Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การใช้กระบวนการพยาบาลในการดูแล มารดาและทารกที่มีความผิดปกติ …
การใช้กระบวนการพยาบาลในการดูแล
มารดาและทารกที่มีความผิดปกติ
ของปัจจัยการคลอด
ความผิดปกติของทารกในครรภ์
(abnormal passengers)
ความผิดปกติเกี่ยวกับส่วนนําทารก (abnormal presentation)
ทารกมีก้นเป็นส่วนนํา (breech presentation) แบ่งเป็น 3 ชนิด
Complete breech คือ ข้อสะโพกและข้อเข่าทั้งสองข้างงอ เหมือนทานั่งขัดสมาธิ
Incomplete breech คือ ข้อสะโพกหรือข้อเข่าข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างงอไม่เต็มที่
Frank breech คือขอสะโพกงอข้อเข่าทั้งสองข้างเหยียดตรง ขาแนบไปกับลําตัวและหน้าอก พบได้บ่อยที่สุด
สาเหตุและปัจจัยส่งเสริม
มีดังนี้
ด้านมารดา
มีประวัติคลอดท่าก้นมาก่อน
มดลูกหย่อนโดยเฉพาะในครรภ์ที่มารดาผ่านการคลอดบุตรมาหลายครั้ง
ครรภ์แฝด ครรภ์แฝดน้ํา
ด้านทารก
ทารกหัวบาตร
ทารกเติบโตช้าในครรภ์ หรือทารกตายในครรภ์
ทารกมีรูปรางผิดปกติหรือมีความผิดปกติของระบบประสาท
ผลกระทบต่อมารดาและทารก
ผลต่อมารดา
การคลอดยาก
การคลอดยาวนาน
ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนเจ็บครรภ์จริง
อ่อนเพลีย
ตกเลือดหลังคลอด
ผลต่อทารก
ทารกแรกเกิดน้ำหนักตัวน้อย
ได้รับอันตรายจากการช่วยคลอด
เสี่ยงต่อสายสะดือพลัดต่ำโดยเฉพาะท่า footling breech
การพยาบาลผู้คลอดที่ทารกมีก้นเป็นส่วนนํา
ประเมินการหดรัดตัวของมดลูก และเสียงหัวใจของทารก
เมื่อถุงน้ําคร่ำแตกควรรีบฟังเสียงหัวใจทารกและตรวจภายในทันทีเพื่อประเมินภาวะสายสะดือพลัดต่ำ
กรณีที่ถุงน้ําคร่ำยังไมแตกให้ผู้คลอดนอนพักที่เตียง งดสวนอุจจาระ
ไม่ควรเจาะน้ําคร่ำ
ดูแลให้งดอาหารและน้ําทางปากโดยให้สารสะสายทางหลอดเลือดดําแทนเตรียมผู้คลอดเพื่อผ่าตัดเอาทารกออกทางหน้าท้อง
ติดตามความก้าวหน้าของการคลอดหากไม่ก้าวหน้ารายงานแพทย์
ให้การชวยคลอดทารกท่ากเนทางช่องคลอด เตรียมทีมแพทย์ และอุปกรณ์ช่วยฟื้นคืนชีพ
ทารกมีไหล่เป็นส่วนนํา (shoulder/acromion presentation or transverse lie)
สาเหตุ
มีดังนี้
หน้าท้องหย่อนมาก
กระดูกเชิงกรานแ
ทารกคลอดก่อนกําหนด หรือ พิการแต่กำเนิด
รกเกาะต่ำ
ครรภ์แฝด ครรภ์แฝดน้ํา
มดลูกมีความผิดปกติหรือมีเนื้องอก
ผลกระทบต่อมารดาและทารก
มีหลากหลายสาเหตุ
ดังนี้
สายสะดือพลัดต่ำ
ทารกขาดออกซิเจน
มีโอกาสเกิดภาวะมดลูกแตกจากการคลอดติดขัด
ช่องทางคลอดฉีกขาด จากการทําหัตถการหมุนเปลี่ยนท่าทารก
