Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่น - Coggle Diagram
ความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่น
ความผิดของนายจ้างในผลแห่งการละเมิดของลูกหนี้ในทางที่จ้าง
*ความผิดของนายจ้าง
มาตรา 425 บัญญัติว่า
"นายจ้างต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิดซึ่งลูกสร้างได้กระทำในทางการที่จ้างนั้น"
ที่ว่า
"นายจ้าง" "ลูกจ้าง"
นั้นหมายถึงบุคคลสองฝ่ายมีความสัมพันธ์กันตามลักษณะเอกเทศสัญญาจ้างแรงงานตามที่บัญญัติไว้ใน ปพพ. ลักษณะ 6 ตั้งแต่มาตรา 575 ถึงมาตรา 586 บทวิเคราะห์ศัพท์ลักษณะสัญญาจ้างแรงงานในมาตรา 575 มีความว่า
"อันว่าจ้างแรงงานนั้นคือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าลูกจ้างตกลงจะทำงานให้แก่บุคคลหนึ่งเรียกว่านายจ้างและนายจ้างตกลงจะให้สินจ้างตลอดเวลาที่ทำงานให้"
ฉะนั้นคำว่านายจ้างลูกจ้างตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 425 จึงหมายถึงสัญญาจ้างแรงงานตามมาตรา 575 มิใช่สัญญาจ้างทำของดังบัญญัติไว้ในมาตรา 587
ลูกจ้างทำละเมิดในทางการที่จ้าง
มีหลักกฎหมายทั่วไปว่า
"ผู้ใดทำสิ่งใดโดยบุคคลนั้นเท่ากับธรรมด้วยตนเอง"
แต่หลักที่ว่านี้ใช้เฉพาะแต่การที่จะได้รับมอบหมายอำนาจไม่ใช่แก่การกระทำในทางการที่จ้างซึ่งแม้ผู้จ้างจะเป็นผู้กระทำแต่ไม่ได้รับมอบอำนาจโดยเฉพาะในการที่นายจ้างต้องรับผิดในการละเมิดของลูกจ้างในทางการที่จ้างนั้นไม่ใช่เพราะว่ามอบอำนาจให้กระทำแทนแต่เป็นพ่อลูกจ้างได้เกี่ยวข้องกับงานที่จ้างนายจ้างจึงต้องดูแลว่างานนั้นได้ปฏิบัติไปโดยความเอาใจใส่ต่อความปลอดภัยหรือผลประโยชน์ของบุคคลอื่นด้วย
วิธีการปฏิบัติ
ในการกระทำกิจการงานใดนั้นย่อมมีวิธีในการที่จะปฏิบัติงานให้รู้ร่วมไปเพื่อประโยชน์ของนายจ้างหลายวิธีอันแตกต่างกันในการสั่งให้กระทำนั้นนายจ้างไม่ได้แจกแจงวิธีการกระทำให้ละเอียดเพื่อให้ลูกจ้างปฏิบัติตามลูกจ้างอาจใช้วิธีตามที่เห็นสมควรเพื่อให้กิจการนั้นลุล่วงไปและให้ทำอีกด้วย
ลูกจ้างกระทำกิจส่วนตัวในขณะเดียวกัน
ในกรณีที่ถือว่าลูกจ้างปฏิบัติการงานของนายจ้างอย่างแท้จริงแล้วแม้ลูกจ้างจะได้กระทำกิจส่วนตัวในขณะเดียวกันนั้นจนเกิดการละเมิดขึ้นก็ถือว่าเป็นเหตุที่เกิดขึ้นในทางการที่จ้างเพราะการที่ลูกจ้างปฏิบัติกิจส่วนตัวด้วยนั้นอาจเป็นเหตุให้ลูกจ้างปฏิบัติหน้าที่ให้นายจ้างโดยประมาณเลิศๆก็ได้
กรณีที่นายจ้างมีคำสั่งห้าม
การที่นายจ้างมีคำสั่งห้ามการกระทำอันเป็นการละเมิดไว้โดยชัดแจ้งย่อมไม่เป็นข้อต่อสู้ของนายจ้างหากการกระทำนั้นเป็นแต่เพียงวิธีการปฏิบัติสิ่งที่ลูกจ้างได้รับจ้างให้กระทำ
อุทาหรณ์
ฎ.897/2519
