Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่2การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีสารสนเทศ - Coggle Diagram
บทที่2การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีสารสนเทศ
1.การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบัน
เทคโนโลยี (technology) คือวิทยาการที่นำความรู้ทาวิทยาศาสตร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการปฏิบัติและอุตสาหกรรม
สารสนเทศ(lnformation)การนำข้อมูลที่เก็บรวบรวมไว้มาผ่านกระบวนการเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประโยชน์ต่อการตัดสินใจ
เทคโนโลยีสารสนเทศ คือ การนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์กับระบบสารสนเทศโดยต้องประยุกต์ใช้ตั้งแต่กระบวนกา่รจัดเก็บข้อมูลการประมวลผลข้อมูลเพื่อแปลงข้อมูลเป็นสารสนเทศ
ยุคดิจิทัล
1.Digital ยุคอินเตอร์เน็ต เริ่มต้นประมาณค.ศ 1984 ยุคเริ่มต้นของอินเทอร์เน็ต มีการเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิตในลักษณะออฟไลน์ เช่น การส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ การติดต่อสื่อสารที่รวดเร็ว เกิดเว็บไซต์ ที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเผยแพร่และเข้าถึงข้อมูลได้สะดวกและรวดเร็ว เกิดธุรกรรมเชิงพาณิชย์
2.Digital 2.0 ยุคโซเชียลมีเดีย เริ่มต้นประมาณ ค.ศ 2000 มนุษย์เริ่มประยุกต์ใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อสร้างเครือข่ายสำหรับการติดต่อสื่อสาร โดยแบ่งข้อมูลประเภทต่างๆ เช่น ข้อความ ภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหว วิดิโอระหว่างกันหรือเรียกว่าสื่อสังคมออนไลน์ทำให้ผู้ใช้งานสามารถสนทนา แบ่งปันเนื่อหา เรื่องราว ประสบการณื บทความ รูปภาพ ดโยผ่านทางบล็อก กระดาษสนทนา (Webboard) หรือด้านโซเชียลต่างๆ เช่น Fecebook Youtube มีการติดต่อกัน2ทาง คือผู้รับข้อมูลสามารถแสดงความคิดเห็น ผู้รับเป็นผู้สร้างข้อมูลทำให้เกิดธุรกิจในลักษณะพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce)
3.Digital 3.0 ยุคแห่งข้อมูลและข้อมูลขนาดใหญ่(ฺBig Data) เริ่มต้นประมาณค.ศ 2004 จากการเติบโตของโซเชียลมีเดียในลักษณะพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ผู้ใช้งานข้อมูลเปลี่ยนมาเป็นผู้สร้างข้อมูลทำให้ปริมาณข้อมูลมีเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ ทั้งข้อมูลจากเว็บไซต์ สื่อสังคมออนไลน์ คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน การเ้ดินทาง การทำธุรกรรมต่างๆ พฤติกรรมการซื้อขายออนไลน์ที่มียอดเพิ่มสูงขึ้น จากปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นจึงเริ่มมีการนำข้อมูลเหล่านั้นมาบริหารจัดการในปัจจุบันเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในด้านต่างๆเรีกข้อมูลเหล่านั้นว่า ข้อมูลขนาดใหญ่ เช่นการนำข้อมูลขนาดใหญ่จากการซื้อสินค้าของผู้บริโภคมาประมวลผลและวิเคราะห์ถึงความต้องการของลูกค้า
4.Digital 4.0 ยุคเทคโนโลยีสมองกล เริ่มต้นประมาณค.ศ2016 เป็นยุคที่นำเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial lntelligence:AI) ซึ่งเป็นยุคการเรียนรู้ของเครื่อง(Machine Learning) เข้ามาผนวกกับคอมพิวเตอร์ หุ่นยนต์หรืออุปกรณ์อื่นๆให้อุปกรณ์เหล่านั้นมีความฉ,ษโสามารถเรียนรู้และประเมินหรือสามารถพยากรณ์ข้อมูลล่วงหน้าได้เพื่อให้สามารถนำมาช่วยเหลืองานในด้านต่างๆ เช่น คำนวณการขับเคลื่อนโดยอัตโนมัติ เป็นยุคที่ทำให้อุปหรณ์ต่างๆสามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตทำให้อุปกรณ์สื่อสารและทำงานร่วมกันได้อย่างอัตโนมัติตามแนวคิดของฌทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตสรรพสิ่ง เช่น ฟาร์มอัจฉริยะที่สามารถรดน้ำได้เองตามอัตโนมัติ