ถุงน้ําคร่ำแตกก่อนการเจ็บครรภ์
การพยาบาลผู้คลอดที่ทารกมีไหล่เป็นส่วนนํา
มีหลากหลายสาเหตุ
ดังนี้
รายที่แพทย์พิจารณาทําการหมุนเปลี่ยนทาทารกผ่านทางหน้าท้องมารดาให้การพยาบาล เช่นเดียวกับการหมุนกลับทารกที่มีก้นเป็นส่วนนำ
เตรียมผู้คลอดให้พร้อมสําหรับการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องกรณีฉุกเฉิน
ประเมินเสียงหัวใจทารก และดูแลให้ได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ
ติดตามและประเมินความก้าวหน้าของการคลอด โดยเฉพาะการหดรัดตัวของมดลูก
ถ้าถุงน้ํายังไม่แตก ควรดูแลให้นอนบนเตียง งดการสวนอุจจาระ การตรวจภายใน
ความผิดปกติเกี่ยวกับท่าทารก (abnormal position)
สาเหตุ
ท่าท้ายทอยอยู่ด้านหลัง (occiput posterior position : OPP)
2 more items...
ความผิดปกติเกี่ยวกับทรงของทารก (abnormal attitude)
สาเหตุ
ดังนี้
6 more items...
ผลกระทบต่อมารดาและทารก
การบาดเจ็บหรือฉีกขาดของชองทางคลอด
การคลอดยาวนาน
อัตราการตายปริกําเนิดสูงขึ้น
Bregma presentation
หมายถึง ทารกที่มีขม่อมหน้าเป็นส่วนนํา โดยศีรษะอยูในลักษณะที่ เงยเล็กน้อย
การวินิจฉัย การตรวจทางหน้าทอง จะคลําได้ส่วนนูนของศีรษะทารกอยู่สูงไปทางศีรษะมารดา และ อยู่ด้านเดียวกับหลังทารก
2 more items...
ปัจจัยที่มีผลต่อการคลอด (6Ps)
๑. กําลังการคลอด (Power) ประกอบด้วย แรงหดรัดตัวของมดลูก และแรงเบ่ง
๒. ช่องทางคลอด (Passage) เป็นช่องทางที่ทารกหรือผลิตผลจากการตั้งครรภ์จะผ่านออกมา
๓. สิ่งที่ผ่านทางช่องคลอด (Passenger) ได้แก่ ทารก รก เยื่อหุ้มทารก และน้ำคร่ำ
๔. สภาวะร่างกาย (Physiological condition) ได้แก่ อายุ น้ำหนัก ส่วนสูง
ความพิการ และสภาวะสุขภาพผู้คลอด
๕. สภาวะจิตใจ (Psychological condition) ได้แก่ ความวิตกกังวล ความกลัวต่อการคลอด
๖. ท่าของผู้คลอด (Position) ท่าของผู้คลอดระหว่างการเจ็บครรภ์และการคลอด
การคลอดไหล่ยาก (Shoulder dystocia) :red_flag:
ความหมาย
การติดแน่นของไหล่กับกระดูกหัวหน่าวภายหลังจากที่ศีรษะทารกคลอดแล้ว และไม่สามารถทำคลอดไหลได้โดยการดึงศีรษะทารก
ลงล่างอย่างนุ่มนวลตามวิธีปกติ
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
เช่น ผู้คลอดเป็นเบาหวาน ตั้งครรภ์เกินกำหนด ทารกตัวโตคาดคะเนน้ำหนักมากกว่า ๔,ooo กรัม ช่องเชิงกรานแคบ ทารกมีเนื้องอกหรือความ พิการบริเวณคอไหล่ เป็นต้น
การวินิจฉัย
มักจะไม่มีการวินิจฉัยก่อนคลอด เพราะไม่สามารถคาดคะเนล่วงหน้าได้
