Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ความรับผิดกระทำละเมิดในการกระทำของผู้อื่น - Coggle Diagram
ความรับผิดกระทำละเมิดในการกระทำของผู้อื่น
1.ความรับผิดของนายจ้างในผลแห่งการละเมิดของลูกจ้างในทางการที่จ้าง
1.1ความรับผิดของนายจ้าง
มาตรา 425 นายจ้างต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิด ซึ่งลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้น
ในสัญญาจ้างแรงงาน ความเกี่ยวพันของนายจ้างและลูกจ้างมีอยู่ระหว่างบุคคล ซึ่งบุคคลหนึ่งมีคำสั่งและควบคุมงานซึ่งทำโดยบุคคลอีกคนหนึ่ง นายจ้างมีอำนาจสั่งให้ลูกจ้างทำงานตามวิธีที่ตนต้องการอีกด้วยและลูกจ้างต้องปฏิบัติตามคำสั่งของนายจ้างเสมอแต่ต้องเป็นคำสั่งที่เกี่ยวกับการงานที่จ้าง
นายจ้าง ลูกจ้าง บุคคล 2 ฝ่าย มีคววามสัมพันธ์กันตามลักษณะเอกเทศสัญญาจ้างแรงงาน ใน ปพพ. ลักษณะ 6 มาตรา 575-586
ตัวอย่าง คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10313/2559
ว. เป็นคนขับรถของ ส. มิใช่คนขับรถของโจทก์ โจทก์เป็นเพียงผู้โดยสารมาในรถตู้คันที่ ว. ขับในขณะเกิดเหตุโจทก์จึงเป็นบุคคลภายนอกผู้ได้รับความเสียหายจากความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 และ ว. ซึ่งกระทำร่วมกัน ส่วน ส. แม้จะเป็นเจ้าของรถตู้คันเกิดเหตุและโดยสารมาในรถตู้คันดังกล่าว แต่ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่า ส. มีส่วนประมาทเลินเล่อในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การที่ ส. ถึงแก่ความตายจึงเป็นเพราะความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 และ ว. ซึ่งจำเลยที่ 1 กับ ว. ต้องร่วมกันรับผิดต่อเด็กหญิง ณ ในผลแห่งการตายของ ส. ด้วยเช่นกัน จำเลยที่ 1 และ ว. จึงต้องร่วมกันรับผิดต่อโจทก์ทั้งในฐานะส่วนตัวและในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็กหญิง ณ และจำเลยที่ 2 ในฐานะนายจ้างจำเลยที่ 1 ก็ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 425
1.2ลูกจ้างทำละเมิดในทางการที่จ้าง
การกระทำละเมิดนั้นได้เกิดในทางการที่นายจ้า นายจ้างจึงจะต้องรับผิดร่วมด้วยไม่ว่าลักษณะละเมิดนั้นจะเป็นอย่างไร จะก่อขึ้นโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ และไม่ว่าการละเมิดนั้นจะก่อขึ้นแก่ผู้ใด
การกระทำละเมิดของลูกจ้างได้เกิดขึ้นในทางการที่จ้างหรือไม่นั้นต้องพิเคราะห์ดูว่าได้จ้างกันให้ทำงานชนิดใดประเภทใด การละเมิดนั้นได้เกิดขึ้นในทางการที่จ้างหรือไม่ ลูกจ้างได้ปฏิบัติตามที่จ้างมาหรือเกี่ยวข้องในงานของนายจ้างหรือไม่ ลูกจ้างต้องอยู่ในความควบคุมดูแลของนายจ้าง นายจ้างไม่ต้องรับผิดในการละเมิดของลูกจ้างเพียงแต่การละเมิดนั้น ได้เกิดขึ้นในเวลาที่ลูกจ้างเกี่ยวข้องกับงานของนายจ้าง แต่การละเมิดนั้นต้องเป็นส่วนหนึ่งของงานนั้น ไม่เพียงแต่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน
ตัวอย่าง ข. เป็นลูกจ้างขับรถของ ก. ขณะที่ขับรถไปส่งของให้ลูกจ้างของ ก. ข. ตะโกนด่า ค. ศัตรูคู่อาฆาตกันซึ่งเดินอยู่ริมถนน ก. ไม่ต้องรับผิดในการกระทำของ ข. แม้ขณะทำละเมิดต่อ ค. นั้น ข. กำลังขับรถเพื่อประโยชน์ของ ก.