ลูกจ้างขับรถประจำของจำเลยขับรถยนต์ไปในทางการที่จ้างชนรถคันอื่นเจ้าหน้าที่ตำรวจสั่งให้ลูกจ้างของจำเลยขับรถไปสถานีตำรวจเพื่อตกลงค่าเสียหายดังนี้เป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องกับเหตุที่เกิดในทางการที่จ้างของจำเลยยังไม่ขาดตอนลูกจ้างของจำเลยขับรถชนกับรถที่บุตรจดขับบุตรโจดตายจำเลยจึงต้องรับผิด
การละเมิดโดยตรงใจ
ตามมาตรา 420 ซึ่งเป็นหลักทั่วไปว่าด้วยการละเมิดเป็นที่เห็นได้ว่าเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเลอร์นั้นแตกต่างกับการกระทำละเมิดโดยจงใจซึ่งรวมถึงลักษณะที่เรียกว่าเป็นเจตนาชั่วร้ายด้วยเพราะการกระทำโดยประมาทเลินเล่อมีระดับทางจิตใจอ่อนกว่าการกระทำโดยจงใจการกระทำโดยประมาทเลิศเป็นการแสดงความไม่รอบคอบขาดความระมัดระวังซึ่งปกติชนจะพึงมีของผู้กระทำเท่านั้น
อุทาหรณ์
ฎ.1241/2502
จำเลยที่ 2 เป็นนายท้ายและควบคุมเรือยนต์ทำงานในฐานะลูกจ้างจำเลยที่ 1 และรับจ้างลากจูงเรือของโจทก์จำเลยที่ 2 ทำให้เรือบรรทุกข้าวของโจทก์ล่มโดยประมาทเป็นเหตุที่เกิดขึ้นในทางการที่จ้าง
การละเมิดโดยตรงใจ
ตามมาตรา 420 ซึ่งเป็นหลักทั่วไปว่าด้วยการละเมิดเป็นที่เห็นได้ว่าเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเลอร์นั้นแตกต่างกับการกระทำละเมิดโดยจงใจซึ่งรวมถึงลักษณะที่เรียกว่าเป็นเจตนาชั่วร้ายด้วยเพราะการกระทำโดยประมาทเลินเล่อมีระดับทางจิตใจอ่อนกว่าการกระทำโดยจงใจการกระทำโดยประมาทเลิศเป็นการแสดงความไม่รอบคอบขาดความระมัดระวังซึ่งปกติชนจะพึงมีของผู้กระทำเท่านั้น
อุทาหรณ์
ฎ.10302/2553
หลังเลิกงานจำเลยที่ 1 ลูกจ้างขับรถไปเก็บที่บ้านด้วยความยินยอมของจำเลยที่ 2 นายจ้างเพื่อประโยชน์ในการบำรุงรักษาและนำรถกลับมาทำงานในวันรุ่งขึ้นแล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้นถือว่าเป็นไปในทางการที่จ้างจำเลยที่ 2
อุทาหรณ์
ฎ.2499/2524
การที่นายจ้างมอบอาวุธปืนให้ลูกจ้างไปใช้ในการอยู่ยามเพื่อรักษาทรัพย์สินของนายจ้างและลูกจ้างใช้ปืนนั้นรอบไปยิงผู้เสียหายในขณะที่ลูกจ้างปฏิบัติหน้าที่อย่างเพื่อรักษาทรัพย์สินของนายจ้างซึ่งอยู่ในเหมืองถือว่าเป็นการกระทำในทางการที่จ้าง
สิทธิไล่เบี้ย
มาตรา 426
บัญญัติว่า
"นายจ้างซึ่งได้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกเพื่อละเมิดอันลูกจ้างได้ทำนั้นชอบที่จะได้ชดใช้จากลูกจ้างนั้น"
ด้วยเหตุที่การละเมิดนั้นเป็นการกระทำของลูกจ้างต่อบุคคลภายนอกเองโดยลำพังที่นายจ้างต้องรับผิดร่วมด้วยกับลูกจ้างก็เป็นความรับผิดต่อผู้เสียหายแต่ในระหว่างนายจ้างลูกจ้างแล้วนายจ้างไม่ต้องรับร่วมกับลูกจ้างในกลุ่มที่ลูกจ้างท่านละเมิดนั้นด้วยเมื่อนายจ้างใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เสียหายไปแล้วจึงชอบที่จะชดใช้ของผู้เสียหายไล่เบี้ยเรียกให้ลูกจ้างชดใช้ให้แก่ตน
(มาตรา 229 (3)และมาตรา 426)
