราะสภาพของนิติกรรมจะส่งไปประกวดคุณภาพ
เจตนา
เช่น ลูกค้ต้องการซื้อข้าวหอมมะลิ 100 % ก็ต้องส่งมอบข้าวหอมมะลิ 100 %
เมื่อไม่อาจกำหนดชนิดของทรัพย์ได้ตามสภาพของนิติกรรมหรือเจตนา ลูกหนี้ต้องส่งมอบทรัพย์ชนิดปานกลาง
การกำหนดชนิดของทรัพย์ไม่ทำให้ทรัพย์นั้นเป็นทรัพย์เฉพาะสิ่ง
ทรัพย์ที่จะส่งมอบเป็นเงินตรา
ลักษณะพิเศษของเงินตรา
เงินตรามูลค่าอยู่ที่ราคาที่ตราไว้ มิได้อยู่ที่คุณภาพเก่าใหม่
โดยสภาพแล้วไม่มีการชำระหนี้ด้วยเงินตราจะกลายเป็นพ้นวิสัยไปได้
หนี้เงินมีดอกเบี้ยได้
เงินตราไม่มีความแตกต่างกันในตัวเงิน เมือราคาเท่ากันผลในทางกฎหมายก็เท่ากัน
กรณีหนี้เงินได้แสดงไว้เป็นเงินต่างประเทศ
มาตรา 196 ถ้าหนี้เงินได้แสดงไว้เป็นเงินต่างประเทศ ท่านว่าจะส่งใช้เป็นเงินไทยก็ได้
การเปลี่ยนเงินนี้ ให้คิดตามอัตราแลกเปลี่ยนเงิน ณ สถานที่และในเวลาที่ใช้เงิน
เช่น ลูกหนี้ซื้อสินค้าที่แสดงราคาเป็นเงินเหรียญสหรัฐ ลูกหนี้จะชำระเป็นเงินเหรียญสหรัฐหรือเงินไทยก็ได้ เมื่อชำระเป็นเงินไทยจะต้องมีการคำนวณอัตราแลกเปลี่ยนเงิน ณ สถานที่และเวลาใช้เงิน
จะส่งใช้เป็นเงินไทยก็ได้
อัตราแลกเปลี่ยนต้องถือเอาวันใช้เงิน
กรณีเงินตราที่จะพึงส่งใช้เป็นอันยกเลิกไม่ใช้แล้ว
มาตรา 197 ถ้าหนี้เงินจะพึงส่งใช้ด้วยเงินตราชนิดหนึ่งชนิดใดโดยเฉพาะ อันเป็นชนิดที่ยกเลิกไม่ใช้กันแล้วในเวลาที่จะต้องส่งเงินใช้หนี้นั้นไซร้ การส่งใช้เงินท่านให้ถือเสมือนหนึ่งว่ามิได้ระบุไว้ให้ใช้เป็นเงินตราชนิดนั้น
กฎหมายให้ถือเสมือนว่าไม่ได้ระบุว่าให้ใช้เงินตราชนิดนั้น
เช่น กู้เงินมาเป็นเงินมาร์คเยอรมัน เมื่อถึงกำหนดชำระหนี้ เงินมาร์คเยอรมันไม่ใช้แล้ว ลูกหนี้ก็ชำระด้วยเงินมาร์คไม่ได้ เจ้าหนี้ก็จะเรียกให้ใช้เงินมาร์คไม่ได้
มาตรา 208 การชำระหนี้จะให้สำเร็จผลเป็นอย่างใด ลูกหนี้จะต้องขอปฏิบัติการชำระหนี้ต่อเจ้าหนี้เป็นอย่างนั้นโดยตรง
ลูกหนี้ต้องชำระหนี้ตามความประสงค์แห่งมูลหนี้โดยตรง แม้แต่ในกรณีที่กำหนดให้ลูกหนี้กระทำการชำระหนี้ไปตามลำดับ
เช่น ศาลพิพากษาว่าให้จำเลยไปโอนที่ดินแก่โจทก์ ถ้าโอนไม่ได้ให้ชดใช้ราคาที่ดิน เช่นนี้จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ก็ต้องไปโอนที่ดิน จะชดใช้ราคาแทนการโดนที่ดินได้ต่อเมื่อไม่สามารถที่จะโอนที่ดินได้
ต้องกระทำโดยสุจริต
มาตรา 5 ในการใช้สิทธิแห่งตนก็ดี ในการชำระหนี้ก็ดี บุคคลทุกคนต้องกระทำโดยสุจริต
กรณีวัตถุแห่งหนี้ซึ่งเลือกที่จะชำระได้
สิทธิในการเลือก
มาตรา 198 ถ้าการอันมีกำหนดพึงกระทำเพื่อชำระหนี้นั้นมีหลายอย่าง แต่จะต้องกระทำเพียงการใดการหนึ่งแต่อย่างเดียวไซร้ ท่านว่าสิทธิที่จะเลือกทำการอย่างใดนั้นตกอยู่แก่ฝ่ายลูกหนี้ เว้นแต่จะได้ตกลงกันกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น
มาตรา 201 ถ้าบุคคลภายนอกจะพึงเป็นผู้เลือก ท่านให้กระทำด้วยแสดงเจตนาแก่ลูกหนี้ และลูกหนี้จะต้องแจ้งความนั้นแก่เจ้าหนี้
ถ้าบุคคลภายนอกนั้นไม่อาจจะเลือกได้ก็ดี หรือไม่เต็มใจจะเลือกก็ดี ท่านว่าสิทธิที่จะเลือกตกไปอยู่แก่ฝ่ายลูกหนี้
สิทธิในการเลือก 4 กรณี