จะทราบเมื่อศีรษะทารกคลอดออกมาแล้ว และพบว่าศีรษะและใบหน้าทารกมีขนาดใหญรคางทารกติดแน่นกับฝีเย็บมารดา หรือถูกดึงรั้งกลับเข้าไปในช่องคลอด เรียกว่า “turtle sign”
ผลกระทบต่อมารดาและทารก
ผลต่อทารก
ได้แก่ กระดูกไหปลาร้าหัก กระดูกต้นแขนหัก กล้ามเนื้อบริเวณคอฉีกขาด มีการบาดเจ็บ brachial plexus เกิดภาวะ Erb-Duchenne palsy
ทารกขาดออกซิเจน มีเลือดออกในสมอง และอาจเสียชีวิตได้
ผลต่อมารดา
ได้แก่ กระดูกหัวหน่าวแยก มดลูกแตก มีการฉีกขาดของปากมดลูก ช่องคลอด และฝีเย็บ เกิดรูรั่วระหว่างช่องคลอดและทวารหนัก มดลูกหดรัดตัวไม่ดี ตกเลือดและติดเชื้อหลังคลอด
การรักษา
ต้องรีบดูดสารคัดหลั่งออกจากปากและจมูกทารกให้มากที่สุด ตัดฝีเย็บให้กว้างพอ และให้มารดาหยุดเบ่ง หลีกเลี่ยงการกดยอดมดลูกและการหมุนศีรษะทารก เพราะอาจทำให้มดลูกแตก และให้การช่วยคลอดไหล่ยากด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนี้
วิธี McRobert maneuver
วิธี Woods corkscrew maneuver
วิธี Suprapubic pressure
วิธี Rubin's maneuver
วิธี All-fours maneuvers หรือ Gaskin maneuver
การคลอดไหล่หลัง (Delivery of posterior shoulder)
วิธีการหักกระดูกไหปลาร้า (clavicle fracture)
การพยาบาลผู้คลอดที่มีภาวะการคลอดไหล่ยาก
เตรียมเครื่องช่วยฟื้นคืนชีพของทารกให้พร้อมใช้
และรายงานกุมารแพทย์
ติดตามผลการตรวจร่างกายทารก ให้การช่วยเหลืออย่างรวดเร็วและ
ส่งต่อทารกเพื่อให้ได้รับการ ดูแลรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป
ประเมินเสียงหัวใจทารกอย่างต่อเนื่อง
ตัดฝีเย็บในแนวเฉียงอย่างลึกให้เพียงพอ
(deep mediolateral episiotomy
ให้ยาระงับปวดที่เหมาะสมและเพียงพอ
ถ้ามีปัสสาวะคั่งสวนออกให้หมด
ดูแลให้ได้รับออกชิเจน และสารละลายทางหลอดเลือดดำอย่างเพียงพอ
เฝ้าระวังและสังเกตอาการแสดงภาวะมดลูกแตก เช่น มดลูกหดรัดตัวไม่คลาย กดเจ็บที่หน้าท้อง อย่างรุนแรง ตรวจพบ bandl's ring เป็นต้น
ความผิดปกติของช่องทางคลอด
(abnormal passage)
อาจเกิดจากกระดูกเชิงกรานมีรูปร่างหรือขนาดผิดปกติ หรือช่องทางคลอดอ่อน ซึ่งได้แก่ ปากช่องคลอด ช่องคลอด และปากมดลูก ไม่สามารถยืดขยายได้ตามปกติ
1. ช่องเชิงกรานแคบ
(contracted pelvis or pelvic contraction)
ช่องกลางเชิงกรานแคบ (midpelvic contracture)
ช่องออกเชิงกรานแคบ (outlet contracture)
ช่องเข้าเชิงกรานแคบ (inlet contracture)