เพิ่งสังเกตว่าในระหว่างนายจ้างลูกจ้างซึ่งเป็นลูกหนี้รวมกันกับผู้เสียหายนั้นนายจ้างลูกหนี้ยังคงรับผิดต่อผู้เสียหายในฐานะล่วงหนี้ร่วมกันจนกว่าหนี้นั้นจะได้ชำระเสร็จสิ้น
(มาตรา 291)
อุทาหรณ์
ฎ.648/2522
ลูกจ้างทำละเมิดนายจ้างถูกฟ้องได้ใช้ค่าเสียหายไปตามคำพิพากษาแล้วไล่เบี้ยเอาจากลูกจ้างได้แต่ค่าฤชาธรรมเนียมที่นายจ้างต้องใช้แก่ผู้เสียหายตามคำพิพากษานั้นไม่ใช่ค่าเสียหายอันเป็นผลโดยตรงจากการละเมิดของลูกจ้างนายจ้างและเบี้ยไม่ได้
ตัวการรับผิดในการกระทำละเมิดของตัวแทน ลักษณะตัวการตัวแทน
ด้วยเหตุที่ตัวแทนมิใช่ลูกจ้างจึงไม่อยู่ในบังคับแห่งสิทธิของตัวการที่จะควบคุมดูแลเกี่ยวกับความประพฤติทางปฏิบัติของตัวแทนโดยปกติตัวแทนจึงย่อมมีความรับผิดแต่เพียงผู้เดียวโดยการไม่ต้องรับผิดในผลแห่งการละเมิดที่ตัวแทนอาจก่อขึ้น
อุทาหรณ์
ฎ. 3812/2540
การที่ผู้มีสิทธิ์ในที่ดินข้างเคียงพาตนไปทางป่าในสวนและขุดไปเผาโดยขอให้จำเลยที่ 2 ช่วยระวังไฟและจำเลยที่ 2 ขอให้จำเลยที่ 3 ช่วยระวังไฟแต่จำเลยทั้งสองขาดความระมัดระวังเป็นเหตุให้ไฟลุกลามขึ้นไปไม่สวนยางพาราของผู้เสียหายผู้มอบหมายต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดด้วยตามมาตรา 420 ประกอบมาตรา 427
อุทาหรณ์
ฎ.1955/2542
ข้อเท็จจริงเป็นเรื่องที่ผู้ทำละเมิดได้ขับรถยนต์คันเกิดเหตุโดยได้รับความยินยอมจากเจ้าหน้าที่วิทยาลัยการปกครองศาลฎีกาวินิจฉัยว่าวิทยาลัยต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดด้วยตามมาตรา 427 เพราะเจ้าหน้าที่ของวิทยาลัยเป็นตัวแทนของวิทยาลัย
สิทธิไล่เบี้ยของตัวการ
มาตรา 427 บัญญัติให้นำมาตรา 426 มาบังคับแก่ตัวการโดยอนุโลมกล่าวคือเมื่อตัวการได้ใช้สิ่งใหม่ทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกเพื่อละเมิดอันตัวแทนได้ทำไปแล้วนั้นก็ชอบที่จะได้ชดใช้จากตัวแทนเกี่ยวกับนายจ้างลูกจ้างที่กล่าวมาแล้วนั้นย่อมอนุโลมนำมาใช้ปรับกับกรณีตัวการตัวแทนได้
อุทาหรณ์
ฎ. 872/2546
โจทย์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุโดยมีจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของผู้ครอบครองและใช้ประกอบการขนส่งและนำไปร่วมรับจ้างขนส่งกับจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ร่วมกันเป็นนายจ้างหรือตัวการของจำเลยที่ 1 ขณะเกิดเหตุรถชนจำเลยที่ 1 กระทำไปในทางการจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 จ้างวานใช้ให้กระทำดังนี้โจทย์มิได้บรรยายฟ้องขัดแย้งกันแต่เป็นการยืนยันว่าจำเลยที่ 3 ต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ไม่ว่าจำเลยที่ 3 จะเป็นนายจ้างหรือตัวแทนก็ตามเนื่องจากมาตรา 427 บัญญัติให้ใช้บทบัญญัติมาตรา 425 และมาตรา 426 ซึ่งบัญญัติความรับผิดของนายจ้างเพื่อผลแห่งละเมิดของลูกจ้างที่กระทำไปในทางการที่จ้างบังคับแก่กรณีตัวการและตัวแทนด้วยโดยอนุโลมฟ้องโจทก์จึงไม่ครอบคลุม
