Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

ผู้สูงอายุในชุมชนดอนนารา, (ผู้สูงอายุมีพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่เหมาะสมเนื่องจา…

- - - - ผู้ป่วยรับรู้ว่าตนเองเป็นโรคปอดอักเสบ นอนติดเตียง พลิกตะแคงซ้ายขวาไม่ได้ นั่งก็เจ็บ แพทย์นัดเพื่อเจาะเลือด รักษาที่โรงพยาบาลชลบุรี ได้รับยาแก้อักเสบ ยานอนหลับนอนติดเตียง มีประวัติดื่มเหล้า สูบบุหรี่ จากการซักประวัติผู้ป่วยปฏิเสธโรคประจำในครอบครัว มีประวัติการใช้ยาสมุนไพร ขมิ้นชัน ปกติแล้วได้รับยาจากรพ.สต หากยาแก้ปวดหมด ลูกชายจะซื้อยาแก้ปวดมาให้
        
        7 พร่องความรู้เกี่ยวกับการดูแลตนเอง เนื่องจากมีประวัติการซื้อยาสมุนไพรมารับประทานเอง
        
        ข้อมูลสนับสนุน
        
        .
        
        S : ผู้ป่วยเล่าว่า “ มีซื้อยาสมุนไพรมาใช้บ้าง”
        ผู้ป่วยเล่าว่า”เมื่อเจ็บป่วยเล็กน้อยซื้อยาสมุนไพรรับประทานเอง”
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        ประเมินความรู้ ความเข้าใจในการดูแลสุขภาพเกี่ยวกับการเลือกรับประทานยาที่ถูกต้องของผู้สูงอายุ
        
        ให้คำแนะนำผู้สูงอายุ และญาติควรหลีกเลี่ยงการซื้อยาสมุนไพร ยาหม้อ และยาลูกกลอนมารับประทานเอง เนื่องจากอาจมีผลเสียต่อร่างกาย โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีปัญหาปวดข้อตามที่ต่างๆ ผู้สูงอายุมักเข้าใจว่าปลอดภัยเพราะทำมาจากสมุนไพร แต่มักมีการผสมยาประเภทสเตียรอยด์ ทำให้หายปวดข้อได้จริงแต่มีผลเสียในระยะยาวมากมาย เช่น กระดูกพรุน ต่อมหมวกไตฝ่อ เบาหวาน และความดันโลหิตสูง
        
        สร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการรับประทานยาที่ถูกต้องตามคำสั่งของแพทย์หรือเภสัชกร
        
        เปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุได้ซักถามถึงสิ่งที่ไม่เข้าใจและต้องการข้อมูลเพิ่มเติม
        
        ประเมินความรู้ความเข้าใจของผู้สูงอายุและญาติ หลังให้คำแนะนำ
        
        วัตถุประสงค์
        เพื่อให้ผู้สูงอายุมีความรู้ในการดูแลตัวเองโดยการรับประทานยาตามคำสั่งการรักษาของแพทย์
        
        เกณฑ์การประเมิน
        ผู้สูงอายุมีความตระหนักถึงข้อดีข้อเสียของการรับประทานยาและปรึกษา
    - - รับรู้ว่าตนเองเป็นโรคความดัน โรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด โรคปลายประสาทอักเสบ แต่คิดว่าสาเหตุของโรคมาจากเวรกรรม และไม่ทราบวิธีการปฏิบัติตนเมื่อเป็นโรค ปฏิเสธการแพ้ยา การแพ้อาหาร ปฏิเสธการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ มีพฤติกรรมเสี่ยงเรื่องการรับประทานอาหาร ผู้สูงอายุดื่มกาแฟ 3 in 1ที่มีส่วนผสมของน้ำตาลและครีมเทียม ในบางวันดื่มกาแฟชงที่ลูกสาวขาย เวลาเจ็บป่วยให้ลูกหรือหลานพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลชลบุรี
    - - รับรู้ว่าว่าตนเองกำลังเป็นโรคเก๊าท์ เป็นมาระยะเวลา 3 ปี ปฏิเสธการแพ้ยา แพ้อาหาร ไม่สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์นาน ๆ ครั้งแค่ช่วงเทศกาล ครั้ง 1 แก้วรับประทานกาแฟ 3 in 1 วันละ 1 แก้วในช่วงเช้าการดูแลตนเองเมื่อเจ็บป่วยไปตามนัดแพทย์ทุก 6 เดือน ถ้าเป็นการเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น เป็นหวัด มีไข้ ปวดท้อง จะซื้อยารับประทานเองจากร้านขายยาใกล้บ้าน หรือคลินิกใกล้บ้าน
    - - ผู้สูงอายุทราบว่าตนเองมีสุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บป่วย ปฏิเสธโรคประจำตัว ชอบรับประทานผักต้ม และรับประทานเนื้อหมู รับประทานอาหารที่มี ประโยชน์ครบ 5 หมู่ เช่น เนื้อปลา เนื้อไก่ ผัก นม ปฏิเสธการแพ้ยาและอาหาร ปฏิเสธดื่มเหล้าแอลกอฮอล์ แต่ผู้สูงอายุมีพฤติกรรมการสูบยาตั้ง
        วันละ 6 ม้วน สูบมาประมาณ 20 ปีแล้ว เมื่อเจ็บป่วยเล็กน้อยซื้อยาสมุนไพรรับประทานเอง
    - - แพ้ยากลุ่ม sulfonamides ไม่สูบบุหรี่ กินเบียทุกวันวันละ1กระป๋องตอนช่วงเย็น แต่3วันนี้ไม่ได้กินเพราะป่วย ดื่มกาแฟ D7 ทุกวันตอนเช้า เมื่อรู้สึกเป็นไข้ไม่สบายก็จะไปหาหมอเลย ปวดท้อง ท้องเสียกินยาธาตุ ช่วง3วันนี้คุณป้าเป็นไข้หวัดใหญ่ก็พึ่งไปหาหมอมา ชอบกินกระเทียมดำเพื่อลดไขมันในเลือด
    - - การรับรู้ภาวะสุขภาพในปัจจุบัน ไม่ทราบว่าป่วยเป็นนิ่วในท่อน้ำดีเพราะอะไร มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การทานของรสจัดจำพวกแกงกะทิเป็นประจำและออกกำลังกายไม่เพียงพอหรือไม่ถึงเกณฑ์ปานกลาง เมื่อเจ็บป่วยจะเข้ารับการรักษที่โรงพยาบาลชลบุรี
        
        6 พร่องความรู้เกี่ยวกับโรคนิ่วในท่อน้ำดี
        
        วัตถุประสงค์
        เพื่อให้ผู้สูงอายุมีความรู้เรื่องโรคนิ่วในท่อน้ำดี
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        ประเมินความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนิ่วในท่อน้ำดี
        
        ให้ความรู้แก่ญาติและผู้ป่วยเกี่ยวกับโรคนิ่วในท่อน้ำดี
        
        ความหมาย นิ่วในถุงน้ำดี (Gallstone) เป็นโรคในระบบทางเดินน้ำดีที่พบได้บ่อย โดยนิ่วเกิดจากการตกตะกอนของหินปูนหรือคอเลสเตอรอลในน้ำดี อุบัติการณ์ของคนไข้ที่มีนิ่วในถุงน้ำดีสามารถตรวจพบนิ่วในท่อน้ำดีแบบที่ไม่มีอาการร่วมด้วยได้ 6 – 12% แต่ถ้าอายุมากกว่า 60 ปีอาจพบภาวะนี้เพิ่มสูงขึ้นถึง 20 – 25% โรคนิ่วในถุงน้ำดีเป็นโรคในระบบทางเดินอาหารที่สามารถเกิดขึ้นได้และมีอันตรายร้ายแรงถึงชีวิตหากไม่รีบรักษา ส่วนใหญ่มักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยพบได้ตั้งแต่อายุ 30 – 50 ปี อาจพบอาการที่น่าสงสัย ได้แก่ ท้องอืด แน่นท้อง อาหารไม่ย่อย ปวดใต้ลิ้นปี่หรือชายโครงขวา พบอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ถ้ามีนิ่วในถุงน้ำดีไหลตกลงไปที่ท่อน้ำดีและเกิดภาวะท่อน้ำดีอุดตัน โดยในผู้สูงอายุมักพบภาวะนี้เพิ่มขึ้น
        
