Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่๑ หน้าที่ในการชำระหนี้ - Coggle Diagram
บทที่๑
หน้าที่ในการชำระหนี้
1.หน้าที่ชำระหนี้ให้ถูกต้อง
ลูกหนี้มีหน้าที่ต้องชำระหนี้ให้ต้องตามประสงค์แห่งหนี้นั้น เช่นต้องไปวาดรูป/สร้างบ้านแก่เจ้าหนี้ ก็ต้องปฏิบัติตามนั้น
วัตถุแห่งหนี้
คือสิ่งที่ลูกหนี้จะต้องดำเนินการปฏิบัติชำระหนี้และถ้าหากมองจากฝ่ายเจ้าหนี้คือสิ่งที่เจ้าหนี้อาจเรียกร้องเอาจากลูกหนี้ได้ วัตถุแห่งหนี้มี 3 อย่าง
2.หนี้งดเว้นกระทำการ
เป็นหนี้ซึ่งลูกหนี้มีความผูกพัน ว่าจะไม่กระทำการบางอย่าง เช่น ผู้ขายกิจการค้าอาจให้สัญญาแก่ผู้ซื้อว่าจะไม่ประกอบกิจการค้านั้นในท้องถิ่นเดียวกันภายในระยะเวลาหนึ่ง การงดเว้นการกระทำการนี้ ต้องมีสภาพเป็นหนี้ที่อาจบังคับได้ ไม่ใช่หน้าที่งดเว้นทั่วๆ ไป เช่น สั่งสั่งห้ามล่วงหน้าได้ หนี้งดเว้นกระทำการมีความเกี่ยวข้องกับสิทธิและเสรีภาพของบุคคล หนี้ชนิดนี้ถ้าไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลาหรือสถานที่อาจขัดต่อหลักเสรีภาพของบุคคลความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดี มีผลให้สัญญาที่เป็นโมฆะก็ได้ เช่น ปีห้ามมีให้ทำการสมรส หรือเปลี่ยนศาสนา วัตถุประสงค์ที่ขัดต่อกฎหมาย ความสงบเรียบร้อย ศีลธรรมอันดีจะมีผลทำให้นิติกรรมนั้นเป็นโมฆะ เช่น ทำสัญญาให้ค่าตอบแทนโดยฝ่ายที่รับค่าตอบแทนมีหนี้ต้องไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง
3.หนี้ส่งมอบทรัพย์สิน
การส่งมอบทรัพย์สินนั้นหมายถึงหนี้ที่ลูกหนี้มีหน้าที่ส่งมอบทรัพย์สินแก่เจ้าหนี้ เช่น สัญญาซื้อขายก๋วยเตี๋ยว ฝ่ายผู้ซื้อก็มีหน้าที่ต้องส่งมอบทรัพย์สิน คือราคาก๋วยเตี๋ยวแก่คนขาย ในขณะที่คนขายก็มีหน้าที่ต้องส่งมอบทรัพย์สิน คือก๋วยเตี๋ยวแก่ผู้ซื้อ วิธีการส่งมอบทรัพย์สิน ย่อมขึ้นอยู่กับสภาพของทรัพย์สินนั้นเพราะทรัพย์สินบางชนิดอาจมีขนาดเล็กที่สามารถนำส่งให้กับเจ้าหนี้ได้แต่ทรัพย์บางชนิดเป็นของที่มีขนาดใหญ่โตไม่อาจเคลื่อนย้ายได้ เช่น ที่ดิน บ้านช่อง ทรัพย์สินที่ลูกหนี้จะต้องส่งมอบนี้ กฎหมายเรียกว่า “ทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งหนี้”
1. หนี้กระทำการ
เป็นหนี้ที่ลูกหนี้ต้องไปทำการงานแก่เจ้าหนี้ เช่น ไปสร้างบ้านให้ไปวาดรูปให้ตามสัญญาจ้างทำของ หนี้ที่เกิดจากการละเมิดก็มีวัตถุแห่งหนี้เป็นการกระทำการได้ไม่ใช่ว่าจะต้องชดใช้ค่าสินใหม่ทดแทนเป็นเงินอย่างเดียว เช่น ไปทำการละเมิดทำให้ทรัพย์เขาเสียหายก็อาจจะทำการซ่อมแซมทรัพย์นั้นคืน หนี้กระทำการนั้นลูกหนี้อาจจะไม่ต้องทำด้วยตนเองในการรับผิดชอบก็ได้ เช่น รับจ้างสร้างบ้านลูกหนี้ซึ่งเป็นผู้รับเหมาอาจไม่ได้ลงมือสร้างด้วยตนเองเพียงแต่ไปจัดหาคนงานมาทำงานให้เสร็จตามสัญญาก็ได้ หนี้ประเภทนี้หากลูกหนี้กลายเป็นคนไม่สามารถจะชำระหนี้ได้ ถือว่าการชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัย เช่น ทำสัญญาจ้างจิตรกรฝีมือดีมาวาดรูปให้ แต่ก่อนจะวาดรูปจิตรกรเกิดอุบัติเหตุกลายเป็นอัมพาตไม่สามารถวาดรูปได้อีกต่อไป เช่นนี้การชำระหนี้ตกเป็นอันพ้นวิสัย
วัตถุแห่งหนี้กับวัตถุที่ประสงค์แห่งนิติกรรม
วัตถุแห่งหนี้กับวัตถุที่ประสงค์แห่งนิติกรรม แม้จะมีส่วนคล้ายครึ่งกันมากแต่ก็มีความแตกต่างหลายประการคือ
1.วัตถุประสงค์ของนิติกรรมนั้นอยู่ในขั้นมูลฐานก่อนก่อหนี้เป็นผลเมื่อนิติกรรมเกิดและเกิดหนี้ขึ้นจึงมีวัตถุแห่งหนี้ขึ้นมา
2.วัตถุประสงค์ของนิติกรรมมีเฉพาะในนิติกรรมเท่านั้น
3.วัตถุประสงค์ของนิติกรรมมีได้ไม่จำกัด ขึ้นอยู่กับความประสงค์ของผู้ทำนิติกรรม แต่วัตถุแห่งหนี้ไม่ว่าจะเป็นหนี้เกิดจากอะไร ก็จะมีเพียง 3 คือ กระทำการ,งดเว้นการกระทำการ,หนี้ส่งมอบทรัพย์สินเท่านั้น
ทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งหนี้
ตามสภาพแห่งนิติกรรมหรือตามเจตนาของคู่กรณีไม่อาจจะกำหนดได้ว่าทรัพย์นั้นจะพึงเป็นทรัพย์ชนิดใด ลูกหนี้จะต้องส่งมอบทรัพย์ชนิดปานกลาง
ทรัพย์ที่จะส่งมอบเป็นทรัพย์สินทั่วไป
ทรัพย์สินที่จะส่งมอบนี้อาจเป็นได้ทั้งสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์และจะเป็นทรัพย์เฉพาะสิ่งหรือไม่ใช่ทรัพย์เฉพาะสิ่งก็ได้และเป็นทรัพย์ในอนาคตก็ได้เช่น แดงทำสัญญาซื้อขายเก้าอี้ 100 ตัว ให้แก่ขาวกำหนดส่งมอบในหนึ่งเดือนแม้แดงจะยังไม่มีเก้าอี้อยู่เลยในขณะที่ทำสัญญา
ทรัพย์ที่จะส่งมอบเป็นเงินตรา
เงินตรานั้นโดยสภาพแล้วไม่มีการชำระหนี้ด้วยเงินตราจะกลายเป็นพ้นวิสัยได้ และหนี้เงินที่แสดงไว้เป็นเงินตราต่างประเทศลูกหนี้มีสิทธิ์จะชำระเป็นเงินไทยก็ได้
กรณีวัตถุแห่งหนี้ซึ่งเลือกชำระได้
วัตถุแห่งหนี้ซึ่งเลือกได้ มีหลักเกณฑ์ดังนี้
1.หนี้นั้นมีการกระทำเพื่อชำระหนี้หลายอย่าง
2.ลูกหนี้ต้องกระทำเพียงการใดการหนึ่งแต่
1.สิทธิในการเลือก
ผู้มีสิทธิ์เลือกตาม มาตรา 198,201 วรรคสอง
กรณีมีข้อตกลงระหว่างคู่สัญญาให้เป็นไปตามข้อตกลง
ถ้าไม่มีการตกลง กฎหมายให้ลูกหนี้เป็นผู้มีสิทธิเลือก
ถ้าตกลงให้บุคคลภายนอกเลือก แต่ไม่อาจเลือกได้ หรือไม่เต็มใจเลือก กฎหมายให้ลูกหนี้เป็นผู้เลือก
2.วิธีเลือก
วิธีการเลือกตาม มาตรา 199 ว.1,201 ว.2
1.กรณีลูกหนี้ หรือเจ้าหนี้เป็นผู้เลือกให้แสดงเจตนาแก่คู่กรณีฝ่ายหนึ่ง