1.3สิทธิไล่เบี้ย
มาตรา 426 นายจ้างซึ่งได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกเพื่อละเมิดอันลูกจ้างได้ทำนั้น ชอบที่จะได้ชดใช้จากลูกจ้างนั้น
เหตุที่การละเมิดนั้นเป็นการกระทำของลูกจ้างต่อบุคคลภายนอกเองโดยลำพัง นายจ้างต้องรับผิดร่วมด้วย ก็เป็นความรับผิดต่อผู้เสียหาย แต่ในระหว่างนายจ้างลูกจ้างแล้ว นายจ้างไม่ต้องรับผิดร่วมในผลที่ลูกจ้างทำละเมิดนั้น เมื่อไหร่แจ้งใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เสียหายจึงชอบที่จะช่วงสิทธิของผู้เสียหายไล่เบี้ยเรียกให้ลูกน้องชุดใช้ให้แก่ตนได้ (มาตรา 229(3) มาตรา426)
แต่ในระหว่างนายจ้างลูกจ้างซึ่งเป็นลูกหนี้ร่วมกันกับผู้เสียหายนั้น นายจ้างลูกจ้างยังคงต้องรับผิดต่อผู้เสียหายในฐานะลูกหนี้ร่วมกันจนกว่านี่นั้นจะได้ชำระสิ้นเชิง มาตรา 291
ตัวอย่าง ฎ.648/2522 ลูกจ้างทำละเมิด นายจ้างถูกฟ้อง ได้ใช้ค่าเสียหายไปตามคำพิพากษาแล้วไล่เบี้ยเอาจากลูกจ้างได้ แต่ค่าฤชาธรรมเนียมที่นายจ้างต้องใช้แก่ผู้เสียหายตามคำพิพากษานั้น ไม่ใช่ค่าเสียหายอันเป็นผลโดยตรงจากการละเมิดของลูกจ้าง นายจ้างไล่เบี้ยไม่ได้
1.4 ตัวการรับผิดในการกระทำละเมิดของตัวแทน
ลักษณะตัวการตัวแทน
ตัวแทนไม่ใช่ลูกจ้าง ไม่อยู่ในบังคับแห่งสิทธิของตัวการที่จะควบคุมดูแลเกี่ยวกับความประพฤติทางปฏิบัติของตัวแทน ตัวแทนจึงย่อมมีความรับผิดแต่เพียงผู้เดียว ตัวการไม่ต้องรับผิดในผลแห่งการละเมิดที่ตัวแทนการขอขึ้น
กิจการที่ตัวแทนทำไปย่อมเป็นงานของตัวการ ตัวแทนต้องทำการตามคำสั่งของตัวการ ปปพ.มาตรา 807 ทำนองเดียวกับนายจ้างลูกจ้าง จึงมีเหตุอย่างเดียวกัน ที่ตัวการจะต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดที่ตัวแทนได้ทำไปในการกระทำกิจการของตัวการ มาตรา 427 จึงให้นำมาตรา 425 และมาตรา 426 มาใช้บังคับแก่ตัวการและตัวแทนโดยอนุโลม
ตัวแทนเป็นสัญญาอย่างหนึ่ง เป็นเอกเทศสัญญาเช่นเดียวกับจ้างแรงงานอันเป็นความสัมพันธ์กันระหว่างนายจ้างลูกจ้าง ต้องพิเคราะห์ดูก่อนว่ากรณีใดที่บุคคลเป็นตัวการตัวแทนระหว่างกันขึ้นสังเกตว่าถ้าไม่ใช่เป็นการตั้งตัวแทน เช่น เป็นแต่การใช้หรือวานคนรู้จักกันให้ขับรถยนต์พาภริยาไปซื้อของ ดังนี้มิใช่ตัวแทนเพราะมิใช่เป็นกิจการที่ผู้รับใช้หรือรับวานทำแทนตัวการต่อบุคคลที่สาม แต่เป็นกิจการระหว่างผู้ใช้กับผู้รับใช้ หรือผู้วานกับผู้รับวาน ไม่ได้เกี่ยวกับบุคคลที่สาม ผู้ใช้หรือวานให้ขับรถไม่ต้องรับผิดในละเมิดที่คนขับได้ทำขึ้น ฎ.1980/2505
ความรับผิดของตัวการ
ก. ตั้ง ข. ตัวแทนขายที่ดินตามโฉนดแปลงหนึ่งของ ก. ซึ่งมีพื้นที่เป็นหลุมบ่อมาก ข. หลอกลวง ค. ผู้ซื้อโดยพาไปดูที่ดินแปลงหนึ่งซึ่งไม่มีหลุมบ่อเลย และเป็นของบุคคลตามโฉนดของ ก. ค. ตกลงรับซื้อโดยคิดว่าเป็นที่ดินของ ก. ในขอบเขตแห่งการเป็นตัวแทนของ ก. ก. ตัวการต้องรับผิดต่อ ค. ร่วมกับ ข. ด้วย