เชิงกรานแคบทุกส่วน (generally contracted pelvis)
ผลกระทบของช่องทางคลอดส่วน bony passage
ผิดปกติต่อมารดาและทารก
ผลต่อมารดา
การคลอดล่าช้า
pathological ring หรือ bandl’s ring เสี่ยงต่อการเกิดภาวะมดลูกแตก
ผลต่อทารก
มีส่วนนําหรือท่าผิดปกติ
อาจทำให้มีการบาดเจ็บที่ศีรษะ หรือมีเลือดออกในสมองได้
อาจได้รับอันตรายจากการคลอดล่าช้า หรือการใช้สูติศาสตร์หัตถการ
แนวทางการรักษา
การรักษาปัญหาเชิงกรานแคบ ในกรณีที่ไม่แน่ใจว่ามีการผิดสัดส่วนระหว่างศีรษะทารกกับเชิงกรานมารดาจริงหรือไม่ แพทย์อาจให้มารดาทดลองคลอด ถ้าการคลอดไม่ก้าวหน้า หรือ ช่วยคลอดด้วยคีมหรือเครื่องดูดสุญญากาศไม่สำเร็จ แพทย์อาจผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง
การพยาบาลผู้คลอดที่มีช่องทางคลอดแคบ
เมื่อปากมดลูกเปิดหมดแต่การคลอดไม่ก้าวหน้า ควรเตรียมผู้คลอด และช่วยแพทย์ในการทำสูติศาสตร์หัตถการ
หลังคลอดให้การพยาบาลเพื่อป้องกันการตกเลือดเช่นเดียวกับรายปกติ เน้นเรื่องประเมินการ หดรัดตัวของมดลูก กระเพาะปัสสาวะ และการตกเลือด
ประเมินลักษณะช่องเชิงกรานของมารดา
2. ช่องทางคลอดอ่อนผิดปกติ (abnormal soft passages)
ปากช่องคลอดและฝีเย็บ
ความผิดปกติ ได้แก่ การตีบแคบของปากช่องคลอด ฝีเย็บแข็งตึง ซึ่งอาจเป็นมาแต่กำเนิดหรือเกิดขึ้นภายหลังจากการผ่าตัด การจี้ด้วยไฟฟ้า การบาดเจ็บ การอักเสบหรือเนื้องอก
ช่องคลอด
ความผิดปกติ ได้แก่ ช้องคลอดแคบหรือตีบมาแต่กำเนิด หรือเกิดขึ้นภายหลัง เช่น เคยผ่าตัดและเกิดพังผืดในช่องคลอด มีผนังกั้น ตามแนวยาวของช่องคลอดตั้งแต่ปากมดลูกจนถึงปากช่องคลอด หรือมีเนื้องอกของช่องคลอด
ปากมดลูก
ความผิดปกติ ได้แก่ ปากมดลูกบวม ส่วนนําของทารกเคลื่อนมากดทับปากมดลูกส่วนที่ยังเปิดไม่ และมะเร็งปากมดลูก
มดลูก
ความผิดปกติ ได้แก่
มดลูกคว่ำหน้า (anteflexion)
มดลูกคว่ำหลัง (retroflexion)
มดลูกหย่อน (prolapsed uterus) และเนื้องอกมดลูก (myoma)
รังไข่
ถาก่อนเนื้องอกนั้นลงมาอยู่ในอุ้งเชิงกราน อาจทำให้เกิดการคลอดติดขัด รักษาด้วยการผ่าตัดคลอดทารกทางหน้าท้อง ร่วมกับตัดเนื้องอกออกไปพร้อมกัน
ผลกระทบของช่องทางคลอดอ่อนผิดปกติ
ได้แก่ การคลอดยาวนาน และถ้าเป็นมากอาจคลอดทางช่องคลอดไม่ได้
การพยาบาลผู้คลอดที่มีช่องทางคลอดอ่อนผิดปกติ
รายที่มดลูกคว่ำหน้า ส่วนนําไม่เคลื่อนลงช่องเชิงกราน แนะนําให้ใช้ผ้าพันหน้าท้องเพื่อช่วยประคองมดลูกให้กลับสู่ตำแหน่งปกติ
รายที่ปากมดลูกบวม แนะนําให้นอนตะแคง หรือนอนยกปลายเท้าสูง