2.กรณีบุคคลภายนอกเป็นผู้เลือก ให้แสดงเจตนาแก่ลูกหนี้และลูกหนี้จะต้องแจ้งความนั้นแก่เจ้าหนี้
3.ระยะเวลาในการเลือก
1.กรณีกำหนดเวลาให้เลือก
เมื่อครบเวลาฝ่ายที่มีสิทธิเลือกไม่เลือกให้สิทธิ์การเลือกตกไปอยู่แก่อีกฝ่ายหนึ่ง
~ ฝ่ายที่มีสิทธิเลือกเป็นเจ้าหนี้/ลูกหนี้หากไม่ใช้สิทธิในกำหนดสิทธิเลือกตกเป็นของอีกฝ่าย
~ กรณีผู้มีสิทธิเลือกเป็นบุคคลภายนอกสิทธิที่จะเลือกตกเป็นของลูกหนี้
2.กรณีไม่มีกำหนดระยะเวลาให้เลือก
เมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระแล้วฝ่ายที่มีสิทธิ์เลือกไม่เลือก ให้ฝ่ายที่ไม่มีสิทธิเลือกกำหนดเวลาพอสมควรแล้วบอกกล่าวให้ฝ่ายที่มีสิทธิ์ทิเลือกใช้สิทธิเลือกภายในเวลาอันนั้น ถ้าครบกำหนดแล้วไม่เลือกให้สิทธิเลือกตกเป็นของฝ่ายที่ไม่มีสิทธิ์เลือกมาแต่ต้น
~ ฝ่ายที่มีสิทธิเลือกเป็นเจ้าหนี้/ลูกหนี้
• ฝ่ายที่มีสิทธิต้องตักเตือนก่อน
• สิทธิเลือกตกไปอยู่แก่อีกฝ่ายหนึ่ง
~ กรณีผู้มีสิทธิ์ทิเลือกเป็นบุคคลภายนอก
• ถ้าไม่ยอมเลือก/ไม่เต็มใจเลือกฝ่ายที่ไม่มีสิทธิ (ลูกหนี้/เจ้าหนี้) ต้องเตือนก่อน
• เมื่อเตือนแล้วยังไม่เลือกสิทธิเลือกจะตกเป็นของลูกหนี้
4.ผลของการเลือก
• ให้ถือว่าการชำระหนี้ที่ได้เลือกนั้น อย่างนั้นอย่างเดียวเป็นการชำระหนี้ที่ได้กำหนดให้ทำมาตั้งแต่ต้น
• เช่น ลูกหนี้จะต้องส่งมอบข้าวสาร/ข้าวโพด เมื่อลูกหนี้ได้เลือกส่งมอบข้าวโพดแล้วถือว่าข้าวโพดอย่างเดียวเป็นการชำระหนี้ที่ได้กำหนดตั้งแต่ต้น
5.กรณีการชำระหนี้บางอย่างเป็นพ้นวิสัย
• วัตถุแห่งหนี้ต้องพ้นวิสัยก่อนการเลือก
• ลูกหนี้ต้องชำระหนี้ด้วยสิ่งของที่ยังไม่พ้นวิสัย
ข้อยกเว้น
ลูกหนี้เลือกชำระหนี้ด้วยสิ่งที่พ้นวิสัยได้ถ้าการพ้นวิสัยนั้นเกิดจากพฤติการณ์ของฝ่ายที่ไม่ได้มีสิทธิเลือกต้องรับผิดชอบ
2.กำหนดเวลาชำระหนี้
ถ้าหนี้ยังไม่ถึงกำหนดเวลาชำระหนี้ เจ้าหนี้ก็ไม่มีสิทธิที่จะเรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้ ถึงแม้เจ้าหนี้จะเตือน
หนี้ที่มิได้กำหนดเวลาชำระหนี้
ม.203 ว.1
เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้ได้ทันที
ลูกหนี้ก็มีสิทธิชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ได้ทันทีเช่นเดียวกัน
หนี้ที่มีกำเวลาชำระหนี้
ม.203 ว.2
เช่น ตกลงกันให้ชำระหนี้ทุกวันที่ 30 ของเดือน
เจ้าหนี้ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้ก่อน กำหนดวันที่ 30
แต่ลูกหนี้มีสิทธิชำระหนี้เมื่อใดก็ได้จนถึงวันที่ 30
2.กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ไม่เป็นที่สงสัย
กำหนดเวลาชำระหนี้ตามวันแห่งปฏิทิน