2.ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของ
2.1ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของไม่เป็นความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่น
เหตุที่อนุโลมนำมาตรา 428 ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 428 แปลว่าผู้รับจ้างเป็นผู้ก่อความเสียหายแก่บุคคลภายนอกจึงเป็นผู้กระทำด้วย แม้ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของนั้นจะเป็นความรับผิดในฐานะที่ผู้ว่าจ้างเองเป็นผู้กระทำละเมิด มิใช่รับผิดร่วมกับผู้รับจ้าง
เหตุผลที่แสดงให้เห็นว่าความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของไม่เป็นความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่นนำบทบัญญัติมาตรา 428 คือ
1.บุคคลที่รับผิดในการกระทำของบุคคลอื่นนั้นมิได้กระทำละเมิดด้วยตนเอง ถ้าได้กระทำละเมิดด้วยแล้ว มิใช่เรื่องความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่น เป็นความรับผิดของบุคคลในการกระทำของตนเอง ผู้ว่าจ้างจะต้องรับผิดถ้าหากเป็นผู้ผิดแล้ว
ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของตามมาตรา 428 ไม่ใช่ ไม่ใช่เรื่องความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่น เมื่อมิใช่ความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่น จึงเป็นความรับผิดของผู้ว่าจ้างในการกระทำของตนเองตามมาตรา 420 เพียงมาตรา 428 บัญญัติไว้โดยเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับผู้ว่าจ้างผู้รับจ้างทำของเท่านั้น
2.ตัวบทมาตรา 428 ใช้คำว่า ความเสียหาย โดยที่ความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจมิได้เกิดจากการกระทำดูจงใจหรือประมาทเลินเล่อผู้รับจ้าง ผู้รับจ้างจึงไม่ต้องรับผิดทางละเมิด แต่ผู้ว่าจ้างก็ยังต้องรับผิดเพราะได้มีส่วนผิด จึงเห็นได้ชัดว่าความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของมิใช่ความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่น
โดยเหตุที่ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของมิใช่ความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่น ผู้ว่าจ้างได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกผู้ได้รับความเสียหายไปแล้ว จึงไม่มีบทบัญญัติให้ผู้ว่าจ้างไล่เบี้ยเรียกให้ชดใช้เอาจากผู้รับจ้าง
2.2หลักความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของ
2.ความผิดในคำสั่งที่ตนให้ไว้ แม้การงานที่สั่งให้ทำจะไม่เป็นละเมิดในตัวเอง แต่อาจสั่งให้ผู้รับจ้างทำโดยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งอันเป็นผลให้ผู้อื่นเสียหายก็ได้ เช่น แนะนำให้ช่างทำรางน้ำชายคาของบ้านใกล้ชิดกับแนวเขตที่ดินข้างเคียงของผู้อื่น เวลาฝนตกน้ำไหลตกลงในที่ดินข้างเคียง