2.แนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศ
2.1แนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศด้านฮาร์ตแวร์
2.2แนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศด้านซอฟแวร์
2.2.1 SaaS เป็นรูปแบบการให้บริการซอฟแวร์หรือแอปพลิเคชั่นระบบประมวลผลบนระบบคลาวด์การให้บริการซอฟแวร์เหล่านี้ไม่จำเป็นต้องติดตั้งลงเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้บริการ เช่น Gmail Hotmail
2.2.2PaaS เป็นรูปแบบการให้บริการในลักษณะแพลตฟอร์ม โดยผู้ให้บริการระบบประมวลผลบนคลาวด์ จัดเตรียมซอฟแวร์และฮาร์ตแวร์ที่จำเป็นสำหรับผู้ใช้บริการ เช่น การพัฒนาแอปพลิเคชั่น ต้องเตรียม Database Server
2.2.3laaS
เป็นรูปแบบบการให้บริการเแพาะโครงสร้างพื้นฐานของระบบ เช่น หน่วยประมวลผลเครือข่าย ข้อมูลระบบผลเก็บข้อมูล โดยผู้ใช้บริการสามารถเช่าเวลาในการประมวลผลซื้อเวลาและขนาดของช่องสัญญาณในการส่งข้อมูลหรือขนาดพื้่นที่เช่น Dropbox
2.เทคโนโลยีกับชีวิตประจำวัน
2.1 ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial lnteligence AI) การใช้เทคโนโนโลยีในทางด้านคอมพิวเตอร์เข้าไปช่วยควบคุมการเรียนรู้และความฉลาดของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องจักกลต่าง๐ได้มีการพัฒนามาจากด้านวิทยาการด้านปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งเชื่อกันว่า เป็นวิทยาการที่ใช้เทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์มาแก้ปัญหาต่างๆ
1.ประวัติความเป็นมาของปัญญาประดิษฐ์
-เกิดในยุคอาณาจักรกรีกไปจนถึงยุคเรืองปัญญา
-กำเนิดขึ้นในราว ค.ศ.1956 ในที่ประชุมวิชาการที่วิทยาลัยดาร์ตมัท ประเทศสหรัฐอเมริกา
-ผู้ร่วมประชุม 1. จอห์น แม็คคาที
2.มาร์วิน มีนสกี 3.อาเทอร์ ซามูเอล 4.เฮอร์เบิร์ด ไซทอน
-วิจัยเรื่องทฤษฏีออโตมาตา โครงข่ายใยประสาทและศึกษาเรื่องความฉลาด
-จอห์น แม็คคาที เป็นผู้ตั้งชื่อให้กับศาสตร์สาขาใหม่
เรียกว่า Artificial Intelligence หรือ AI ใน ค.ศ 1995
-ปัญญาประดิษฐ์มี3ขั้นตอน 1.การสร้างวิธีการทดแทน
สิ่งที่อยู่ในใจ 2.การดึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องออกมาใช้ 3.การจัดการแทนค่าออกมาเป็นคำตอบ
2.นิยามของปัญญาประดิษฐ์ เป็นศาตร์ทางด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมในการสร้างความฉลาดให้กับเครื่องจักร แบ่งเป็น 4 ประเภท ในมุมมอง2มิติ1นิยามที่เน้นระบบที่เลียนแบบมนุษย์กับนิยามที่เน้นระบบที่มีเหตุผล2นิยามที่เน้นความคิดเป็นหลักนิยามที่เน้นการกระทำเป็นหลัก
ประเภทของปัญญาประดิษฐ์** เเบ่งตามระดับความสามารถเเละสติปัญญา เเบ่งได้ 3 ระดับ ดังนี้
Artificial Narrow Intelligence (ANI) สติปัญญษที่มีความสามารถในการทำงานได้ในเรื่องเเคบๆ อยู่ในวงจำกัด
Artificial Gemeral Intelligence (AGI) สติปัญญาเท่าเทียมมนุษย์ สามารถทำงานได้เท่าเทียมกับสมองมนุษย์ ปัจจุบันยังไม่สามารถสร้าง AGI ได้
Artificial Super Intelligence (ASI) ซุปเปอร์ปัญญาประดิษฐ์ มีปัญญาเหนือมนุษย์ สามารถคิดสร้างสรรค์ในทางวิทยาศาสตร์ เรื่องทั่วไปหรือความสามารถในการเข้าสังคม
ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์