เป็นการกำหนดเวลาชำระหนี้โดยชัดแจ้งตามวันแห่งปฏิทินตามม.204 ว.2 เช่น กำหนดชำระหนี้ในกำหนดชำระหนี้ในวันที่ 10 สิงหาคม,กำหนดเวลาชำระหนี้ในวันสงกรานต์ เป็นต้น
กำหนดเวลาชำระหนี้มิใช่ตามวันแห่งปฏิทิน
การกำหนดเวลาชำระหนี้นี้กำหนดเวลาชำระหนี้ตามมาตรา 204 วรรคแรก ว่าเป็นกำหนดเวลาที่มิใช่ตามวรรคสอง
เช่น ยืมเรือไปใช้กำหนดจะส่งคืนเมื่อสิ้นฤดูน้ำ
1.กำหนดเวลาชำระหนี้แต่เป็นที่สงสัย
ถ้าได้กำหนดเวลาไว้เจ้าหนี้จะเรียกให้ชำระหนี้ก่อนถึงเวลานั้นไม่ได้ แต่ฝ่ายลูกหนี้จะชำระหนี้ก่อนกำหนดเวลานั้นก็ได้ เช่น เอให้บียืมขันเงินใบหนึ่งไปใช้ในงานสมรสของบุตรบังเอิญการสมรสต้องเลื่อนไปอีก1เดือน เอไม่อาจเรียกร้องขันเงินคืนก่อนเสร็จการสมรสได้
3.การผิดนัดไม่ชำระหนี้
ฉันมันผิดนัดขึ้นผลในทางกฎหมายที่กฎหมายได้กำหนดเงื่อนไขเอาไว้อย่างชัดเจนว่ากรณีเช่นใดจึงจะผิดนัดตามกฏหมายเช่นยืมกระบือของเค้าไปไทนาโดยตกลงว่าจะส่งคืนเมื่อสิ้นฤดูทำนาปรากฏว่าแม้จะสิ้นฤดูทำนาแล้วลูกหนี้ก็ยังไม่นำกระบือไปคืน จนถึงฤดูทำนาใหม่อีกครั้ง ลูกหนี้ก็ยังไม่นำกระบือจะคืน ซึ่งผลในทางกฎหมายถือว่าลูกหนี้ยังไม่ผิดนัดเพราะเจ้าหนี้ยังไม่ได้เตือนให้ลูกหนี้ชำระหนี้
การผิดนัด
เป็นผลในทางกฎหมายที่มีความสำคัญต่อลูกหนี้,เจ้าหนี้
1.ลูกหนี้ผิดนัดโดยต้องตักเตือนก่อน
เจ้าหนี้ต้องเตือนลูกหนี้ให้ชำระหนี้ก่อนลูกหนี้จึงจะกลายเป็นผู้ผิดนัด
หนี้ที่มีกำหนดเวลาชำระมิใช่ตามวันแห่งปฏิทิน
หน้ีประเภทนี้เป็นหนี้ที่มีกำหนดชำระไม่ใช่ตามวันแห่งปฏิทิน เช่น กำหนดชำระหนี้เมื่อเกี่ยวข้าวเสร็จหรือฤดูน้ำหลาก ไม่อาจกำหนดวันที่แน่นอนชัดเจนได้ ดังนั้นเมื่อนี่ถึงกำหนดชำระแล้วกฏหมายจึงให้กำหนดให้เจ้าหนี้ต้องให้คำเตือนลูกหนี้เกาะเมื่อลูกหนี้ไม่ชำระตามที่เจ้าหนี้เตือนลูกหนี้ถึงจะกลายเป็นผู้ผิดนัด
หนี้ที่ไม่มีกำหนดชำระหนี้ตาม มาตรา 203
หนี้ที่ไม่มีกำหนดเวลาชำระหนี้ไว้และจะอนุมานจากพฤติการณ์ทั้งปวงก็ไม่ได้เจ้าหนี้มีสิทธิ์เรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้ได้โดยทันทีและลูกหนี้ก็มีสิทธิ์ที่จะชำระหนี้ของตนได้ในทันที
2.ลูกหนี้ผิดนัดโดยเจ้าหนี้ไม่ตักเตือน
ลูกหนี้จะผิดนัดได้ก็ต่อเมื่อเจ้าหนี้ได้เตือนแล้ว
ลูกหนี้ผิดนัดโดยเจ้าหนี้ไม่ต้องเตือนมีอยู่ 2 ประเภท
หนี้ที่กำหนดชำระตามวันแห่งปฏิทิน
ยินหญิงที่กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ตามวันแห่งปฏิทินลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ผิดนัดเห็นทีไม่ต้องเสื่อมเช่นกำหนดให้ชำระหนี้ภายในวันที่ 10 สิงหาคม หากลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ภายในวันที่ 10 สิงหาคมลูกหนี้ตกเป็นผู้ผิดนัดทันที