ก) ถ้ากำหนดไว้ให้ผู้ใดเป็นผู้เลือก อาจเป็นได้ทั้งเจ้าหนี้ ลูกหนี้ หรือบุคคลภายนอก สิทธิในการเลือกต้องเป็นไปตามที่ตกลงกัน
ข) ถ้าไม่ได้กำหนดว่าใครจะเป็นผู้เลือก สิทธการเลือกชำระหนี้ตกแก่ลูกหนี้
ค) ถ้ากำหนดให้บุคคลภายนอกเป็นผู้เลือก และผู้นั้นไม่อาจเลือกได้ สิทธิการเลือกชำระหนี้ตกแก่ฝ่ายลูกหนี้
ง) ถ้ากำหนดให้ฝ่ายเจ้าหนี้หรือลูกหนี้เป็นฝ่ายเลือก และฝ่ายที่มีสิทธินั้นไม่เลือกภายในเวลาที่กำหนด สิทธิในการเลือกจะตกไปอยู่กับอีกฝ่าย
หากเป็นการบังคับชำระหนี้ไปตามลำดับ ไม่ใช่การชำระหนี้โดยมีสิทธิเลือก ก็ไม่ใช่การเลืกชำระหนี้
เช่น ศาลพิพากษาว่าให้จำเลยไปโอนที่ดินแก่โจทก์ ถ้าโอนไม่ได้ให้ชดใช้ราคาที่ดิน เช่นนี้จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ก็ต้องไปโอนที่ดิน จะชดใช้ราคาแทนการโดนที่ดินได้ต่อเมื่อไม่สามารถที่จะโอนที่ดินได้
วิธีการเลือก
กรณีเจ้าหนี้หรือลูกหนี้เป็นผู้มีสิทธิเลือก
มาตรา 199 การเลือกนั้นท่านให้ทำด้วยแสดงเจตนาแก่คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่ง
ถ้าลูกหนี้มีสิทธิเลือกต้องแสดงเจตนาต่อเจ้าหนี้ หรือถ้าเจ้าหนี้มีสิทธิเลือกก็ต้องแสดงเจตนาต่อลูกหนี้ (แสดงเจตนาโดยชัดแจ้งหรือโดยปริยายก็ได้)
กรณีบุคคลภายนอกเป็นผู้มีสิทธิเลือก
มาตรา 201 ถ้าบุคคลภายนอกจะพึงเป็นผู้เลือก ท่านให้กระทำด้วยแสดงเจตนาแก่ลูกหนี้ และลูกหนี้จะต้องแจ้งความนั้นแก่เจ้าหนี้
เช่น แดงต้องการซื้อเสื้อเป็นของขวัญแก่ดำ ในราคา 1,000 บาท เจ้าของร้านบอกว่ามี 2 ตัว ราคาเท่ากันแต่รูปร่างต่างกัน จึงตกลงให้ดำบุคคลภายนอกเป็นผู้เลือก เช่นนี้บุคลลภายนอกเป็นผู้เลือก ต้องแสดงเจตนาต่อเจ้าของร้านและเจ้าของร้านก็ต้องแจ้งแก่แดง
ระยะเวลาในการเลือก
มาตรา 200 ถ้าจะต้องเลือกภายในระยะเวลาอันมีกำหนด และฝ่ายที่มีสิทธิจะเลือกมิได้เลือกภายในระยะเวลานั้นไซร้ ท่านว่าสิทธิที่จะเลือกนั้นย่อมตกไปอยู่แก่อีกฝ่ายหนึ่ง
ถ้ามิได้กำหนดระยะเวลาให้เลือกไซร้ เมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระฝ่ายที่ไม่มีสิทธิจะเลือกอาจกำหนดเวลาพอสมควรแก่เหตุ แล้วบอกกล่าวให้ฝ่ายโน้นใช้สิทธิเลือกภายในเวลาอันนั้น
ระยะเวลาในการเลือก
ก) มีกำหนดระยะเวลาให้เลือก ฝ่ายมีสิทธิเลือกต้องเลือกภายในเวลาที่กำหนด ถ้าไม่เลือกในเวลาที่กำหนด สิทธิจะตกไปอยู่แก่อีกฝ่าย
กรณีบุคคลภายนอกเป็นผู้เลือก ถ้าไม่เลือกตามเวลาที่กำหนดถือได้ว่าไม่เต็มใจที่จะเลือก สิทธิในการเลือกจะตกเป็นของลูกหนี้ ยกเว้นตกลงไว้เป็นอย่างอื่น
ข) กรณีไม่ได้กำหนดเวาให้เลือก ให้ฝ่ายที่ไม่มีสิทธิเลือกเป็นผู้กำหนดเวลา โดยมีเงื่อนไขว่า ต้องเป็นกรณีที่หนี้ถึงกำหนดชำระแล้ว และระยะเวลาที่กำหนดนั้นต้องพอสมควรแก่เหตุ
กรณีการชำระหนี้บางอย่างเป็นพ้นวิสัย
มาตรา 202 ถ้าการอันจะพึงต้องทำเพื่อชำระหนี้นั้นมีหลายอย่าง และอย่างใดอย่างหนึ่งตกเป็นอันพ้นวิสัยจะทำได้มาแต่ต้นก็ดี หรือกลายเป็นพ้นวิสัยในภายหลังก็ดี ท่านให้จำกัดหนี้นั้นไว้เพียงการชำระหนี้อย่างอื่นที่ไม่พ้นวิสัย อนึ่งการจำกัดอันนี้ย่อมไม่เกิดมีขึ้น หากว่าการชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยเพราะพฤติการณ์อันใดอันหนึ่งซึ่งฝ่ายที่ไม่มีสิทธิจะเลือกนั้นต้องรับผิดชอบ
