Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กลยุทธ์ SEPA - Coggle Diagram
กลยุทธ์ SEPA
(องค์ประกอบหลัก 5 ข้อ
ของวิธีการแบบ SEPA)
1.แนวโน้ม ช่วงผลกำไรโดดเด่นของหุ้นนำตลาดทุกช่วงจะเกิดตอน
ราคาหุ้นอยู่ในช่วงขาขึ้น เกือบทุกครั้งที่สามารถชี้ให้เห็นแนวโน้มได้ตั้งแต่ช่วงต้นที่เห็นหุ้นวิ่งขึ้นอย่างเด่นชัด
2.ปัจจัยพื้นฐาน ช่วงผลกำไรโดดเด่นได้รับแรงผลักดันจากกำไรรายได้และส่วนต่างผลกำไรที่ปรับตัวดีขึ้น โดยทั่วไปลักษณะนี้มักจะปรากฏให้เห็นก่อนเริ่มเข้าช่วงผลกำไรโดดเด่น ส่วนใหญ่แล้วมีการวิเคราะห์และประเมินผลกำไรและยอดขายไว้ก่อนแล้วในระหว่างช่วงผลกำไรโดดเด่นนี้ การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดมาจากปัจจัยพื้นฐานด้านยอดขาย ส่วนต่างผลกำไรและสุดท้ายคือผลกำไร
3.ตัวกระตุ้น มีตัวกระตุ้นอยู่เบื้องหลังหุ้นทุกตัวที่ให้ผลตอบแทนสู
ถ้ามองดูผาดๆ มักไม่ค่อยเห็นตัวกระตุ้น แต่ถ้าค้นหาข้อมูลบริษัทสักเล็กน้อย ก็อาจชี้ให้คุณเห็นหุ้นที่มีโอกาสูงทำผลกำไรโดดเด่นได้สินค้าขายดีตัวใหม่ที่เป็นส่วนสำคัญของยอดขายบริษัทอาจจุดประกายให้เกิดช่วงผลกำไรโดดเด่นได้ ใบรับรองจาก FDA หรือการได้สัญญาใหม่ หรือแม้แต่ผู้บริหารคนใหม่ก็สร้างสีสันให้กับหุ้นที่นอนนิ่งๆ ได้ การลงทุนในบริษัทเล็กที่รู้จักกันน้อย หุ้นเหล่านั้นต้องมีเหตุการณ์บางอย่างช่วยดึงดูดความสนใจ ผมอยากเห็นอะไรบางอย่างที่ทำให้นักลงทุนตื่นเต้น ตัวอย่างเช่น บริษัท Apple(APPL) เข้าขั้นเป็นเหมือนลัทธิที่มีสาวกคลั่งสินค้า Macสถานการณ์แต่ละอย่างอาจแตกต่างกันไป อยู่ที่ว่าหุ้นตัวนั้นเป็นบริษัทเติบโตแบบดั้งเดิม เป็นบริษัทที่กำลังฟื้นตัว เป็นหุ้นตามวัฏจักร หรือเป็นหุ้นเทคโนโลยีชีวภาพที่เทรดเพราะมีความหวังจากยาตัวใหมไม่ว่าจะเป็นเหตุผลใดก็ตาม เบื้องหลังหุ้นดาวรุ่งทั้งหลายมักมตัวกระตุ้นที่ทำให้นักลงทุนสถาบันสนใจ
4.จุดเข้าซื้อ หุ้นดาวรุ่งส่วนใหญ่ให้โอกาสคุณอย่างน้อย 1 ครั้งและบางทีก็หลายๆ ครั้ง ทำให้คุณไล่คว้าผลสำเร็จได้ทันทเมื่อจุดเข้าซื้อมีความเสี่ยงต่ำ การจับจังหวะเข้าซื้อสำคัญมากการจับจังหวะขาเข้าไม่ถูกต้องทำให้คุณอยู่นอกตลาดโดยไม่จำเป็นหรือขาดทุนหนักถ้าหุ้นฟื้นตัวขึ้นและคุณไม่ได้ขาย การเข้าซื้อไดถูกจังหวะในตลาดกระทิงทำให้คุณได้กำไรทันทีและกำไรก้อนโตก็รออยู่แล้ว
5.จุดขายออกไม่ใช่หุ้นทุกตัวที่มีลักษณะโดดเด่นแล้วจะทำกำไรได้หุ้นหลายตัวก็ไม่เป็นอย่างที่คิดแม้ว่าคุณเข้าซื้อถูกจังหวะ นั่นคือสาเหตุที่ว่าทำไมคุณต้องสร้างจุดตัดขาดทุนเพื่อบังคับให้ตัวเองหลุดออกมาจากการขาดทุนและรักษาเงินในบัญชีคุณไว้ ในทางกลับกัน ถ้าคุณได้กำไร คุณก็ต้องขายหุ้นเพื่อทำกำไร ท้ายที่สุดแล้วคุณต้องค้นหาจุดสิ้นสุดของช่วงผลกำไรโดดเด่นให้เจอ เพื่อรักษากำไรส่วนที่คุณทำไว้ได้
มุ่งหาศักยภาพ
1.ผลกำไรและยอดขายในอนาคตที่ทำให้ตลาดตื่นเต้น และการปรับประมาณการในทางบวก
2.มีปริมาณสนับสนุนจากนักลงทุนสถาบัน (ความต้องการซื้อสูง)
3.ราคาปรับขึ้นเร็วจากความไม่สมดุลของอุปสงค์และอุปทาน(แรงขายไม่มี เมื่อเทียบกับแรงซื้อ)
หุ้นดาวรุ่งมักจะเป็นหุ้นขนาดเล็ก
จงหาหุ้นตัวเต็งที่มีขนาดตลาดรวมและจำนวนหุ้นน้อยมาก