ความรับผิดของมารดาบิดาหรือผู้อนุบาลในการกระทำละเมิดของผู้เยาว์หรือบุคคลวิกลจริตและความรับผิดของครูบาอาจารย์นายจ้างหรือบุคคลอื่นในการ กระทำละเมิดของผู้ไร้ความสามารถ
ความรับผิดของบิดามารดาหรือผู้อนุบาลในการทำละเมิดของคนไร้ความสามารถ
ความสามารถของบุคคลผู้ทำละเมิดไม่เป็นข้อสำคัญแม้เป็นผู้เยาว์หรือบุคคลวิกลจริตก็ยังต้องรับผิดเพราะการละเมิดเป็นการล่วงสิทธิไม่ใช่การใช้สิทธิ์ซึ่งบุคคลดังกล่าวนี้อาจไม่ต้องรับผิดในการแสดงเจตนาทำนิติกรรมเพราะนิติกรรมนั้นอาจเป็นโมฆียะได้ (มาตรา 21-28)เมื่อถูกบอกล้างแล้วก็ถือว่าเป็นโมฆะมาแต่แรกได้อธิบายแล้วว่าคำว่า"ผู้ใด"ตามมาตรา 420 หมายถึงบุคคลชนิดซึ่งรวมทั้งผู้เยาว์และบุคคลวิกลจริตด้วยมาตรา 429 บัญญัติว่า
"บุคคลใดแม้ไร้ความสามารถเพราะเหตุเป็นผู้เยาว์หรือวิกลจริตก็ยังต้องรับผิดในผลที่ตนทำละเมิดบิดามารดาหรือผู้อนุบาลของบุคคลเช่นว่านี้ย่อมต้องรับผิดร่วมกับเขาด้วยเว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามความเหมาะสมแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำอยู่นั้น"
อุทาหรณ์เกี่ยวกับความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำอยู่นั้น
ฎ.815/2498
บิดาโจทก์และโจทย์บุกรุกเข้าไปในที่ของจำเลยจำเลยมีสิทธิ์ขับไล่การที่จำเลยที่ 2 3 บุตรจำเลยที่ 1 ได้ต่อสู้กับโจทก์ก็เพราะโจทก์จะเข้าทำร้ายจำเลยที่ 1 กรณีมิใช่เพราะจำเลยที่ 1 ขาดความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลหากเป็นเพราะโจทก์เป็นต้นเหตุทั้งเวลาเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ก็มัวสาระวนอยู่กับบิดาโจทก์ผู้บุกรุกจำเลยที่ 1 ไม่มีโอกาสและไม่สามารถที่จะปฏิบัติเป็นอย่างอื่นได้ดีกว่านี้ได้จำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดร่วมด้วยตามมาตรา 429
ฎ.6967/2541
บุตรที่ชอบด้วยกฎหมายอายุ 15 ปีเศษได้นำกุญแจรถยนต์กระบะไปลองไขกุญแจล็อคคอรถจักรยานยนต์ได้โดยบังเอิญและได้เข็นรถจักรยานยนต์ไปเพื่อให้รุ่นพี่ต่อสายตรงติดเครื่องให้แลกขี่รถจักรยานยนต์ดังกล่าวไปจนเกิดเหตุศาลฎีกาวินิจฉัยว่าบิดามารดาไม่ต้องรับผิดในเหตุละเมิดที่บุตรก่อให้เกิดตามมาตรา 429 เพราะตามข้อเท็จจริงก่อนที่บิดาจะออกไปธุระนอกบ้านพร้อมมารดาได้นำรถจักรยานยนต์คันเกิดเหตุไปเก็บไว้ในบ้านพร้อมกับใส่กุญแจล็อคคอรถจักรยานยนต์เพื่อป้องกันไม่ให้บุตรนำรถจักรยานยนต์ไปใช้ทั้งบิดายังได้นำกุญแจรถจักรยานยนต์ติดตัวไปด้วยทั้งไม่ปรากฏว่าบุตรเป็นผู้ที่มีนิสัยหรือประพฤติไม่ดีมาก่อนย่อมเห็นว่าบิดาได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำอยู่เหมาะสมกับอุปนิสัยและความประพฤติของบุตรจึงไม่ต้องร่วมรับผิด