แยกพิจารณา
ก) กรณีตกเป็นอันพ้นวิสัยจะทำได้มาแต้ต้น
เช่น แดงทราบว่าต้อยมีลูกสุนัข 3 ตัว คือ สีดำ สีขาว และลายด่าง แดงพบต้อยที่ตลาดจึงขอซื้อสุนัข 1 ตัว ต้อยตกลงขายให้โดยให้แดงเลือกเอาตัวใดก็ได้ ปรากฏว่าขณะที่ตกลงซื้อขายกันนั้น สุนัขสีขาวได้ตายก่อนแล้ว โดยที่แดงและต้อยก็ไม่ทราบ เช่นนี้สัญญาที่ตกลงกันเป็นโมฆะ
ข) กรณีการอันพึงต้องทำเพื่อชำระหนี้บางอย่างกลายเป็นพ้นวิสัยในภายหลัง
กรณีที่การชำระหนี้บางอย่างเป็นพ้นวิสัยที่ฝ่ายที่ไม่มีสิทธิเลือกไม่ต้องรับผิดชอบ ท่านให้จำกัดหนี้ไว้แต่เพียงอย่างอื่นที่ไม่พ้วิสัยเท่านั้น
เช่น แดงตกลงซื้อลูกสุนัขจากต้อย มีลูกสุนัข 3 ตัว คือ สีดำ สีขาว และลายด่าง ต้อยตกลงขายให้โดยให้แดงเลือกเอาตัวใดก็ได้ โดยให้แจ้งก่อนส่งมอบในอีก 7 วันข้างหน้า ปรากฏว่าก่อนที่แดงจะแจ้งว่าเลือกตัวใด สุนัขสีขาวตายเสียก่อน เช่นนี้การชำระหนี้จึงถูฏจำกัดไว้เฉพาะลูกสุนัข 2 ตัวที่เหลือ
กรณีที่การชำระหนี้บางอย่างกลายเป็นพ้นวิสัย ที่ฝ่ายไม่มีสิทธิจะเลือกต้องรับผิดชอบ
เช่น แดงตกลงซื้อลูกสุนัขจากต้อย มีลูกสุนัข 3 ตัว คือ สีดำ สีขาว และลายด่าง ต้อยตกลงขายให้โดยให้แดงเลือกเอาตัวใดก็ได้ ปรากฏว่าสุนัขสีขาวตายเพราะต้อยได้ผสมยาฆ่าแมลงให้กิน เช่นนี้แดงยังมีสิทธิเลือกสุนัขใน 3 ตัวนั้นรวมทั้งตัวที่ตายไปแล้วด้วย
ผลของการเลือก
เริ่มเมื่อการแสดงเจตนาเลือกมีผลแล้ว
มาตรา 199 วรรคสอง การชำระหนี้ได้เลือกทำเป็นอย่างใดแล้ว ท่านให้ถือว่าอย่างนั้นอย่างเดียวเป็นการชำระหนี้อันกำหนดให้กระทำแต่ต้นมา
เช่น แดงซื้อลูกสุนัขจากดำ 1 ตัว โดยตกลงให้ดำเลือกตัวใดก็ได้เพื่อส่งมอบแก่แดง ต่อมาดำได้แจ้งแก่แดงว่าจะส่งมอบลูกสุนัขให้ อีก 2 สัปดาห์จะนำไปมอบให้ที่บ้าน ต่อมามีคนขอซื้อลูกสุนัขตัวนั้น ตำจะเปลี่ยนใจส่งมอบสุนัขตัวอืานให้แดงแทนไม่ได้ เพราะเมื่อเลือกแล้วเท่ากับตกลงซื้อขายมาแต่ต้น
วัตถุแห่งหนี้กับวัตถุประสงค์แห่งนิติกรรม
ความแตกต่าง
วัตถุประสงค์ของนิติกรรม ในขั้นก่อนก่อหนี้ คือเป็นที่มาแห่งหนี้ประการหนึ่ง แต่วัตุแห่งหนี้ เป็นผลเมื่อนิติกรรมเกิด
วัตถุแห่งนิติกรรมมีเฉพาะในนิติกรรมเท่านั้น แต่วัตถุแห่งหนี้มีในหนี้ทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นหนี้ที่เกิดจากนิติกรรมหรือหนี้ที่เกิดจากการละเมิด จัดการงานนอกสั่ง และลาภมิควรได้
วัตถุประสงค์ของนิติกรรมมีได้ไม่จำกัด ขึ้นอยู่กับความประสงค์ของผู้ทำนิติกรรมว่าต้องการผูกนิติสัมพันธ์กับเรื่องใด แต่วัตถุแห่งหนี้ ไม่ว่าจะเป็นหนี้ที่เกิดจากอะไร จะมีเพียง 3 อย่างคือ หนี้กระทำการ หนี้งดเว้นกระทำการ และหนี้ส่งมอบทรัพย์สินเท่านั้น
กำหนดเวลาชำระหนี้
หนี้ที่มิได้กำหนดเวลาชำระหนี้
มาตรา 203 ถ้าเวลาอันจะพึงชำระหนี้นั้นมิได้กำหนดลงไว้ หรือจะอนุมานจากพฤติการณ์ทั้งปวงก็ไม่ได้ไซร้ ท่านว่าเจ้าหนี้ย่อมจะเรียกให้ชำระหนี้ได้โดยพลัน และฝ่ายลูกหนี้ก็ย่อมจะชำระหนี้ของตนได้โดยพลันดุจกัน
