Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่น - Coggle Diagram
ความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่น
1. ความรับผิดของนายจ้างในผลแห่งการละเมิดของลูกจ้างในทางการที่จ้าง
:explode: 1.1 ความรับผิดของนายจ้าง
มาตรา 425 บัญญัติว่า "นายจ้างต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิด ซึ่งลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้น"
การที่นายจ้างจะต้องรับผิดจะต้องเป็นกรณีที่ลูกจ้างได้กระทำละเมิดเข้าองค์ประกอบตามมาตรา 420 ไม่ว่าจะเป็นการกระทำละเมิดโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อก็ตาม และหากลูกจ้างมิได้ทำละเมิดก็ไม่มีประเด็นให้ต้องพิจารณาต่อไปว่านายจ้างต้องร่วมรับผิดหรือไม่
ตัวอย่างฎีกา 1425/2539
การที่ลูกจ้างมิได้ขับรถยนต์ทับขาผู้เสียหายโดยประมาทเลินเล่อการกระทำของลูกจ้างจึงไม่เป็นละเมิดนายจ้างจึงไม่ต้องรับผิดร่วมด้วย
แต่การที่จะทำให้
นายจ้างต้องรับผิดอันเนื่องมาจากการกระทำละเมิดโดยจงใจของลูกจ้างนั้น จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าลูกจ้างได้กระทำไปโดยมีความตั้งใจปฏิบัติเพื่อประโยชน์ของนายจ้าง
ถ้าหากลูกจ้างได้กระทำไปเพื่อเป็นประโยชน์ของตนเองและไม่ใช่เป็นการกระทำแทนนายจ้าง หรือในการกระทำละเมิดโดยจงใจนั้นเป็นการกระทำเพื่อความมุ่งหมายส่วนตัว หรือโดยมีเจตนาร้ายหรือความกลัวส่วนตัวโดยเฉพาะแล้ว นายจ้างก็ไม่ต้องรับผิด
"นายจ้าง" "ลูกจ้าง"
นั้น หมายถึงบุคคล 2 ฝ่ายมีความสัมพันธ์กันตามลักษณะเอกเทศสัญญาจ้างแรงงานตามที่บัญญัติไว้ใน ปพพ. ลักษณะ 6 ตั้งแต่มาตรา 575 ถึงมาตรา 586
สัญญาจ้างแรงงานในมาตรา 575 มีความว่า "อันว่าจ้างแรงงานนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าลูกจ้าง ตกลงจะทำงานให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่านายจ้าง และนายจ้างตกลงจะใช้สินจ้างตลอดเวลาที่ทำงานให้ "
ฉะนั้น คำว่านายจ้างลูกจ้างตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 425 จึงหมายถึงสัญญาจ้างแรงงานตามมาตรา 575
:explode: 1.2 ลูกจ้างทำละเมิดในทางการที่จ้าง
การที่จะพิจารณาว่าการกระทำละเมิดของลูกจ้างได้เกิดขึ้นในทางการที่จ้างหรือไม่นั้นต้องพิเคราะห์ดูว่าได้จ้างกันให้
ทำงานชนิดใด ประเภทใด ลักษณะของงานที่จ้างเป็นอย่างไร
เสียก่อน แล้วจึงพิจารณากันต่อไปว่าการละเมิดนั้นได้เกิดขึ้นในทางการที่จ้างหรือไม่
ตัวอย่าง
