Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การดูแลสุขภาพหญิงตั้งครรภ์ (นางสาวนิภาธร คำวัง 63010136 เซค 03) - Coggle…
การดูแลสุขภาพหญิงตั้งครรภ์
(นางสาวนิภาธร คำวัง 63010136 เซค 03)
การวินิจฉัยการตั้งครรภ์
1.อาการที่สงสัยว่าจะตั้งครรภ์
(Presumptive signs of pregnancy)
1.1.ขาดประจำเดือนนานกว่า 10 วันขึ้นไป
1.2. อาการคลื่นไส้อาเจียน
1.3. อาการปัสสาวะบ่อย
1.4. อาการเหนื่อยล้า
1.5. รู้สึกว่าลูกดิ้น
1.6. การเปลี่ยนแปลงของเต้านม
เต้านมมีขนาดใหญ่ขึ้น
ลานนมสีเข้ม
1.7. การเปลี่ยนแปลงของสีผิวและรอยแตกของผิวหนัง
หน้าท้องแตกเป็นริ้ว (Straire gravidarum)
เส้นกลางหน้าท้องมีสีคล้ำ (Linea nigra)
ฝ้าบริเวณใบหน้า (Choasma)
1.8. การเปลี่ยนแปลงของเยื่อบุช่องคลอด
การเปลี่ยนสีของเยื่อบุบริเวณปากมดลูก ช่องคลอด
อวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก จากสีชมพูเป็นสีม่วงคล้ำ
(Chadwick's sign)
2.อาการที่แสดงว่าน่าจะตั้งครรภ์
(Probable signs of pregnancy)
2.1. หน้าท้องโตขึ้น
2.2. การหดรัดตัวของมดลูก
(Braxton hicks contraction)
2.3. การเปลี่ยนแปลงของมดลูกและปากมดลูก
Goodell's sign
Hegar's sign
2.4. การคลอนทารก
(Ballottement)
2.5.คลำขอบเขตของทารก
(Palpation of fetal outline)
2.6. ตรวจพบฮอร์โมน hCG ที่เพิ่มขึ้น
3.อาการที่แสดงว่าตั้งครรภ์แน่นอน
(Positive signs of pregnancy)
3.1.ได้ยินเสียงหัวใจทารก (FHS)
3.2 เห็นการเคลื่อนไหวและคลำส่วนต่างๆของทารกได้
3.3 เห็นทารกจากการตรวจ Ultrasound
3.4.เห็นรูปร่างทารกจากการ X-ray หน้าท้อง
การให้บริการฝากครรภ์
(Antenatal care: ANC)
การคำนวณอายุครรภ์และการคะเนกำหนดคลอด
คำนวณจากวันแรกของการมีประจำเดือนครั้งสุดท้าย
(Last Menstrual period: LMP)
นับอายุครรภ์หลังจากวันแรกของการมีประจำเดือนครั้งสุดท้ายจนถึงวันที่มาตรวจครรภ์ แล้วหารด้วย7
EDC = (LMP - 3 เดือน) + 7 วัน
หรือนับจาก LMP ไปข้างหน้า 9 เดือนแล้วบวก 7 วัน
(LMP + 9 เดือน) + 7 วัน
คำนวณจากประวัติการดิ้นของทารกในครรภ์ (Quickening)
คำนวณอายุครรภ์ : นับอายุครรภ์หลังวันที่ลูกดิ้นจนถึงวันที่ มาตรวจครรภ์ แล้วบวก 18-20 สัปดาห์ในครรภ์แรก หรือ บวก 16-18 สัปดาห์
ในครรภ์หลัง-การคะเนกำหนดคลอด : นำวันที่ลูกดิ้นนับต่อไป 20-22 wk ในครรภ์แรก และนับต่อไป 22-24 wk ในครรภ์หลัง (ดูปฏิทินประกอบ)
คำนวณจากระดับยอดมดลูกจากการตรวจครรภ์
(Fundal height)
วัดจาก ขอบบนของรอยต่อกระดูกหัวหน่าวไปตามแนวโค้งของหน้าท้อง ถึงยอดมดลูก อายุครรภ์ (สัปดาห์)=ความสูงของมดลูก (ซม.) +/-2(ส่วนมากจะ +) เช่น วัดได้ 28 ซม. อายุครรภ์ = 26 -30 wk. (ส่วนมากอายุครรภ์จะ 30wk.)