ไม่ได้กำหนดเวลาชำระไว้โดยชัดแจ้ง และอนุมานจากพฤติการณ์ไม่ได้
คำพิพากษาฎีกาที่ 917/2539
คำสั่งศาลชั้นต้นที่ว่าคดีที่โจทก์ฟ้องเป็นคดีไม่มีข้อยุ่งยากให้ดำเนินคดีอย่างคดีมโนสาเร่ เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เมื่อจำเลยมิได้โต้แย้งไว้ก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา จำเลยจึงไม่อาจอุทธรณ์ในปัญหาข้อนี้ได้ การเรียกให้ชำระหนี้เงินยืมซึ่งมิได้กำหนดเวลาอันจะพึงชำระหนี้ไว้ ต้องปรับด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 203 วรรคแรก มิใช่เป็นการเรียกให้คืนทรัพย์สินซึ่งยืมไปตามมาตรา 652 เมื่อสัญญากู้ยืมมิได้กำหนดวันชำระคืนโจทก์ผู้ให้กู้ย่อมจะเรียกให้จำเลยผู้กู้ชำระหนี้โดยพลันได้
การอนุมานจากพฤติการณ์ต้องดูเป็นกรณีๆไป
เช่น
วัตถุประสงค์ของการทำสัญญา
เหตุการณ์ที่ทำให้มีการทำสัญญากับประเพณีทางการค้า
การปฏิบัติระหว่างคู่กรณี
ผลของหนี้ที่ไม่ได้กำหนดเวลาชำระหนี้
"เจ้าหนี้ย่อมจะเรียกให้ชำระหนี้ได้โดยพลัน และฝ่ายลูกหนี้ก็ย่อมจะชำระหนี้ของตนได้โดยพลันดุจกัน"
ถ้าลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ก็ผิดนัด
ถ้าชำระหนี้แล้วเจ้าหนี้ปฏิเสธไม่ยอมรับชำระโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ เจ้าหนี้ก็ตกเป็นผู้ผิดนัด
"หนี้ถึงกำหนดเวลาชำระทันทีเมื่อได้ก่อหนี้ขึ้น"
หนี้ที่มีกำหนดเวลาชำระหนี้
กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ แต่เป็นที่สงสัย
มาตรา 203 วรรคสอง ถ้าได้กำหนดเวลาไว้ แต่หากกรณีเป็นที่สงสัย ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเจ้าหนี้จะเรียกให้ชำระหนี้ก่อนถึงเวลานั้นหาได้ไม่ แต่ฝ่ายลูกหนี้จะชำระหนี้ก่อนกำหนดนั้นก็ได้
ก ให้ ข ยืมขันเงินใบหนึ่งไปใช้ในงานมงคลสมรสบุตรสาวของ ข เผอิญการสมรสต้องเลื่อนออกไป 1 เดือน ก ไม่อาจเรียกคืนขันเงินก่อเสร็จการสมรส เว้นแต่ ก จะพิสูจน์ได้ว่า ข มิได้มีเจตนาเอาขันนั้นไปเกิรกว่า 15 วัน แต่ถึงอย่างไรก็ดี ข อาจคืนขันก่อนทำการมงคลสมรสได้
เป็นกรณีที่มีข้อสงสัยในกำหนดเวลาชำระหนี้ว่า จะต้องชำระหนี้ตามกำหนดเดิมหรือกำหนดใหม่
มีวันชำระหนี้หลายวัน เอาวันสุดท้ายเป็นกำหนดเวลาชำระหนี้
กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ไม่เป็นที่สงสัย
กำหนดเวลาชำระหนี้ตามวันแห่งปฏิทิน
มาตรา 204 วรรคสอง ถ้าได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ตามวันแห่งปฏิทิน และลูกหนี้มิได้ชำระหนี้ตามกำหนดไซร้ ท่านว่าลูกหนี้ตกเป็นผู้ผิดนัดโดยมิพักต้องเตือนเลย วิธีเดียวกันนี้ท่านให้ใช้บังคับแก่กรณีที่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าก่อนการชำระหนี้ ซึ่งได้กำหนดเวลาลงไว้อาจคำนวณนับได้โดยปฏิทินนับแต่วันที่ได้บอกกล่าว
กรณีที่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าก่อนการชำระหนี้ ซึ่งได้กำหนดเวลาลงไว้อาจคำนวณนับได้โดยปฏิทินนับแต่วันที่ได้บอกกล่าว