โดยเหตุที่ถือว่าความรับผิดของบิดามารดาหรือผู้อนุบาลเป็นความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่นซึ่งกฎหมายบัญญัติให้รับผิดร่วมกับผู้เยาว์หรือบุคคลวิกลจริตต่อผู้เสียหายจึงต้องบังคับตามบทบัญญัติว่าด้วยลูกหนี้ร่วมกัน
(ปพพ.มาตรา 291)
สิทธิไล่เบี้ยของบิดามารดาหรือผู้อนุบาล
เมื่อบิดามารดาหรือผู้อนุบาลได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกไปแล้วก็ชอบที่จะได้ชดใช้จากผู้เยาว์หรือบุคคลวิกลจริตจะได้เบี้ยเอาได้จนครบจำนวนที่ชดใช้
(มาตรา 431 และมาตรา 426)
ไม่ใช่เรียกได้ตามสวนเท่าๆกันอย่างในระหว่างลูกหนี้ร่วมกันตามมาตรา 296
ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของ
ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของไม่เป็นความรับผิดในการกระทำของผู้อื่น
มีนักกฎหมายจำนวนมากที่เข้าใจไปว่าความผิดของผู้ว่าจ้างทำของเป็นความผิดในการกระทำของผู้อื่นหรือกล่าวอีกนัยหนึ่งเป็นความรับผิดแทนกันซึ่งเป็นความเข้าใจผิดเหตุที่เข้าใจกันดังนี้ก็เป็นการบัญญัติกฎหมายโดยเรียงบทมาตราไว้ต่อจากมาตรา 425 - 427 ซึ่งเป็นบทบัญญัติว่าด้วยความผิดในการกระทำของผู้อื่นไว้ก่อนมาตรา 429 - 431ซึ่งเป็นบทบัญญัติว่าด้วยความรับผิดในการกระทำของผู้อื่นเหมือนกันเมื่อมาตรา 248 บัญญัติอยู่กลางๆประกอบกับบทบัญญัติ 248 กล่าวถึงผู้ว่าจ้างทำของและความเสียหายที่ผู้รับจ้างได้ก่อให้เกิดขึ้นแก่บุคคลภายนอกซึ่งถ้าอ่านโดยไม่วิเคราะห์ดูให้ถี่ถ้วนจึงพลอยทำให้เข้าใจไปว่าความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของตามมาตรา 248 เป็นความผิดในการกระทำของผู้อื่นคือการรับผิดในการกระทำของผู้รับจ้างซึ่งความเข้าใจดังนี้หาถูกต้องไม่
ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของ
มีหลักทั่วไปว่าความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของมิใช่ความรับผิดในการกระทำของผู้อื่นทั้งนี้ก็เพราะว่าผู้ว่าจ้างไม่มีสิทธิ์ควบคุมวิธีการทำงานจึงถือว่าเป็นการทำงานของผู้รับจ้างเองผู้ว่าจ้างไม่มีสิทธิที่จะออกคำสั่งบังคับบัญชาผู้รับจ้างดั่งนายจ้างกับลูกจ้างในสัญญาจ้างแรงงาน
อุทาหรณ์
ฎ.1176/2510
เจ้าของรถยนต์นำรถไปซ่อมที่อู่ซ่อมรถแล้วเจ้าของรถวานให้ช่างซ่อมรถคันนั้นไปส่งที่อื่นเมื่อซ่อมเสร็จแล้วช่างซ่อมขับรถกลับอู่เกิดชนท้ายกับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายระหว่างทางดังนี้ช่างซ่อมไม่ได้เป็นตัวแทนหรือลูกจ้างของเจ้าของรถยนต์หรือเป็นเรื่องจ้างทำของเจ้าของรถยนต์ไม่ต้องร่วมรับสิทธิ์ในการละเมิดนั้น
ความรับผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำ
ความผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำเป็นเรื่องสั่งให้ทำตามสัญญาจ้างที่มีต่อกันเช่นจ้างให้ทำถนนเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นเพื่อผ่านไปถึงที่ของตนอันเป็นการละเมิดเป็นต้น
อุทาหรณ์
ฎ.940/2501
จำเลยจ้างผู้รับเหมาตอกเสาเข็มในการปลูกสร้างโรงภาพยนตร์ในที่ดินของจำเลยมากกว่า 100 ต้นต้นหนึ่งยาว 16 17 เมตรเส้นผ่าศูนย์กลาง 30 เซนติเมตรโดยใช้เครื่องกดลงไปแล้วใช้ลูกตุ้มเหล็กตอกเป็นผลให้ดาดฟ้าของโจทก์ซึ่งอยู่ในที่ดินติดกันร้าวรั่วสังกะสีเสียหายดังนี้จำเลยเป็นผู้ผิดในการกระทำหน้าที่ที่สั่งให้ทำ
อุทาหรณ์
ฎ.457/2514
ไม่ปรากฏว่าผู้ว่าจ้างเป็นผู้สั่งให้ผู้รับจ้างตอกเสาเข็มด้วยเครื่องจักรอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์การตอกเสาเข็มจึงเป็นการกระทำของผู้รับจ้างเองผู้ว่าจ้างไม่ต้องรับผิด
ความผิดในคำสั่งที่ตนให้ไว้
ความผิดในคำสั่งที่ตนให้ไว้กล่าวคือแม้การงานที่สั่งให้ทำจะไม่เป็นละเมิดในตัวเองแต่อาจสั่งให้ผู้รับจ้างทำโดยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งอันเป็นผลให้ผู้อื่นเสียหายก็ได้คำสั่งที่ว่านี้ไม่เหมือนกับคำสั่งเมื่อกล่าวถึงในส่วนการงานที่สั่งให้ทำตอนก่อนเป็นคำแนะนำเท่านั้นเช่นแนะนำให้ช่างทำรางน้ำใช้คาของบ้านใกล้ชิดกับแนวแถวที่ดินข้างเคียงของผู้อื่นเวลาฝนตกน้ำไหลตกในที่ดินข้างเคียงเป็นต้น
ความผิดในการเลือกหาผู้รับจ้าง
ความผิดในการเลือกหาผู้รับจ้างที่ว่าเลือกหาผู้รับจ้างคือคือการจ้างนั้นเอง
(ฎ.821/2522)
คือจ้างคนที่ตนรู้ว่าไม่ใช่ผู้ที่มีความสามารถหรือระมัดระวังอันควรแก่สภาพของงานที่จ้างให้ทำจึงเป็นผลให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นโดยละเมิดเช่นจ้างสร้างบ้านทำด้วยไหมไปจ้างผู้ที่เข้าตัวไม้ไม่หนาแน่นจึงเป็นผลทำให้บ้านทรุดพังลงมาถูกทรัพย์สินของบุคคลข้างเคียงเสียหายเป็นต้นแต่ถ้าหากไม่รู้เชื่อด้วยสุจริตตามผู้ที่รับจ้างอวดอ้างว่าตนมีความชำนาญเป็นอย่างดีก็ไม่ใช่ความผิดในการเลือก
ความรับผิดของครูบาอาจารย์นายจ้างหรือบุคคลอื่นในการทำละเมิดของผู้ไร้ความสามารถ
บุคคลต้องรับผิด
มาตรา 430
บัญญัติว่า
"ครูบาอาจารย์นายจ้างหรือบุคคลอื่นซึ่งรับดูแลบุคคลผู้ไร้ความสามารถอยู่เป็นนิดก็ดีชั่วครั้งชั่วคราวก็ดีจึงต้องรับผิดร่วมกับผู้ไร้ความสามารถในการละเมิดซึ่งเขาได้กระทำลงในระหว่างที่อยู่ในความดูแลของตนถ้าหากพิสูจน์ได้ว่าบุคคลนั้นๆมิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควร"
ผู้ที่ต้องรับผิดร่วมกับบุคคลผู้ไร้ความสามารถตามมาตรานี้คือครูบาอาจารย์นายจ้างหรือบุคคลอื่นซึ่งรับดูแลบุคคลดังกล่าวหากไม่รับดูแลก็เป็นกรณีที่ไม่ต้องด้วยมาตรานี้จะดูแลอยู่เป็นนิจหรือชั่วคราวก็ต้องรับผิดเช่นเดียวกันแต่ไม่หมายถึงผู้ดูแลแทนหรือผู้ช่วยเหลือในการดูแลเช่นจ้างครูพิเศษไปสอนเด็กที่บ้านที่ติดอยู่กับบิดามารดาก็เห็นได้ว่าการดูแลเด็กย่อมอยู่กับบิดามารดาหาได้อยู่กับครูพิเศษนั้นไม่
ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแล
ความรับผิดตามมาตรา 430 นี้ต่างกับความรับผิดตามมาตรา 429 ที่ว่ามาตรา 429 บัญญัติให้บิดามารดาหรือผู้อนุบาลที่มีหน้าที่นำสืบว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรจึงจะพ้นจากความรับผิดถ้าไม่นำสืบหรือนำสืบยังไม่ได้ก็ไม่พ้นจากความรับผิดแต่ตามมาตรา 430เป็นหน้าที่ของผู้เสียหายนำสืบให้ได้ความว่าผู้มีหน้าที่ดูแลไม่ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ที่ต้องดูแลถ้าไม่นำสืบหรือนำสืบให้ฟังไม่ได้บุคคลที่รับดูแลบุคคลผู้ไร้ความสามารถก็ไม่ต้องรับผิด
อุทาหรณ์กรณีเกี่ยวกับความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลที่ทำอยู่
ฎ.356/2511(เป็นฎีกาเดียวกับที่กล่าวมาแล้วเกี่ยวกับมาตรา 420)ในตอนเช้าครูประจำชั้นของเด็กผู้ทำละเมิดเห็นเด็กนักเรียนเอากระบอกพลุมาเล่นกันเกรงจะเกิดอันตรายให้เก็บไปทำลายและห้ามเด็กมิให้เล่นต่อไปแต่เด็กได้ใช้พลุยิงกันในเวลาหยุดพักกลางวันและนอกห้องเรียนถือว่าได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแล้ว
สิทธิ์ไล่เบี้ยของครูบาอาจารย์หรือบุคคลอื่นซึ่งรับดูแลบุคคลผู้ไร้ความสามารถ
เมื่อครูบาอาจารย์หรือบุคคลซึ่งรับดูแลบุคคลผู้ไร้ความสามารถได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกไปแล้วก็ชอบที่จะได้ชดใช้จากบุคคลไร้ความสามารถและไล่เบี้ยเอาได้จนครบจำนวนที่ได้ชดใช้(มาตรา 431 และมาตรา 426) เช่นเดียวกับกรณีมาตรา 429
อุทาหรณ์
ฎ.1315/2520
บิดาเคยใช้บุตรขับขี่รถจักรยานยนต์ไปซื้อของและทำเป็นธุระดังนี้นอกจากบิดาจะไม่ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำนั้นแล้วบิดากับสนับสนุนให้ผู้เยาว์ขับขี่รถจักรยานยนต์ด้วยจึงต้องรับผิดร่วมกับอุดตามมาตรา 429
ฎ.1557/2532 จำเลยที่ 1 เป็นผู้เยาว์อายุ 15 ปีนำรถยนต์ในบ้านออกมาขับไปไหนมาไหนได้โดยจำเลยที่ 2 ที่ 3 ซึ่งเป็นบิดามารดาไม่ได้ควบคุมดูแลจำเลยที่ 1 ให้ดีจำเลยที่ 1 จะขับรถดังกล่าวสักกี่ครั้งก็ได้มิได้สังเกตเช่นนี้ถือว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ไม่ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรเมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถชนรถโจทก์เสียหายอันเป็นการกระทำละเมิดแก่โจทก์จำเลยที่ 2 ที่ 3 ย่อมต้องรับผิดด้วยตามมาตรา 429
ฎ.62/2522
เด็กนี้จากบ้านไปตั้งแต่อายุ 12 ปีแม่ถูกล่ามโซ่ไว้ก็ยังหนีจนอายุ 18 ปีไปรับจ้างขี่รถยนต์บิดามารดาใช้ความระมัดระวังดูแลอย่างดีแล้วนอกเหนืออำนาจของบิดามารดาจะระวังได้บิดามารดาไม่ต้องรับผิดในละเมิดที่บุตรขับรถชนผู้อื่นโดยประมาท