1.ความผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำ ความผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำเป็นเรื่องสั่งให้ทำตามสัญญาจ้างที่มีต่อกัน เช่น จ้างให้ทำถนนเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นเพื่อผ่านไปถึงที่ของตนอันเป็นการละเมิด เป็นต้น
3.ความผิดในการเลือกหาผู้รับจ้าง คือการจ้างนั่นเอง พี่จ้างคนที่ตนรู้ว่าไม่ใช่ผู้ที่มีความสามารถหรือระมัดระวังอันควรแก่สภาพของการงานที่จ้างให้ทำ จึงเป็นผลให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นโดยละเมิด เช่น การสร้างบ้านทำด้วยไม้ ไปจ้างผู้ที่เข้าตัวไม้ไม่แน่นหนา ทำให้บ้านทรุดพังลงมาถูกทรัพย์สินของบุคคลข้างเคียงเสียหาย
หากไม่รู้เชื่อโดยสุจริตตามผู้ที่รับจ้างอวดอ้างว่าตนมีความชำนาญเป็นอย่างดีก็ไม่ใช่ความผิดในการเลือก
3.ความรับผิดของบิดามารดาหรือผู้อนุบาลในการกระทำละเมิดของผู้เยาว์หรือบุคคลวิกลจริตและความรับผิดของครูบาอาจารย์ นายจ้าง หรือบุคคลอื่นในการกระทำละเมิดของผู้ไร้ความสามารถ
3.1 ความรับผิดของบิดามารดาหรือผู้อนุบาลในการทำละเมิดของคนไร้ความสามารถ
มาตรา 429 บุคคลใดแม้ไร้ความสามารถเพราะเหตุเป็นผู้เยาว์หรือวิกลจริตก็ยังต้องรับผิดในผลที่ตนทำละเมิด บิดามารดาหรือผู้อนุบาลของบุคคลเช่นว่านี้ย่อมต้องรับผิดร่วมกับเขาด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแล ซึ่งทำอยู่นั้น
ฎ. 62/2522 เด็กหนีออกจากบ้านไปตั้งแต่อายุ 12 ปี แม้ถูกล่ามโซ่ไว้แล้วก็ยังมีจนอายุ 18 ปี ไปรับจ้างขับรถยนต์บิดามารดาใช้ความระมัดระวังดูแลอย่างดีแล้วนอกเหนืออำนาจของบิดามารดาจะระมัดระวังได้ บิดามารดาไม่ต้องรับผิดในละเมิดที่บุตรขับรถชนคนอื่นโดยประมาท
3.2 ความรับผิดของครูบาอาจารย์ นายจ้าง หรือบุคคลอื่นในการทำละเมิดของผู้ไร้ความสามารถ
มาตรา 430 ครูบาอาจารย์ นายจ้างหรือบุคคลอื่นซึ่งรับดูแลบุคคลไร้ความสามารถอยู่เป็นนิตย์ก็ดี ชั่วคราวก็ดีจำต้องรับผิดร่วมกับผู้ไร้ความสามารถในการละเมิดซึ่งเขาได้กระทำลงในระหว่างที่อยู่ในความดูแลของตน ถ้าหากพิสูจน์ได้ว่าบุคคลนั้นๆ มิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควร
ฎ. 2026/2518 เด็กหญิง ก. อายุ 13 ปี โดยบิดามารดาส่งตัวมาเรียนหนังสือที่ต่างจังหวัด เด็กหญิง ก. อาศัยอยู่กับตายาย ส่วนบิดามารดาทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ ในวันเกิดเหตุ เด็กหญิง ก. กระทำละเมิดต่อเด็กหญิง ข. เป็นเหตุให้ตาของเด็กหญิง ข. บอด กรณีนี้ถือว่าเด็กหญิง ก. อยู่ในความดูแลของตากับยาย เด็กหญิง ก. ทำละเมิดโดยที่ตากับยายไม่ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรในการดูแล ตากับยายซึ่งเป็นบุคคลอื่น ซึ่งรับดูแลเด็กหญิง ก. ต้องร่วมรับผิด