Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
Pregnancy induced hypertension:PIH
…
ภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
Pregnancy induced hypertension:PIH

ณัทชกา ลอยท์เมทเซอร์ 64019571
-
PIH: กลุ่มความผิดปกติซึ่งประกอบด้วยความดันโลหิตสูงเป็นหลักซึ่งอาจพบความดันโลหิตสูงก่อนการตั้งครรภ์หรือเกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ อาจพบร่วมกับบวมและ/หรือตรวจพบ Protein ในปัสสาวะ ถ้ามีอาการรุนแรงอาจมีอาการชัก หมดสติ
พยาธิสภาพของ PIH
การหดเกร็งของหลอดเลือด (Vasospasm)
มีแรงต้านการไหลเวียนของโลหิตเพิ่มมากขึ้น เซลล์บริเวณรอบๆ เส้นเลือดหดรัดตัวจนเกิดเนื้อตาย Angiotensin II ที่กระตุ้นให้เส้นเลือดหดตัว ทำให้ endothelial ถูกทำลายจนกระทั่งเกร็ดเลือดและ Fibrinogen ถูกทำลายจนน้อยลง
-
-
-
ปัจจัยเสี่ยง
-
-
-
-
-
-
-
-
พยาธิสริรภาพ
ระบบตับ Hepatic system
การเกิด generalized vasoconstriction ทำให้เกิด hepatic ischemia และส่งผลให้ระดับเอนไซม์ aspartate aminotransferase (AST)/ serum glutamic oxaloacetic transaminase (SGOT) & alanine aminotransferase (ALT)/Serum glutamic pyruvic transaminase (SGPT)สูงขึ้น บางรายอาจมีภาวะเลือกแข็งตัวผิดปกติ (Disseminated intravascular coagulopathy: DIC)ร่วมด้วยบางราย พบ periiportal hemorrhagic necrosis/ subcapsular hepatic necrosis / hematoma ดังนั้นบางรายจึงมีอาการปวดใต้ชายโครงขวา หรือจุกแน่นใต้ลิ้นปี่ คลื่นไส้อาเจียนน มี blood glucose ลดลง ในรายที่รุนแรงอาจพบมีตับแตก (Hepatic rupture) ได้
-
-
-
ระบบไต Renal system
จากการที่ปริมาณการไหลเวียนที่ไตลดลง การทำลายของชั้นเยื่อบุหลอดเลือดในไต เกิด glomerular capillary endotheliosis ทำให้ glomerular infiltration rate ลดลง ส่งผลให้ปริมาณปัสสาวะลดลง และระดับ serum uric acid & cretinine เพิ่มขึ้นเกิดการซึมผ่านของ Protien albumin และ glubolin ออกทางปัสสาวะ เซลล์ร่างกายที่เสียโปรตีนจะมีความดันภายในเซลล์ (oncotic pressure) ลดลง ทำให้เกิดการคั่งของน้ำในเนื้อเยื่อ interstitial space และเกิดอาการบวมน้ำของอวัยวะต่างๆ
-
รกและมดลูก
จากการหดรัดตัวของหลอดเลือด spiral arteriole ใน decidual ร่วมกับมี acute atherosis ทำให้หลอดเลือดตีบตัน ปริมาณเลือดที่ไหลผ่านระหว่างรกและมดลูก (Uteroplacental perfusion) ลดลง ทำให้เกิดการจายของเนื้อรกและผนังมดลูก การทำหน้าที่ของรกเสื่อมลง เกิดภาวะ uteroplacental insufficiency มีผลให้เกิดภาวะทารกโตช้าในครรภ์ (Fetal growth restriction: FGA) ในกรณีที่ทารกได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอจะชักนำให้เกิด fetal acidosis, mental retardation หรือ death ได้ ในบางรายอาจเกิดภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด เนื่องจาก placental ischemia และ infraction
อาการและอาการแสดง
-
มีอาการบวม มักเกิดที่หลังเท้า มาที่ตาตุ่ม ขา หลังมือ หน้าท้อง ใบหน้า หรือทั่วร่างกาย สังเกตว่ามีรองเท้าคับ หรือแหวนคับ
-
-
-
-
-
การวินิจฉัย
3.Platelet < 100,000 /ลบ.มม.