โปรแกรมหุ้นผู้นำ(leadership Profile)
ความพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะระบุคุณสมบัติและลักษณะเฉพาะอย่างละเอียดของหุ้นที่ประสบความสำเร็จมากสุดที่มีมาในอดีตเพื่อดูว่าอะไรที่ทำให้หุ้นปรับตัวได้ดีกว่าคู่แข่งมากในอนาคตข้างหน้า
การฝึกจับจังหวะเข้าออกเป็นเป้าหมายหลัก
าหุ้นดาวรุ่งส่วนใหญ่มีคุณสมบัติที่ระบุได้แบบเดียวกัน ส่วนใหญ่มีการวิเคราะห์ผลกำไรที่น่าพอใจกันมาแล้วตามจริงหุ้นดาวรุ่งส่วนใหญ่มีช่วงเวลาที่ทำได้ดีกว่าคู่แข่งในแง่ปัจจัยพื้นฐานและทางเทคนิคมาแล้ว ก่อนที่หุ้นสร้างผลตอบแทนให้ได้สูงสุด มากกว่า 90% ของหุ้นดาวรุ่งเริ่มพุ่งกระฉูดเป็นประวัติการณ์เมื่อตลาดรวมปรับฐานเสร็จแล้วหรือหลุดออกจากตลาดหมีได้ สิ่งที่น่าสนใจก็คือ มีหุ้นจำนวนน้อยมากพุ่งแรงได้ในภาวะตลาดหม
หุ้นดาวรุ่งยังใหม่อยู่ ช่วงผลกำไรโดดเด่นเกิดขึ้นเมื่อหุ้นยังค่อนข้างใหม
บริษัทส่วนใหญ่มีช่วงเติบโตสูงเมื่อยังขนาดเล็กและคล่องตัว
ขั้นตอนการจัดอันดับ SEPA สรุปออกมาได้ดังนี้
หุ้นต้องตรงตาม Trend Template (แม่แบบแนวโน้ม) (ดูบทที่ 5)ถึงจะมีโอกาสเป็นหุ้นตัวเต็งในวิธีการแบบ SEPA ได
2.หุ้นที่ตรงตาม Trend Template จะถูกคัดกรองหลายขั้นตอนโดยดูจากผลกำไร ยอดขาย และส่วนต่างกำไรเพิ่มขึ้น ข้อได้เปรียบในอุตสาหกรรมและความผันผวนของราคา ประมาณ 95% ของหุ้นทั้งหมดที่มีคุณสมบัติตรงตาม Trend Template ไม่ผ่านการคัดเลือก
3.มีการตรวจสอบหุ้นที่เหลือตัวอื่นที่มีคุณสมบัติคล้ายคลึงกับ Leadership Prof ile ที่ใช้ตัดสินว่าหุ้นเหล่านั้นตรงตามปัจจัยเฉพาะทางพื้นฐานและทางเทคนิคหรือไม่ ปัจจัยเฉพาะเหล่านีแสดงให้เห็นจากรูปแบบในอดีตที่เคยเป็นหุ้นดาวรุ่งมาก่อนขั้นตอนนี้กำจัดหุ้นส่วนใหญ่ที่เหลืออยู่ และเหลือหุ้นน้อยลงไวให้วิเคราะห์และประเมินได้อย่างละเอียดมากขึ้น
4.ขั้นตอนสุดท้ายคือ การวิเคราะห์ด้วยตัวเอง โดยตรวจสอบหุ้นตัวเต็งเป็นรายตัวและให้คะแนนตามขั้นตอน “จัดลำดับก่อน-หลัง”และนำไปพิจารณาตามคุณลักษณะดังต่อไปนี
ผลกำไรและยอดขายที่ประกาศออกมา
-ประวัติผลกำไรและยอดขายที่ทำให้ตลาดตื่นเต้น
-การเติบโตและอัตราเร่งของผลกำไรต่อหุ้น (EPS)
-การเติบโตและอัตราเร่งของยอดขาย
-การชี้นำของบริษัทที่พิมพ์ออกมา
-การปรับประมาณการผลกำไรของนักวิเคราะห์
-ส่วนต่างผลกำไร
-ตำแหน่งทางการตลาดและอุตสาหกรรม
-ตัวกระตุ้นที่อาจเกิดขึ้นได้ (ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ หรือการเปลี่ยนแปลงเฉพาะบริษัท
หรือเฉพาะอุตสาหกรรม)
-ผลการดำเนินงานเปรียบกับหุ้นอื่นในหมวดเดียวกัน
-ราคาและการวิเคราะห์ปริมาณเทรด
-ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง
ลงมือเทรด ณ จุดที่เห็นเหตุการณ์ต่างๆ รวมตัวกัน เช่นพื้นฐานบริษัท ราคาหุ้น ปริมาณซื้อขายและสถานการณ์ตลาดโดยรวม
งานวิจัยของเลิฟประเด็นคือ
1.เวลาเข้าซื้อหุ้นมีทั้งถูกและไม่ถูกจังหวะ
สามารถชี้ให้เห็นหุ้นที่มีโอกาสเป็นหุ้นดาวรุ่งได้ก่อนราคาหุ้นขึ้นพรวดพราด
ถ้าลงทุนในหุ้นเหล่านี้ได้ถูกวิธี ก็เป็นไปได้ว่าเงินทุนก้อนเล็กๆ จะเปลี่ยนเป็นความมั่งค่งได้ในระยะเวลาอันสั้น