        อาการ อาการของโรคนิ่วในถุงน้ำดีในระยะเริ่มต้นอาจไม่ค่อยแสดงอาการมากนัก ในกลุ่มที่มีอาการคนไข้จะมาพบแพทย์ด้วยอาการท้องอืด แน่นท้อง ปวดใต้ลิ้นปี่หรือชายโครงด้านขวา แต่หากมีถุงน้ำดีติดเชื้อคนไข้จะมีอาการปวดท้องใต้ชายโครงขวา คลื่นไส้อาเจียน มีไข้สูง
        
        การรักษา แพทย์อาจแนะนำให้รักษาด้วยการส่องกล้องตรวจท่อทางเดินน้ำดีและท่อตับอ่อน (ERCP) ร่วมกับการผ่าตัดถุงน้ำดีผ่านกล้องแบบแผลเล็ก (Laparoscopic Cholecystectomy)
        
        แนะนำให้ผู้สูงอายุไปตามที่แพทย์นัดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อติดตามอาการ
        
        ข้อมูลสนับสนุน
        
        S : ผู้ป่วยบอกเล่าว่า "เป็นโรคนิ่วในท่อน้ำดีทำให้ปัสสาวะขุ่น"
        
        เกณฑ์การประเมินผล
        สารมารถบอก สาเหตุของการเกิดโรคและการดูแลตนเองเมื่อเป็นโรคนิ่วในท่อน้ำดีได้ถูกต้องและเหมาะสม
  - - - ผู้ป่วยบอกว่าช่วงนี้รับประทานอาหารได้น้อยลง น้ำหนักลดจาก 55 กิโลกรัมเหลือ 41 กิโลกรัม ส่วนสูงจาก 168 เซนติเมตร ลดเหลือ 153 เซนติเมตร รับประทานได้แต่อาหารอ่อนๆ เช่น นม กินไม่ค่อยได้ รับประทานได้ทุกอย่าง ชอบรับประทานผัดฟักทอง ชอบรับประทานผลไม้กินข้าวครบ 3 มื้อ บางวันมากกว่า 3 มื้อ กินจุบจิบระหว่างวัน แบบประเมินภาวะโภชนาการ (MNA) เท่ากับ 10.5 คะแนน แปลผล ขาดสารอาหาร BMI 17.52 แปลผล น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์
        
        1 ผู้สูงอายุมีภาวะทุพโภชนาการ เนื่องจากได้รับสารอาหารไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
        
        เกณฑ์การประเมิน
        
        มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น 0.5 กิโลกรัม ในแต่ละสัปดาห์ BMI ปกติ (18.5-22.9)
        
        ระบุปัจจัยที่ทำให้น้ำหนักตัวลด แยกแยะ หรือเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม
        
        คะเเนนผลการประเมินตามแบบประเมินภาวะโภชนาการ (MNA)
        =24-30คะเเนน
        
        วัตถุประสงค์
        ผู้สูงอายุไม่มีภาวะขาดสารอาหาร
        
        ข้อมูลสนับสนุน
        
        S :
        
        เคส 1 :ผู้สูงอายุบอกว่า "ช่วงนี้กินได้น้อยลง กินได้ 2-3 คำก็เลิก น้ำหนักลดจาก 55 เหลือ 41 ผิวหนังเหี่ยวย่น กินมมากว่า 3 มื้อ กินจุบจิบระหว่างวัน แต่ก็ไม่อ้วน"
        
        เคส 2: ผู้สูงอายุบอกว่ามีฟัน 3 ซี่ และฟันปลอมไม่สามารถใช้ได้”
        
        O :
        
        เคส 1 น้ำหนัก 41 kg. ส่วนสูง 153 cm
        BMI เท่ากับ 17.52 แปลผล น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์
        แบบประเมินภาวะโภชนาการ (MNA) เท่ากับ 10.5 คะแนน
        แปลผล ขาดสารอาหาร
        
        เคส2 ผลการประเมินตามแบบประเมินภาวะโภชนาการ (MNA) = 11 คะแนน แปลผล ขาดสารอาหาร
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        ประเมินสภาวะการขาดอาหาร น้ำหนักลด หรือต่ำกว่าเกณฑ์ปกติตามอายุความ สูงและโครงสร้าง อาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย ปากอักเสบ เป็นแผล เปลือกตาซีด
        
        ประเมินปัจจัยส่งเสริมการเกิดภาวะขาดสารอาหาร จากการสังเกตและบันทึก การรับประทานอาหาร จํานวน ชนิด พลังงานจากอาหาร ความสามารถในการเคี้ยวอาหาร การกลืน และการช่วยเหลือตนเองในการรับประทานอาหาร การรับประทานยาหลายชนิด โรคที่มี ผลกระทบต่อภาวะโภชนาการ ภาวะทางจิตสังคม เศรษฐกิจ และความเชื่อในการรับประทาน หรือไม่รับประทานอาหารบางอย่าง เป็นต้น
        
        ปรึกษาโภชนคลินิก/โภชนากร เพื่อคํานวณสารอาหารที่เหมาะกับสภาพผู้ป่วย และ กําหนดแผนในการให้อาหารในแต่ละมื้อและแต่ละวัน
        
        ส่งเสริมให้ร่างกายได้รับอาหารพอเพียง ให้คําปรึกษาในการช่วยผู้ป่วยเลือกอาหาร วิตามินและแร่ธาตุให้มีปริมาณ คุณภาพ ตรงกับความต้องการ ความชอบ สามารถปรุงอาหารที่ เหมาะกับโรคมาให้รับประทานได้การรักษาโรคฟันและเงือก รักษาความสะอาด ปากและฟัน ก่อน-หลังอาหาร จัดให้ได้พักก่อนมื้ออาหาร จัดสิ่งแวดล้อมให้สะอาด ผ่อนคลายและสดชื่น เพิ่มการเคลื่อนไหวของร่างกายระหว่างวัน
        
        เริ่มให้อาหารควรให้อาหารที่เป็นน้ำหรืออาหารเหลวก่อนอาหารหลัก จะช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลําไส้ทําให้รับประทานอาหารได้มากขึ้น อาหารที่ให้ควรเป็นอาหารอ่อนที่มีโปรตีนคุณภาพสูง พลังงานสูง เช่น ปลา ไข่และนม เป็นต้น ให้จํานวนน้อย บ่อยครั้ง ให้ได้อาหารตามแผนการรักษาที่กําหนดไว้อุ่นอาหารและจัดให้น่ารับประทาน หลีกเลี่ยงอาหารหวาน มัน และมีกลิ่นเครื่องเทศ สังเกตมื้ออาหารที่รับประทานได้มาก ให้จัดอาหารมื้อนั้นให้มีปริมาณมากขึ้น
        
        สังเกตการเกิดการเปลี่ยนแปลงทางสรีรภาพและภาวะแทรกซ้อนจากภาวะขาดสารอาหาร เช่น การติดเชื้อในระบบหายใจ แผลหายช้า กล้ามเนื้ออ่อนแรง และจิตใจหดหู่ เศร้า
    - - ประกอบอาหารเอง รับประทานอาหารครบ 3 มื้อ เนื่องจากมีฟัน 3 ซี่และฟันปลอมใช้งานไม่ได้ รับประทานได้แต่อาหารที่มีลักษณะนิ่ม ไม่เหนียว เนื้อสัตว์จะรับประทานค่อนข้างน้อย รับประทานได้แต่เพียงปลานึ่ง ดื่มน้ำวันละประมาณ 2 ลิตร ผู้สูงอายุมีฟัน 3 ซี่ และฟันปลอมไม่สามารถใช้ได้ ทำให้มีปัญหาด้านการเคี้ยว ผลการประเมินตามแบบประเมินภาวะโภชนาการ (MNA) = 11 คะแนน แปลผล ขาดสารอาหาร
        