เช่น ตกลงซื้อโคกันจำนวน 30 ตัว กำหนดการส่งมอบโดยกำหนดว่าผู้ขายพร้อมจะส่งมอบต้องแจ้งให้ผู้ซื้ทราบล้วงหน้า 30 วัน ดังนั้นการชำระหนี้จะถึงกำหนดก็ต้องมีการแจ้งคือบอกกล่าวล่วงหน้าก่อนและเริ่มนับเวลา 30 วันนับแต่บอกกล่าว
กำหนดเวลาชำระหนี้มิใช่ตามวันแห่งปฏิทิน
มาตรา 204 ถ้าหนี้ถึงกำหนดชำระแล้ว และภายหลังแต่นั้นเจ้าหนี้ได้ให้คำเตือนลูกหนี้แล้ว ลูกหนี้ยังไม่ชำระหนี้ไซร้ ลูกหนี้ได้ชื่อว่าผิดนัดเพราะเขาเตือนแล้ว
เช่น ยืมเงินไปและกำหนดว่าจะใช้คืนเมื่อขายข้าวได้แล้ว
กำหนดเวลาชำระหนี้อาจเปลี่ยนเป็นปีะเภทอื่นได้ เมื่อถึงกำหนดนั้นไม่มีการชำระหนี้ด้วยเหตุผลอย่างใดที่ไม่ใช่ความผิดของลูกหนี้ ก็อาจมีผลทำให้หนี้กลายเป็นหนี้ที่ไม่มีกำหนดเวลาชำระ
คำพิพากษาฎีกาที่2225/2540
วันที่โจทก์และจำเลยได้ตกลงนัดจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทเป็นวันเสาร์ อันเป็นวันหยุดราชการ ไม่อาจจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทกันได้ แต่กรณีดังกล่าวก็ไม่ใช่กรณีที่อยู่ในบังคับแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 193/8 ที่บัญญัติให้นับวันที่เริ่มทำการใหม่ต่อจากวันที่หยุดทำการเป็นวันสุดท้ายของระยะเวลา ในกรณีที่วันสุดท้ายของระยะเวลาเป็นวันหยุดทำการตามประกาศเป็นทางการหรือตามประเพณี จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยต้องไปโอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ในวันที่เริ่มทำการใหม่ต่อจากวันที่หยุดทำการอีกด้วย ดังนั้น การที่จำเลยไม่ได้จดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่โอนที่ดินพิพาทให้โจทก์ต่อไป เมื่อต่อมาจำเลยมีหนังสือบอกล้างสัญญาดังกล่าวไปยังโจทก์ซึ่งแสดงว่าจำเลยไม่ยอมโอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์แล้ว จึงฟังได้ว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่โอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ โจทก์จึงชอบที่จะฟ้องบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาได้
การผิดนัดไม่ชำระหนี้
การผิดนัด(ลูกหนี้)
ลูกหนี้ผิดนัดโดยต้องเตือนก่อน
หนี้ที่มีกำหนดเวลามิใช่ตามวันแห่งปฏิทิน
มาตรา 204 ถ้าหนี้ถึงกำหนดชำระแล้ว และภายหลังแต่นั้นเจ้าหนี้ได้ให้คำเตือนลูกหนี้แล้ว ลูกหนี้ยังไม่ชำระหนี้ไซร้ ลูกหนี้ได้ชื่อว่าผิดนัดเพราะเขาเตือนแล้ว
เช่น เมื่อเกี่ยวข้าวเสร็จ เมื่อสิ้นฤดูน้ำหลาก
เมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระกฎหมายได้กำหนดให้เจ้าหนี้ต้องเตือนลูกหนี้ก่อน เมื่อไม่ชำระตามที่เตือนจึงจะผิดนัด
ต้องเป็นการเตือนเมื่อถึงเวลาชำระหนี้แล้ว ลูกหนี้จึงจะผิดนัดเพราะเขาเตือน
เตือนเป็นหนังสือหรือวาจาหรือตั้งตัวแทนด้วยวาจาไปเตือนก็ได้
ต้องเตือนต่อหน้าลูกหนี้
หนี้ที่ไม่มีกำหนดเวลาชำระตามมาตรา 203
ไม่อาจอนุมานได้
มาตรา 203 ถ้าเวลาอันจะพึงชำระหนี้นั้นมิได้กำหนดลงไว้ หรือจะอนุมานจากพฤติการณ์ทั้งปวงก็ไม่ได้ไซร้ ท่านว่าเจ้าหนี้ย่อมจะเรียกให้ชำระหนี้ได้โดยพลัน และฝ่ายลูกหนี้ก็ย่อมจะชำระหนี้ของตนได้โดยพลันดุจกัน
เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกให้ชำระหนี้โดยพลัน ลูกหนี้ก็ต้องชำระโดยพลัน