การบันทึกระดับยอดมดลูก
3/4+> O GA 40 wk(ท้องลด)
3/4+> O GA 36 wk
3/4 > O GA 32 wk
2/4> O GA 28 wk
1/4 > O GA 24 wk
= O = GA 20 wk
2/3 > SP GA 16 wk
1/3 > SP GA 12 wk
คำนวณอายุครรภ์ : ใช้ค่าตัวเลขที่วัดได้ตามสัดส่วนเป็นอายุครรภ์
การคะเนกำหนดคลอด : ใช้การนับจำนวนวันต่อจากวันที่ตรวจจนครบ 40 สัปดาห์ (ดูปฏิทินประกอบ)
คำนวณจากการตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง
(Ultrasonography)
คำนวณอายุครรภ์ : นับอายุครรภ์หลังวันที่ตรวจ U/Sจนถึงวันที่มาตรวจครรภ์ แล้วบวกอายุครรภ์ในวันที่ตรวจ U/S
การคะเนกำหนดคลอด : นำวันที่ตรวจ U/Sนับต่อไปให้ครบ 40 สัปดาห์ (ดูปฏิทินประกอบ)
การประเมินภาวะสุขภาพมารดา-ทารก
และการคัดกรองภาวะเสี่ยง
การซักประวัติ
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ นามสกุล อายุ เชื้อชาติ ศาสนา การศึกษา
ประวัติการตั้งครรภ์และการคลอดในอดีต
จำนวนครั้งของการตั้งครรภ์และการคลอด
อายุครรภ์เมื่อคลอด
วิธีการคลอด
เพศและน้ำหนักทารก
ภาวะแทรกซ้อนต่างๆ
ประวัติการตั้งครรภ์ปัจจุบัน
วันแรกของการมีประจำเดือนครั้งสุดท้าย (Last menstrual period : LMP) เพื่อใช้คำนวณอายุครรภ์ และคะเนกำหนดคลอด
ประวัติการเจ็บป่วยในอดีต
การเจ็บป่วย และการผ่าตัดต่างๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ การผ่าตัดมดลูก
ประวัติการเจ็บป่วยของบุคคลในครอบครัว
โรคทางพันธุกรรม เช่น ครรภ์แฝด เบาหวาน ความดัน โรคเลือด และโรคติดต่อ เช่น ไวรัสตับอักเสบ วัณโรค โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
ประวัติความไม่สุขสบายหรืออาการผิดปกติ
ที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์
แพ้ท้อง ปวดหลัง ท้องผูก มีเลือดออกทางช่องคลอด ปัสสาวะแสบขัด เด็กดิ้นน้อยลง
การตรวจร่างกาย
สังเกตลักษณะการเดิน
เดินผิดปกติ อาจผิดปกติของกระดูกเชิงกราน
การชั่งน้ำหนัก
ชั่งทุกครั้งที่มาฝากครรภ์ เพื่อใช้เปรียบเทียบ
ตลอดตั้งครรภ์ควรเพิ่ม 10-12 กิโลกรัม
ไตรมาสแรก เพิ่ม 1-1.5 กิโลกรัม
ไตรมาส 2 เพิ่มอีก 4-5 กิโลกรัม
ไตรมาส 3 เพิ่มอีก 5-6 กิโลกรัม
การตรวจร่างกายทั่วไป
ตรวจตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
ศีรษะและใบหน้า : ความสมมาตร
เยื่อบุตา : ซีด
ปากฟัน : ฟันผุ อาจคลอดก่อนกำหนดได้
คอและต่อมไทรอยด์ : ต่อมไทรอยด์ โต
ทรวงอก : ตรวจการทำงานของปอดและหัวใจ
เต้านมและหัวนม : มีหัวนมบอดหรือบุ๋มหรือไม่