-
-
-
-
-
-
Case study G1 มารดาอายุ 39 ปี GA 36 week มา Labor room ด้วยเจ็บครรภ์คลอด ปวดหัว มีน้ำเดิน แรกรับ BT 37.5, PR 90 bpm, RR 22 bpm BP 170/110 mmHg (MAP 130 mmHg) pitting edema +1, Urine strip test Al = +3, S = neg PV พบ Cx. dilate 2 cm Eff 50% Station - 1 ML Vx. ประเมิน I = 5 นาที D = 40 วินาที FHS = 130 bpm เด็กดิ้นดี ติด EFM
-
-
ตรวจเพิ่มเติมทางห้องปฏิบัติการ
-
-
-
-
-
Admitted for Observed Severe preeclampsia c pre-term labour
Abolute bedrest บนเตียงตลอดเวลา โดยให้นอนท่าตะแคงซ้าย เพื่อช่วยให้เลือดไปเลี้ยงมดลูกและทารกดีขึ้น ช่วยให้ความดันโลหิตลดลง ปัสสาวะออกมากขึ้น
-
บันทึกสารน้ำเข้าและออก, ชั่งน้ำหนักทุกวัน
-
-
-
-
-
-
-
ให้รับประทานอาหารธรรมดาที่จำกัดเค็ม เพิ่มกากใย เพื่อช่วยให้มารดาได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
ดูแลให้ได้รับ MgSO4, ยาลดความดันตามแผนการรักษา และเฝ้าติดตามภาวะแทรกซ้อน เช่น RR < 14, ซึมลง, ปวดศีรษะ, อาเจียน, เหงื่อออก ตัวเย็น ระดับความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลงไป
การให้ยาสเตียร์รอยด์เพื่อส่งเสริมความสมบูรณ์ของปอด GA < 32
wks. Dexamethasone 6 mg IM ทุก 12 hr x 4 dose ให้ครบ 48 hr.
ประเมินความก้าวหน้าการคลอด หรือภาวะ Fetal distress หากพบให้รีบรายงานแพทย์และเตรียมการคลอด (ซึ่งแพทย์จะพยุงการตั้งครรภ์อย่างน้อยให้ได้ GA 37 สัปดาห์) ซึ่งหากมารดาสามารถคลอดเองได้แพทย์จะทำการคลอดแบบ Natural labor แต่หากไม่สามารถควบคุมความดันโลหิตได้ และ พบภาวะ Fetal distress แพทย์อาจพิจารณาการผ่าคลอด (หากมารดาไม่สามารถคลอดเองได้ หรือทารกมีก้นเป็นส่วนนำ หรือไม่กลับตัว) หรือใช้คีมช่วยคลอดในการดึงทารกออกมา (เฉพาะคลอดโดยมีศีรษะเป็นส่วนนำ)
-
กรณีภาวะเสี่ยง/แทรกซ้อน แพทย์พิจารณายุติการตั้งครรภ์ ทำการผ่าคลอด และหรือใช้เครื่องมือช่วยคลอดเช่ม คีม
จัดเตรียมยา 10% calcium gluconate ซึ่งเป็น antidote โดยแพทย์มักสั่งให้ 10 mlทางหลอดเลือดดำใน 5-10 นาที กรณีที่มีการกดการหายใจหรือหัวใจหยุดเต้นเท่านั้น
หากหญิงตั้งครรภ์มีอาการดีขึ้น Mild preeclampsis อาจดูแลแบบ mild preeclampsia (BP ≥ 140/90 mmHg แต่ < 160/110 mmHg) ทั้งให้สังเกตอาการที่บ้านหรือ ดูแลต่อในโรงพยาบาลได้เช่นกัน
การดูแลตนเองที่บ้าน
-
-
-
-
การรักษาตัวในโรงพยาบาล
ซักประวัติ ตรวจร่างกายโดยระเอียด สังเตอาการของ PIH,HELLP
วัดความดันโลหิต,O2 Set ทุก 4 hrs หรือถี่ขึ้นตามการเปลี่ยนแปลง
-
record I/O ,ชั่งน้ำหนักทุกวัน
-
การให้ยาสเตียร์รอยด์เพื่อส่งเสริมความสมบูรณ์ของปอด GA < 32
wks. Dexamethasone 6 mg IM ทุก 12 hr x 4 dose ให้ครบ 48 hr.