ก จ้าง ข เป็นลูกจ้างไว้คอยรับใช้ทำงานในบ้านเรือนตลอดจนทำความสะอาดต่างๆเช่น ซักรีด กวาดถูบ้าน ข ซักผ้าเสร็จแล้วเทน้ำที่ซักผ้าเข้าไปในบริเวณบ้านของ ค ที่อยู่ข้างเคียงไม่ว่าจะเป็นการกระทำโดยจงใจเลยประมาทเลินเล่อ ย่อมถือว่าเป็นเหตุที่เกิดในทางการที่จ้าง ก ต้องรับผิดในการกระทำของ ข แต่เมื่อว่างงาน ข เกิดไปรับจ้าง ง เพื่อนบ้านของ ก ซักผ้าแล้วโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อได้เทน้ำที่ใช้ซักผ้าทิ้งลงไปในบริเวณบ้านของ ค เช่นเดียวกัน ดังนี้ ก ไม่ต้องรับผิดในการกระทำของ ข แต่ ง นายจ้างต้องรับผิดต่อ ค
ตัวอย่าง แดง เป็นลูกจ้างขับรถของดำ ขณะที่ขับรถไปส่งของให้ลูกจ้างของดำ แดงตะโกนด่า เขียว ศัตรูคู่อาฆาตกันซึ่งเดินอยู่ริมถนน ดำไม่ต้องรับผิดในการกระทำของแดง แม้ขณะทำละเมิดต่อเขียวนั้น แดงกำลังขับรถเพื่อประโยชน์ของดำ
ตัวอย่างฎีกา 2499/2524 การที่นายจ้างมอบอาวุธปืนให้ลูกจ้างไปใช้ในการอยู่ยามเพื่อรักษาทรัพย์สินของนายจ้าง และลูกจ้างใช้ปืนนั้นลอบไปยิงผู้เสียหายในขณะที่ลูกจ้างปฏิบัติหน้าที่ยามเพื่อรักษาทรัพย์สินของนายจ้างซึ่งอยู่ในเหมือง ถือว่าเป็นการกระทำในทางการที่จ้าง
การที่จะให้นายจ้างต้องรับผิดอันเนื่องมาจากการกระทำละเมิดโดยจงใจของลูกจ้างนั้นจะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า ลูกจ้างได้กระทำไปโดยมีเจตนาปฏิบัติเพื่อประโยชน์ของนายจ้าง ถ้าหากลูกจ้างได้กระทำไปเพื่อประโยชน์ของตนเองและมิใช่เป็นการกระทำแทนนายจ้างหรือในการกระทำละเมิดโดยจงใจนั้นเน้นการกระทำเพื่อความมุ่งหมายส่วนตัวหรือโดยมีเจตนาร้ายหรือความขึงโกรธส่วนตัวโดยเฉพาะแล้ว นายจ้างก็ไม่ต้องรับผิด
ตัวอย่าง แดง เป็นลูกจ้างของ ดำ ดำใช้ให้แดงขับรถยนต์ไปส่งของ เขียว ลูกค้าด้วยความไม่พอใจนายจ้าง แดงแกล้งขับรถตกหลุมบ่อ ทำให้รถเสียหายก็ดีหรือสิ่งของในรถของลูกหนี้เสียหายก็ดี ดำต้องร่วมรับผิดต่อเขียวลูกค้า
กรณีนายจ้างมีคำสั่งห้าม
การที่นายจ้างมีคำสั่งห้ามการกระทำอันเป็นการละเมิดไว้โดยชัดแจ้งย่อมไม่เป็นข้อต่อสู้ของนายจ้าง ถ้าหากการกระทำนั้นเป็นเพียงแต่วิธีการปฏิบัติสิ่งที่ลูกจ้างได้รับจ้างให้กระทำ
ตัวอย่างฎีกา 1169-1170/2509 การที่นายจ้างจ้างลูกจ้างทำงานให้แก่ตน หากลูกจ้างฝ่าฝืนคำสั่งหรือระเบียบแต่ยังปฏิบัติงานของนายจ้างอยู่ นายจ้างจะอ้างคำสั่งหรือระเบียบภายในมาต่อสู้บุคคลภายนอกหาได้ไม่ นายจ้างจึงต้องร่วมรับผิด
ตัวอย่างฎีกา 301/2522 ลูกจ้างขับรถกลับจากงานนำรถเข้าตรวจสภาพแล้วนำรถขับไปบ้านเพื่อนกลับมารับงานในวันรุ่งขึ้น ฝ่าฝืนระเบียบที่ไม่ให้นำรถออกไปอีกนอกจากได้รับอนุญาต ลูกจ้างขับรถออกไปแล้วชนรถของโจทก์ ถือว่าเป็นเหตุที่เกิดขึ้นในทางการที่จ้าง
ตัวอย่าง นายเเดง สั่งให้นายดำ ไปตีหัวนายขาว ถือว่าไม่ใช่ในทางการที่จ้าง
:explode: 1.3 สิทธิไล่เบี้ย
สิทธิไล่เบี้ยของนายจ้างต่อลูกจ้างจะเกิดขึ้นเมื่อนายจ้างได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เสียหายแล้ว