แขนขา : ความพิการ บวม เส้นเลือดขอด
การตรวจภายใน
เมื่อมาฝากครรภ์ครั้งแรก มีการติดเชื้อ
ประเมินช่องคลอด ปากมดลูก สิ่งคัดหลั่ง การติดเชื้อ
ตรวจมะเร็งปากมดลูก
การตรวจหาเซลล์มะเร็งปากมดลูก
การตรวจครรภ์
การดู
ขนาดหน้าท้อง : เหมาะสมกับอายุครรภ์หรือไม่
รูปร่างหน้าท้อง : ดูแนวของทารกในครรภ์
ว่าเป็น Longitudinal lie หรือ Transverse lie
ลักษณะหน้าท้อง : มีแผลผ่าตัด มีกล้ามเนื้อหน้าท้องหย่อนหรือไม่
การคลำ
ใช้หลักของ Leopold’s maneuver
ท่าที่ 1 First Leopold’s handgrip
(Fundal grip)
คลำบริเวณยอดมดลูก เพื่อตรวจหาระดับของยอดมดลูก และส่วนของทารกที่อยู่บริเวณยอดมดลูก
ถ้าเป็นส่วนหัว
จะมีลักษณะเรียบ กลม แข็ง และเคลื่อนไปมาได้ง่าย เรียกว่า มี Ballottement
ถ้าเป็นก้น
จะนุ่มกว่า ไม่กลม ไม่มี Ballottement
ท่าที่ 2 Second Leopold’s handgrip
(Umbilical grip)
คลำหาหลังของทารกว่าอยู่ด้านใด
ถ้าเป็นหลังของทารก
จะคลำได้แผ่นเรียบ เรียกว่า Large part
ถ้าเป็นแขน ขา มือ เท้าของทารก
จะคลำได้ก้อนตะปุ่มตะป่ำ เรียกว่า Small part
ท่าที่ 3 Third Leopold’s handgrip
(Pawlikgrip)
เป็นการตรวจหาส่วนนำ (Presentation part) ของทารก
ถ้าส่วนนำเป็นหัว จะคลำได้ก้อนกลม เรียบ แข็งกว่าก้น
ถ้าส่วนนำเป็นก้น ส่วนที่คลำได้จะนุ่ม ไม่เป็นก้อนกลม
ท่าที่ 4 Forth Leopold’s handgrip (Bilateral inguinal grip)
เป็นการตรวจหาระดับของส่วนนำ ว่ามี Engagement หรือไม่
ส่วนนำยังไม่ Engagement
ปลายนิ้วมือทั้งสองข้างจะสามารถสอบเข้าหากันได้
ส่วนนำ Engagement
ปลายนิ้วมือทั้งสองข้างไม่สามารถสอบเข้าหากันได้
การฟัง
การฟัง FHS ฟังได้เมื่ออายุครรภ์ 18-20 สัปดาห์
อัตราปกติ 110-160ครั้ง/นาที
ฟังได้ชัดเจน ทางด้านหลังของทารกบริเวณสะบักข้างซ้าย
ศีรษะเป็นส่วนนำ
จะฟังได้บริเวณต่ำกว่าระดับสะดือของหญิงตั้งครรภ์
ก้นเป็นส่วนนำ
จะฟังได้บริเวณระดับสะดือหรือสูงกว่า
เสียงอื่นๆ ที่อาจฟังได้
Uterine souffle: การไหลของเลือดผ่านหลอดเลือดมดลูก เสียงดังเว้า-เว้า มีอัตราเท่ากับชีพจรหญิงตั้งครรภ์
Umbilical souffle: การไหลของเลือดผ่านหลอดเลือดสายสะดือ เสียงดังเว้า-เว้า มีอัตราเท่ากับการเต้นของหัวใจทาร
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การตรวจปัสสาวะ
ดูไข่ขาวและน้ำตาลในปัสสาวะทุกครั้งที่มาฝากครรภ์
การตรวจความสบูรณ์ของเม็ดเลือด
Hctค่าปกติไม่น้อยกว่า 33%