        .
    - - รับประทานอาหารวันละ 3 มื้อ รับประทานข้าวมื้อละ 2 ทัพพี รับประทานกาแฟ 3 in 1 วันละ 1 แก้วในช่วงเช้า อาหารที่รับประทานเป็นประจำ ได้แก่ น้ำพริก ผักต้ม เนื้อปลา ของหวาน ดื่มน้ำวันละ 2,000 มิลลิลิตร ผลการประเมินตามแบบประเมินภาวะโภชนาการ (MNA) 12 คะแนน แปลผล มีภาวะโภชนาการปกติ น้ำหนัก 70 กิโลกรัม สูง 170 เซนติเมตร BMI = 24.22 แปลผล อยู่ในเกณฑ์ท้วม
        
        .
    - - รับประทานวันละ 3 มื้อ ชอบรับประทานผักต้ม เนื้อหมู และของหวาน รับประทานอาหารที่มี ประโยชน์ครบ 5 หมู่ เช่น เนื้อปลา เนื้อไก่ ผักต้ม น้ำหนัก 65 กิโลกรัม ส่วนสูง 165 เซนติเมตร BMI = 23.8 แปลผล มีน้ำหนักเกิน ดื่มน้ำวันละ 2 ลิตร ผู้สูงอายุเคยผ่าตัดไส้เลื่อนเมื่อ 6 ปีที่แล้ว
        ผลการประเมินตามแบบประเมินภาวะโภชนาการ MNA ได้ 14 คะแนน มีโภชนาการปกติ
        
        2 ผู้สูงอายุมีภาวะน้ำหนักเกินเนื่องจากมีพฤติกรรมการรับประทานไม่เหมาะสม
        
        ข้อมูลสนับสนุน
        
        S:
        
        เคส 3 ผู้สูงอายุบอกว่า "รับประทานของหวานเป็นประจำ"
        
        เคส 4 ผู้สูงอายุบอกว่า "ชอบรับประทานของหวานระหว่างมื้ออาหาร"
        
        เคส 5 ผู้สูงอายุบอกว่า "มีอาการท้องอืดหลังกินข้าว"
        
        เคส 6 ผู้สูงอายุบอกว่า "ชอบทานอาหารรสจัดจำพวกแกง"
        
        O:
        
        เคส 3 ดัชนีมวลกาย BMI 23.8 กิโลกรัมต่อตารางเมตร แปลผล มีน้ำหนักเกิน
        
        เคส 4 ดัชนีมวลกาย BMI 23.8 กิโลกรัมต่อตารางเมตร แปรผล มีน้ำหนักเกิน
        
        เคส 5 ดัชนีมวลกาย BMI 32.88 กิโลกรัมต่อตารางเมตร แปรผล มีภาวะอ้วนระดับ 3
        
        เคส 6 ดัชนีมวลกาย BMI 32.88 กิโลกรัมต่อตารางเมตร แปรผล มีภาวะอ้วนระดับ 3
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        การรับประทานอาหาร
        
        ประเมินอาหารที่ผู้สูงอายุชอบรับประทานเป็นประจำ
        
        สอบถามผู้สูงอายุว่า ทำอาหารทานเอง หรือซื้ออาหารมารับประทาน รับประทานอาหารวันละกี่มื้อ แต่ละมื้อรับประทานเมนูอะไรบ้าง ปริมาณเท่าไหร่
        
        ให้คำแนะนำกับผู้สูงอายุเกี่ยวกับการรับอาหารให้มีปริมาณ และมีคุณค่าของสารอาหารตามความต้องการของร่างกายต่อวัน
        
        ให้คำแนะนำกับผู้สูงอายุเกี่ยวกับพลังงาน และปริมาณอาหารที่ควรรับประทาน ผู้สูงอายุควรได้รับพลังงานอย่างเพียงพอ คือ วันละ 1,500-2,000 กิโลแคลอรี จากการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ วันละ 3 มื้อ และมีอาหารว่าง 2 มื้อ โดยทุกมื้อควรมีผักผลไม้เพื่อเพิ่มกากอาหาร ในหนึ่งมื้ออาหารควรแบ่งจานออกเป็น 4 ส่วน ประกอบไปด้วย ผัก 2 ส่วน , ข้าวแป้งเน้นไม่ขัดสี 1 ส่วน (4-6 ช้อนโต๊ะ) , และเนื้อสัตว์หรือโปรตีน 1 ส่วน (4-6 ช้อนโต๊ะ) อาหารว่าง 2 มื้อ แนะนำเป็นผลไม้น้ำตาลต่ำ หรือนมจืดไขมันต่ำ
        
        ให้คำแนะนำกับผู้สูงอายุเกี่ยวกับอาหารที่ผู้สูงอายุควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ อาหารประเภทแป้ง อาหารทอด ผัด ของหวาน เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลอยู่มาก เนื้อสัตว์ที่ควรเลี่ยงคือเนื้อสัตว์ติดมัน ควรเลี่ยงผลไม้แปรรูป และผลไม้ที่มีน้ำตาลสูงหรือผลไม้รสหวาน ได้แก่ ทุเรียน กล้วย ขนุน มะม่วง ลำไย เป็นต้น หลีกเลี่ยงการปรุงอาหาร รสจัด และควรลดการใช้เกลือในการปรุงรส ควรใช้การปรุงรสด้วยเครื่องเทศหรือสมุนไพรแทน ควรใช้น้ำมันพืชในการปรุงอาหารไม่เกิน 2 ช้อนชาต่อมื้อ หลีกเลี่ยงการประกอบอาหารด้วย วิธีการทอด โดยเปลี่ยนเป็นต้ม นึ่ง ย่างแทน
        
        ให้คำแนะนำกับผู้สูงอายุเกี่ยวกับอาหารที่ผู้สูงอายุควรรับประทาน ควรเป็นอาหารที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายและราคาไม่แพง แนะนำเป็นอาหารไขมันน้อย เนื้อสัตว์ควรรับประทานเป็น อกไก่ เนื้อปลา ควรรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง รับประทานผักในทุกมื้ออาหาร และดื่มน้ำให้เพียงพอไม่ต่ำกว่า 1.5 ลิตรต่อวัน อาหารว่างระหว่างมื้ออาหารสามารถรับประทานเป็นผลไม้ ควรรับประทานผลไม้ที่ไม่มีน้ำตาลสูง เช่น แอปเปิ้ล ชมพู่ ฝรั่ง แก้วมังกร มะละกอ เป็นต้น ปริมาณผลไม้ที่แนะนำคือ 6-8 ชิ้นคำ ขึ้นกับชนิดผลไม้ หรือดื่มนมจืดไขมันต่ำหรือขาดไขมัน 1-2 แก้วต่อวัน เสริมเป็นมื้อว่างได้- แนะนำเมนูอาหารที่ผู้สูงอายุควรรับประทาน เป็นอาหารที่สามารถควบคุมน้ำหนักได้ เช่น ปลานึ่ง ฟักทองผัดไข่ ต้มจับฉ่ายน่องไก่ น้ำพริกผักลวก
        
        การออกกำลังกาย
        
        ประเมินสภาพผู้สูงอายุก่อนการออกกำลังกาย
        
        สอบถามข้อมูลส่วนตัวเกี่ยวกับประวัติการเจ็บป่วยในอดีตและปัจจุบันหรือโรคประจำตัว โดยเฉพาะโรคหัวใจและหลอดเลือด
        
