Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

ความดันโลหิตสูงในสตรีตั้งครรภ์ (Pregnancy Induced Hypertension: PIH),…

- - - - 1.1 Thrombocytopenia: เกล็ดเลือดต่ากว่า 100,000/ลูกบาศก์มิลลิเมตร
        
        1.2 Renal insufficiency: ค่า serum creatinine มากกว่า 1.1 มิลลิกรัม/เดซิลิตร หรือ เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าของ serum creatinine เดิมในกรณีที่ไม่ได้มีโรคไตอื่น
        
        1.3 Impaired liver function: มีการเพิ่มขึ้นของค่า liver transaminase เป็น 2 เท่าของค่าปกติ
        
        1.4 Pulmonary edema
        
        1.5 Cerebral หรือ Visual symptoms
    - - Mild pre - eclampsia
        
        ความดันโลหิต ≥140/90 mmHg
        
        โปรตีนในปัสสาวะ (Proteinuria) trace ถึง 1+ หรือ ≥ 300 mg ใน urine 24 ชั่วโมง
        
        -Reflex (DTR: Deep Tendon Reflex) Hyperreflexia 3+ไม่พบ ankle clonus
        
        Serum uric acid ≥ 5.5 mg/100 ml
        
        Blood urea nitrogen 9-10 mg/100 ml
        
        Serum creatinine ปกติ
        
        เอ็นไซม์ในตับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
      - Severe pre - eclampsia
        
        ความดันโลหิต ≥160/110 mmHg
        
        โปรตีนในปัสสาวะ (Proteinuria) ตั้งแต่ 2+ ขึ้นไป หรือ ≥ 500 mg ใน urine 24 ชั่วโมง
        
        มีอาการปวดศีรษะ(Headache)
        
        ตาพร่ามัว เห็นภาพเบรอ, เห็นภาพซ้อน (blurred vision)
        
        ปวดท้องด้านบนหรือปวดบริเวณชาย โครงขวา
        
        -Reflex (DTR: Deep Tendon Reflex) Hyperreflexia 3+ ขึ้นไป และมี ankle clonus
        
        อาการชัก
        
        ปัสสาวะออกน้อยว่า 30 ml / hr. หรือน้อยกว่า 100ml /4 hr. หรือ <400ml/day
        
        ภาวะน้ําท่วมปวด (pulmonary edema)
        
        Serum uric acid > 6.0 mg/100 ml
        
        Blood urea nitrogen 10-16 mg/100 ml
        
        Serum creatinine > 1.2 mg/dl
        
        เกล็ดเลือดต่ำ (thrombocytopenia)
        
        Platelet count < 100,000 cells/ mm3
        
        อาการตัวและตาเหลือง (Hyperbilirubinemia)
        
        เอ็นไซม์ในตับเพิ่มขึ้นมาก (liver enzyme elevation)
        
        Liver enzymes (ALT, AST) เพิ่มขึ้น
        
        ทารกในครรภ์เจริญเติบโตช้า
  - - - อาการชักมีลักษณะเฉพาะเรียกว่า Tonoclonic seizures
        แบ่งออกเป็น 4 ระยะ
        
        2.1 ระยะเตือน (premonitory stage) กินเวลา 10-20 วินาที ผู้ป่วยจะมีอาการ กระสับกระส่าย กรอกตา หน้าบูดเบี้ยว ถ้าไม่สังเกตจะไม่รู้ เพราะบางครั้งจะมีอาการกระตุกที่หนังตา มุมปาก และคิ้วเท่านั้น
        
        2.2 ระยะเกร็ง (tonic stage) กินเวลา 10-20 วินาที กล้ามเนื้อจะเกร็ง หลังแอ่นเกร็ง กัดฟนั แน่น ตา ถลนออกมาข้างนอกจนกระทั่งหยุดหายใจ เพราะกล้ามเนื้อกระบังลมหดรัดตัว ถ้าปล่อยทิ้งไว้ผู้ป่วยจะตายใน ระยะนี้
        
