Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่6 วิทยาการจัดการเรียนรู้ - Coggle Diagram
บทที่6 วิทยาการจัดการเรียนรู้
ความหมายของวิทยาการจักการเรียนรู้
วิทยาการการจัดการเรียนรู้
หมายถึงหลักการที่ว่าด้วยวิธีการในการจัดการเรียนการสอนซึ่งมีหลากหลายวิธีที่ผู้ปฏิบัติการสอนสามารถคิดค้นพัฒนาสรรหาแลกเปลี่ยนเรียนรู้สืบเสาะเทคนิคการจัดการเรียนรู้ต่างๆที่มีอยู่ในปัจจุบันนำมาปรับใช้ตามความเหมาะสมกับผู้เรียน
ระบบการจัดการเรียนรู้
ระบบการจัดการเรียนรู้
หมายถึงการจัดองค์ประกอบของการจัดการเรียนรู้ได้ลำดับมีขั้นตอนและมีความสัมพันธ์กันเพื่อสะดวกต่อการนำไปสู่จุดหมายปลายทางของการจัดการเรียนรู้ที่ได้กำหนดไว้
ความสำคัญของระบบการจัดการเรียนรู้
ระบบการจัดการเรียนรู้ช่วยให้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ดำเนินไปอย่างเป็นระบบมีระเบียบไม่สับสน
การจัดระบบการจัดการเรียนรู้เป็นวิธีหนึ่งในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคุณภาพของการจัดการเรียนรู้ของผู้สอน
การจัดระบบการจัดการเรียนรู้ทำให้องค์ประกอบของการจัดการเรียนรู้ที่กำหนดไว้มีความสอดคล้องสัมพันธ์กันและมีความสำคัญต่อกันและกันอย่างใกล้ชิดและชัดเจน
องค์ประกอบ
มีองค์ประกอบที่สำคัญ 3 ประการคือตัวป้อน (Input) กระบวนการ (Process) และผลผลิต (Output)
องค์ประกอบของระบบการจัดการเรียนรู้
ข้อมูลการจัดการเรียนรู้ (Input) ได้แก่ การวางแผนการจัดการเรียนรู้ซึ่งครอบคลุมทั้งด้านจุดประสงค์ การจัดการเรียนรู้เนื้อหา การจัดกิจกรรม การจัดการเรียนรู้การใช้สื่อ การจัดการเรียนรู้และการวัดผลประเมินผล
กระบวนการจัดการเรียนรู้ (Process) เป็นขั้นการดำเนินการจัดการเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่เขียนไว้
ผลการจัดการเรียนรู้ (Output) เป็นขั้นการประเมินผลพฤติกรรมของผู้เรียนว่าเกิดผลสัมฤทธิ์มากน้อยเพียงใดหลังจากที่ได้ผ่านกระบวนการจัดการเรียนรู้ไปแล้ว
ข้อมูลย้อนกลับ (Feedback) เป็นขั้นการวิเคราะห์ผลจากการจัดการเรียนการสอนว่ามีข้อบกพร่องอย่างไรบ้างมีปัญหาอย่างไรบ้างโดยพิจารณาจากผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนเพื่อที่จะหาสาเหตุของปัญหาหรือข้อบกพร่องแล้วทำการปรับปรุงแก้ไข
กระบวนการจัดการเรียนรู้
กระบวนการการจัดการเรียนรู้ได้มีผู้ศึกษากระบวนการจัดการเรียนรู้และได้เสนอแนวคิดไว้หลายรูปแบบ ดังนี้
กระบวนการจัดการเรียนรู้ของไทเลอร์ (Tyler)
กระบวนการจัดการเรียนรู้ของกลาสเซอร์ (Glasser)
3.กระบวนการจัดการเรียนรู้ของเกมพ์ (Kempt)
4.กระบวนการจัดการเรียนรู้ของเนิร์คและเยนทรี (Krirk and Gentry)
(Gerlach and Ely) กระบวนการจัดการเรียนรู้ของเกอร์ลักและอีไล
กระบวนการจัดการเรียนรู้ของดิคและแครี่ (Dick and Carey อ้างในชนาธิปพรกุล, 2544, น. 121 – 123)
กระบวนการจัดการเรียนรู้ของศิริพรขีปนวัฒนา
กระบวนการจัดการเรียนรู้ของอรทัยอินตา
ดังนั้น สามารถแยกได้เป็น 3 ขั้นตอนใหญ่ ได้แก่
1ขั้นนำเข้าสู้บทเรียน
2.ขั้นสอน
3.ขั้นสรุป
การจัดกลุ่มรูปแบบการจัดการเรียนรู้
Arends (2001)
รูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้สอนเป็นสำคัญ (teacher-centered model) โดยผู้สอนเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการเตรียมเนื้อหาและเป็นผู้ควบคุมกำกับขั้นตอนของการจัดการเรียนรู้เช่นการสอนตรง (direct instruction model) การสอนความคิดรวบยอด (Concept teaching model) เป็นต้น
2 รูปแบบการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ (student-centered model) ผู้เรียนเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการเรียนรู้หรือเป็นผู้สร้างความรู้ส่วนผู้สอนทำหน้าที่อำนวยความสะดวกและเป็นที่ปรึกษาให้ผู้เรียนเช่นการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative learning) การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (problem-based learning) การเรียนรู้ตามแนววัฏจักรการเรียนรู้ (4 MAT: the circle of learning model) เป็นต้น
จอยซ์และเวล (Joyce and Weil (2009: 68)
รูปแบบการเรียนการสอนที่เน้นการพัฒนาทักษะทางสังคม
รูปแบบการเรียนการสอนที่เน้นการพัฒนาด้านการประมวลข้อมูลสารสนเทศ (Information Process Models)
แบบการเรียนการสอนที่เน้นการพัฒนาบุคคล (Personal Models)
รูปแบบการเรียนการสอนที่เน้นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้เรียนโดยใช้หลักการของการให้สิ่งเร้าและการตอบสนอง
ทิศนาแขมมณี (2560: 204-206)
รูปแบบที่เน้นการพัฒนาด้านพุทธิพิสัย (Cognitive Domain)
รูปแบบที่เน้นการพัฒนาด้านจิตพิสัย (Affective Domain)
รูปแบบที่เน้นการพัฒนาด้านทักษะพิสัย (Psychomotor Domain)
รูปแบบที่เน้นการพัฒนาการทักษะกระบวนการ (Process Skills)
รูปแบบการเรียนการสอนที่เน้นการบูรณาการ (Integration)