Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Job Development of Nurse Director - Coggle Diagram
Job Development of Nurse Director
Staffing
หลักการสำคัญ
แบบแผนหรือรูปแบบในการจัดอัตรกำลัง และการจัดบริการการพยาบาล ขึ้นอยู่กับชนิด ประเภท และความรุนแรงของผู้ป่วย
การจัดอัตรากำลัง ต้องอยู่บนพื้นฐานการมุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ด้านประสิทธิภาพ ความคุ้มค่า คุณภาพการดูแลผู้ป่วย และสอดคล้องกับผลลัพธ์ที่โรงพยาบาลมุ่งหวัง
การประเมินผลการจัดอัตรากำลัง ต้องประเมินทั้งด้านคุณภาพการดูแลผู้ป่วยและคุณภาพชีวิตการทำงาน
มีการจัดเตรียมบุคลากรทดแทนที่เพียงพอ
ความหมาย :เป็นภารกิจหลักที่สำคัญของผู้บริหารที่ต้องบริหารจัดการอย่างเหมาะสมเพื่อให้เกิดความคุ้มค่า คุ้มทุนในการจัดการดังกล่าว ซึ่งต้องรับผิดชอบต่อชีวิตของผู้ป่วย ตอบสนองความต้องการแบบองค์รวม ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมและจิตวิญญาณ
การจัดอัตรากำลังคนทางการพยาบาล
การวางแผนอัตรากำลังเกี่ยวกับประเภท คุณภาพ คุณสมบัติของบุคลากร
ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและหนักเบาของผู้ป่วย ซึ่งแบ่งออกเป็น 5 ประเภท
ประเภทที่ 1 สามารถดูแลตนเองได้ self care
ประเภทที่ 2 อาการป่วยเล็กน้อย minimal care
ประเภทที่ 3 อาการป่วยปานกลาง intermediate care
ประเภทที่ 4 มีอาการป่วยต่ำกว่าระยะวิกฤต modified care
ประเภทที่ 5 ระยะวิกฤติ intensive care
วัตถุประสงค์
-เพื่อจัดตารางการปฏิบัติงานให้เหมาะสม
-เพื่อกำหนดอัตรากำลังให้มีบุคลากรเพียงพอในการดูแลผู้ป่วย
-เพื่อกำหนดอัตรากำลังให้มีบุคลากรเพียงพอในการดูแลผู้ป่วย
Strategic
การกำหนดยุทธวิธีเพื่อการตัดสินใจเลือกเป็น แนวทางในการปฏิบัติงานในอนาคตบององค์การ ซึ่งเป็นเป้าหมายในระยะยาว เพื่อให้บรรลุ วัตถุประสงค์ขององค์การ โดยต้องมีการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกขององค์การเพื่อค้นหา โอกาสและอุปสรรค รวมถึงสภาพแวดล้อมภายในองค์การเพื่อค้นหาจุดแข็งและจุดอ่อนเพื่อกำหนด เป็นกลยุทธ์ที่จะนำองค์การบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ (พัชรพรรณ ชอบธรรม, 2562)
ความสำคัญต่อองค์กร
1.ช่วยให้องค์กรมีกรอบและทิศทางที่ชัดเจน/ 2.ช่วยให้ผู้บริหารคิดเป็นระบบ/ 3.ช่วยสร้างความพร้อมให้องค์การ/ 3.ช่วยสร้างประสิทธิภาพในการแข่งขัน/ 5.ช่วยให้ทำงานเกิดความสอดคล้องในการปฏิบัติหน้าที่/ 6.ช่วยให้องค์กรมีมุมมองที่ครอบคลุม
ความสำคัญ
มุ่นเน้นถึงอนาคต/ มุ่นเน้นการจัดการต่อการเปลี่ยนแปลงขององค์การ/ บริหารแบบองค์รวม/ มุ่งเน้นผลลัพธ์ในการดำเนินงาน/ ให้ความสำคัญต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับองค์การ/ มุ่งเน้นการวางแบบระยะยาว
ขั้นตอน
1) การวิเคราะห์ เชิงกลยุทธ์ (Strategic Analysis) (2) การกําหนดกลยุทธ์ (Strategic Formulation) (3) การนํากลยุทธ์ ไปสู่ การปฏิบัติ (Strategic Implementation) และ (4) การประเมินและควบคุมกลยุทธ์ (Strategic Evaluation and Control)
2) ตัวแบบกระบวนการวางแผนกลยุทธ์ของ Hill, Joncs and Schilling (2015) ได้กำหนดขั้นตอนหลักของการวางแผนกลยุทธ์อย่างเป็นทางการ5ขั้นตอน ได้แก่(1) การกำหนดเป้าหมายและพันธกิจขององค์การ(2) การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมการแข่งขันภายนอกขององค์การเพื่อกำหนดโอกาสและ(3) การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในองค์การเพื่อกำหนดจุดแข็งและจุดอ่อน(4) เลือกกลยุทธ์ที่สร้างจุดแข็งแก่องค์การ และแก้ไขจุดอ่อน โดยการใช้โอกาสจากสภาพแวดล้อมภายนอกองค์การ และหลีกเลี่ยงอุปสรรคภายนอกองค์การ(5) การนำกลยุทธ์ไปสู่การปฏิบัติ