มาตรา 426 บัญญัติว่า "นายจ้างซึ่งได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกเพื่อละเมิดอันลูกจ้างได้ทำนั้น ชอบที่จะได้ชดใช้จากลูกจ้างนั้น
โดยเหตุที่ละเมิดนั้นเป็นการกระทำของลูกจ้างต่อบุคคลภายนอกเองโดยลำพัง ที่นายจ้างต้องรับผิดร่วมด้วยกับลูกจ้างก็เป็นความผิดต่อผู้เสียหาย แต่ในระหว่างนายจ้างลูกจ้างแล้ว นายจ้างไม่ต้องรับผิดร่วมกับลูกจ้างในผลที่ลูกจ้างทำละเมิดนั้นด้วย เมื่อนายจ้างใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เสียหายไปแล้ว จึงชอบที่จะช่วงสิทธิของผู้เสียหายไล่เบี้ยเรียกให้ลูกจ้างชดใช้ให้แก่ตนได้ (มาตรา 229 (3) และมาตรา 426) เพิ่งสังเกตในระหว่างนายจ้างลูกจ้างซึ่งเป็นลูกหนี้ร่วมกันกับผู้เสียหายนั้น นายจ้างลูกจ้างยังคงต้องรับผิดต่อผู้เสียหายในฐานะลูกหนี้ร่วมกันจนกว่าหนี้นั้นจะได้ชำระสิ้น (มาตรา 291)
ตัวอย่างฎีกา 648/2522 ลูกจ้างทำละเมิด นายจ้างถูกฟ้อง ได้ใช้ค่าเสียหายไปตามคำพิพากษาแล้วไล่เบี้ยเอาจากลูกจ้างได้ แต่ค่าฤชาธรรมเนียมที่นายจ้างต้องใช้แก่ผู้เสียหายตามคำพิพากษานั้น ไม่ใช่ค่าเสียหายอันเป็นผลโดยตรงจากการละเมิดของลูกจ้าง นายจ้างไล่เบี้ยไม่ได้
สิทธิในจ้างจะได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากลูกจ้างเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อนายจ้างชำระค่าสินไหมทดแทน ไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความไว้เป็นอย่างอื่นจึงมีอายุความ 10 ปีตามมารถตรา 193/30 (ฎ. 7552/2550) ค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวไม่รวมถึงค่าฤชาธรรมเนียม ที่นายจ้างชดใช้ให้แก่บุคคลภายนอกเมื่อถูกดำเนินคดีด้วย (ฎ.4431/2547)
คือ นายจ้างกับลูกจ้างต้องรับผิดต่อผู้เสียหายในฐานะลูกหนี้ร่วมกัน ถ้านายจ้างจ่ายเงินค่าเสียหายทั้งหมด นายจ้างก็สามารถใช้สิทธิไล่เบี้ยจากลูกจ้างได้ เช่น ถ้าผู้เสียหายเรียกเงิน 5,000 บาทนายจ้างจ่ายให้ทั้งหมด นายจ้างจึงสามารถเรียกสิทธิไล่เบี้ยจากลูกจ้างได้หลังจากที่ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ผู้ดเสียหายแล้ว
:explode: 1.4 ตัวการรับผิดในการกระทำละเมิดของตัวแทน
ลักษณะตัวการตัวแทน
ตัวแทนไม่ใช่ลูกจ้าง กิจการที่ตัวแทนทำไปย่อมเป็นงานของตัวการ เช่นเดียวกับงานที่ลูกจ้างทำไปย่อมเป็นงานของนายจ้าง ตัวแทนต้องทำตามคำสั่งของตัวการ ( ปพพ. มาตรา807 ) ตัวการจะต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดที่ตัวแทนได้ทำไปในการกระทำกิจการของตัวการ มาตรา 427 จึงบัญญัติให้นำมาตรา 425 และมาตรา 426 มาใช้บังคับแก่ตัวการและตัวแทนด้วยโดยอนุโลม
ตัวแทนคืออะไร ปพพ.
