Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
"ความรับผิดกระทำละเมิดในการกระทำของผู้อื่น" - Coggle Diagram
"ความรับผิดกระทำละเมิดในการกระทำของผู้อื่น"
2.ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของ
2.1 ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของไม่เป็นความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่น
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 428 วางหลักว่า “ผู้ว่าจ้างทำของไม่ต้องรับผิดเพื่อความเสียหายอันผู้รับจ้างได้ก่อให้เกิดขึ้นแก่บุคคลภายนอกในระหว่างทำการงานที่ว่าจ้าง เว้นแต่ผู้ว่าจ้างจะเป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำ หรือในคำสั่งที่ตนให้ไว้ หรือในการเลือกหาผู้รับจ้าง”หลัก กรณีการว่าจ้างทำของ ผู้รับจ้างไม่ต้องทำตามคำสั่งของผู้ว่าจ้าง เพียงแต่ทำให้สำเร็จตามกิจการที่ว่าจ้างเท่านั้น คือ มุ่งถึงผลความสำเร็จของงานที่ว่าจ้าง ผู้ว่าจ้างไม่มีอำนาจบังคับบัญชา ดังนั้น หากผู้รับจ้างไปทำละเมิดก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลภายนอกในระหว่างทำงานที่ว่าจ้างนั้น โดยหลักแล้วผู้ว่าจ้างทำของไม่ต้องรับผิดเพื่อความเสียหายนั้นด้วย ผู้รับจ้างจะต้องรับผิดเป็นการเฉพาะตัว
2.2 หลักความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 428 บัญญัติว่า “ผู้ว่าจ้างทำของไม่ต้องรับผิดเพื่อความ เสียหายอันผู้รับจ้างได้ก่อให้เกิดขึ้นแก่บุคคลภายนอกในระหว่างการทำการงานที่ว่าจ้าง เว้นแต่ผู้ว่า จ้างจะเป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำ หรือในคำสั่งที่ตนให้ไว้ หรือในการเลือกหาผู้รับจ้าง จากบทบัญญัติ ในมาตรา428 ในมาตรา เห็นว่าเห็นว่ากฎหมายว่าหลักทั่วไปไว้ว่าผู้ว่าจ้างไม่ต้องรับผิดในกรณีที่ผู้รับจ้างได้ก่อความเสียหายขึ้นในระหว่างทางการที่จ้างนั้นทางนี้เพราะโดยลักษณะของสัญญาจ้างทำของผู้ว่าจ้างไม่มีสิทธิ์ในการออกคำสั่งผู้บังคับบัญชาในการทำงานของผู้รับจ้างไม่มีสิทธิ์ควบคุมวิธีการทำงานนั้นดังเช่นเป็นผู้ว่าจ้างตามสัญญาจ้างแรงงานอย่างไรก็ดีผู้ว่าจ้างอาจมีความรับผิดในความเสียหายของผู้รับจ้างก่อขึ้นได้หากว่าตัวผู้จ้างเองเป็นผู้ผิดดังมาตรา 428 บัญญัติไว้ความรับผิดของผู้ว่าจ้างตามมาตรานี้ มิใช่เป็นความผิดเพื่อละเมิดซึ่งเกิดจากการทำการกระทำของบุคคลอื่นอาจจะเป็นความรับผิดในฐานะที่ตัวผู้ว่าจ้างเองเป็นผู้ผิดโดยมีผู้รับจ้างเป็นผู้ก่อให้เกิดความเสียหายโดยตรง
1.ความรับผิดของนายจ้างในผลแห่งการละเมิดของลูกจ้างในทางการที่จ้าง
1.3 สิทธิไล่เบี้ย
เป็นสิทธิของเจ้าหนี้ ต่อ ลูกหนี้ผู้ลงลายมือชื่อก่อนตน และลูกหนี้ชั้นต้น (ผู้รับรอง) เมื่อตั๋วขาดความเชื่อถือเป็นสิทธิของเจ้าหนี้ต่อลูกหนี้ผู้ลงลายมือชื่อก่อนตน และลูกหนี้ชั้นต้น (ผู้รับรอง)เมื่อตั๋วขาดความเชื่อถือ •สิทธิไล้เบี้ย คือ สิทธิในการเรียกร้องให้รับผิดในการ ชำระหนี้ย้อนขึ้นไปเป็นลำดับ กล่าวคือ ผู้ทรงอาจใช้ สิทธิบังคับการใช้เงินจากลูกหนี้ต่างๆ
เมื่อตนไม่ สามารถเรียกให้ผู้มีหน้าที่จ่ายเงินชำระเงินตามตั๋ว แลกเงินได้
มาตรา 959 ผู้ทรงตั๋วแลกเงินจะใช้สิทธิไล้เบี้ยเอาแก่ บรรดาผู้สลักหลัง ผู้สั่งจ่าย และบุคคลอื่นๆ ซึ่งต้อง รบผิดตามตั่วเงินนั้นก็ได้ คือ
ก) ไล้เบี้ยได้เมื่อตั๋วเงินถึงกำหนดในกรณีไม่ใช้ เงิน ข) ไล้เบี้ยได้แม้ทั้งตั๋วเงินยังไม่ถึงกำหนดในกรณี ดังจะกล่าวต่อไปนี้ คือ
(1) ถ้าเขาบอกปัดไม่รับรองตั๋วเงิน
(2) ถ้าผู้จ่ายหากจะได้รับรองหรือไม่ก็ตามตก เป็นคนลมละลาย หรือได้งดเว้นการใช้หนี้ แม้การงดเว้น ใช้หนี้นั้นจะมิได้มีคำพิพากษาเป็นหลักฐานก็ตาม หรือถ้า ผู้จ่ายถูกยึดทรัพย์และการยึดทรัพย์นั้นไรผล
