Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ความรับผิดกระทำละเมิดในการกระทำของผู้อื่น - Coggle Diagram
ความรับผิดกระทำละเมิดในการกระทำของผู้อื่น
ความรับผิดของนายจ้างในผลแห่งการละเมิดของลูกจ้างในทางการที่จ้าง
ตัวการรับผิดในการกระทำละเมิดของตัวแทน
ความรับผิดของตัวการ
เหตุละเมิดที่จะทำให้ตัวการรับผิดต้องเป็นเหตุที่ได้เกิดขึ้นในขอบเขตแห่งการปฏิบัติ ตามหน้าที่เพื่อตัวการในฐานะที่ตัวแทนได้ทำการเป็นตัวแทน
สิทธิ์ไล่เบี้ยของตัวการ
เมื่อตัวการได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกเพื่อละเมิดอันเป็นตัวแทน ได้ทำไปแล้วนั้นก็ชอบที่จะได้ชดใช้จากตัวแทนเกี่ยวกับนายจ้างลูกจ้างที่กล่าวมาแล้วนั้น ย่อมอนุโลมนำมาใช้ปรับกับกรณีตัวการตัวแทนได้เช่นเดียวกัน
ตัวการตัวแทน
โดยที่ตัวแทนไม่ใช่ลูกจ้างจึงไม่อยู่ในบังคับแห่งสิทธิของตัวการที่จะควบคุมดูแลเกี่ยวกับความประพฤติทางปฏิบัติของตัวแทน โดยปกติตัวแทนจึงย่อมมีความรับผิดแต่เพียงผู้เดียวตัวการไม่ต้องรับผิดในผลแห่งการละเมิดที่ตัวแทนอาจก่อขึ้น ตาม
มาตรา 797
อันว่าด้วยสัญญาตัวแทนนั้น
อุทาหรณ์ ฎ.2385/2518
เจ้าของเรือขับเรือไม่เป็นจึงให้ ก.ขับเรือไปรับขบวนผ้าป่า เจ้าของเรือนั่งไปด้วย ดังนี้ก็เป็นตัวแทนเจ้าของเรือต้องรับผิดร่วมกับกลอนที่ขับเรือชนจนเสียหาย
ความรับผิดของนายจ้าง
ถ้าเข้าลักษณะสัญญาจ้างแรงงาน
แล้วก็ย่อมเป็นสัญญาจ้างแรงงาน ผู้ที่เป็นลูกจ้างจะใช้คำเเทนตัวเองว่าอย่างไรก็ไม่สำคัญ แม้จะเรียกกันอย่างไรก็ตาม แต่ถ้าเข้าลักษณะเป็นนายจ้างลูกจ้างกันแล้วก็ย่อมถือว่าเป็นนายจ้างลูกจ้าง
อุทาหรณ์ ฎ.1425/2539
การที่ลูกจ้างไม่ได้ขับรถทับขาผู้เสียชีวิตโดยประมาทเลินเล่อการกระทำของลูกจ้างจึงไม่เป็นการละเมิด นายจ้างจึงไม่ต้องรับผิดร่วมด้วย แต่การที่จะให้นายจ้างต้องรับผิดนั้น จะต้องมาจากการกระทำละเมิดโดยจงใจของลูกจ้าง จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า ลูกจ้างมีความตั้งใจที่จะปฏิบัติเพื่อประโยชน์ของนายจ้าง เเต่ถ้าลูกจ้างทำไปเพื่อกระทำต่อความมุ่งหมายส่วนตัว นายจ้างก็ไม่ต้องรับผิด
อำนาจการบังคับและสินจ้างเป็นหลักสำคัญที่จะวินิจฉัยว่าลูกจ้างเป็นลูกจ้างของฝ่ายใดนั้น หากไม่มีสินจ้างก็ย่อมไม่เป็นนายจ้างลูกจ้างการในสัญญาจ้างแรงงาน แต่สินจ้างนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นเงินเสมอไป อาจเป็นวัตถุหรือสิ่งอื่นก็ได้
เช่น
จ้างทำสวน จ้างทำความสะอาดบ้าน จ้างเฝ้ารถ เป็นต้น
มาตรา 425
"นายจ้างต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิด ซึ่งลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้น" การเป็นนายจ้างและลูกจ้างนั้น จึงหมายถึงสัญญาจ้างเเรงงานย่อมต้องเป็นไปตาม