        2.3 ระยะชัก (clonic stage) กินเวลา 60-90 วินาที คนไข้จะมีอาการเกร็งกระตุก อ้าปากขึ้นลง กัด ฟันแน่น กัดลิ้น ซึ่งอาการชักจะเริ่มที่หน้าก่อน ต่อมาแขนขาและชักทั้งตัว มีอาการหน้าเขียวสลับกับหน้าแดง 2.4 ระยะไม่รู้สึกตัว (coma stage) เหมือนคนนอนหลับนานเป็นชั่วโมงเป็นวัน อาจมีอาการชักสลับ
        
        2.4 ระยะไม่รู้สึกตัว (coma stage) เหมือนคนนอนหลับนานเป็นชั่วโมงเป็นวัน อาจมีอาการชักสลับด้วย ยิ่งโคม่านานยิ่งเกิดอันตราย
- - - - 1.Hemolysis (H) : Serum Lactate dehydrogenase: LDH ≥ 600 IU/L หรือ หลักฐานอื่นของ hemolysis เช่น พบ schistocytes, burr cells
      - 2.Elevated liver enzymes (EL) : AST หรือ ALT มากกว่า 2 เท่า(>70 IU/L) ของ normal upper limit(Serum Transaminases (AST หรือ ALT): NL <40IU/L)
      - Low platelet (LP) : Platelet ต่ำกว่า 100,000 /mm3
- - - - แมกนีเซียมซัลเฟต (MgSO4)
      - ยาลดความดันโลหิต กลุ่ม hydralazin
      - ยานอนหลับ (diazepam หรือ valium)
      - ยาขับปัสสาวะกลุ่ม furosemide
      - Retained foley's catheter
      - Iactated ringer's solution
- - - - 2.1 ระบบไหลเวียนโลหิต พบระดับความดนั โลหิตสูงมากกว่าความดันโลหิตครั้งก่อน ๆ(baseline ) อาจพบอัตราการเต้นของชีพจรลดลง เลือดแข็งตัวช้า เลือดออกตามไรฟัน
      - 2.2 ภาวะโภชนาการ ได้แก่ การประเมินภาวะคลื่นไส้อาเจียน น้ําหนักของหญิงตั้งครรภ์อาจเพิ่ม มากกว่า 1 กิโลกรัม/สัปดาห์ หรือ 2.7 กิโลกรัมต่อเดือน พบว่าได้รับโปรตีนน้อยกว่าความต้องการของร่างกาย คือ น้อยกว่า 80-100 กรัม/วัน หรือได้รับเกลือมากเกิน 6 กรมั /วัน บวมโดยประมาณจากการใช้นิ้วกดบริเวณ กระดูกหน้าแข้งนาน 10-30 วินาที เมื่อปล่อยมือถ้าผิวหนังกลับคืนสู่ภาวะปกติ แสดงว่าไม่มีอาการบวม (edema) แต่ถ้ามีรอยบุ๋ม สามารถประเมินรอยบุ๋มได้เป็น +1, +2, +3 และ +4
        
        +1 บวมเล็กน้อยไม่เกินข้อเท้า โดยกดบุ๋มลงไป 2 มม. มองไม่เห็นชัดเจน รอยบุ๋มหายไปเร็ว
        
        +2 บวมมากเพิ่มขึ้น ถึงบริเวณขา โดยกดบุ๋มลงไป 4 มม. สังเกตได้ยาก หายไปใน 15 วินาที
        
        +3 บวนถึงมือ ใบหน้า หน้าท้อง และกน้ กบ กดบุ๋มลงไป 6 มม. สังเกตได้ชัด คงอยู่นานกว่า 1 นาที มองดูพบว่าขาบวมชัดเจน
        
        +4 เป็นการบวมทั้งตัวและมีท้องมาน (ascitis) ที่เรียกว่าanasarca กดบุ๋มลงไป 8 มม. รอยบุ๋มลึก ชัดเจน อยู่นานประมาณ 2-5 นาที
      - 2.3 ระบบประสาท ได้แก่ การประเมินอาการปวดศีรษะ ตาพร่ามัว เห็นภาพเบรอไม่ชัดเจนหรือเห็น ภาพซ้อน ปฏิกิริยาตอบสนองต่อการตรวจ deep tendon reflex (DTRs)
        