        ให้ความรู้คำแนะนำ และชี้ให้เห็นถึงประโยชน์เกี่ยวกับวิธีการออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุ
        2.1. แนะนำกิจกรรมออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุ และให้โอกาสผู้สูงอายุเลือก
        กิจกรรมออกกำลังกายที่แนะนำ
        2.1.1 การเดิน/เดินเร็ว เพิ่มความเร็วถึงในระดับที่พอรู้สึกเหนื่อย และชะลอความเร็วลงในช่วงท้ายแล้วจึงหยุด หากรู้สึกเหนื่อยหอบ (พูดเป็นคำๆ ขาดช่วง) ให้ชะลอความเร็วในการเดิน หรือหาที่นั่งพัก ควรออกกำลังกาย ครั้งละ 30 นาที 4-5 ครั้งต่อสัปดาห์
        2.1.2 แกว่งแขนลดพุง กิจกรรมนี้สามารถทำได้ทุกที่ และใช้พื้นที่ในการทำกิจกรรมน้อยค่ะ การแกว่งแขนจะช่วยให้ระบบน้ำเหลืองในร่างกายทำงานได้ดียิ่งขึ้น เริ่มแรกควรทำตั้งแต่ 100-200 ครั้งก่อน แล้วจึงค่อยๆ เพิ่มจำนวนขึ้น 100 ครั้งตามลำดับ จนกระทั่งถึง 1,000-2,000 ครั้ง ซึ่งจะใช้เวลาประมาณครั้งละ 30 นาที (แกว่ง 500 ครั้ง ใช้เวลาประมาณ 10 นาที) ทำเช่นนี้สัปดาห์ละ 5 ครั้ง
        
        วัตถุประสงค์
        
        ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารได้อย่างเหมาะสม เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และพลังงานเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายต่อวัน
        
        ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุทราบถึงประโยชน์ของการออกกำลังกาย ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการออกกำลังกายให้ถึงเกณฑ์ปานกลาง และเหมาะสมกับช่วงวัยของผู้สูงอายุ
        
        เกณฑ์การประเมิน
        
        ผู้สูงอายุสามารถตอบคำถามเกี่ยวกับการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และควรหลีกเลี่ยงได้
        
        ผู้สูงอายุสามารถเลือกวิธีการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับช่วงวัยของผู้สูงอายุ และออกกำลังกาย 30 นาที 3-5 ครั้ง ต่อสัปดาห์
    - - ทำอาหารทานเอง ชอบทานรสจัด รับประทานอาหารครบ 3 มื้อ รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำวันละ 1.5 ลิตร ผู้สูงอายุมีอาการท้องอืดหลังกินข้าว ผู้สูงอายุใส่ฟันปลอม ผลการประเมินตามแบบประเมินภาวะโภชนาการ(MNA) มีภาวะโภชนาการปกติ น้ำหนัก 79 กิโลกรัม, ส่วนสูง 155 เซนติเมตร,
        BMI 32.88 อยู่ในเกณท์โรคอ้วนระดับ 3
        
        .
    - - ทำอาหารกินเอง ชอบกินพวกแกงหน่อไม้ แกงลาว แกงเลียง ไม่ชอบกินพวกแกงกะทิ ชอบกินผักมะเขือ ทุกมื้อต้องมีผัก กิน3มื้อ ไม่ชอบดื่มนม ชอบกินไข่ตุ๋น ไข่ต้ม เนื้อสัตวที่ชอบรับประทานคือปลานิล ดื่มประมาณ1.5ลิตร กินบ่อยระหว่างวัน วางไว้ข้างๆตัว ไม่มีท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียนไม่มีปัญหาการเคี้ยว การกลืน น้ำหนัก 68 กิโลกรัม ส่วนสูง 150 BMI = 30.22 แปลผลอ้วนมากระดับ3 ผลการประเมินตามแบบประเมินภาวะโภชนาการ(MNA) 25.5 คะแนน มีภาวะโภชนาการปกติ
        
        .
  - - - ผู้สูงอายุเล่าว่ามีอาการปวดท้อง แต่ขับถ่ายไม่ออก ปัสสาวะไม่ออก ปัสสาวะราดบ่อย ลุกขึ้นมาปัสสาวะตอนกลางคืนไม่บ่อยนัก เวลาจะไปไหนมาไหนตนใส่แพมเพิสอยู่ตลอดเวลาแบบประเมินภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ในผู้สูงอายุ แปลผล รุนแรงปานกลาง
        
        3 ผู้สูงอายุมีภาวะท้องผูกเนื่องจากเคลื่อนไหวร่างกายน้อย
        
        ข้อมูลสนับสนุน
        S : ผู้ป่วยสูงอายุบอกว่า "นอนติดเตียง ไม่ได้ลุกไปไหน ว่างๆก็ดูละคร ขับถ่ายไม่ค่อยออก
        O : ขับถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์
        เคลื่อนไหวร่างกายน้อย
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        ประเมินการขับถ่ายในผู้สูงอายุ สอบถามเกี่ยวกับระบบการขับถ่าย
        
        ให้ความรู้แก่ผู้สูงอายุในการปรับเปลี่ยนแผน การดำเนินชีวิต ได้แก่ อาหาร ฝึกการรับประทานอาหารเป็นเวลา รับประทานอาหารที่มีกากใย ได้แก่ ถั่ว ข้าว ผลไม้สดและผักสด เพื่อป้องกันไม่ให้อุจจาระแข็ง
        
        กระตุ้นการออกกำลังกายหรือเคลื่อนไหวร่างกาย เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อหน้าท้องและอุ้งเชิงการให้แข็งแรงเพื่อช่วยในการขับถ่าย
        
        กระตุ้นให้ผู้ป่วยดื่มน้ำมากๆ 2-3 ลิตรต่อวันเพื่อ ให้ลักษณะของอุจจาระอ่อนนุ่ม และง่ายต่อการขับถ่าย
        
        เกณฑ์การประเมิน
        ผู้สูงอายุขับถ่ายทุก 2-3 วัน อุจจาระไม่แข็งและไม่เจ็บขณะขับถ่าย
    - - ขับถ่าย 1ครั้ง หลังตื่นนอนตอนเช้า ไม่มีอาการเจ็บขณะขับถ่าย อุจจาระไม่มีเลือดปน
        ปัสสาวะ 3-4 ครั้งในตอนกลางวัน 2 ครั้งในตอนกลางคืน ไม่มีการเจ็บขณะขับถ่ายปัสสาวะ ปัสสาวะสีเหลืองใส ไม่มีเลือดปน ผลการประเมินแบบประเมินภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ในผู้สูงอายุ มีภาวะการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ในระดับรุนแรงมาก
        
        8 เสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้มเนื่องจากมีภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        การจัดน้ำดื่มในแต่ละวันอย่างเหมาะสม ในผู้สูงอายุการดื่มน้ำ
        มักจำกัดจากการมีความรู้สึกกระหายน้ำลดลง ผู้สูงอายุบางคนอาจลดการดื่มน้ำเพื่อลดการขับถ่ายปัสสาวะ จึงควรปรับให้เหมาะสม โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ได้รับยาขับปัสสาวะร่วมด้วย ควรจัดให้ดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอตลอดวัน ผู้สูงอายุที่ปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืนต้องลดปริมาณน้ำดื่มโดยเฉพาะก่อนนอนประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งการลดปริมาณน้ำดื่มลง 25% จะช่วยบรรเทาภาวะกลั้นปัสสาวะไม่ได้
        
        การลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และคาเฟอีน ซึ่งการศึกษาที่ผ่านมาพบว่าการลดเครื่องดื่มคาเฟนไม่ได้เป็นการรักษาโดยตรง แต่ช่วยลดอาการปัสสาวะบ่อยและปัสสาวะราดได้
        
        การควบคุมน้ำหนักเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะกลั้นปัสสาวะไม่ได้ชนิด stress incontinence และผู้ที่มีดัชนีมวลกายมากกว่า30 kg/m2 เพราะความวนจะเพิ่มความดันในช่องท้องทำให้เกิดปัสสาวะเล็ดราดได้ง่าย
        
        การใช้อุปกรณ์ช่วยการขับถ่าย ได้แก่ การใช้หม้อนอน เก้าอี้นั่งขับถ่าย ควรใช้ในผู้ที่มีภาวะกลั้นปัสสาวะไม่ได้ชนิด urge incontinence และการใช้อุปกรณ์ช่วยการขับถ่ายนี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะกลั้นปัสสาวะไม่ได้
        
        การปรับและจัดสภาพแวดล้อมห้องน้ำ ควรสะดวกสบาย ระยะไม่ไกล สภาพทางเดินสะดวก มีแสงสว่างบริเวณทางเดินไปสู่ห้องน้ำ ลักษณะห้องน้ำที่สะดวกมีอุปกรณ์ เช่น ราวจับเวลานั่ง ยืน
        