MCVค่าปกติ 83-91 fL
(ถ้าต่ำกว่าปกติ ให้สงสัยว่าเป็นพาหะธาลัสซีเมีย)
Plateletsค่าปกติจะมี > 150,000
การทดสอบฮีโมโกลบินไม่เสถียรต่อการตกตะกอนสีด้วย DCIP
สารละลายไม่ขุ่น แสดงว่า Negative = ปกติ
สารละลายขุ่น แสดงว่า Positive = เป็น Hb E trail
การตรวจเลือดเพื่อหาพากะธาลัสซีเมีย
ถ้า MCV < 80 fl / DCIP positive ต้องตรวจยืนยันด้วย Hemoglobin typing
ถ้าหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นพาหะ 3 ชนิดนี้
-α-thal1 trail -
beta-thaltrail
-HbE trail
ต้องพาสามีมาตรวจหาพาหะ เพื่อหาคู่เสี่ยงของการมีบุตร
เป็นโรคธาลัสซีเมียชนิดรุนแรง
การตรวจหาหมู่เลือด ABO และ Rh
เพื่อกรณีฉุกเฉินต้องให้เลือด
การตรวจหา Rh เพื่อประเมินและรักษาทารก
กรณีRhไม่เข้ากัน
การตรวจ VDRL
หาเชื้อซิฟิลิส ตรวจยืนยันด้วยวิธี TPHA
การตรวจ HBsAg
หาเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
การตรวจเชื้อ HIV
หาเชื้อเอดส์
การตรวจคัดกรองและตรวจวินิจฉัยโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์
การตรวจคัดกรองด้วย50 g OGCT
การตรวจวินิจฉัยด้วย 100 g OGTT
ตรวจเมื่อมาฝากครรภ์ครั้งแรก และตรวจซ ้าเมื่ออายุครรภ์ 24-28 wk.
การประเมินภาวะสุขภาพทารกในครรภ์
Non-stress test (NST)
เป็นการดูอัตราการเต้นของหัวใจทารกเมื่อทารกมีการเคลื่อนไหว
การตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasonography) เป็นการตรวจเพื่อช่วยประเมินอายุครรภ์และสุขภาพทารกในครรภ์
การคัดกรองภาวะเสี่ยง
ประวัติทางสูติกรรม
เคยมีทารกตายในครรภ์ หรือเสียชีวิตแรกเกิด
เคยแท้งเองติดต่อกันมากกว่า 3 ครั้ง
เคยคลอดบุตรน้ำหนักตัวน้อยกว่า 2,500 กรัม
เคยคลอดบุตรน้ำหนักตัวมากกว่า 4,000 กรัม
เคยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยโรคความดันโลหิตสูง หรือ PIH
เคยผ่าตัดภายในอวัยวะสืบพันธุ์
ประวัติการตั้งครรภ์ในปัจจุบัน
การตั้งครรภ์แฝด
อายุน้อยกว่า 17 ปี
อายุมากกว่า 35 ปี
หมู่เลือด Rh negative
มีเลือดออกทางช่องคลอด
มีก้อนภายในอุ้งเชิงกราน
ความดัน Diastolic > 90 mmHg
เป็นโรคเบาหวานชนิดพึ่งอินซูลิน
เป็นโรคไต
เป็นโรคหัวใจ
ติดยาเสพติด ติดเหล้า
เป็นโรคทางอายุกรรมอื่นๆ เช่น โลหิตจาง ไทรอยด์ SLE
แนวทางปฏิบัติหลังพบภาวะเสี่ยง
ตรวจครรภ์ทุกครั้งตามนัด
หากมีประวัติทางสูติกรรมข้อใดข้อหนึ่ง
รายงานแพทย์หรือส่งต่อ
หากมีประวัติการตั้งครรภ์ในปัจจุบันข้อใดข้อหนึ่ง