        ไม่มีปฏิกิริยาสะท้อนเลย ให้ 0
        
        ปฏิกิริยาสะท้อนช้า ๆ ให้ +1
        
        ปฏิกิริยาสะท้อนตามปกติให้ +2
        
        ไวมากกว่าปกติให้ +3
        
        เร็วฉับพลันที่เคาะให้ + 4
        
        เร็วฉับพลันประกอบกับมีการกระตุกของกล้ามเนื้อ บริเวณเข่าให้ +5
      - 2.4 ความเจ็บปวด อาจพบว่ามีความเจ็บปวดบริเวณใต้ลิ้นปี่ หรือบริเวณชายโครงขวา ถ้ามีเลือดออก บริเวณแคปซูลของตับ หรือเกิดรอยโรคในตับ หรือมีอาการปวดมดลูก มดลูกแข็งเกร็งจากการเกิดภาวะรกลอก ตัวก่อนกําหนด หรือภาวะคลอดก่อนกําหนด
      - 2.5 ระบบการหายใจ ถ้าหญิงตั้งครรภ์ได้รับยาแมกนีเซียม ยานอนหลับ อาจพบอัตราการหายใจน้อย กว่าปกติ กล่าวคืออาจพบน้อยกว่า 14 ครั้ง/นาที
      - 2.6 ระบบทางเดินปัสสาวะพบว่าปัสสาวะออกน้อย ในรายที่ฉีดแมกนีเซียมซัลเฟตเสี่ยงต่อการออก น้อยกว่า 30 มล./ชั่วโมง หรือน้อยกว่า 100 มล. ใน 4 ชั่วโมง
      - 2.7 ระบบอวัยวะสืบพันธุ์ เสี่ยงต่อการคลอดก่อนกําหนด ดังนั้น อาจประเมินพบมดลูกแข็งตัว ตลอดเวลา และมีเลือดออกทางช่องคลอดในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อนรกลอกตัวก่อนกําหนด หรือมดลูกหดรัด ตัวเป็นระยะ ๆ ซึ่งเป็นอาการแสดงของการคลอดก่อนกําหนด
  - - - ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
        เสี่ยงต่อภาวะชักเนื่องจากความดันโลหิตสูง จากภาวะ Severe Pre- eclampsia
        ข้อมูลสนับสนุน
        S: ผู้ป่วยบอกว่ามีอาการปวดศีรษะ
        O: หญิงตั้งครรภ์ อายุ 39 ปี G1P0GA 36wks. BP = 170/110mmHg. urine strip test Al =+3,บวม+1
        วัตถุประสงค์
        ไม่เกิดภาวะชัก
        เกณฑ์การประเมิน
        
        ความดันอยู่ในเกณฑ์ปกติ น้อยกว่า 140/90mmHg.
        
        ไม่มีอาการนําส่ภูาวะชักได้แก่ปวดศีรษะตาพร่ามัวเจ็บใต้ลิ้นปี่ หรือใต้ชายโครงขวา
        
        ไม่มีบวม ไม่มีโปรตีนรั่วในปัสสาวะ
        
        กิจกรรมพยาบาล
        
        ประเมินอาการนําสู่ภาวะชักได้แก่ปวดศีรษะตาพร่ามัวเจ็บใต้ลิ้นปี่ หรือใต้ชายโครงขวา
        
        ประเมินและตรวจ Deep tendon reflex ทุก 4 ชัว่ โมง เพื่อ ประเมินความรุนแรง ของโรค
        
        ประเมินอาการหดรัดตัวของมดลูก อาการเจ็บครรภ์คลอดทุก 2-4 ชั่วโมง
        
        ตรวจวัดสัญญาณชีพทุกๆ 1 ชั่วโมง ติดตามความรุนแรงของโรค
        
        ให้นอนพักในท่าตะแคงซ้าย Absolute bed restโดยให้นอนพักผ่อนบนเตียงให้มากที่สุด
        
        Reccrod I/O
        
        ฟังเสียงปอดทุก 2hr.
        
        ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษา
        
        ให้ออกซิเจน 8-10L /min ตามแผนการรักษา
        10.จัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม
        
        เตรียมอุปกรณ์ช่วยเหลือทันทีที่มีอาการชัก