        การใช้เครื่องแต่งกายเสื้อผ้าที่สวมใส่และถอดง่าย การเลือกใช้อุปกรณ์ซับปัสสาวะ แผ่นรองรับปัสสาวะอย่างเหมาะสม
        
        บริหารอุ้งเชิงกาน โดย
        1 ) อธิบายให้ขมิบกล้ามเนื้อรอบทวารหนักและช่องคลอด ในการขมิบ
        ทวารหนักและช่องคลอด แนะนำไม่ให้ผู้สูงอายุแขม่วท้อง หนีบกันหรือต้นขา (เพราะการกระทำเหล่านี้เป็นเพียงการเพิ่มความดันในช่องท้องเท่านั้น) และให้มุ่งที่กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานเท่านั้น
        2 ) แนะนำให้ขมิบ 10 วินาที และคลาย 10 วินาที ในผู้สูงอายุบางคนอาจเริ่มที่ 3 หรือ 5 วินาทีก่อน แล้วค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึง 10 วินาที
        3) แนะนำให้ขมิบ 50 ครั้งต่อวันแต่ไม่เกิน 25 ครั้งต่อครั้ง
        4) แนะนำให้ผู้สูงอายุสังเกตการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น อาการปัสสาวะเล็ดราดจะค่อยๆ ดีขึ้นเมื่อทำติดต่อกันประมาณ 2-4 สัปดาห์
        
        ไม่ปล่อยให้ผู้อยู่คนเดียว
        
        ข้อมูลสนับสนุน
        S: ผู้สูงอายุบอกว่า “เวลาปวดปัสสาวะต้องรีบวิ่งไป บ่อยครั้งไปไม่ทันก็จะปัสสาวะราดออกมา”
        
        เกณฑ์การประเมิน
        ผู้สูงอายุเข้าห้องน้ำได้ทันเมื่อปวดปัสสาวะ
        
        วัตถุประสงค์
        ผู้สูงอายุไม่เกิดการพลัดตกหกล้มจากการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
    - - ขับถ่ายอุจจาระวันละ 1 ครั้งต่อวัน หลังตื่นนอนช่วง เช้า
        มีลักษณะอ่อนนุ่ม ไม่มีอาการเจ็บเวลาขับถ่ายขับถ่ายปัสสาวะช่วงกลางวัน 4-5 ครั้ง กลางคืน 2ครั้ง ปัสสาวะมีสีเหลืองใส ไม่มีอาการแสบขัด
    - - ถ่ายอุจจาระ จํานวน 1ครั้งต่อวัน มีลักษณะนุ่ม
        ไม่มีท้องผูก หรือถ่ายเหลวปัสสาวะ จํานวน 3ครั้งต่่อวัน สีเหลืองอ่อน ไม่มีอาการเจ็บหรือแสบขัดขณะปัสสาวะ
    - - อุจจาระครั้งละ 1 ครั้งตอนเช้าหลังกินข้าว
        ไม่แข็ง ไม่เหลว สีเหลือง ไม่มีภาวะท้องผูก
        ปัสสาวะวันละ 3-4 ครั้ง สีใส ไม่มีภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
    - - ถ่ายอุจจาระวันละ 1 ครั้ง
        ปัสสาวะก่อนจะป่วยเป็นโรคนิ่วในท่อน้ำดี
        เป็นสีเหลืองใสปกติ
  - - - ผู้สูงอายุชอบเต้นแอโรบิคทุกวัน ล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว แต่ปัจจุบันไม่สามารถทำได้แบบเมื่อก่อน กิจกรรมยามว่างคือนอนดูละคร
        
        Barthel ADL Index เท่ากับ 19 คะแนน แปลผล มีภาวะพึ่งพาเล็กน้อย
        
        Chula ADL Index เท่ากับ 8 คะแนน
        
        แบบประเมินภาวะเสี่ยงต่อการหกล้มของผู้สูงอายุไทยในชุมชน (Thai FRAT) เท่ากับ 4 คะแนน แปลผล เสี่ยงต่อการหกล้ม
        
        4 มีพฤติกรรมเคลื่อนไหวร่างกายไม่เหมาะสมเนื่องจากพร่องความรู้
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        .
        
        3) ส่งเสริมกิจกรรมทางกายแบบผสมผสานระหว่างการเคลื่อนไหวรูปแบบต่าง ๆ และการทรงตัว อย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ เช่น
        เต้นบาสโลบ ฟ้อนรำ รำวง รำไท่จี้ชี่กง กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยพัฒนาการเคลื่อนไหวร่างกายของผู้สูงอายุให้มีประสิทธิภาพ และเป็นการฝึกการทรงตัว เพื่อป้องกันการหกล้ม
        
        2) บริหารกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ให้แข็งแรง ควบคู่กับการยืดเหยียดกล้ามเนื้ออย่างน้อย 2 วันต่อสัปดาห์ เช่น ดึงยาง ยกดรัมเบล
        
        1) กระตุ้นเคลื่อนไหวร่างกายในชีวิตประจำวันให้มาก เช่น การทำงานบ้าน การเดิน รดน้ำต้นไม้ ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโออย่างสม่ำเสมอ เช่น เดิน ปั่นจักรยาน เต้นรำ โดยเฉลี่ยอย่างน้อยวันละ 30 นาที
        
        ข้อมูลสนับสนุน
        S :
        
        เคส 1 ผู้ป่วยบอกว่า "นอนบนเตียงทั้งวัน ไม่ได้ลุกไปไหน"
        
        เกณฑ์การประเมิน
        ผู้สูงอายุออกกำลังกายอย่างน้อย 30 ครั้งต่อ 2 ครั้งต่อสัปดาห์
        
        .
    - - สามารถปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้ด้วยตนเองทุกอย่าง
        เดินออกกำลังกายบรเวณหน้าบ้าน 3 รอบ เวลาประมาณ 30 นาที
    - - สามารถดูแลตนเองได้
        ผู้สูงอายุบอกว่า "มีอาการข้อติดในตอนเช้าตอนตื่นนอน"
        ออกกำลังกายโดยการเดิน วันละ 30 นาที
        
        ไม่สุขสบายเนื่องจากมีอาการปวดตามข้อ
        
        เกณฑ์การประเมินผล
        
        ระดับ pain score ≤ 3
        
        ข้อมูลสนับสนุน
        
        O :
        
        มีโรคประจำตัว คือ โรคเก๊าท์
        
        Pain score 5 คะแนน
        
        S :
        
        ผู้ป่วยบอกว่า “มีอาการข้อติดขัดในช่วงเช้าหลังตื่นนอน”
        
        เป้าประสงค์การพยาบาล
        ผู้สูงอายุสุขสบายมากขึ้น อาการปวดตามข้อลดลง
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        ซักประวัติระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
        
        แนะนำผู้สูงอายุให้ข้อที่อักเสบได้พักมากๆ โดยแนะนำจำกัดเรื่องการเคลื่อนไหวหากมีอาการข้อเข่าที่อักเสบรุนแรงและมีอาการปวด
        
        ประคบด้วยความร้อนที่บริเวณข้อที่ปวด เพื่อให้กล้ามเนื้อคลายตัวและหลังการประคบ ดูแลและแนะนำให้ผู้สูงอายุได้มีการบริหารกล้ามเนื้อและข้อ
        