อายุความแห่งสิทธิเรียกร้องเกิดขึ้นทันทีที่ได้ก่อหนี้
การเรียกให้ลูกหนี้ชำระคือการเตือน
อนุมานจากพฤติการณ์ได้
เมื่อมีกำหนดเวลาชำระหนี้ ลูกหนี้ต้องชำระหนี้ตามกำหนด
ลูกหนี้ผิดนัดโดยเจ้าหนี้ไม่ต้องเตือน
หนี้ที่กำหนดชำระตามวันแห่งปฏิทิน
มาตรา 204 วรรคสอง ถ้าได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ตามวันแห่งปฏิทิน และลูกหนี้มิได้ชำระหนี้ตามกำหนดไซร้ ท่านว่าลูกหนี้ตกเป็นผู้ผิดนัดโดยมิพักต้องเตือนเลย วิธีเดียวกันนี้ท่านให้ใช้บังคับแก่กรณีที่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าก่อนการชำระหนี้ ซึ่งได้กำหนดเวลาลงไว้อาจคำนวณนับได้โดยปฏิทินนับแต่วันที่ได้บอกกล่าว
ถ้าลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตามกำหนดลูกหนี้ก็ตกเป็นผู้ผิดนัด
หนี้ละเมิด
มาตรา 206 ในกรณีหนี้อันเกิดแต่มูลละเมิด ลูกหนี้ได้ชื่อว่าผิดนัดมาแต่เวลาที่ทำละเมิด
เกิดจากการล่วงสิทธิของผู้อื่น
กำหนดชำระหนี้กับการผิดนัด
กำหนดเวลาชำระหนี้ เป็นกำหนดที่ลูกหนี้ต้องชำระ แต่การผิดนัดเป็นผลของการไม่ชำระหนี้ ประกอบกับเงื่อนไขบางประการของกฎหมาย
กำหนดเวลาชำระหนี้เป็นกำหนดที่เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกร้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้ เป็นองค์ประกอบสำคัญของการผิดนัด
เจ้าหนี้ต้องเตือนลูกหนี้หลังจากหนี้ถึงกำหนดชำระ
การผิดนัดแม้จะถึงเวลาชำระหนี้และมีเงื่อนไขที่อาจทำให้ลูกหนี้ผิดนัด หากการไม่ชำระนี้มีเหตุที่ลูกหนี้จะอ้างได้ว่าไม่ใช่ความผิดของตน แต่เกิดจากพฤติการณืที่ลูกหนี้ไม่ต้องรับผิด ถือว่าลูกหนี้ยังไม่ผิดนัด
กรณีที่ไม่ถือว่าลูกหนี้ผิดนัด
มาตรา 205 ตราบใดการชำระหนี้นั้นยังมิได้กระทำลงเพราะพฤติการณ์อันใดอันหนึ่งซึ่งลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดชอบ ตราบนั้นลูกหนี้ยังหาได้ชื่อว่าผิดนัดไม่
เป็นเหตุที่เกิดจากเจ้าหนี้เอง
การที่เจ้าหนี้ผิดนัด
มาตรา 207 ถ้าลูกหนี้ขอปฏิบัติการชำระหนี้ และเจ้าหนี้ไม่รับชำระหนี้นั้นโดยปราศจากมูลเหตุอันจะอ้างกฎหมายได้ไซร้ ท่านว่าเจ้าหนี้ตกเป็นผู้ผิดนัด
มาตรา 210 ถ้าลูกหนี้จำต้องชำระหนี้ส่วนของตนต่อเมื่อเจ้าหนี้ชำระหนี้ตอบแทนด้วยไซร้ แม้ถึงว่าเจ้าหนี้จะได้เตรียมพร้อมที่จะรับชำระหนี้ตามที่ลูกหนี้ขอปฏิบัตินั้นแล้วก็ดี หากไม่เสนอที่จะทำการชำระหนี้ตอบแทนตามที่จะพึงต้องทำ เจ้าหนี้ก็เป็นอันได้ชื่อว่าผิดนัด
คำพิพากษาฎีกาที่ 389/2499
ในสัญญาบ่งว่าก่อนที่จำเลยจะส่งไม้ลงเรือเป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องไปทำการวัดตรวจไม้กำหนดเครื่องหมายก่อนเมื่อโจทก์ไม่อาจพิสูจน์ว่าตนได้ปฏิบัติหน้าที่ครบถ้วนแล้วและจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาแต่กลับปรากฏว่าจำเลยเตรียมเลื่อยไม้ไว้ตามสัญญาแล้วหากโจทก์ไม่ส่งคนไปวัดไม้จนกระทั่งจำเลยได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและริบเงินมัดจำแล้วโจทก์ยังมีหนังสือขอความเห็นใจให้จำเลยผ่อนผันยืดอายุสัญญาต่อไปอีกเช่นนี้ ย่อมแสดงให้เห็นว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาเองจำเลยจึงไม่ชำระหนี้ เป็นพฤติการณ์ที่จำเลยไม่ต้องรับผิดชอบหาตกเป็นผู้ผิดนัดไม่