มาตรา 575
" อันว่าจ้างแรงงานนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าลูกจ้าง ตกลงจะทำงานให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่านายจ้าง และนายจ้างตกลงจะให้สินจ้างตลอดเวลาที่ทำงานให้ "
ลูกจ้างทำละเมิดในทางการที่จ้าง
ไม่ว่าลักษณะละเมิดนั้นจะเป็นอย่างไร แม้การละเมิดนั้นจะก่อขึ้นโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ หรือ เกิดขึ้นแก่ผู้ใด ถ้าหากมิใช่เป็นการกระทำในทางการที่จ้างแล้วก็ไม่ต้องร่วมรับผิด นายจ้างจะต้องรับผิดร่วมด้วยก็ต่อเมื่อมีบทบัญญัติไว้โดยชัดแจ้งเป็นพิเศษ
เช่น ตามมาตรา 430
เป็นต้น
จากหลักกฎหมายทั่วไปที่ว่า
''ผู้ใดทำสิ่งใดโดยบุคคลอื่นเท่ากับทำด้วยตนเอง''
นั้น ในการที่นายจ้างต้องรับผิดในการละเมิดของลูกจ้างในทางการที่จ้างนั้นไม่ใช่เพราะว่ามอบอำนาจให้กระทำแทน แต่เป็นเพราะลูกจ้างได้เกี่ยวข้องกับงานที่จ้างนายจ้าง จึงต้องดูว่างานนั้นได้ปฏิบัติไปโดยความเอาใจใส่ต่อความปลอดภัย หรือผลประโยชน์ด้วยหรือไม่
อุทาหรณ์ ฎ.506/2498
ลูกจ้างทำหน้าที่คนท้ายรถยนต์ซึ่งนายจ้างยินยอมให้ขับรถด้วยนั้นถ้าขับรถทำให้ผู้อื่นเสียหายโดยละเมิดนายจ้างต้องรับผิด
ในกรณีที่ถือว่าลูกจ้างปฏิบัติงานของนายจ้างอย่างแท้จริงแล้วแม้ลูกจ้างจะได้ทำกิจส่วนตัวในขณะเดียวกันนั้น จนเกิดการละเมิดขึ้นก็ยังถือว่าเป็นเหตุที่เกิดขึ้นในทางการที่จ้าง เพราะการที่ลูกจ้างปฏิบัติกิจส่วนตัวด้วยนั้นอาจเป็นเหตุให้ลูกจ้างปฏิบัติหน้าที่เพื่อนายจ้างโดยประมาทเลินเล่อก็ได้
อุทาหรณ์ ฎ.1660/2518
การที่ลูกจ้างจำเลยเห็นคนทิ้งก้นบุหรี่แล้วยังสูบน้ำมันเบนซินต่อไปจนเกิดเพลิงไหม้รถของโจทก์เสียหายนั้น เป็นการกระทำของลูกจ้างจำเลยโดยประมาทเลินเล่อในการที่จ้าง
สิทธิไล่เบี้ย
มาตรา 426
“นายจ้างซึ่งได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกเพื่อละเมิดอันลูกจ้างได้ทำนั้น ชอบที่จะได้ชดใช้จากลูกจ้างนั้น”
เหตุที่การละเมิดนั้นเป็นการกระทำของลูกจ้างต่อบุคคลภายนอกเองโดยลำพังที่นายจ้างต้องรับผิดร่วมด้วยกับลูกจ้างก็เป็นความรับผิดต่อผู้เสียหาย แต่ในระหว่างนายจ้างลูกจ้างแล้ว นายจ้างไม่ต้องรับผิดร่วมกับลูกจ้างในผลที่ลูกจ้างกระทำละเมิดนั้นด้วย เมื่อนายจ้างใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เสียหายไปแล้ว จึงชอบที่จะช่วงสิทธิของผู้เสียหายได้เรียกให้ลูกจ้างชดเชยให้แก่ตนได้ มาตรา
426 เเละมาตรา 229 (3)
อุทาหรณ์ ฎ.648/2522
ลูกจ้างทำละเมิด นายจ้างถูกฟ้อง ได้ใช้ค่าเสียหายไปตามคำพิพากษาแล้วไล่เบี้ยเอาจากลูกจ้างได้แต่ค่าฤชาธรรมเนียมที่นายจ้างต้องใช้แก่ผู้เสียหายตามคำพิพากษานั้น ไม่ใช่ค่าเสียหายอันเป็นผลโดยตรงจากการละเมิดของลูกจ้าง นายจ้างไล่เบี้ยไม่ได้