หนี้ละเมิด
เกิดขึ้นจากการล่วงสิทธิของผู้อื่นมิใช่เกิดจากนิติกรรมสัญญาจึงไม่มีกำหนดเวลาชำระหนี้
เช่น รถชนกัรถชนกันแล้วคู่กรณีตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในจำนวนค่าเสียหาย
3.กำหนดชำระหนี้กับการผิดนัด
การกำหนดเวลาชำระหนี้ก็ดี,การไม่ชำระหนี้ก็ดี,การผิดนัดก็ดี มีความเกี่ยวพันกันอย่างมาก การไม่ชำระหนี้เป็นข้อเท็จจริง ส่วนการผิดนัดเป็นข้อกฎหมายคือเป็นเรื่องของการไม่ชำระหนี้ซึ่งเกิดผลบางประการทางกฏหมายการที่ลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ลูกหนี้อาจจะยังไม่ผิดนัดก็ได้การผิดนัดบางกรณีต้องมีการกระทำของเจ้าหนี้
4.กรณีที่ไม่ถือว่าลูกหนี้ผิดนัด
ในบางกรณีการที่ลูกหนี้ไม่ชำระหนี้นั้นไม่ใช่ความผิดของลูกหนี้จะให้ลูกหนี้ต้องรับผิดก็จะไม่เป็นธรรมแก่ลูกหนี้ พฤติการณ์ซึ่งลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดชอบนี้อาจมีที่มาจากสาเหตุเช่นเช่นว่านี้ เป็นเหตุที่เกิดจากเจ้าหนี้เองและเหตุที่เกิดจากบุคคลภายนอก
ผลของการผิดนัดของลูกหนี้
เมื่เมื่อลูกหนี้ผิดนัดแล้วก็มีผลตามมาจากการผิดนัดชำระหนี้นอกจากหน้าที่ที่ต้องชำระหนี้ที่มีอยู่เดิมโดยผลของการผิดนัดที่สำคัญคือ…
1.ลูกหนี้ต้องรับผิดในความเสียหายอันเกิดแก่การผิดนัด
ลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ให้ต้องตามประสงค์อันแท้จริงแห่งมูลหนี้ ดังนั้นเมื่อการชำระหนี้ล่าช้าเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าหนี้ เจ้าหนี้ก็อาจจะเรียกค่าสินไหมทดแทนได้ เช่น ทำสัญญาทำสัญญารับจ้างสร้างบ้านให้เค้าตกลงว่าจะสร้างบ้านให้เสร็จภายในหกเดือนแต่สร้างเสร็จล่าช้า ก่อให้เกิดความเสียหาย
2.เจ้าหนี้อาจไม่รับชำระหนี้
ในบางกรณีในบางกรณีเวลาก็เป็นสาระสำคัญ จึงเป็นเหตุให้เจ้าหนี้จะบอกเลิกสัญญาก็ได้ เพราะการชำระหนี้นี้เพราะการชำระหนี้นี้ตกเป็นอันไร้ประโยชน์แก่เจ้าหนี้เช่นตกลงเช่าห้องริมแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อดูขบวนเสด็จหากส่งมอบห้องล่าช้าไปจนขบวนเสด็จผ่านไปหมดแล้วก็ย่อมไม่เกิดประโยชน์แก่เจ้าหนี้
3.ลูกหนี้ต้องรับผิดในความเสียหายอันเกิดระหว่างผิดนัดเพิ่มขึ้น
ความเสีความเสียหายจากการผิดนัด เมื่เมื่อลูกหนี้ผิดนัดลูกหนี้ยังต้องรับผิดในความเสียหายในความประมาทเลินเลอ การชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยเพราะอุบัติเหตุอันเกิดขึ้นในระหว่างผิดนัด
เช่น นายก.ยืมรถนายข.และไม่ส่งคืนในเวลาที่กำหนดก่อให้เกิดความเสียหายกับรถของนายก.ระหว่างที่ผิดนัด