Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาวะรกเกาะต่ำ (Lower uterine segment), บ - Coggle Diagram
ภาวะรกเกาะต่ำ (Lower uterine segment)
พยาธิสภาพ
ปกติตัวอ่อนที่อยู่ในระยะ blastocyst จะฝังตัวในเยื่อบุโพรงมดลูกในตำแหน่งปกติแต่ในภาวะรกเกาะต่ำ blastocyst จะเลื่อนลงมาฝังตัวในตำแหน่งผนังมดลูกส่วนล่าง
เกิดจากการที่มีภาวะบางอย่างเกิดขึ้น
เช่น เยื่อบุโพรงมดถูกมีร่องรอยแผลเป็น
จากการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง
ทำให้
การฝังตัวของรกผิดปกติ เมื่อรกมีขนาดใหญ่ขึ้นจากการที่มีอายุครรภ์เพิ่มมากขึ้นจึงขัดขวางทางออกของทารกบริเวณรูเปิดด้านในของปากมดลูก
สาเหตุ
มารดามีประวัติการตั้งครรภ์หลายครั้ง
คือ G3P2A0L2 เพราะในแต่ละครั้งของการตั้งครรภ์จะต้องมีการสร้างรก รกที่สร้างขึ้นมักจะย้ายที่เกาะไปเรื่อยๆ จะไม่เกาะซ้ำที่ตำแหน่งเดิม เพราะจะมีแผลเป็นและมีเลือดมาเลี้ยงไม่พบ รกจึงย้ายมาเกาะใกล้ปากมดลูกแทน และมารดาบอกว่า “ฉันเคยผ่าคลอดมาก่อน” ซึ่งการผ่าตัดคลอดจะทำให้ผนังมดลูกมีแผลเป็น หากมีการผ่าตัดคลอดหลายครั้งก็จะเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดภาวะรกเกาะต่ำได้
การวินิจฉัย
ซึ่งในกรณีศึกษาพบว่ามีอาการผิดปกติ คือ ในสัปดาห์ที่ ๓๑ พบว่ามีอาการเลือดออกทางช่องคลอด และระหว่างสัปดาห์ที่ ๓๓ หญิงตั้งครรภ์ก็รู้สึกว่ามีตะคริวอยู่ที่ท้อง
มารดามีภาวะรกเกาะต่ำ (Placenta previa)
เนื่องจาก
blastocyst จะเลื่อนลงมาฝังตัวในตำแหน่งผนังมดลูกส่วนล่าง
จากการที่มีภาวะผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้นในมดลูก
เช่น
การไหลเวียนเลือดในบริเวณเยื่อบุโพรงมดลูกผิดปกติ
จากการที่เยื่อบุโพรงมดลูกหรือกล้ามเนื้อมดลูกเคยได้รับการทำหัตถการบางอย่างมาก่อนในอดีต
เช่น
2 more items...
ทำให้
เกิดอาการปวด
เจ็บแปลบที่หน้าท้อง
มีเลือดออกทางช่องคลอดโดยที่ไม่มีความเจ็บปวด
การพยาบาล
มารดามีโอกาสเกิดภาวะช็อค เนื่องจากการเสียเลือดจากภาวะรกเกาะต่ำและแผลผ่าตัด
ข้อมูลสนับสนุน
S : มารดาบอกว่า “รู้สึกเหนื่อย เพลีย”
O : มีเลือดออกประมาณ ๕๐๐ ซีซีระหว่างการผ่าตัดคลอด
O : ได้รับการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง
O: มารดามีภาวะรกเกาะต่ำ
จุดมุ่งหมายการพยาบาล
มารดาไม่เกิดภาวะ Hypovolemic shock ในระยะก่อนคลอด ระหว่างคลอด และหลังคลอด
เกณฑ์การประเมินผล
1.สัญญาณชีพปกติชีพจร น้อยกว่าหรือเท่ากับ 90ครั้ง/นาที อัตราการหายใจระหว่าง 18-24 ครั้ง/นาที ความดันโลหิต มากกว่าหรือเท่ากับ 100 / 60มิลลิเมตรปรอท
2.ไม่มีภาวะซีด เหงื่อออก ตัวเย็น ใจสั่น
กิจกรรมการพยาบาลและเหตุผล
1.ให้มารดานอนพักบนเตียง (bed rest) ให้มากที่สุดควรมีกิจกรรมเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น เช่น เข้าห้องน้ำ อาบน้ำหรือรับประทานอาหาร
2.ประเมินสัญญาณชีพทุก 1 ชั่วโมง เพื่อประเมินอาการเปลี่ยนแปลง ถ้าผิดปกติรายงานแพทย์เพื่อการรักษาทันที
3.ให้มารดาใส่ผ้าอนามัย สังเกตและบันทึกลักษณะจำนวนเลือดที่ออกทางช่องคลอดเพื่อประเมินการเสียเลือด
4.เตรียมมารดาเพื่อรับการตรวจและผ่าตัดให้พร้อมในกรณีเลือดออกมาก เช่น เตรียมตรวจด้วยคลื่นความถี่สูง การเตรียมตรวจภายใน หรือการผ่าตัดคลอดเด็กออกทางหน้าท้อง.