Budget/financial management
ชนิดของการจัดการงบประมาณ
งบดำเนินการ งบบุคลากร งบลงทุน งบเงินสด งบเงินอุดหนุน งบแผนงาน
กระบวนการ เตรียมงบประมาณ
ประกอบด้วยการดําเนินการ 4 ขั้นตอนคือ
การกําหนดวัตถุประสงค์ หรือจัดทําแผน
โครงการต่างๆ งบประมาณการรายจ่าย
2.การรวบรวมปัญหา
3.แก้ไขปรับปรุงยอดรายจ่าย
4.เสนอแผนงบประมาณต่อฝ่ายบริหาร
อนุมัติงบประมาณ
เป็นอำนาจของผู้บริหารหรือของรัฐสภาโดยแต่งตั้งจากคณะกรรมการพิจารณางบประมาณที่ฝ่ายบริหารเสนอมาผู้นำเสนอต้องใช้กลยุทธ์ในการโน้มน้าวเพื่อให้งบประมาณที่ขอได้รับการจัดสรร
บริหารงบประมาณ
เป็นอำนาจฝ่ายบริหารที่จะกำกับดูแล
การดำเนินโครงการต่างๆให้เป็นไปตามที่เสนอ
การจัดสรรงบประมาณทางสุขภาพ
-แบบรายวัน
-จัดการแบบงบยอดรวม คือ งบประมาณยอดรวมแบบปลายปิด
-แบบอัตราคงที่
-แบบรายกิจกรรม มีหรือไม่มีราคากลาง
-จัดการแบบเหมาจ่ายรายหัวประชากร เช่น หลักประกันสุขภาพ
-แบบตามรายโรคที่ป่วย
Change management
อ้างอิง ทศพร ศิริสัมพันธ์.(2551). การบริหารการเปลี่ยนแปลง (change Management).คู่มือเทคนิคและวิธีการบริหารจัดการสมัยใหม่ตามแนวทางการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี.สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ
ทศพร ศิริสัมพันธ์ (2551) ได้ให้ความหมายไว้ว่า การบริหารการเปลี่ยนแปลง หมายถึง การวางแผน การดำเนินการต่างๆที่จะลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงและสนับสนุนให้เกิดการปรับตัวและการยอมรับพร้อมทั้งสร้างศักยภาพใหม่ๆเพื่อรองรับให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างเป็นผลตามเป้าหมายที่วาวไว้
สาเหตุ การเปลี่ยนแปลง
การเปลี่ยนผู้นำ/ผู้บริหาร
การต่อต้าน
สาเหตุจากภายนอกหน่วยงาน
สาเหตุจากภายในหน่วยงาน
ปฏิสัมพันธ์ของสังคมเปลี่ยนแปลงไป
รูปแบบ มี 2 รูปแบบ
การเปลี่ยนแปลงเชิงรุก (Proactive) : เป็นการเปลี่ยนแปลงตนเองก่อนที่จะได้รับการเปลี่ยนแปลง
จากผู้อื่นซึ่งต้องอาศัยการวิเคราะห์สถานการณ์ และแนวโน้มสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเพื่อเตรียมการรองรับ
การเปลี่ยนแปลงเชิงรับ (Reactive) : เป็นการถูกเปลี่ยนแปลงโดยผู้อื่น อาจจะเป็นในเชิงจาก หน่วยงาน สังกัด หรือเป็นนโยบายระดับองค์กร ระดับประเทศก็ได้ ทั้งๆ ที่ บุคคลในองค์กรอาจไม่ยอมที่จะ เปลี่ยนแปลง หรือมีความคิดติดยึดในแบบเดิมๆมานาน
แนวทางในการบริหารความเปลี่ยนแปลง
1.ผู้บริหารต้องเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลง
2.ผู้บริหารต้องเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงเชิงรุก
3.ต้องมีการคาดการณ์และวางแผนไว้ล่วงหน้า :
4.ผู้บริหารต้องแสดงบทบาทในการสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
Personal management
ความหมาย
กระบวนการที่ผู้บริหารใช้ดำเนินงานด้านบุคลากร ตั้งแต่การสรรหา คัดเลือก และบรรจุบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมให้ปฏิบัติงานในองค์การ พร้อมทั้งการพัฒนา ธำรงรักษาให้สมาชิกที่ปฏิบัติงานในองค์การได้เพิ่มพูนความรู้ ความสามารถ มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีในการทำงาน และยังรวมไปถึงการแสวงหาวิธีการที่ทำให้สมาชิกในองค์การ ที่ต้องพ้นจากการทำงานด้วยเหตุทุพพลภาพ เกษียณอายุหรือเหตุนใดในงาน ให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