        แนะนำให้ผู้สูงอายุควรหลีกเลี่ยงอากาศที่เย็น ในที่มีอากาศเย็นควรสวมใส่เสื้อเพื่อความอบอุ่นแก่ร่างกาย เพราะถ้าอากาศเย็นมากจะทำให้มีอาการปวดข้อเข่ามากยิ่งขึ้น
    - - สามารถดูแลตนเองได้ ทำกิจวัตรประจำวันได้ทั้งหมด ตอนเย็นเดินช้าๆรอบหมู่บ้าน วันละ 1ครั้ง ครั้งละ 30-45นาที สัปดาห์ละ 4ครั้ง
    - - ทำเองได้หมดทุกอย่าง ไม่ต้องมีใครช่วย ชอบเดินแกว่งแขน ขับรถส่งของ ขึ้นลงบันไดอาคารพาณิชย์ 3 ชั้นทุกวัน
    - - ผู้สูงอายุบอกว่าเดินรอบหมู่บ้านบ่อยครั้ง
        แต่ไม่ใช่การออกกำลังกายปานกลางหรือออกกำลังกายจนรู้สึกเหนื่อย
  - - - ปกติเข้านอน 20.00 น. ตื่น 05.00 น. นอนไม่หลับเพราะเจ็บบริเวณหน้าอก
        เวลาได้ยานอนหลับแล้วหลับสบายตื่นสายตื่นกลางคืนไม่บ่อยนัก แบบประเมินคุณภาพการนอนหลับ เท่ากับ 16 คะแนน แปลผล ผู้สูงอายุมีคุณภาพการนอนหลับไม่ดี
        
        .
    - - นอนวันละ 5-6 ชม. เข้านอนเวลา 19.00 น.
        หลับตอน 21.00 น. ตื่น 05.00น.
        ขณะนอนตื่นมากลางดึกมาปัสสาวะ 2 ครั้ง
        มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับ บางครั้งนอนไม่หลับทั้งคืน ฟังวิทยุเพื่อผ่อนคลาย
        
        .
    - - นอนหลับในช่วง 19:00 น.-00:00 น. และ 03:00 น.- 06:00 น.
        นอนหลับวันละ6-7ชั่วโมง ตื่นช่วงกลางดึกทุกวัน
        ดูโทรทัศน์ ฟังทัศน์ สวดมนต์ก่อนนอนทุกคืน
        ผลการประเมิน PSQI 9 คะแนน ผู้สูงอายุมีคุณภาพการนอนหลับไม่ดี
        
        5 นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอเนื่องจากมีการตื่นระหว่างกลางคืน
        
        ข้อมูลสนับสนุน
        
        S :
        
        เคส1: ผู้สูงอายุบอกว่า”นอนไม่หลับเพราะเจ็บบริเวณหน้าอก”
        
        เคส3:ผู้สูงอายุบอกว่า “ตื่นช่วงกลางดึกทุกวัน”
        
        O :
        
        เคส 1 แบบประเมินคุณภาพการนอนหลับ PSQI = 16
        มีการใช้ยานอนหลับ แปลผล เป็นผู้สูงอายุมีคุณภาพ การนอนหลับไม่ดี
        
        เคส 3 แบบประเมินคุณภาพการนอนหลับ PSQI = 9
        แปลผล เป็นผู้สูงอายุมีคุณภาพ การนอนหลับไม่ดี
        
        เกณฑ์การประเมิน
        ผู้สูงอายุสามารถบอกแนวทางการปฏิบัติตัวเพื่อส่งเสริมการนอนหลับในผู้สูงอายุ ได้อย่างน้อย 8 ข้อ
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        ประเมินภาวการณ์นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอในผู้สูงอายุ และทำแบบประเมินคุณภาพการนอนหลับ PSQI
        
        ให้คำแนะนำการปฏิบัติตัวเพื่อส่งเสริมการนอนหลับในผู้สูงอายุ โดยใช้สื่อ
        จาก https://www.youtube.com/watch?v=PX6OCdBPl2E
        1) รอให้รู้สึกง่วงนอนก่อนจึงเข้านอน หากนอนและไม่หลับในครึ่งชั่วโมงควรทุกไปทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลงเบา ๆ รอจนกระทั่งง่วงจึงกลับมานอนบนเตียง
        2) ควรใช้เตียงนอนเพื่อการนอนเท่านั้น
        3) หลีกเลี่ยงการอ่านหนังสือ เล่นโทรศัพท์ ดูโทรทัศน์ และรับประทานอาหารบนเตียงนอน
        4) ห้องนอนควรมืด หรือเปิดไฟสลัว ๆ ไม่มีเสียงรบกวนไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป
        5) ควรเข้านอน และตื่นนอนเป็นเวลาทุกวันเพื่อสร้างสมดุลกลไกการตื่นและการนอนหลับ
        6) ไม่ควรนอนในเวลากลางวัน หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรจำกัดเวลาการนอนกลางวัน ไม่ควรเกินครึ่งชั่วโมงและควรนอนก่อน 15.00 น.
        7) ไม่ควรดื่มน้ำในช่วงเวลา 4-5 ชั่วโมงก่อนเข้านอน เพราะจะทำให้ตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำในช่วงกลางคืน
        8) ควรออกกำลังกายเป็นประจำ แต่หลีกเลี่ยงอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนเข้านอน
        9) หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และอาหารมื้อหนักอย่างน้อย 6 ชั่วโมง ก่อนเวลาเข้านอน
        10) หลังอาหารมื้อเย็นควรดื่มน้ำให้น้อย เพื่อลดการตื่นมาเข้าห้องน้ำกลางดึก
        
        ชี้ให้เห็นถึงประโยชน์จากการมีสุขอนามัยการนอนหลับที่ดี
        1) ร่างกายได้รับการพักผ่อนและซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
        2) ช่วยควบคุมระบบภูมิคุ้มกัน ควบคุมอุณภูมิในร่างกาย
        3) ช่วยลดภาวะสุขภาพ และโรคประจำตัว ได้แก่ ความเจ็บปวดทางร่างกาย โรคสมองเสื่อม เครียด ความ ผิดปกติทางอารมณ์ ซึมเศร้า วิตกกังวล
    - - นอนวันละ 7 ชั่วโมง เข้านอน 20:00 น. ตื่น 02:00 น.
        เข้าห้องน้ำ 1ครั้ง สามารถนอนหลับต่อได้ใน 10-15 นาที
        ตื่นนอนเวลา 04:00 น.นอนกลางวัน 30 นาที ไม่มีปัญหาการนอนหลับ ผลการประเมิน PSQI 5 คะแนน ผู้สูงอายุมีคุณภาพการนอนหลับที่ดี
    - - 10 ชั่วโมง เข้านอน 19:00 น. ตื่น 05:00 น.
        นอนหลับสนิทไม่มีตื่นระหว่างคืน ตื่นเช้ามาสดชื่นตอน 05:00 น.
        มาทำกับข้าวให้สามี ไม่ง่วง ปกติหลับเอง ดูอะไรเรื่อยๆแล้วก็หลับไปเองเลย
        ผลการประเมิน PSQI 0 คะแนน มีการนอนหลับดี
    - - เข้านอน 20.00 น. แต่จะนอนดูข่าวหรือโทรทัศน์
        จะเข้านอนจริง ๆ ประมาณ 20.30 – 21.00 น. ตื่น 05.00 น. ไม่ลุกตื่นกลางดึก ไม่มีฝันร้าย ไม่หลับ ๆ ตื่น ๆ ระหว่างคืน
        ผลการประเมิน PSQI 3 คะแนน มีการนอนหลับดี
  - - - แบบทดสอบ MMSE-Thai 2002 เท่ากับ 30 คะแนน แปลผล สูงกว่าระดับประถมศึกษา
        
        แบบวัดภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุไทย (TGDS) เท่ากับ 9 คะแนน แปลผล ปกติ
        
        แบบประเมินความปวด อยู่ในระดับค่อนข้างปวดมาก
        
        แบบประเมินความเจ็บด้วยตัวเลข (NRS) แปลผล ปวดอยู่ในระดับ 8
        
        แบบทดสอบความผิดปกติทางการรับรู้ (6CIT) เท่ากับ 0 คะแนน แปลผล ไม่มีความผิดปกติทางการรับรู้
        
        แบบสัมภาษณ์การรับรู้ความสามารถในการทรงตัว เท่ากับ 4 คะแนน แปลผล มีการรับรู้ความสามารถในการทรงตัวดี
    - - ได้ยินปกติทั้งสองข้าง ตาเป็นฝ้าทั้งสองข้าง มองไม่เห็น ภาพจะเบลอ
        การรับสัมผัสปกติ รับรู้ถึงความร้อน เย็น เจ็บเป็นปกติ ความจำค่อนข้างครบถ้วนสมบูรณ์
    - - ได้ยินเสียงปกติ ผู้สูงอายุสวมใส่แว่นสายตาสั้น ไม่สามารถระบุค่า สายตาได้ มีความสุขสบายดี มีความจำที่ดี สามารถรับรู้วัน เวลา สถานที่ และไม่มีความ บกพร่องทางการรู้สึกสัมผัส ประสาทรับรู้ทั้ง 5 ด้าน
        