ด้านการคมนาคม เช่น การคำนวนตำเเหน่งหรือเส้นทางที่ดีที่สุด ระยะเวลาสั้นที่สุด หลีกเลี่ยงการจราจรที่หนาเเน่นเเละติดขัด
ด้านการประมวลภาษา การใช้ปัญญาประดิษฐ์เเปลภาษาหนึ่งเป็นภาษาหนึ่ง
ด้านระบบเครือข่าย การค้นหาข้อมูลข่าวสารผ่านระบบเครือข่ายโดยใช้คำสำคัญ (Keyword) ในการค้นหา
ด้านการเเพทย์หรือด้านสุขภาพ การใช้เเขนกลในการผ่าตัดเป็นการทำงานที่มีความปลอดภัยสูงเเละอยู่ภายใต้การควบคุมของเเพทย์
ด้านการค้าในเชิงธุรกิจพาณิชย์ ใช้ในการวิเคราะห์ประมวลผลค่าอุปสงค์ (Demand) อุปทาน (Supply) เพื่อหาโอกาสทำกำไรให้ได้มากที่สุด
2.2เทคโนโลยีหุ่นยนต์ผ(Robotic Technology) ในปัจจุบันหุ่นยนต์เข้ามามีบทบาทในการดำเนินชีวิตของมนุษย์มากขึ้น เทคโนโลยีจึงเติบโตอย่างรวดเร็วตอบรับกับความต้องการของอุตสาหกรรมการผลิตสมัยใหม่ที่เติบโตมีการนำเทคโนโลยีหุ่นยนต์มาใช้งานแทนโดยเฉพาะงานที่มีความยากลำบาก มีระดับความเสี่ยงและระดับความอันตรายสูฃในด้านอุตสาหกรรม เช่น การเชื่อมโลหะ การพ่นสี การประกอบรถยนต์ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีด้านต่างๆ เช่น ระบบเซ็นเซอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง ระบบปัญญาประดิษฐ์ ความสามารถในการติดต่อสื่อสารกันระหว่างเครื่องจักรกับเครื่องจักรส่งผลให้เทคโนโลยีหุ่นยนต์มีราคาถูกลงและความสามารถเพิ่มสูงขึ้น ฉลาดขึ้น มีความอ่อนไหวในการทำงาร่วมกับมนุษย์ เช่น ด้านการแพทย์ หุ่นยนต์ผ่าตัด อวัยวะเทียม
1.นิยามของเทคโนโลยีห่นยนต์
คือเครื่องจักรกลชนิดหนึ่ง มีลักษณะโครงสร้างและรูปร่างแตกต่างกัน ซึ่งแต่ละประเภทมีหน้าที่การทำงานด้านต่างๆตามการควบคุมโดยตรง
2.ประเภทของเทคโนโลยีหุ่นยนต์
-แบ่งตามประเภทต่างการใช้งาน
-แบ่งตามการเคลื่อนที่
-แบ่งตามประเภทตามการควบคุมตามการเคลื่อนที่
-แบ่งตามกลไกหรือโครงสร้าง
-แบ่งตามประเภทรูปร่างลักษณะภายนอก
-แบ่งประเภทหุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม
เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับบุคคล
3.1 วิทยาการหุ่นยนต์ เเบ่งส่วนประกอบออกเป็น 3 ส่วนหลักๆดังนี้
ส่วนการควบคุม (Manipulation)
เป็นส่วนที่ศึกษาเกี่ยวกับการออกเเบบชิ้นส่วนหุ่นยนต์ การประกอบชิ้นส่วนให้เป็นรูปร่างหุ่นยนต์ ความสันพันธ์ของชิ้นต่อโยงเเละข้อต่อเเกนพิกัด
ส่วนการรับรู้ (Perception)
เป็นส่วนที่ศึกษาเกี่ยวกับการรับข้อมูลจากเซ็นเซอร์ เช่น ระบบการมองเห็นของหุ่นยนต์ ตัวตรวจจับเเรง หรือตรวจสอบความมีอยู่ของวัตถุในระยะใกล้ประเภท Proximity Sensor
ส่วนการเข้าใจ (Cognition)
เป็นส่วนที่ศึกษาเกี่ยวกับการนำข้อมูลที่หุ่นยนต์ได้รับจากคำสั่งของผู้ใช้มาประมวลผล โดยใช้หลักการด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์เเละวิทยาการคอมพิวเตอร์
3.2 วิทยาการพัฒนาหุ่นยนต์ เเบ่งออกเป็น 5 ส่วน ดังนี้
วิทยาการด้านปฏิสัมพันธ์ (Interaction)
เป็นการสื่อสารขั้นพื้นฐาน
วิทยาการด้านการเคลื่อนที่ (Locomotion)
อาศัยความรู้ด้านพลศาสตร์ การพัฒนาอุปกรณ์ขับเร้า ทำให้หุ่นยนต์มีประสิทธิภาพในการขับเคลื่อน
วิทยาการด้านการนำทาง (Navigation)
การติดตั้งอุปกรณ์ระบุตำเเหน่งเเละการนำทางที่มีประสิทธิภาพสูง
วิทยาการด้านการเคลื่อนย้ายชิ้นงาน (Manipulation)
การเคลื่อนไหวของเเขนหุ่นยนต์ในลักษณะต่างๆ เพื่อให้เหมาะสมกับงานเเละเเละสามารถปรับเปลี่ยนได้
วิทยาการด้านอัจฉริยะ (Intelligence)
หุ่นยนต์สามารถสร้างความเข้าใจด้วยตนเอง โดยขึ้นอยู่กับผู้พัฒนาออกเเบบ
3.ผลกระทบของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในด้านต่างๆ