มาตรา 797 บัญญัติว่า " อันว่าสัญญาตัวแทนนั้น คือสัญญาซึ่งให้บุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าตัวแทน มีอำนาจทำการแทนบุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกตัวการ และตกลงจะทำการดังนั้น "
เช่น เป็นแต่การใช้หรือวานคนรู้จักกันให้ขับรถยนต์พาภริยาไปซื้อของ ดังนี้ ไม่ใช่ตัวแทนเพราะไม่ใช่เป็นกิจการที่ผู้รับใช้หรือรับวานทำแทนตัวการต่อบุคคลที่ 3 แต่เป็นกิจการระหว่างผู้ใช้กับผู้รับใช้ หรือผู้วานกับผู้รับวาน ไม่ได้เกี่ยวกับบุคคลที่ 3 เลย ผู้ใช้หรือวานให้ขับรถไม่ต้องรับผิดในละเมิดที่คนขับได้ทำขึ้น (ฎ. 1980/2505)
ตัวอย่าง ฎ.2385/2518 เจ้าของเรือขับเรือไม่เป็นจึงให้ ก ขับเรือไปรับขบวนผ้าป่าเจ้าของเรือนั่งไปด้วย ดังนี้ ก เป็นตัวแทน เจ้าของเรือต้องรับผิดร่วมกับ ก ที่ขับเรือชนโจทก์เสียหาย
ตัวอย่าง ฎ.1049/2505 มารดาใช้ให้บุตรเป็นตัวแทนในการเดินรถขนส่งคนโดยสารเก็บผลประโยชน์ให้แก่มารดา ในการนี้มารดาให้บุตรขับรถยนต์ของมารดาด้วย บุตรขับรถชนผู้เสียหายโดยละเมิด ดังนี้ มิใช่เป็นการที่มารดาใช้ให้บุตรขับรถยนต์เท่านั้น แต่เป็นการมอบหมายให้บุตรเป็นตัวแทนในการรับขนส่ง มารดาต้องรับผิดร่วมกับบุตรในการที่บุตรทำละเมิดในการปฏิบัติหน้าที่ของตัวแทนนั้นด้วยตามมาตรา 427
การใช้
หรือ
วาน
ไม่ใช่ลักษณะของตัวการตัวแทน
ความรับผิดของตัวการ
เหตุละเมิดที่จะให้ตัวการรับผิดต้องเป็นเหตุที่ได้เกิดขึ้นในขอบเขตแห่งการปฏิบัติตามหน้าที่เพื่อตัวการหรือในฐานที่ตัวแทนได้ทำการเป็นตัวแทน
ต้องทราบขอบเขตของการเป็นตัวแทนเสียก่อนว่ามีเพียวไร ถ้าตัวแทนได้รับมอบอำนาจแต่
เฉพาะการ
ย่อมจะทำการแทนตัวการได้แต่เพียงในสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้กิจการอันตัวการได้มอบหมายเสียตนนั้นสำเร็จลุล่วงไป (มาตรา 800)
เช่น เป็นตัวแทนในการซื้อรถยนต์ ก็ย่อมมีอำนาจทำการใดที่จะให้ได้รถยนต์นั้นมาเป็นของตัวการ เช่น จ้างคนขับรถมาส่งให้แก่ตัวการ เป็นต้น แต่ไม่มีอำนาจที่จะเอารถยนต์นั้นไปโอนขายได้อีกต่อไป ถ้าเป็นตัวแทนรับมอบอำนาจทั่วไปย่อมทำกิจใดๆในทางจัดการแทนตัวการก็ย่อมทำได้ทุกอย่างนอกจากจะเข้าข้อยกเว้นดังบัญญัติไว้ในมาตรา 801
ตัวแทนรับมอบอำนาจเฉพาะการ = มอบอำนาจให้ทำอะไรก็ทำได้เฉพาะอันนั้น
ตัวแทนรับมอบอำนาจทั่วไป = ทำได้เกือบทั้งหมดเว้นแต่มีเรื่องที่ยกเว้น
สิทธิไล่เบี้ยของตัวการ