ข้อสังเกต
ในระหว่างนายจ้างลูกจ้างซึ่งเป็นลูกหนี้ร่วมกันกับผู้เสียหายนั้นนายจ้างลูกจ้างยังคงต้องรับผิดต่อผู้เสียหายในฐานะลูกหนี้ร่วมกันจนกว่าหนี้นั้นจะได้ชำระ ตาม
มาตรา 291
ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของ
ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของไม่เป็นความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่น
3.โดยเหตุที่ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของมิใช่ความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่นในเมื่อผู้ว่าจ้างได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกผู้ได้รับความเสียหายไปแล้ว จึงไม่มีบทบัญญัติให้ผู้ว่าจ้างไล่เรียกให้ชดใช้เอามาจากผู้รับจ้าง
2.
ตัวบทมาตรา 428
ใช้คำว่า ความเสียหาย หาได้ใช่คำว่ากระทำละเมิด หรือ ละเมิด โดยที่ความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจไม่ได้เกิดจากการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อของผู้รับจ้างก็ได้ ผู้รับจ้างจึงไม่ต้องรับผิดทางละเมิดแต่ผู้ว่าจ้างก็ยังต้องรับผิดเพราะได้มีส่วนผิด
มีเหตุผลที่แสดงให้เห็นว่าความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของ ไม่เป็นความรับผิดในการกระทำของผู้อื่นดังบทบัญญัติ
มาตรา 428
คือ
1.กฎหมายได้บัญญัติถึงผู้ว่าจ้างเป็นผู้ผิด บุคคลที่รับผิดในการกระทำของบุคคลอื่นนั้น มิได้กระทำละเมิดด้วยตนเอง ถ้าได้กระทำละเมิดด้วยแล้วก็ไม่ใช่เรื่องความรับผิดในการกระทำของผู้อื่น แต่เป็นความรับผิดของบุคคลในการกระทำของตนเอง
หลักความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของ
มาตรา 428
บัญญัติว่า “ผู้ว่าจ้างทำของไม่ต้องรับผิดเพื่อความ เสียหายอันผู้รับจ้างได้ก่อให้เกิดขึ้นแก่บุคคลภายนอกในระหว่างการทำการงานที่ว่าจ้าง เว้นแต่ผู้ว่า จ้างจะเป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำ หรือในคำสั่งที่ตนให้ไว้ หรือในการเลือกหาผู้รับจ้าง
โดยหลักผู้ว่าจ้างทำของไม่ต้องรับผิดในความเสียหายของผู้รับจ้างก่อขึ้นบุคคลภายนอกในระหว่างทำการงานที่ว่าจ้างอันเป็นไปตามหลักทั่วไปดังกล่าวเพราะเป็นผลมาจากการทำของของผู้รับจ้างซึ่งถ้าเป็นกรณีที่ผู้รับจ้างกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อต่อบุคคลภายนอกแล้วก็เป็นเรื่องที่ผู้รับจ้างเองทำผิดหน้าที่ต่อบุคคลภายนอกไม่ใช่การกระทำของผู้ว่าจ้าง
ความผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำ
เป็นเรื่องสั่งให้ทำตามสัญญาจ้างที่มีต่อกัน เช่น จ้างให้ทำสวนแต่เข้าไปในที่ดินของผู้อื่นเพื่อผ่านไปถึงที่ของตนอันเป็นการละเมิด เป็นต้น
อุทาหรณ์
ฎ.162/2544
จำเลยจ้างบริษัท ค.ก่อสร้างฐานรากของอาคาร โดยมีบริษัท ป.เป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างให้เป็นไปตามแบบ จำเลยไม่ได้เกี่ยวข้องหรือสั่งการในการทำงานเมื่อมีความเสียหายเกิดแก่โจทก์อันเนื่องมาจากการกระทำของบริษัท ค. จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดเพราะไม่ได้กระทำการอันจะต้องรับผิดตาม
มาตรา 428
ความผิดในการเลือกหาผู้รับจ้าง
เลือกหาผู้รับจ้างคือการจ้างนั้นคือจ้างคนที่ตนรู้ว่าไม่ใช่ผู้ที่มีความสามารถหรือระมัดระวังอันควรแก่สภาพ ของการทำงานที่จ้างให้ทำ จึงเป็นผลให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นโดยละเมิด
เช่น
จ้างสร้างบ้านทำด้วยไม้ เเต่ไปจ้างผู้ที่เข้าตัวไม้ไม่แน่นหนาจึงเป็นผลให้บ้านทรุดพังถูกทรัพย์สินของผู้ข้างเคียงเสียหาย เป็นต้น
อุทาหรณ์ ฎ.1289/2522
จำเลยจ้างเหมาต่อเติมอาคารลูกจ้างของผู้รับเหมาซึ่งเป็นผู้รับจ้าง ทำโดยประมาทเลินเล่อปล่อยให้เศษปูนตกลงบนหลังคาและท่อน้ำฝนล้นรางเปียกหนังสือพิมพ์ที่ขายในร้านของโจทก์ไม่ปรากฏว่าจำเลยผู้ว่าจ้างเป็นผู้ผิดในการงานที่สั่งให้ทำในคำสั่งที่ให้ไว้หรือในการเลือกผู้รับจ้างจำเลยไม่ต้องรับผิด
ความรับผิดของบิดามารดาหรือผู้อนุบาลในการกระทำละเมิดของผู้เยาว์หรือบุคคลวิกลจริต และ ความรับผิดของครูบาอาจารย์ นายจ้าง หรือบุคคลอื่นในการกระทำละเมิดของผู้ไร้ความสามารถ
ความรับผิดของบิดามารดาหรือผู้อนุบาลในการทำละเมิดของคนไร้ความสามารถ
มาตรา 429 บัญญัติว่า
บุคคลใดแม้ไร้ความสามารถเพราะเหตุเป็นผู้เยาว์หรือวิกลจริต ก็ยังต้องรับผิดในผลที่ตนทำละเมิดบิดามารดา หรือผู้อนุบาลของ บุคคลเช่นว่านี้ย่อมต้องรับผิดร่วมกับเขาด้วยเว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแล ซึ่งทำอยู่นั้น
ผู้เยาว์หรือบุคคลด่วนจริตจะมีความผิดฐานละเมิดได้ก็ย่อมเป็นไปตามเกณฑ์
ตามมาตรา 420
กล่าวคือ จะต้องมีการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อที่ถือว่าเป็นการกระทำจะต้องมีการเคลื่อนไหวในอริยบทโดยรู้สำนึก ในความเคลื่อนไหวนั้นและที่จะถือว่าเป็นการจงใจจะต้องรู้สำนึกถึงผลเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากการกระทำของตน ถ้าเป็นเด็กไร้เดียงสาหรือบุคคลวิกลจริตไม่รู้สำนึกในการกระทำของตน จะถือว่าจงใจหรือประมาทเลินเล่อไม่ได้
ผู้ที่จะต้องรับผิดในการกระทำละเมิดของบุคคลไร้ความสามารถได้แก่บิดาหรือผู้อนุบาล สำหรับบิดานั้น หมายถึงเฉพาะผู้ที่มีหน้าที่ดูแลผู้เยาว์ตามความในตอนท้ายของ
มาตรา 429