มาตรา 204 เป็นเรื่องลูกหนี้ผิดนัดเป็นคนละเรื่องกับการบอกเลิกสัญญาซึ่งจะต้องปฏิบัติตาม มาตรา387
เหตุเกิดจากบุคคลภายนอก
ลูกหนี้ไม่มีส่วนผิดด้วย
คำพิพากษาฎีกาที่ 240/2525
สัญญาเช่าซื้อระบุว่า เมื่อผู้เช่าซื้อชำระราคาที่ดินครบถ้วนแล้วผู้ให้เช่าซื้อจะต้องโอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้เช่าซื้อทันที หากบิดพลิ้วให้ปรับเป็นสองเท่า ดังนี้ เมื่อโจทก์ชำระค่าที่ดินครบถ้วนแล้วจำเลยไม่อาจโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้ทันทีได้ จึงตกเป็นฝ่ายผิดนัดโจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาและเรียกเบี้ยปรับได้ ข้ออ้างที่ว่าทางราชการแบ่งแยกที่ดินไม่เสร็จจึงไม่สามารถโอนให้โจทก์ได้นั้น เมื่อได้ความว่าจำเลยขอแบ่งแยกที่ดินหลังจากโจทก์ชำระราคาครบถ้วนแล้ว เช่นนี้ ไม่เป็นเหตุที่จำเลยจะยกขึ้นอ้างให้ตนพ้นความรับผิดตามสัญญาเช่าซื้อได้
เกิดจากภัยธรรมชาติ
ลูกหนี้ต้องไม่อาจคาดการณ์หรือไม่อาจป้องกันได้
คำพิพากษาฎีกาที่ 750/2518
สัญญาจะซื้อขายที่ดินมีข้อตกลงว่า ผู้ขายมีหน้าที่ไปจัดการขอรับมรดกเจ้าของที่ดินเดิมและดำเนินการออกโฉนดจนสามารถทำสัญญาขายเสร็จเด็ดขาดให้ผู้ซื้อได้ภายใน 15 เดือนถ้าผู้ขายผิดสัญญา ผู้ขายยอมใช้ค่าเสียหายให้ผู้ซื้อ เมื่อผู้ขายได้ยื่นคำขอรับมรดกแล้วแต่เจ้าพนักงานที่ดินไม่สามารถทำการรังวัดออกโฉนดให้ทันภายในกำหนดเหตุแห่งการออกโฉนดล่าช้านี้จึงไม่ใช่เป็นความผิดของฝ่ายผู้ขายเป็นพฤติการณ์ที่เกิดจากบุคคลภายนอกที่มาเป็นเหตุให้การชำระหนี้ของผู้ขายไม่ทันตามกำหนด ผู้ขายจึงมิได้ตกเป็นผู้ผิดนัดและประพฤติผิดสัญญา ผู้ซื้อไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากผู้ขาย
ผลของการผิดนัดของลูกหนี้
ลูกหนี้ต้องรับผิดในความเสียหายอันเกิดแก่การผิดนัด
มาตรา 215 เมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ให้ต้องตามความประสงค์อันแท้จริงแห่งมูลหนี้ไซร้ เจ้าหนี้จะเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่การนั้นก็ได้
เป็นค่าสินไหมทดแทนที่เกิดจากการผิดนัดโดยตรง
เป็นความรับผิดที่เพิ่มขึ้น คือ ต้องชำระหนี้ที่ยังต้องชำระอยู่และต้องชำระค่าสินไหมทดแทนอีก
เจ้าหนี้อาจไม่รับชำระหนี้
มาตรา 216 ถ้าโดยเหตุผิดนัด การชำระหนี้กลายเป็นอันไร้ประโยชน์แก่เจ้าหนี้เจ้าหนี้จะบอกปัดไม่รับชำระหนี้ และจะเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อการไม่ชำระหนี้ก็ได้
มาตรา 388 ถ้าวัตถุที่ประสงค์แห่งสัญญานั้น ว่าโดยสภาพหรือโดยเจตนาที่คู่สัญญาได้แสดงไว้ จะเป็นผลสำเร็จได้ก็แต่ด้วยการชำระหนี้ ณ เวลามีกำหนดก็ดี หรือภายในระยะเวลาอันใดอันหนึ่งซึ่งกำหนดไว้ก็ดี และกำหนดเวลาหรือระยะเวลานั้นได้ล่วงพ้นไปโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมิได้ชำระหนี้ไซร้ ท่านว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะเลิกสัญญานั้นเสียก็ได้ มิพักต้องบอกกล่าวดังว่าไว้ในมาตราก่อนนั้นเลย
