Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ความรับผิดกระทำละเมิดในการกระทำผู้อื่น, นางสาวปาลิตา ดวงปัญญากุล…
ความรับผิดกระทำละเมิดในการกระทำผู้อื่น
1) ความรับผิดของนายจ้างในผลแห่งการละเมิดของลูกจ้างในทางการที่จ้าง
1.3 สิทธิไล่เบี้ย
ตัวอย่าง ลูกจ้างทำละเมิด นายจ้างถูกฟ้อง ได้ใช้ค่าเสียหายไปตามคำพิพากษาแล้วไล่เบี้ยเอาจากลูกจ้างได้ แต่ค่าฤชาธรรมเนียมที่นายจ้างต้องใช้แก่ผู้เสียหายตามคำพิพากษานั้น ไม่ใช่ค่าเสียหายอันเป็นผลดดยตรงจากการละเมิดของลูกจ้าง นายจ้างไล่เบี้ยไม่ได้
มาตรา 426 นายจ้างซึ่งได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกเพื่อละเมิดอันลูกจ้างได้ทำนั้น ชอบที่จะได้ชดใช้จากลูกจ้างนั้น
เมื่อนายจ้างได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เสียหายแล้ว นายจ้างย่อมมีสิทธิไล่เบี้ยค่าสินไหมทดแทนเพื่อละเมิดอันตนได้ใช้ให้ผู้เสียหายไป
1.2 ลูกจ้างทำละเมิดในทางการที่จ้าง
องค์ประกอบ
ผู้ทำละเมิดเป็นลูกจ้าง ต้องเป็นลูกจ้างนายจ้างที่เกิดจากสัญญาจ้างแรงงานตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 575
ลูกจ้างทำละเมิดในระหว่างที่เป็นลูกจ้าง
ลูกจ้างทำละเมิดในทางการที่จ้าง ทางการที่จ้าง หมายถึง การทำงานตามที่นายจ้างมอบหมายหรืองานที่เกี่ยวเนื่องกับงานที่ได้รับมอบหมาย และวัตถุประสงค์ที่ทำไปเพื่อประโยชน์ของนายจ้างโดยงานที่ได้รับมอบหมายไม่เกี่ยวกับงานในหน้าที่ก็ได้
ผล คือ นายจ้างร่วมรับผิดตามมาตรา 425 แต่มีสิทธิไล่เบี้ยลูกจ้างตามมาตรา 426
1.1 ความรับผิดของนายจ้าง
มาตรา 425 นายจ้างต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิด ซึ่งลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้น
นายจ้าง หมายถึง ผู้ว่าจ้างทำการงาน (กฎหมาย) บุคคลซึ่งตกลงรับลูกจ้างเข้าทำงานโดยจ่ายค่าจ้างให้ และหมายความรวมถึงผู้ซึ่งได้รับมอบหมายให้ทำงานแทนนายจ้างด้วย
ลูกจ้าง หมายถึง ผู้รับจ้างทำงานให้แก่ผู้อื่น (กฎหมาย) ผู้ซึ่งตกลงทำงานให้นายจ้างโดยรับค่าจ้างไม่ว่าจะเรียกชื่ออย่างไร
ความรับผิดในผลแห่งการละเมิดของลูกจ้างในทางการที่จ้างเป็นความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่น
1.4 ตัวการรับผิดในการกระทำละเมิดของตัวแทน
ตัวการต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดซึ่งตัวแทนได้กระทำไป
ลักษณะตัวการตัวแทน
ตัวอย่าง เจ้าของเรือขับเรือไม่เป็น จึงให้ ก ขับเรือไปรับขบวนผ้าป่า เจ้าของเรือนั่งไปด้วย ดังนี้ ก เป็นตัวแทน เจ้าของเรือต้องรับผิดร่วมกับ ก ที่ขับเรือชนโจทก์เสียหาย
ความรับผิดของตัวการ
ตัวอย่าง ก ตั้ง ข เป็นตัวแทนขายที่ดินตามโฉนดแปลงหนึ่งของ ก ซึ่งมีพื้นที่เป็นหลุมบ่อมาก ข หลอกลวง ค ผู้ซื้อโดยพาไปดูที่ดินอีกแปลงหนึ่งซึ่งไม่มีหลุมบ่อเลย และเป็นของบุคคลตามโฉนดของ ก ค ตกลงรับซื้อโดยคิดว่าเป็นที่ดินของ ก ในขอบเขตแห่งการเป็นตัวแทนของ ก ก ตัวการต้องรับผิดต่อ ค ร่วมกับ ข ด้วย
สิทธิไล่เบี้ยของตัวการ
มาตรา 427 บัญญัติให้นำมาตรา 426 มาใช้บังคับแก่ตัวการด้วยโดยอนุโลม กล่าวคือ เมื่อตัวการได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกเพื่อละเมิดอันตัวแทนได้ทำไปแล้วนั้น ก็ชอบที่จะได้ชดใช้จากตัวแทน เกี่ยวกับนายจ้างลูกจ้างที่กล่าวมาแล้วนั้นย่อมอนุโลมนำมาใช้ปรับกับกรณีตัวการตัวแทนได้เช่นเดียวกัน
2) ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของ
2.2 หลักความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของ
ผู้ว่าจ้างทำของไม่ต้องรับผิดเพื่อความเสียหายอันผู้รับจ้างได้ก่อให้เกิดขึ้นแก่บุคคลภายนอกในระหว่างทำการงานที่ว่าจ้าง เว้นแต่ผู้ว่าจ้างจะเป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำ หรือในคำสั่งที่ตนให้ไว้ หรือในการเลือกหาผู้รับจ้าง
ความผิดของผู้ว่าจ้างตามที่กฎหมายกำหนดไว้มี 3 กรณี คือ
ความผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำ
เช่น จ้างให้ทำถนนเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นเพื่อผ่านไปถึงที่ของตนอันเป็นการละเมิด เป็นต้น
เป็นเรื่องสั่งให้ทำตามสัญญาจ้างที่มีต่อกัน
ความผิดในคำสั่งที่ตนให้ไว้
กล่าวคือ แม้การงานที่สั่งให้ทำจะไม่เป็นละเมิด แต่อาจสั่งให้ผู้รับจ้างทำโดยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งอันเป้นผลให้ผู้อื่นเสียหายก็ได้
คำสั่งที่ว่านี้ไม่เหมือนกับคำสั่งเมื่อกล่าวถึงในส่วนการงานที่สั่งให้ทำตอนก่อน เป็นเพียงคำแนะนำเท่านั้น
เช่น แนะนำให้ช่างทำรางน้ำชายคาของบ้านใกล้ชิดกับแนวเขตที่ดินข้างเคียงของผู้อื่น เวลาฝนตกน้ำไหลตกลงในที่ดินข้างเคียง เป็นต้น
ความผิดในการเลือกหาผู้รับจ้าง
ที่ว่าเลือกหาผู้รับจ้าง คือ การจ้างนั่นเอง
คือ จ้างคนที่ตนรู้ว่าไม่ใช้ผุ้ที่มีความสามารถหรือระมัดระวังอันควรแก่สภาพของการงานที่จ้างให้ทำ จึงเป้นผลให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นโดยละเมิด
เช่น จ้างสร้างบ้านทำโดยไม้ ไปจ้างผู้ที่เข้าตัวไม้ไม่แน่นหนา จึงเป้นผลทำให้บ้านทรุดพังลงมาถูกทรัพย์สินของบุคคลข้างเคียงเสียหาย เป็นต้น
แต่ถ้าหากไม่รู้เชื่อโดยสุจริตตามผู้ที่รับจ้างอ้างว่าตนมีความชำนาญเป็นอย่างดีก็ไม่ใช่ความผิดในการเลือก
2.1 ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของไม่เป็นความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่น
ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของมิใช่เรื่องความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่น ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของเป็นความรับผิดของผู้ว่าจ้างในการกระทำของตนเองตามกฎเกณฑ์บัญญัติไว้ในมาตรา 420
บุคคลที่ต้องรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่นจะต้องมิได้กระทำละเมิดด้วยตนเอง แต่ตามมาตรา 428 ที่บัญญัติให้ผู็ว่าจ้างทำของต้องรับผิด ผู้ว่าจ้างทำของจะต้องเป็นผู้รับผิด ฉะนั้น ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของจึงมิใช่บทบัญญัติว่าด้วยความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่น
3) ความรับผิดของบิดามารดาหรือผู้อนุบาลในการทำละเมิดของผู้เยาว์หรือบุคคลวิกลจริตและความรับผิดของครูบาอาจารย์ นายจ้างหรือบุคคลอื่นในการกระทำละเมิดของผู้ไร้ความสามารถ
3.1 ความรับผิดของบิดามารดาหรือผู้อนุบาลในการทำละเมิดของคนไร้ความสามารถ
บุคคลใดแม้ไร้ความสามารถเพราะเหตุเป็นผู้เยาว์หรือคนวิกลจริตในผลที่ตนทำละเมิด บิดามารดาหรือผุ้อนุบาลย่อมต้องรับผิดร่วมกับเขาด้วย