จึงต้องพิจารณาอีกว่าทั้งสองเป็นผู้ดูแลผู้เยาว์หมายถึง ใช้อำนาจปกครองซึ่งเป็นหน้าที่ควบคุมผู้เยาว์และหมายรวมถึงผู้รับบุตรบุญธรรมโดยมีบุญธรรมที่มีฐานะอย่างเดียวกับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้รับบุตรบุญธรรมด้วยด้วย
อุทาหรณ์เกี่ยวกับความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ซึ่งต้องดูแล ฎ. 847/2498
บุตรผู้เยาว์มีนิสัยชอบเล่นปืนมากเพียงแต่บิดาเก็บปืนไว้บนหลังตู้ซึ่งผู้เยาว์หยิบไม่ถึงแล้วสั่งกให้เก็บปืนไว้เฉยๆไม่ได้กำชับว่าอย่าให้บุตรผู้เยาว์เอาไปบุตรผู้เยาว์หลอกเอาปืนไปจากกแล้วยิงบุตรโจทย์ตาย เรียกไม่ได้ว่าบิดาใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลตาม
มาตรา 429
ความรับผิดของครูบาอาจารย์ นายจ้าง หรือบุคคลอื่นในการทำละเมิดของผู้ไร้ความสามารถ
มาตรา 430 บัญญัติว่า
“ครูบาอาจารย์ นายจ้าง หรือ บุคคลอื่นซึ่งรับดูแลบุคคลผู้ไร้ความสามารถอยู่เป็นนิตย์ก็ดี ชั่วครั้งคราวก็ดี จำต้องรับผิดร่วมกับ ผู้ไร้ความสามารถในการละเมิดซึ่งเขาได้กระทำลงในระหว่างที่อยู่ในความดูแล ของตน ถ้าหาก พิสูจน์ได้ว่าบุคคลนั้นๆ มิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควร”
ผู้ที่ต้องรับผิดร่วมกับบุคคลผู้ไร้ความสามารถ
ตามมาตรานี้คือครูบาอาจารย์นายจ้างหรือบุคคลอื่นซึ่งรับดูแลบุคคลดังกล่าว หากไม่รับดูแลก็เป็นกรณีที่ไม่ต้องด้วยมาตรานี้จะดูแลอยู่เป็นนิจหรือชั่วคราวก็ต้องรับผิดเช่นเดียวกัน แต่ไม่หมายถึงผู้ดูแลแทนหรือผู้ช่วยเหลือในการดูแล
เช่น
จ้างครูพิเศษไปสอนเด็กที่บ้านที่เด็กอยู่กับบิดามารดาเห็นได้ว่าการดูแลเด็กย่อมอยู่กับบิดามารดาหาได้อยู่กับครูพิเศษนั้นไม่
ความระมัดระวังตามสมควรแก่เหตุหน้าที่ดูแล
ความรับผิดมาตรา 430 นี้ต่างกับความรับผิดมาตรา 429 ที่ว่าตามมาตรา 429บัญญัติให้บิดามารดาหรือผู้อนุบาลมีหน้าที่นำสืบว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรจึงจะพ้นจากความรับผิดถ้าไม่นำสืบหรือนำสืบยังไม่ได้ก็ไม่พ้นจากความรับผิดแต่ตามมาตรา 430 เป็นหน้าที่ของผู้เสียหายนำสืบให้ได้ว่าผู้มีหน้าที่ดูแลมิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ที่ต้องดูแลถ้าไม่นำสืบหรือนำสืบให้ฟังไม่ได้บุคคลที่รับดูแลบุคคลผู้ไร้ความสามารถก็ไม่ต้องรับผิด
อุทาหรณ์ที่เกี่ยวกับความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลที่ทำอยู่ ฎ.356/2511
ในตอนเช้าครูประจำชั้นของเด็กผู้ทำละเมิดเห็นเด็กนักเรียนเอากระบอกรู้มาเล่นกันเพลงจะเกิดอันตรายให้เก็บไปทำลายและห้ามเด็กมีให้เล่นต่อไปแต่เด็กได้ใช้พรุ่งนี้ยิงกันในเวลาหยุดพักกลางวันและนอกห้องเรียนถือได้ว่าใช้ความระมัดระวังตามสมควรแล้ว