-
ให้ MgSO4 (Magnesium sulfate: ยากันชัก) ตามแผนการรักษา เพื่อป้องกันการ ชัก โดยประเมินก่อนการให้ยา และขณะให้ยา RR > 14 bpm, มี DTR (Knee jerk) +2, Urine output > 30 ml/hr
การให้ยา MgSO4
-
หลังจากนั้นให้ Maintain dose ผสม 50% MgSO4 10 g ใน NSS 1000 ml. หยดเข้าหลอดเลือดดำ 20 หยด/นาที (1 g/hr) จนครบ 24 ชั่วโมงหลังคลอด
-
ภาวะแทรกซ้อนจากการให้ยา RR < 14 bpm, DTR absent, Urine output < 30 ml/hr
กรณีมีอาการ RR < 14 bpm, DTR = 0 และ Urine output < 30 ml/hr หรือ < 100 ml/ 4hrs. ให้งดให้ยา หรือหยุดยา และให้ Antidose คือ 10% calcium gluconate 10 ml IV push
การให้ยาลดความดันโลหิต
Nifedipine (Soft capsule) เช่น Adalat, Nelapine 10 mg sublingual หรือ Nifedipine (film coated tablet) เช่น Nifecard 10 mg oral
ยาอื่นที่เลือกใช้
Hydralazine 5 mg ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ แล้ววัดความดันโลหิตทุก 5 นาที ถ้าหลังฉีดแล้ว 20 นาที ความดัน Diastolic ยังสูงกว่า 110 mmHg ให้ซ้ำได้อีก 10 mg ควรระวังไม่ให้ความดัน diastolic ต่ำกว่า 90 mmHg เพราะจำทำให้เกิด fetal distress ได้ง่าย ฤทธิ์ข้างเคียงของ Hydralazine ที่พบได้คือ ปวดศีรษะ ใจสั่น อาเจียน
-
-
-
-
อ้างอิง
ตวงสิทธิ์ วัฒกนารา. (2560). ความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์. ใน ประภัทร วานิชพงษ์พันธุ์, กุศล รัศมีเจริญ และตรีภพ เลิศบรรณพงษ์ (บรรณาธิการ), ตาราสูติศาสตร์. (หน้า 166-174). กรุงเทพฯ : ภาควิชาสูติศาสตร์นรีเวชวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล, พี.เอ.ลีฟวิ่ง จากัด.
Cunningham FG, Leveno KJ, Bloom SL, Spong CY, Dashe JS,Hoffman BL, et al. (2018) Williams Obstetrics. 25thed. New York: McGraw Hill
-
นันทพร แสนศิริพันธ์. (2560). การพยาบาลผดุงครรภ์ :สตรีที่มีภาวะแทรกซ้อน. เชียงใหม่: โครงการตำราคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
คณะอนุกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย.(2558). แนวทางการปฏิบัติของราชวิทยาลัยเรื่องการดูแลภาวะครรภ์เป็นพิษ.ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย. กรุงเทพฯ : พิมพ์ลักษณ์
-
กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. (2560) สถิติสาธารณสุข พ.ศ.2559. กรุงเทพฯ: ส านักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข.
ปวิตร สุจริตพงศ์. (2560). สูติศาสตร์หัตถการช่วยคลอด. ใน ประภัทร วานิชพงษ์พันธุ์, กุศล รัศมีเจริญและตรีภพ เลิศบรรณพงษ์ (บรรณาธิการ), ตาราสูติศาสตร์. (หน้า 390-396). กรุงเทพฯ : ภาควิชาสูติศาสตร์นรีเวชวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล, พี.เอ.ลีฟวิ่ง จากัด.
สมฤดี กีรตวนิชเสถียร, ภารดี ชาวนรินทร์, นาถสุดา โชติวัฒนากุลชัย. (2562). บทบาทของพยาบาลในการดูแลสตรีตั้งครรภ์ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง. วารสารมหาวิทยาลัยคริสเตียน ปีที่ 25 ฉบับที่ 4 ตุลาคม – ธันวาคม 2562.