มาตรา 429 บัญญัติว่า "บุคคลใดแม้ไร้ความสามารถเพราะเหตุเป็นผู้เยาว์หรือวิกลจริตก็ยังต้องรับผิดในผลที่ตนทำละเมิด บิดามารดาหรือผู้อนุบาลของบุคคลเช่นว่านี้ย่อมต้องรับผิดร่วมกับเขาด้วยเว้นแตจะพิสู้จน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำอยู่นั้น"
ความสามารถของบุคคลผู้ทำละเมิดไม่เป็นข้อสำคัญ แม้เป็นผู้เยาว์หรือบุคคลวิกลจริตก็ยังต้องรับผิดเพราะการละเมิดเป็นการล่วงสิทธิ ไม่ใช่การใช้สิทธิ ซึ่งบุคคลดังกล่าวนี้อาจไม่ต้องรับผิดในการแสดงเจตนาทำนิติกรรม เพราะนิติกรรมนั้นอาจเป็นโมฆียะได้ (มาตรา 21-28) เมื่อถูกบอกล้างแล้วก็ถือว่าเป็นโมฆะมาแต่แรก ได้อธิบายแล้วว่าคำว่า "ผู้ใด" ตามมาตรา 420 หมายถึง บุคคลทุกชนิดซึ่งรวมทั้งผู้เยาว์และบุคคลวิกลจริตด้วย
3.2 ความรับผิดของครูบาอาจารย์ นายจ้าง หรือบุคคลอื่นในการทำละเมิดของผู้ไร้ความสามารถ
ครูบาอาจารย์ นายจ้าง หรือบุคคลอื่นซึ่งรับดูแลบุคคลไร้ความสามารถอยู่เป็นนิตย์หรือชั่วคราวต้องรับผิดร่วมกับคนไร้ความสามารถในการทำละเมิด ซึ่งได้กระทำลงในระหว่างอยู่ในความดูแลของตน
บุคคลต้องรับผิด
มาตรา 430 บัญญัติว่า "ครูบาอาจารย์ นายจ้าง หรือบุคคลอื่นซึ่งรับดูแลบุคคลผู้ไร้ความสามารถอยู่เป็นนิจก็ดี ชั่วครั้งชั่วคราวก็ดี จำต้องรับผิดร่วมกับผู้ไร้ความสามารถในการละเมิดซึ่งเขาได้กระทำลงในระหว่างที่อยู่ในความดูแลของตน ถ้าหากพิสูจน์ได้ว่าบุคคลนั้นๆ มิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควร"
ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแล
ความรับผิดตามมาตรา 430 นี้ต่างกับความรับผิดตามมาตรา 429
ที่ว่าตามมาตรา 429 บัญญัติให้บิดามารดาหรือผู้อนุบาลมีหน้าที่นำสืบว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรจึงจะพ้นจากความรับผิด ถ้าไม่นำสืบหรือนำสืบยังไม่ได้ก็ไม่พ้นจากความรับผิด
แต่ตามมาตรา 430 เป็นหน้าที่ของผู้เสียหายนำสืบให้ได้ความว่าผู้มีหน้าที่ดูแลมิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ที่ต้องดูแล ถ้าไม่นำสืบหรือนำสืบให้ฟังไม่ได้ บุคคลที่รับดุแลบุคคลผู้ไร้ความสามารถก็ไม่ต้องรับผิด
ตัวอย่าง ในตอนเช้า ครูประจำชั้นของเด็กผู้ทำละเมิดเห็นเด็กนักเรียนเอากระบอกพลุมาเล่นกันเกรงจะเกิดอีนตรายให้เก็บไปทำลายและห้ามเด็กมิให้เล่นต่อไป แต่เด็กใช้พลุยิงกันในเวลาหยุดพักกลางวันและนอกห้องเรียน ถือว่าได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแล้ว
สิทธิไล่เบี้ยของครูบาอาจารย์หรือบุคคลอื่นซึ่งรับดูแลบุคคลผู้ไร้ความสามารถ
เมื่อครูบาอาจารย์หรือบุคคลซึ่งรับดูแลบุคคลผู้ไร้ความสามารถได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกไปแล้ว ก็ชอบที่จะได้ชดใช้จากบุคคลผู้ไร้ความสามารถและไล่เบี้ยเอาได้จนครบจำนวนที่ได้ชดใช้ (มาตรา 431 และมาตรา 426) เช่นเดียวกับกรณีตามมาตรา 429
ตัวอย่าง เด็กหนีจากบ้านไปตั้งแต่อายุ 12 ปี แม้ถูกล่ามโซ่ไว้ก็ยังหนีจนอายุ 18 ปี ไปรับจ้างขับรถยนต์ บิดามารดาใช้ความระวังดูแลอย่างดีแล้ว นอกเหนืออำนาจของบิดามารดาจะระวังได้ บิดามารดาไม่ต้องรับผิดในละเมิดที่บุตรขับรถชนผู้อื่นโดยประมาท
นางสาวปาลิตา ดวงปัญญากุล 64012310652
ลำดับที่ 133