ให้การพยาบาลเพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าของการคลอด
เตรียมผู้คลอดให้พร้อมสำหรับการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง
ประเมินและติดตามความก้าวหน้าของการคลอด
หลังคลอดให้การพยาบาลเพื่อป้องกันการตกเลือด
รูปแบบการคลอดผิดปกติ
1. การประเมินภาวะสุขภาพ
ซักประวัติการคลอดยากของมารดาและครอบครัว
เพราะประวัติการคลอดยากของมารดา และ
ครอบครัวเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการคลอดยากในปัจจุบัน
ประเมินปัจจัยที่อาจเป็นสาเหตุของการคลอดยาก
ประเมินสภาพการคลอด
ประเมินลักษณะการคลอดผิดปกติ
ประเมินภาวะสุขภาพทารกในครรภ์
ประเมินการตอบสนองของมารดาต่อการคลอด
ทบทวนผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการต่างๆ
5. การประเมินผลการพยาบาล
การประเมินผลการพยาบาลมารดาที่มีการคลอดยากขึ้นอยู่กับการบรรลุวัตถุประสงค์ทางการพยาบาล
ตามที่ตั้งไว้หรือไม่
4.การปฏิบัติการพยาบาล
3. การวางแผนการพยาบาล
2. การวินิจฉัยทางการพยาบาล
ตัวอย่างการตั้งข้อวินิจฉัย
ทารกเสี่ยงต่อการขาดออกซิเจนระหว่างการเจ็บครรภ์และการคลอด
มารดาเหนื่อยล้าเนื่องจากสูญเสียพลังงานจากการเจ็บครรภ์คลอดยาวนาน
มารดาวิตกกังวลเนื่องจากการคลอดยาวนาน และการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องฉุกเฉิน
สาเหตุของการคลอดยาก
ในที่นี้จะกล่าวถึง ๓ ปัจจัย ได้แก่ ความผิดปกติของกําลัง
การคลอด่ความผิดปกติของช่องทางคลอด และความผิดปกติของทารกในครรภ์
ความผิดปกติของกําลังการคลอด (abnormal power)
การพยาบาลผู้คลอดที่มีการหดรัดตัวของมดลูกมากกว่าปกติ
๕. ดูแลให้กระเพาะปัสสาวะว่างโดยกระตุ้นให้ถ่ายปัสสาวะทุก ๒-๔ ชั่วโมง
๖. ติดตามและประเมินเสียงหัวใจทารกอย่างต่อเนื่อง
๔. ดูแลให้สารสะลายทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
๗. เตรียมผู้คลอดสําหรับการช่วยคลอดด้วยสูติศาสตร์หัตถการ
๓. ดูแลให้ได้รับยาระงับความเจ็บปวด หรือยานอนหลับตามแผนการรักษาเพื่อให้ผู้คลอดบรรเทาปวด และได้พักผ่อน
๒. ประเมินการหดรัดตัวของมดลูกและเสียงหัวใจของทารก โดยประเมินทุก ๑ ชั่วโมงในระยะ ปากมดลูกเปิดช้า และทุก ๓๐ นาที ในระยะปากมดลูกเปิดเร็ว
๑. อธิบายให้ผู้คลอดเข้าใจเกี่ยวกับการคลอดยาวนาน แผนการรักษา และการปฏิบัติตัว
พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ซักถามข้อสงสัยและระบายความรู้สึก เพื่อลดความกลัวและวิตกกังวล