มาตรา 427 บัญญัติให้นำมาตรา 426 มาใช้บังคับแก่ตัวการด้วยโดยอนุโลม กล่าวคือ เมื่อตัวการได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกเพื่อละเมิดอันตัวแทนได้ทำไปแล้วนั้น ก็ชอบที่จะได้ชดใช้จากตัวแทน
2. ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของ
:star: 2.1 ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของไม่เป็นความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่น
ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของมิใช่เรื่องความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่น ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของ เป็นความรับผิดของผู้ว่าจ้างในการกระทำของตนเองตามกฎเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ในมาตรา 420
มาตรา 428 บัญญัติว่า " ผู้ว่าจ้างทำของไม่ต้องรับผิดเพื่อความเสียหายอันผู้รับจ้างได้ก่อให้เกิดขึ้นแก่บุคคลภายนอกในระหว่างทำการงานที่ว่าจ้าง เว้นแต่ผู้ว่าจ้างจะเป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำ หรือในคำสั่งที่ตนให้ไว้ หรือในการเลือกหาผู้รับจ้าง "
ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของมิใช่ความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่น ทั้งนี้ก็เพราะว่าผู้ว่าจ้างไม่มีสิทธิควบคุมวิธีการทำงาน จึงถือว่าเป็นงานของผู้รับจ้างเอง ผู้ว่าจ้างไม่มีสิทธิที่จะออกคำสั่งบังคับบัญชาผู้รับจ้างดังนายจ้างกับลูกจ้างในสัญญาจ้างแรงงาน เพราะเป็นผลมาจากการกระทำของผู้รับจ้างเอง ซึ่งถ้าเป็นกรณีที่ผู้รับจ้างกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อต่อบุคคลภายนอกแล้วก็เป็นเรื่องของผู้รับจ้างทำผิดหน้าที่ต่อบุคคลภายนอก ไม่ใช่การกระทำของผู้ว่าจ้าง
*ข้อสังเกตความแตกต่าง
สัญญาจ้างทำของ = งานต้องเสร็จถ้าไม่เสร็จไม่ต้องจ่ายค่าจ้าง
สัญญาจ้างแรงงาน = งานจะเสร็จหรือไม่เสร็จก็ต้องจ่ายค่าจ้าง
ตัวอย่าง ฎ.1176/2510 เจ้าของรถยนต์นำรถไปซ่อมที่อู่ซ่อมรถ แล้วเจ้าของรถวานให้ช่างซ่อมรถคันนั้นไปส่งที่อื่น เมื่อส่งเสร็จแล้วช่างซ่อมรถขับรถกลับอู่ เกิดชนกับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายระหว่างทาง ดังนี้ ช่างซ่อมไม่ได้เป็นตัวแทนหรือเป็นลูกจ้างของเจ้าของรถยนต์ เป็นเรื่องจ้างทำของ เจ้าของรถยนต์ไม่ต้องร่วมรับผิดในการละเมิดนั้น
:star: 2.2 หลักความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของ
ความผิดของผู้ว่าจ้างตามที่กฎหมายกำหนดไว้มี 3 กรณีคือ
ความผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำ
ตัวอย่างฎีกา 940/2501 จำเลยจ้างผู้รับเหมาตอกเสาเข็มในการปลูกสร้างโรงภาพยนตร์ในที่ดินของจำเลยกว่า 100 ต้นๆ หนึ่ง ยาว 16-17 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 30 เซนติเมตร โดยใช้เครื่องกดลงไปแล้วใช้ตุ้มเหล็กตอก เป็นผลให้ดาดฟ้าตึกของโจทก์ซึ่งอยู่ในที่ดินติดต่อกันร้าวรั้งสังกะสีเสียหาย ดังนี้ จำเลยเป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำ (ผู้ว่าจ้างต้องรับผิด)
ความผิดในคำสั่งที่ตนให้ไว้
คำสั่งที่ว่านี้เป็นเพียงคำแนะนำเท่านั้น ช่น แนะนำให้ช่างทำรางน้ำชายคาของบ้านใกล้ชิดกับแนวเขตที่ดินข้างเคียงของผู้อื่น เวลาฝนตกน้ำไหลตกลงในที่ดินข้างเคียง
ความผิดในการเลือกหาผู้รับจ้าง
การจ้างคนที่ตนรู้ว่าไม่ใช่ผู้ที่มีความสามารถหรือระมัดระวังอันควรแก่สภาพของการงานที่จ้างให้ทำจึงเป็นผลให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นโดยละเมิด
เช่น จ้างสร้างบ้านทำด้วยไม้ไปจ้างผู้ที่เข้าตัวไม้ไม่แน่นหนาจึงเป็นผลทำให้บ้านทรุดพังลงมาถูกทรัพย์สินของบุคคลข้างเคียงเสียหาย แต่ถ้าหากไม่รู้เชื่อโดยสุจริตตามผู้ที่รับจ้างอวดอ้างว่าตนมีความชำนาญเป็นอย่างดีก็ไม่ใช่ความผิดในการเลือก
3. ความรับผิดของบิดามารดาหรือผู้อนุบาลในการกระทำละเมิดของผู้เยาว์ หรือบุคคลวิกลจริตและความรับผิดของครูบาอาจารย์ นายจ้าง หรือบุคคลอื่น ในการกระทำละเมิดของผู้ไร้ความสามารถ
:<3: 3.1 ความรับผิดของบิดามารดาหรือผู้อนุบาลในการทำละเมิดของคนไร้ความสามารถ
มาตรา 429 บัญญัติว่า " บุคคลใดแม้ไร้ความสามารถเพราะเหตุเป็นผู้เยาว์หรือวิกลจริตก็ยังต้องรับผิดในผลที่ตนทำละเมิด บิดามารดาหรือผู้อนุบาลของบุคคลเช่นว่านี้ย่อมต้องรับผิดร่วมกับเขาด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำอยู่นั้น "
มาตรา 429 นี้ แม้จะเป็นผู้เยาว์หรือบุคคลวิกลจริตก็ยังต้องรับผิดเพราะการละเมิดเป็นการล่วงสิทธิ ไม่ใช่การใช้สิทธิ
เหตุที่บิดามารดาหรือผู้อนุบาลของบุคคลเช่นว่านี้ต้องรับผิดร่วมกับเขา ก็เพราะว่ามีความสัมพันธ์กับบุตรหรือผู้เยาว์หรือคนวิกลจริต จึงต้องร่วมรับผิด
ความรับผิดของบิดามารดาหรือผู้อนุบาลตามมาตรา 429 เป็นความรับผิดเนื่องจากความบกพร่องในหน้าที่ดูแลผู้ไร้ความสามารถและเหตุละเมิดที่เกิดขึ้นนั้นต้องเกิดขึ้นในขณะที่ผู้ไร้ความสามารถอยู่ในระหว่างการดูแลของบิดามารดาหรือผู้อนุบาลจึงจะทำให้บุคคลเหล่านี้ต้องรับผิด ถ้าหากมิใช่เหตุละเมิดที่เกิดขึ้นในระหว่างที่อยู่ในความดูแลก็ไม่ต้องรับผิด