ปัจจัยที่มีผลต่อการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์
1) เพศมีผลต่อการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ด้านการจูงใจบุคลากร
2) อายุ มีผลต่อการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ด้านการได้มาซึ่งบุคลากรและด้านการธำรงรักษาบุคลากร
3) ระดับการศึกษามีผลต่อการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ด้านการพัฒนาบุคลากร
4) สถานะการจ้างงาน มีผลต่อการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ด้านการจูงใจบุคลากร
ความสำคัญ
1.ทำให้มีบุคลากรเพียงพอ เนื่องจากการจัดการทรัพยากรมนุษย์ที่ดีจะต้องมีการวางแผนทรัพยากรมนุษย์โดยมีการทำนายความต้องการทรัพยากรมนุษย์ในอนาคตซึ่งต้องสัมพันธ์กับทิศทางและแผนงานขององค์การ
2 ทำให้ได้คนดีและมีความสามารถเข้ามาทำงานในองค์การ มีความสามารถสอดคล้องกับความต้องการขององค์การ
ทำให้มีการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ทั้งคนที่รับเข้ามาทำงานใหม่และคนที่ทำงานอยู่เดิมเพื่อเพิ่มศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทำให้มีการบริหารค่าตอบแทนและสวัสดิการแก่บุคลากรอย่างเหมาะสม:
Planning
ประภทของ planning
แบ่งตามชนิดของแผน
แผนกลยุทธ์ (Strategic plan) เป็นแผนระยะยาวที่รวบรวมทิศทางในการปฏิบัติงานเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายของ องค์การที่กำหนดไว้ โดยมีผู้บริหารระดับสูงเป็นผู้รับผิดชอบแผน
แผนยุทธวิธี (Tactical plan) เป็นแผนระยะกลางที่แสดงรายละเอียดที่สอดรับกับแผนกลยุทธ์และเป้าหมายของธุรกิจที่วางไว้
แผนปฏิบัติการ (Operational plan) เป็นแผนระยะสั้นที่กำหนดเฉพาะเจาะจงว่าต้องปฏิบัติอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร โดยใคร เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายขององค์การ
แบ่งตามระยะเวลาของแผน
แผนระยะสั้น (Short range plan) คือแผนที่มีระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี
แผนระยะกลาง (Intermediate range plan) คือแผนที่มีระยะเวลาตั้งแต่ 1-5 ปี
แผนระยะยาว (Long range plan) คือแผนที่มีระยะเวลาตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป
แบ่งตามความถี่ในการใช้แผน
ก. แผนประจำ (Standing plan) แผนที่ถูกนำมาปฏิบัติตลอดเวลา ประกอบไปด้วย
ข. แผนใช้ครั้งเดียว (Single use plan) เป็นแผนที่แสดงลักษณะการปฏิบัติงานในช่วงระยะเวลาหนึ่งที่กำหนดไว้ และจะมีการวางแผนใหม่เมื่อได้ดำเนินการบรรลุตามวัตถุประสงค์ของแผนนั้นแล้ว
ขั้นตอนในการวางแผน
ขั้นดําเนินการก่อนการวางแผน (Preparation)
ขั้นปฏิบัติตามแผน (Implementation)
ขั้นการติดตามประเมินผล (Follow up and Evaluation)
ประโยชน์ของการวางแผน
-ลดความไม่แน่นแน และมีแนวทางที่ป้องกันหรือแก้ไขเหตุการณ์ที่คาดส่าจะเกิดขึ้น
-เป็นตัวบ่งชี้ให้เห็นถึงความร่วมแรงร่วมใจในการทางาน ของกลุ่มผู้บริหารในองค์การและยังเป็นการสร้างแรงจูงใจให้เกิดขึ้นในกลุ่มของพนักงานที่ทราบอย่าง ชัดเจนว่าองค์การคาดหวังอะไร
-ช่วยให้การติดตามและประเมินผลงานขององค์การ เป็นไปได้อย่างเป็นระบบง่ายต่อการ ปฏิบัติและกระทาได้ตลอดช่วงการททางาน
-ประหยัดแรงงาน วัสดุ และเวลา
-ถ้าทุกฝ่ายได้ร่วมวางแผน จะเกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของงานนั้น ๆ
-เกิดระเบียบในการปฏิบัติงาน