5.สังเกตและบันทึกการหดรัดตัวของมดลูกทุก 15นาที เนื่องจากการหดรัดตัวของมดลูกจะทำให้เลือดออกมากขึ้น
6.สังเกตและประเมินอาการต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด ได้แก่ภาวะซีด กระสับกระส่าย เหงื่อออก ตัวเย็นใจสั่น พักไม่ได้ และอาการเจ็บปวด
2.มารดามีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดการติดเชื้อภายหลังคลอด
ข้อมูลสนับสนุน
O : มีแผลผ่าตัดบริเวณหน้าท้องจากการผ่าตัดคลอด
จุดมุ่งหมายการพยาบาล
มารดาหลังคลอดไม่มีภาวะติดเชื้อ
เกณฑ์การประเมินผล
2.น้ำคาวปลาไหลสะดวก ไม่มีกลิ่นเหม็น มีการเปลี่ยนแปลงปกติ
3.ไม่มีไข้ อุณหภูมิร่างกายอยู่ระหว่าง 36.5-37.5 องศาเซลเซียส
1.แผลผ่าตัดไม่บวมแดง ไม่มี Discharge ซึม
กิจกรรมการพยาบาลและเหตุผล
1.ประเมิน อุณหภูมิ ชีพจร หายใจ ทุก 4 ชั่วโมง และประเมินลักษณะของแผลผ่าตัด ประเมินสภาพของน้ำคาวปลา ถ้าผิดปกติรายงานแพทย์เพื่อการรักษา
2.ดูแลให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
3.ดูแลให้มารดาเปลี่ยนผ้าอนามัยและทำความสะอาดบริเวณอวัยวะสืบพันธ์ุทุกครั้งหลังขับถ่าย
4.ดูแลให้สายสวนปัสสาวะอยู่ในระบบปิด บันทึกจำนวนและลักษณะของปัสสาวะที่ออกและดูแลให้มารดาถ่ายปัสสาวะภายใน 8 ชั่วโมง หลังถอดสายสวน
5.ดูแลให้มารดาได้พักผ่อน นอนหลับสนิทอย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง ไม่รบกวนมารดาโดยไม่จำเป็น
6.สังเกตลักษณะของแผลผ่าตัด ถ้ามีการติดเชื้อที่แผลจะมีอาการเจ็บปวด บวมแดง ร้อน หรือมีไข้
3.ทารกเสี่ยงต่อภาวะพร่องออกซิเจนเนื่องจากคลอดก่อนกำหนด
ข้อมูลสนับสนุน
O:มารดามีอายุครรภ์ 33 สัปดาห์
O:มารดามีภาวะรกเกาะต่ำ
จุดมุ่งหมายการพยาบาล
เพื่อให้ทารกปลอดภัยจากการขาดออกซิเจน
เกณฑ์การประเมินผล
1.เด็กหายใจได้เอง ตัวแดงดี ร้องเสียงดัง
2.HR=120-160 ครั้ง/นาที
3.APGAR Score 8-10 คะแนน
กิจกรรมการพยาบาล
1.ก่อนผ่าตัดเตรียมเลือดสำหรับลูก ใช้ 1 unit พร้อมตรวจสอบความถูกต้อง
2.ประสานงานกับทีมกุมารแพทย์ให้มารับเด็กที่ห้องผ่าตัด พร้อมให้ข้อมูลประวัติการตั้งครรภ์และภาวะแทรกซ้อนของมารดา
3.ให้ข้อมูลความเสี่ยงของทารกคลอดก่อนกำหนด แก่มารดาและญาติให้เข้าใจแผนการรักษาของแพทย์
4.ก่อนการผ่าตัดและระยะผ่าตัด ให้ออกซิเจนแก่มารดาให้เพียงพอ Oxygen sat 95-100%
5.เตรียมรถรับเด็ก (radian warm)เพื่อความพร้อมในการรักษาความอบอุ่นร่างกายเด็กแรกเกิดก่อน เด็กคลอดปิดเครื่องปรับอากาศในห้องผ่าตัด
6.เตรียมเครื่องมือฉุกเฉินในการช่วยทารกแรกเกิดไว้ให้พร้อมที่จะใช้ได้ทันที เช่น เครื่องมือช่วยหายใจ เครื่องดูดเสมหะ พร้อมทั้งยาที่จำเป็นในการช่วยฟื้นคืนชีพ
แนวทางป้องกัน
หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดภาวะรกเกาะต่ำ
การผ่าตัดมดลูก
ผ่าเนื้องอกมดลูก
การขูดมดลูก
ฝากครรภ์ตามนัด
หมั่นสังเกตอาการผิดปกติ
อาการปวด
เจ็บแปลบหน้าท้อง
หากมีเลือดออกทางช่องคลอดโดยไม่มีความเจ็บปวดควรมาพบแพทย์ทันที
บ