ต้องเป็นหนี้ที่กำหนดเวลาเป็นสาระสำคัญ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1856/2523
โจทก์ได้ทำหนังสือสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทตามหนังสือแจ้งการครอบครอง (ส.ค.1) จากจำเลย โดยโจทก์ประสงค์จะซื้อที่ดินพิพาทเพื่อเอาไปขายให้แก่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ไม่ใช่ต้องการซื้อไว้ใช้เองซึ่งจำเลยก็รู้ความประสงค์ของโจทก์แล้ว การเอาไปขายต่อแก่มหาวิทยาลัย อันเป็นส่วนราชการเช่นนี้ที่ดินต้องมีหลักฐาน น.ส.3. และทางมหาวิทยาลัยจะต้องตั้งงบประมาณภายในกำหนดและการซื้อขายก็ต้องดำเนินการให้ทันงบประมาณโจทก์จำเลยจึงตกลงกันว่าจำเลยจะต้องออก น.ส.3 ของที่ดินพิพาทให้โจทก์ภายใน 90 วันนับแต่วันทำสัญญา หากไม่สามารถออกได้ภายในกำหนด โจทก์ก็ไม่ซื้อ เหตุแห่งการออก น.ส.3. จึงเป็นข้อสารสำคัญและเจตนาของคู่สัญญาประสงค์ที่จะถือเอากำหนดเวลาในการออกน.ส.3 เป็นสารสำคัญแห่งสัญญา ฉะนั้น เมื่อจำเลยยอมตกลงแต่ไม่อาจจัดการให้สำเร็จได้ตามสัญญา เวลาเป็นสารสำคัญแก่ผลสำเร็จและประโยชน์ที่โจทก์จะพึงได้รับด้วยการส่งมอบ น.ส.3 ณ เวลาที่มีกำหนดซึ่งหากล่าช้าย่อมเป็นการไร้ประโยชน์แก่โจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 388 เมื่อโจทก์ใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้วคู่สัญญาแต่ละฝ่ายจะต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้กลับคืนสู่ฐานะเดิม ดังนั้นจำเลยจึงต้องคืนเงินมัดจำค่าที่ดินที่รับไว้ให้โจทก์
แม้การออก น.ส.3 จะล่าช้าไม่ทันตามกำหนดเวลาและเป็นเหตุให้โจทก์เลิกสัญญา แต่ความประสงค์ของโจทก์ต้องการซื้อที่ดินไปเสนอขายให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์เพื่อหากำไรจึงได้กำหนดไว้ในสัญญาข้อ 4 ว่า "หากผู้จะขายผิดสัญญาฉบับนี้ตามที่กำหนดกันไว้ผู้จะขายยอมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้จะซื้อเป็นเงินสองเท่าของค่าที่ดินที่ซื้อขายกันนี้ทั้งหมดทั้งสองแปลง" เมื่อได้ความในภายหลังว่ามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ไม่ประสงค์จะซื้อที่ดินสองแปลงนี้แล้วแม้จำเลยขอออก น.ส.3 ทันตามกำหนดสัญญา โจทก์ก็ไม่อาจขายที่ดินสองแปลงนี้เพื่อหากำไรได้ โจทก์จึงไม่เสียหาย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์
ผลของหนี้ที่กำหนดเวลาเป็นสาระสำคัญ
เจ้าหนี้มีสิทธิที่จะปัดไม่รับชำระหนี้และเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนแทนการชำระได้
ลูกหนี้ต้องรับผิดในความเสียหายอันเกิดระหว่างผิดนัดเพิ่มขึ้น
มาตรา 217 ลูกหนี้จะต้องรับผิดชอบในความเสียหายบรรดาที่เกิดแต่ความประมาทเลินเล่อในระหว่างเวลาที่ตนผิดนัด ทั้งจะต้องรับผิดชอบในการที่การชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยเพราะอุบัติเหตุอันเกิดขึ้นในระหว่างเวลาที่ผิดนัดนั้นด้วย เว้นแต่ความเสียหายนั้นถึงแม้ว่าตนจะได้ชำระหนี้ทันเวลากำหนดก็คงจะต้องเกิดมีอยู่นั่นเอง