(3) ถ้าผู้สั่งจ่ายตั๋วเงินชนิดไม่จำเป็นต้องให้ผู้ใด รับรองนั้นตกเป็นคนล้มละลาย
1.1 ความรับผิดของนายจ้าง
มาตรา 425 "นายจ้างต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิด ซึ่งลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้น" การเป็นนายจ้างและลูกจ้างนั้น ย่อมต้องเป็นไปตามมาตรา 575 " อันว่าจ้างแรงงานนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าลูกจ้าง ตกลงจะทำงานให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่านายจ้าง และนายจ้างตกลงจะให้สินจ้างตลอดเวลาที่ทำงานให้ "
หากเป็นกรณีที่ผู้ทำละเมิดนั้นมิใช่ลูกจ้างของตนแล้ว ผู้นั้นก็ไม่ต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดนั้นด้วย
1.4 ตัวการรับผิดในการกระทำละเมิดของตัวแทน
ความรับผิดของตัวการในผลแห่งละเมิดที่ตัวแทนได้กระทำ มาตรา 425 "นายจ้างต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิดซึ่งลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้น" มาตรา 426 "นายจ้างซึ่งได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกเพื่อละเมิดอันลูกจ้างได้ทำนั้น มาตรา 427 "บทบัญญัติในมาตราทั้งสองก่อนนั้น ท่านให้ใช้บังคับแก่ตัวการและตัวแทนด้วย โดยอนุโลม"
ชอบที่จะได้ชดใช้จากลูกจ้างนั้น"ตัวการ ตัวแทน ก็เป็นไปตามมาตรา 797 ที่บัญญัติว่า "อันว่าสัญญาตัวแทนนั้น คือสัญญาซึ่งให้บุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าตัวแทน มีอำนาจทำการแทนบุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าตัวการ และตกลงจะทำการดังนั้นตัวการก็เช่นเดียวกับนายจ้าง กล่าวคือต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดที่ตัวแทนของตนได้กระทำไป ปัญหาว่าการกระทำละเมิดได้กระทำในขณะทำการเป็นตัวแทนหรือไม่?อันความเป็นตัวแทนนั้นจะเป็นโดยตั้งแต่งแสดงออกชัดหรือโดยปริยายก็ย่อมได้"
1.2 ลูกจ้างทำละเมิดในทางการที่จ้าง
"มาตรา 426 "นายจ้างซึ่งได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกเพื่อละเมิดอันลูกจ้างได้ทำนั้น ชอบที่จะได้ชดใช้จากลูกจ้างนั้น"สำหรับกรณีที่ผู้ทำละเมิดนั้นเป็นลูกจ้าง เนื่องจากนายจ้างมีหน้าที่จะต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดที่ลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างเท่านั้น ดังนั้น จึงต้องพิจารณาต่อไปว่า การกระทำละเมิดของลูกจ้างนั้นได้กระทำไปในทางการที่จ้างหรือไม่ หรือการทำละเมิดของลูกจ้างนั้นเป็นผลมาจากการปฏิบัติงานหรือไม่ โดยจะเกิดละเมิดในเวลาปฏิบัติงานหรือนอกเวลาปฏิบัติงานก็ได้ แต่ต้องเป็นงานตามที่มอบหมายให้ปฏิบัติไปตามหน้าที่ แต่หากมอบหมายงานให้ทำนอกหน้าที่แล้วลูกจ้างยอมทำก็ถือว่าเป็นทางการที่จ้างเหมือนกัน หรือลูกจ้างทำเกินหน้าที่แต่นายจ้างยินยอมให้ทำ ก็ถือว่าทางการที่จ้างเช่นกัน
3.ความรับผิดของบิดามารดาหรือผู้อนุบาลในการกระทำละเมิดของผู้เยาว์หรือบุคคลวิกลจริตและความรับผิดของครูบาอาจารย์ นายจ้าง หรือบุคคลอื่นในการกระทำละเมิดของผู้ไร้ความสามารถ
3.1 ความรับผิดของบิดามารดาหรือผู้อนุบาลในการทำละเมิดของคนไร้ความสามารถ
มาตรา 429 บุคคลใดแม้ไร้ความสามารถเพราะเหตุเป็นผู้เยาว์หรือวิกลจริตก็ยังต้องรับผิดในผลที่ตนทำละเมิด บิดามารดาหรือผู้อนุบาลของบุคคลเช่นว่านี้ย่อมต้องรับผิดร่วมกับเขาด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำอยู่นั้น