        ผลการประเมิน 6CIT ไม่มีความผิดปกติทางการรับรู้
        
        ผลการประเมินTGDS 9 คะแนนแปลผล ปกติ
    - - ฟังได้ยินทั้งสองข้าง เคยผ่าตัดต้อกระจก
        เมื่อ3ปีทีแล้ว แต่ตอนนี้สามารถมองเห็นชัดได้ทั้งสองข้าง ไม่พบปัญหาการรับสัมผัส/ความสุขสบาย
        ผู้สูงอายุจำเรื่องที่ผ่านมาได้ จำสิ่งที่สักถามได้
        ตอบคำได้ปกติ
    - - การได้ยินสามารถ พูดคุยได้เข้าใจ ตอบได้ตรงคำถาม สายตายาว ใส่แว่นเวลาอ่านหนังสือ สามารถมองเห็นได้ปกติ สามารถจำเรื่องราวทั่วไปได้ปกติ
        
        ผลการประเมิน TGDS 0คะแนน ปกติ ไม่มีความเศร้า
        
        ผลการประเมิน 6CIT เท่ากับ 0 คะแนน ไม่มีความผิดปกติทางการรับรู้
    - - การได้ยินปกติ ไม่มีหูแว่วหรือไม่ยินเสียงหริ่ง การมองเห็นปกติ ไม่มีตาฟางหรือตามัว
  - - - ผู้ป่วยเล่าว่า "เมื่อก่อนชีวิดีกว่า ลูกหลานมีหน้าที่การงานดีหมด ลูกชวนไปอยู่เมืองนอกด้วย แต่บังเอิญว่าลูกชายป่วยจึงจำเป็นต้องอยู่ดูแล" อีกทั้งยังเล่าว่าตนเองเคยเป็นผู้หญิงเซ็กซี่ ตัวเล็ก ชาวต่างชาติชื่นชอบ แต่ตอนนี้ผิวหนังเหี่ยวย่น ผอมมาก สภาพดูไม่ดี เมื่อก่อนมีสัมพันธภาพที่ดีกับคนข้างบ้าน แต่เมื่อเจ็บป่วยตนไม่อยากคุยกับใคร เพราะคิดว่าคนข้างบ้านไม่อยากติดโรคจากตนเอง
        
        9 วิตกกังวลต่อภาพลักษณ์ที่เปลี่ยนแปลง
        
        S : ผู้สูงอายุเล่าว่า “เมื่อก่อนป้าผิวสวย เซกซี่ ฝรั่งชอบแต่ตอนนี้มีผิวหนังเหี่ยวย่น สภาพดูไม่ดี”
        
        เกณฑ์การประเมิน
        ไม่พูดถึงตนเองในด้านลบ
        
        เป้าประสงค์
        ลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาพลักษณ์ที่เปลี่ยนแปลง
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        เปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุระบายความคับข้องใจต่างๆ
        
        เมื่อช่วยให้ผู้สูงอายุได้สังเกตสิ่งเร้าหรือสัญญาณเตือนถึงความวิตกกังวล
        
        กระตุ้นให้ผู้สูงอายุได้พิจารณาถึงระดับความกังวลของตนเองและบันทึกไว้
        
        ช่วยให้ผู้สูงอายุลดความวิตกกังวลโดยทักษะต่างๆในการลดความวิตกกังวลเช่นการฝึกผ่อนคลายฝึกสมาธิการลดความคิดที่ไม่มีเหตุผล เป็นต้น
        
        ช่วยให้ผู้สูงอายุได้มีทักษะในการเผชิญและรับมือกับปัญหา
        
        แนะนำกิจกรรมที่ทำให้ผู้สูงอายุสงบหรือลดความวิตกกังวล เช่น ฝึกลมหายใจ
    - - รู้สึกดีและเห็นคุณค่าในตนเองรู้สึกว่าตนเองไม่เหมือนคนป่วย รู้สึกว่ายังมีแรงทำสิ่งต่างๆ วิธีการเผชิญและแก้ไขปัญหานอน และไม่นึกถึงจะได้ไม่เครียด
    - - มีความรู้สึกที่ดีต่อตนเอง รู้สึกมีคุณค่าในตนเอง ไม่รู้สึกกังวลในการเจ็บป่วย แค่ต้องปรับตัวในเรื่องการรับประทานอาหาร แล้วก็ไปหาหมอ วิธีการเผชิญและแก้ไขปัญหา ยอมรับความเป็นจริง
    - - ผู้สูงอายุมีความพึงพอใจในตนเอง ไม่มีความเครียด มีความสุขในการใช้ชีวิตกับภรรยาในทุก ๆ วัน ไม่มีความรู้ผิดต่อตนเอง เนื่องจากไม่มีการเจ็บป่วย หรือโรคประจำตัว วิธีการเผชิญและแก้ไขปัญหา ได้แก่ นั่งตั้งสมาธิ เข้าวัดฟังธรรม หรือพูดคุยกับภรรยาและเพื่อน
    - - รู้สึกดีกับชีวิต ลูกก็ไปได้ดี มีชีวตที่ดี ไม่รู้สึกว่าผิดปกติอะไรกับการเจ็บป่วย วิธีการเผชิญและแก้ไขปัญหา ไม่ค่อยมีปัญหาอะไร วางแผนอะไรไว้ เช่นการเงินก็ออมเงินอยู่แล้วเลยไม่ค่อยมีปัญหาอะไร
    - - มีความรู้สึกดีต่อตนเอง มีความภูมิใจในตนเอง ไม่มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเจ็บป่วย วิธีการเผชิญและแก้ไขปัญหา ยอมรับและแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด
  - - - ผู้ป่วยเล่าว่ามีลูก 3 คน อดีตเคยทำอาชีพร้านเสริมสวยอยู่ที่พัทยาแล้วย้ายมาอยู่ที่หนองมน รายได้ไม่ดีเท่าที่พัทยาปัจจุบันอยู่บ้านกับกัน 3 คน ประกอบด้วย ผู้ป่วยลูกชาย และหลานสาว ช่วงกลางวันตนอยู่บ้านคนเดียว ส่วนลูกชายจะกลับมาตอนเวลาหลังเลิกงาน ประมาณ 18.00 น.
    - - บทบาทและหน้าที่พิเศษ เป็นคุณแม่และคุณยาย คอยทำกับข้าวให้คนในบ้านทาน รักใคร่กันดีในครอบครัว
    - - บทบาทและหน้าที่พิเศษ เป็นคุณปู่ พ่อและสามี ดูแลเรื่องอาหารภายในบ้านกับภรรยา มีสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น มีการออกไปเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ กับคนในชุมชนสม่ำเสมอ
    - - บทบาทและหน้าที่พิเศษ เป็นหัวหน้าครอบครัว ด้านสัมพันธภาพกับผู้อื่น ทุกเช้าไปเก็บหอยกับภรรยาทุกวัน พูดคุยกันกับเพื่อนบ้านช่วยเหลือกันและกัน
    - - บทบาทและหน้าที่พิเศษ ต้องคอยดูแลสามีตลอดเวลา มีสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น ชอบพูดคุย ไม่เคยมีปัญหากับใคร กับลูกมีไรก็ช่วยเหลือกัน บ้านลูกสาวอยู่ใกล้ ๆ ไปหาอยู่บ่อยๆ
    - - บทบาทในครอบครัว ดูแลทำความสะอาดบ้าน ทำอาหารให้คนในบ้านทาน และดูแลหลาน ส่งหลานไปโรงเรียน มีสัมพันธภาพที่ดีในครอบครัว เมื่อเจ็บป่วยยังคงคงบทบาทในครอบครัวอยู่เหมือนเดิม แต่ลดความหนักของงานลง
  - - - ผู้ป่วยเล่าว่าไม่ต้องการมีความสัมพันธ์กับใครแล้ว
    - - ไม่มีเพศสัมพันธ์มานานตั้งแต่สามีเสีย ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับอวัยวะสืบพันธุ์ พฤติกรรมการแสดงออกทางเพศเหมาะสม
    - - ไม่มีเพศสัมพันธ์มานานไม่สามารถระบุเวลาได้ ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับอวัยวะสืบพันธุ์ พฤติกรรมการแสดงออกทางเพศเหมาะสม
    - - ไม่มีรอยโรคหรือการอักเสบ สามารถปัสสาวะได้ปกติ ผู้สูงอายุเพศชาย มีพฤติกรรมการแสดงออกที่เหมาะสม ผลการตรวจร่างกายและซักประวัติระบบสืบพันธุ์ ไม่การอักเสบ หรือรอยโรค
    - - มีเพศสัมพันธุ์ไม่บ่อย ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับอวัยวะสืบพันธุ์
    - - ไม่มีเพศสัมพันธุ์ตั้งแต่สามีเสียชีวิต ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับอวัยวะสืบพันธุ์ พฤติกรรมการแสดงออกทางเพศเหมาะสม
  - - - ผู้ป่วยเล่าว่าช่วงนี้ตนไม่ค่อยเครียด เพราะลูกหลานมาเยี่ยมมาหาบ่อย ซื้อของมาฝาก มีความอิ่มเอมใจ
        
        แบบวัดภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุไทย (TGDS)
        เท่ากับ 9 คะแนน แปลผล ปกติ
        
        แบบประเมินความเครียดกรมสุขภาพจิต (ST-5)
        เท่ากับ 5 คะแนน แปลผล เครียดปานกลาง
    - - ไม่มีความเครียด เมื่อเกิดความเครียดจะนอน ดูโทรทัศน์ ฟังวิทยุ บุคคลที่คอยให้ความช่วยเหลือคือ ลูกสาว
        
        แบบวัดภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุไทย (TGDS)
        เท่ากับ 4 คะแนน แปลผล ปกติ
        
        ผลการประเมินตามแบบประเมินความเครียดกรมสุขภาพจิต (ST-5)
        3 คะแนน แปลผล ความเครียดน้อย
    - - ไม่มีวามเครียด เมื่อเกิดความเครียด ทำกิจกรรมที่ชอบ เช่น ทำสวน ฟังเทศน์ ดูรายการโทรทัศน์ บุคคลที่คอยให้ความช่วยเหลือ บุตรชาย
        
        ผลการประเมินตามแบบประเมินความเครียดกรมสุขภาพจิต (ST-5)
        3 คะแนน แปลผล ความเครียดน้อย
    - - ไม่มีความเครียด เมื่อเครียดมักจะพูดคุยกับภรรยาหรือเพื่อนสนิท บุคคลที่คอยให้ความช่วยเหลือ ภรรยา และเพื่อนสนิท ผลการประเมิน
        
        ตามแบบประเมินความเครียดกรมสุขภาพจิต (ST-5) ได้ 0 คะแนน เครียดน้อย
    - - แฟนป่วย ต้องดูแลแฟน สงสารที่แฟนชัก การแก้ปัญหากับความเครียด ปล่อยวางและคอยดูแลคุณลุง พึ่งพาตนเองทั้งหมด
        
        ผลการประเมินตามแบบประเมินความเครียดกรมสุขภาพจิต (ST-5) 0 คะแนน เครียดน้อย
    - - ไม่มีเรื่องเครียด รายได้จากลูกสาวพอใช้จ่าย ไม่มีความกังวลเกี่ยวกับโรคที่เป็นอยู่ ผู้สูงอายุบอกว่า รู้ว่าเป็นแล้วไปหาหมอก็ไม่น่ากังวลอีก
        
        ผลการประเมินตามแบบประเมินความเครียดกรมสุขภาพจิต (ST-5)
        1 คะแนน แปลผล ความเครียดน้อย
  - - - ผู้ป่วยเล่าว่าตนนับถือศาสนาพุทธ มีความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ เชื่อเรื่องการรับขันธ์ เมื่อตนกินไม่ได้ ลิ้นไม่รับรส ตนจึงขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยตายอย่างสงบ ไม่ต้องเจ็บปวดทรมาน
    - - ใส่บาตรหน้าบ้านทุกวัน มีสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ คือ พระ ความเชื่อว่าเป็นเพราะเวรกรรมจึงทำให้มีโรคประจำตัวและต้องกินยา
    - - เป็นมัคนายกของวัดใกล้บ้าน เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาสม่ำเสมอ สิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจคือ พระพุทธศาสนา มีความเชื่อเกี่ยวกับสมุนไพรไทย
    - - เข้าวัดฟังธรรมเป็นประจำ มีสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ การนั่งสมาธิทำให้จิตใจสงบ มีความเชื่อเกี่ยวกับสมุนไพรไทย
    - - ไปวัดทำบุญใส่บาตร ไปล่าสุดเมื่อวันเข้าพรรษา สวดมนต์ ไหว้พระ ที่บ้านมีห้องพระ เปลี่ยนน้ำพระตอนเช้า จะขอให้มีแต่สิ่งดีๆ ร่างกายแข็งแรง
    - - นับถือศาสนาพุทธ ไปทำบุญทุกวันพระ ความเชื่อเกี่ยวกับสุขภาพไม่ขัดกับการรักษาแผนปัจจุบัน
- - - - ลักษณะเป็นบ้านสองชั้น เป็นหมู่บ้าน มีตลาดอยู่ไม่ไกลจากตัวบ้าน
    - - เป็นทาวน์เฮาส์สองชั้นอยู่ติดกัน ในซอยสามารถเดินเล่นได้ ค่อนข้างร่มรื่น
    - - เป็นทาวน์เฮาส์สองชั้นอยู่ติดกัน ในซอยสามารถเดินเล่นได้ ค่อนข้างร่มรื่น
    - - บ้านปูนชั้นเดียว มีถนผ่านหน้าบ้าน บ้านอยู่ติดกันเป็นแถว
    - - เป็นอาคารพาณิชย์3ชั้น ข้างๆบ้านเป็นป่ามีหนองน้ำ ฝั่งตรงข้ามเป็นคอนโด
    - - ทาวเฮาส์ชั้นเดียว
  - - - ไม่ทราบข้อมูล
    - - มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีเครื่องใช้ไฟฟ้าครบ
  - - - ไม่ทราบข้อมูล
    - - ซื้อน้ำแพ็ค
    - - ซื้อน้ำดื่มจากร้านค้าแถวบ้าน น้ำสำหรับใช้เป็นน้ำบาดาลของหมู่บ้าน
    - - น้ำดื่ม มีเครื่องกรองน้ำ น้ำใช้ ใช้จากน้ำประปา
  - - - ลักษณะเป็นแบบชักโครก
  - - - ไม่ทราบข้อมูล
    - - มีรถขยะมีเก็บที่ถังขยะหน้าบ้านช่วงเช้า สัปดาห์ละ3-4ครั้ง
    - - มีถังขยะเทศบาลตั้งหน้าบ้าน
    - - หมู่บ้านมีรถมาเก็บขยะทุกวัน
  - - - ไม่ทราบข้อมูล
    - - ไม่มีสัตวเลี้ยง
    - - มีสุนัข 2ตัว เป็นพันธุ์ชิวาว่า
    - - มีสุนัข1ตัว
  - - - หมู่บ้านดอนนารา
    - - เป็นบ้านติดถนนใหญ่
    - - เป็นบ้านติดถนนใหญ่
    - - มีบ้านรอบ ๆ ไม่กี่หลัง มีตลาด มี Big c มี 7-11 โรงพยาบาลที่ใกล้บ้าน มีศูนย์พระเทพ กับโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยบูรพา
    - - เป็นหมู่บ้าน
    - - หมู่บ้านดอนนารา
  - - - ไม่ทราบข้อมูล
    - - ใช้รถยนต์ส่วนตัว
    - - มีรถมอเตอร์ไซค์ ขี่เอง
    - - มีรถจักรยานยนต์ /รถยนต์