สิทธิไล่เบี้ยของบิดามารดาหรือผู้อนุบาล
เมื่อบิดามารดาหรือผู้อนุบาลได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกไปแล้ว ก็ชอบที่จะได้ชดใช้จากผู้เยาว์หรือบุคคลวิกลจริตและไล่เบี้ยเอาได้จนครบจำนวนที่ได้ชดใช้ (มาตรา 431 และมาตรา 426) ไม่ใช่เรียกได้ตามส่วนเท่าๆกันอย่างในระหว่างลูกหนี้ร่วมกับตามมาตรา 296
อุทาหรณ์เกี่ยวกับความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำอยู่นั้น
ตัวอย่างฎีกา 847/2498 บุตรผู้เยาว์มีนิสัยชอบเล่นปืนมาก เพียงแต่บิดาเก็บปืนไว้บนหลังตู้ซึ่งผู้เยาว์หยิบไม่ถึง แล้วสั่งนายแดง ให้เก็บปืนไว้เฉยๆไม่ได้กำชับว่าอย่าให้บุตรผู้เยาว์เอาไป บุตรผู้เยาว์หลอกเอาปืนไปจากนายแดงแล้วยิงบุตรโจทก์ตาย เรียกไม่ได้ว่าบิดาใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลตามมาตรา 429
ตัวอย่างฎีกา 934/2517 โจทก์เป็นเด็กไปเล่นที่บ้านจำเลย ถูกบุตรผู้เยาว์ของจำเลยยิงด้วยหนังสติ๊กนัยน์ตาบอด บุตรของจำเลยยิงเล่นอยู่แต่ภายในบริเวณบ้านโดยยิงทางบนเรือนเพียงครั้งเดียวก็ถูกโจทก์ ถือว่าจำเลยได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่แล้ว ไม่ต้องรับผิด
ตัวอย่าง น้อยอายุ 10 ขวบขณะที่อยู่กับนิดซึ่งเป็นมารดา เกิดทะเลาะกับปูซึ่งเป็นเพื่อนเด็กด้วยกัน น้อยได้ใช้ไม้ไล่ตีปูบาดเจ็บ ดังนี้ นิดเเละน้อยต้องรับผิดต่อปูหรือไม่
ตอบ น้อยต้องรับผิดต่อปู เพราะการใช้ไม้ไล่ตีเป็นการทำละเมิดตามมาตรา 420 นิดซึ่งเป็นมารดาจึงต้องร่วมรับผิดด้วยตามมาตรา 429 เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำอยู่นั้น
:<3: 3.2 ความรับผิดของครูบาอาจารย์ นายจ้าง หรือบุคคลอื่นในการทำละเมิดของผู้ไร้ความสามารถ
:pencil2:
สิทธิไล่เบี้ยของครูบาอาจารย์หรือบุคคลอื่นซึ่งรับดูแลบุคคลผู้ไร้ความสามารถ
เมื่อครูบาอาจารย์หรือบุคคลซึ่งดูแลบุคคลผู้ไร้ความสามารถได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกไปแล้ว ก็ชอบที่จะได้ชดใช้จากบุคคลผู้ไร้ความสามารถและไล่เบี้ยเอาได้จนครบจำนวนที่ได้ชดใช้ (มาตรา 431 และมาตรา 426) เช่นเดียวกับกรณีตามมาตรา 429
:pencil2:
บุคคลต้องรับผิด มาตรา 430 บัญญัติว่า " ครูบาอาจารย์ นายจ้าง หรือบุคคลอื่นซึ่งรับดูแลบุคคลผู้ไร้ความสามารถอยู่เป็นนิจก็ดี ชั่วครั้งชั่วคราวก็ดี จำต้องรับผิดร่วมกับผู้ไร้ความสามารถในการละเมิดซึ่งเขาได้กระทำลงในระหว่างที่อยู่ในความดูแลของตน ถ้าหากพิสูจน์ได้ว่าบุคคลนั้นๆมิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควร "
ผู้ที่ต้องรับผิดร่วมกับบุคคลผู้ไร้ความสามารถตามมาตรานี้ คือครูบาอาจารย์ นายจ้างหรือบุคคลอื่นซึ่งรับดูแลบุคคลดังกล่าว หากไม่รับดูแลก็เป็นกรณีที่ไม่ต้องด้วยมาตรานี้ จะดูแลอยู่เป็นนิจหรือชั่วคราวก็ต้องรับผิดเช่นเดียวกัน แต่ไม่ได้หมายถึงผู้ดูแลแทนหรือผู้ช่วยเหลือในการดูแล เช่น จ้างครูพิเศษไปสอนเด็กที่บ้านที่เด็กอยู่กับบิดามารดา เห็นได้ว่าการดูแลเด็กย่อมอยู่กับบิดามารดาหาได้อยู่กับครูพิเศษนั้นไม่
ความสำคัญของมาตรานี้อยู่ที่หน้าที่ดูแลอันมีอยู่ระหว่างผู้ไร้ความสามารถกับตัวผู้ที่จะต้องรับผิดซึ่งเกิดขึ้นโดยข้อเท็จจริงที่บุคคลหนึ่งเข้ารับดูแลผู้ไร้ความสามารถ อาจเป็นผู้ปกครองที่ไม่ใช่บิดามารดา ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1585 หรือผู้รับเลี้ยงดูแล เช่น พี่เลี้ยงโดยมีสัญญาหรือโดยสมัครใจเองชั่วคราว
ตัวอย่างฎีกา 1315/2520 บิดาเคยใช้บุตรขับขี่รถจักรยานยนต์ไปซื้อของและทำเป็นธุระ ดังนี้ นอกจากบิดาจะไม่ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำนั้นแล้ว บิดากลับสนับสนุนให้บุตรผู้เยาว์ขับขี่รถจักรยานยนต์อีกด้วย จึงต้องรับผิดร่วมกับบุตรตามมาตรา 429
:pencil2:
ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแล
ความรับผิดตามมาตรา 430 นี้ต่างกับความรับผิดตามมาตรา 429 ที่ว่าตามมาตรา 429 บัญญัติให้บิดามารดาหรือผู้อนุบาลมีหน้าที่นำสืบว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรจึงจะพ้นจากความรับผิดถ้าไม่นำสืบหรือนำสืบยังไม่ได้ก็ไม่พ้นจากความรับผิด
แต่ตามมาตรา 430 เป็นหน้าที่ของผู้เสียหายนำสืบให้ได้ความว่าผู้มีหน้าที่ดูแลมิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ที่ต้องดูแลถ้าไม่นำสืบหรือนำสืบให้ฟังไม่ได้บุคคลที่รับดูแลบุคคลผู้ไร้ความสามารถก็ไม่ต้องรับผิด
ตัวอย่างอุทาหรณ์กรณีเกี่ยวกับความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลที่ทำอยู่
ฎีกา 356/2511 ในตอนเช้า ครูประจำชั้นของเด็กผู้ทำละเมิดเห็นเด็กนักเรียนเอากระบอกพลุมาเล่นกันเกรงจะเกิดอันตรายให้เก็บไปทำลายและห้ามเด็กมิให้เล่นต่อไป แต่เด็กได้ใช้พลุยิงกันในเวลาหยุดพักกลางวันและนอกห้องเรียนถือว่าได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแล้ว