การพยาบาลผู้คลอดที่มีการหดรัดตัวของมดลูกน้อยกว่าปกติ
๔. ดูแลให้กระเพาะปัสสาวะว่างโดยกระตุ้นให้ถ่ายปัสสาวะทุก ๒-๔ ชั่วโมง
๕. ดูแลช่วยเหลือการเจาะถุงน้ำ เพื่อกระตุ้นให้มดลูกหดรัดตัวดี ติดตามประเมินการหดรัดตัวของมดลูกภายหลังเจาะถุงน้ำคร่ำ
๓. ดูแลให้ผู้คลอดได้รับสารน้ำและอาหารอย่างเพียงพอ
๖. ดูแลการได้รับยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกตามแผนการรักษา และประเมินภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับยา
๒. รายที่ปากมดลูกยังเปิดไม่หมด ถุงน้ำคร่ำยังไม่แตก และส่วนนําลงช่องเชิงกรานแล้ว ควรกระตุ้นให้ผู้คลอดลุกเดินหรือนอนในท่าศีรษะสูง เพื่อกระตุ้นเฟอร์กูสันรีเฟลกซ์ ช่วยใหมดลูกหดรัดตัวดีขึ้น
๗. ติดตามและประเมินเสียงหัวใจทารกอย่างต่อเนื่อง
๑. อธิบายให้ผู้คลอดเข้าใจเกี่ยวกับการคลอดยาวนาน แผนการรักษาและการปฏิบัติตัวพร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ซักถามข้อสงสัยและระบายความรู้สึก เพื่อลดความกลัวและความวิตกกังวล
๘. ตรวจภายในเพื่อประเมินความก้าวหน้าของการคลอดทุก ๒-๔ ชั่วโมงหรือเมื่อมี probable signs
๙. เตรียมผู้คลอดให้พร้อมสําหรับการช่วยคลอดการช่วยคลอดด้วยสูติศาสตร์
๑๐. หลังคลอดเน้นเรื่องการเฝ้าระวังและป้องกันภาวะตกเลือดเช่นเดียวกับรายปกติ
การพยาบาลผู่คลอดที่มีแรงเบ่งน้อย
๒. ถ้าปากมดลูกยังเปิดไม่หมดไม่ควรให้ผู้คลอดเบ่งคลอด หากผู้คลอดรู้สึกอยากเบ่ง ควรให้ผู้คลอดหายใจตามระยะเพื่อผ่อนคลายความเจ็บปวด
๑. ระยะรอคลอด แนะนําการบรรเทาความเจ็บปวดโดยไม่ใช้ยา และพยายามผ่อนคลายหรือพักในช่วงมดลูกคลายตัว
๓. ดูแลให้ได้รับสารน้ำและอาหาร รวมทั้งออกซิเจนอย่างเพียงพอ
๔. ประเมินการหดรัดตัวของมดลูกตามระยะคลอด และดูแลความสุขสบายทั่วไป
๕. ประเมินความก้าวหน้าของการคลอด และเสียงหัวใจ
ของทารกในครรภ์เป็นระยะ หากพบความผิดปกติ รายงานแพทย์ทันที
๖. ดูแลและส่งเสริมให้การคลอดอยู่ในท่าที่เหมาะสมสําหรับการคลอด คือ ท่าศีรษะสูง (upright position)
๗. รายที่มีข้อห้ามในการเบ่ง เตรียมผู้คลอด และช่วยแพทย์ทําสูติศาสตร์หัตถการ
สมาชิกในกลุ่ม :<3:
นักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 4 :tada:
1.นางสาวนริษา สวัสดิ์
รหัส 62105301043
2.นางสาวปวีณ์ธิดา ศรีรักษา
รหัส 62105301052
3.นางสาวปิยฉัตร ธรรมรัตน์
รหัส 62105301054
4.นางสาวปิยรัตน์ สุขดำ
รหัส 62105301055
5.นางสาวศุภนิดา เชาวลิต
รหัส 62105301118