กรณีตัวอย่าง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กำหนดให้บุคคลวิกลจริตซึ่งศาลยังมิได้สั่งให้เป็นคนไร้ ความสามารถ ต้องรับผิดในผลที่ตนได้กระทำละเมิดตามมาตรา 420 โดยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เสียหาย แต่อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาถึงความสามารถในความรับผิดของบุคคลดังกล่าว พบว่ายังไม่มีความสามารถในการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เนื่องจากมีความบกพร่องในทางร่างกายหรือจิตใจบางประการเช่น เป็นคนพิการ หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบความรับผิดของบิดา มารดา และ ผู้ไร้ความสามารถรับผิด มาตรานี้ยืนยันว่าคนที่ไร้ความสามารถไม่ว่า จะเป็นผู้เยาว์หรือวิกลจริตก็ต้องรับผิดในผลละเมิดที่ตนได้ก่อให้เกิดขึ้น เรื่อง ความสามารถของผู้ไร้ความสามารถเพราะเป็นผู้เยาว์หรือวิกลจริตตามกฎหมาย มีเฉพาะเรื่องการทำนิติกรรม กล่าวคือ ผู้ไร้ความสามารถมีแต่ถูกจำกัดในการ ใช้สิทธิโดยลำพัง จึงอาจไม่ต้องรับผิดในการแสดงเจตนาทำนิติกรรม แต่ ในทางละเมิดเป็นการกระทำที่ไม่มีสิทธิ ผู้ไร้ความสามารถจึงต้องรับผิดในทาง ละเมิดเช่นเดียวกับบุคคลธรรมดา
ผู้ไร้ความสามารถเพราะเหตุเป็นผู้เยาว์ คือบุคคลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ไม่ว่าจะโดยอายุหรือโดยการสมรส ส่วนบุคคลวิกลจริตหมายรวมทั้งบุคคลที่ศาล สั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถและที่มิได้สั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถด้วย ส่วนบุคคลผู้เสมือนไร้ความสามารถและหญิงมีสามีต้องรับผิดในการทำละเมิด เช่นเดียวกับบุคคลทั่วไป ผู้พิทักษ์หรือสามีไม่ต้องมาร่วมรับผิดด้วย
3.2 ความรับผิดของครูบาอาจารย์ นายจ้าง หรือบุคคลอื่นในการทำละเมิดของผู้ไร้ความสามารถ
มาตรา 430 "ครูบาอาจารย์ นายจ้าง หรือบุคคลอื่นซึ่งรับดูแลบุคคลผู้ไร้ความสามารถอยู่เป็นนิตย์ก็ดี ชั่วคราวก็ดี จำต้องรับผิด ร่วมกับผู้ไร้ความสามารถในการละเมิด ซึ่งเขาได้กระทำลงในระหว่างที่อยู่ในความดูแลของตน ถ้าหากพิสูจน์ได้ว่าบุคคลนั้นๆ มิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควร"บุคคลไร้ความสามารถที่อยู่ในบังคับมาตรา 430 นี่คือผู้เยาว์หรือบุคคลวิกลจริตที่ศาลยังถ้าสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถและความหมายรวมถึงบุคคลวิกลจริตที่ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถด้วยเมื่อบุคคลดังกล่าวนี้ไปกระทำละเมิดต่อผู้อื่นย่อมต้องได้รับความผิดในการกระทำละเมิดของตนเองและผลของการละเมิดอาจทำให้ครูอาจารย์นายจ้างหรือบุคคลอื่นเช่น ลุง ป้า น้า อา ปู่ ย่า ตา ยาย บิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเบื้องต้นต้องรับผิดในการกระทำละเมิดนี้หากผู้เสียหายไม่ทราบว่าครูอาจารย์ นายจ้าง หรือบุคคลอื่นๆนั้นมิได้ใช้ความระมัดระวัง กล่าวตักเตือนลูกศิษย์ลูกจ้างบุตรหลานหรือผู้ซึ่งอยู่ในความดูแลของตนตามสมควรดังนั้นหากเป็นกรณีไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามมาตรา 425ซึ่งนายจ้างต้องรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิดที่รู้จะได้กระทำในทางการ นายจ้างก็อาจจะต้องรับผิดในการกระทำละเมิดของลูกจ้างในฐานะผู้ดูแลตามมาตรา 430 นี้ได้หรือกรณีบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายต้องร่วมรับผิดกับบุตรผู้เยาว์ตามมาตรา 429 เพราะกรณีตามมาตรา 429 นั้นต้องเป็นบิดามารดาโดยชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น บิดาก็อาจต้องรับผิดต่อบุตรผู้เยาว์ในฐานะผู้ดูแลตามมาตรา 430 มิได้เช่นเดียวกัน