Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
หน้าที่ในการชำระหนี้ - Coggle Diagram
หน้าที่ในการชำระหนี้
หน้าที่ชำระหนี้ให้ถูกต้อง
วัตถุแห่งหนี้
หนี้กระทำการ
เป็นหนี้ที่ลูกหนี้ต้องไปทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างแก่เจ้าหนี้ เช่น หนี้สร้างบ้าน นายลีโอจ้างนายช้างสร้างบ้าน นายช้างก็มีหน้าที่กระทำการสร้างบ้าน (ปฏิบัติตามชำระหนี้)
หนี้กระทำการอาจมีได้ทั้งหนี้ที่ลูกหนี้ต้องกระทำด้วยตนเองและลูกหนี้ที่ลูกหนี้อาจไม่ต้องกระทำด้วยตนเอง เช่น หนี้ตามสัญญารับสร้างบ้าน ดำทำสัญญาสร้างบ้านกับขาว ขาวซึ่งเป็นผู้รับเหมามาก็มิได้ลงมือทำแค่คนเดียวแต่ไปจัดหาคนงาน นายช่างมาทำงานให้เสร็จตามสัญญาเท่านั้นก็ได้
ความสามารถเฉพาะตัว ลูกหนี้ต้องชำระด้วยตัวเอง เช่น จ้างเบิร์ดไปเพลง เป็นคนอื่นไปแทนได้มั้ย ไม่ได้ ต้องเป็นเบิร์ดเท่านั้น
หนี้งดเว้นกระทำการ
วัตถุแห่งหนี้นั้นอาจกำหนดให้ลูกหนี้ต้องไม่กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง ตามที่ตกลงกันไว้ก็ได้ เช่น สัญญาเช่าทรัพย์ ตกลงกันว่าจะไม่ใช้เป็นที่เก็บวัตถุไวไฟ เราจึงเป็นผู้งดเว้นกระทำการ
หนี้งดเว้นกระทำการที่อาจบังคับกันได้ เช่น นายแดง กับ นายดำ ทั้งสองคนทำสัญญาว่านายดำจะต้องไม่สร้างตึกเกิน 4 ชั้น หากนายดำฝ่าฝืนให้ทำการรื้อถอน
หนี้งดเว้นกระทำการนี้ขัดต่อเสรีภาพของลูกหนี้ เช่น นายแพะไม่ให้นายแกะซึ่งเป็นลูกหนี้ทำการสมรส
หนี้งดเว้นที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยตกเป็นโมฆียะ เช่น นายเขียวจ้างไม่ให้นายขาวไปเลือกตั้ง
หนี้ส่งมอบทรัพย์
หนี้ที่ลูกหนี้มีหน้าที่ต้องส่งมอบทรัพย์สินแก่เจ้าหนี้ เช่นสัญญาซื้อขายรถยนต์ ฝ่ายผู้ซื้อก็มีหน้าที่ต้องส่งมอบทรัพย์สินคือราคารถยนต์ให้แก่ผู้ขาย ผู้ขายก็มีหน้าที่ส่งมอบรถยนต์ให้แก่ผู้ซื้อ
สังหาริมทรัพย์ กรรมสิทธิ์ในทรัพย์ย่อมโอนไปยังผู้ทันทีที่สัญญาซื้อขายมีผล เช่น นางมดทำสัญญาซื้อขายโทรศัพท์มือถือให้แก่นางน้ำ นางมดก็มีหน้าที่ส่งมอบทรัพย์สินให้แก่นางน้ำ นางน้ำก็มีหน้าที่ส่งมอบทรัพย์สินคือราคาโทรศัพท์มือถือให้แก่นางมด กรรมสิทธิ์ในทรัพย์ย่อมโอนไปยังนางน้ำทันทีที่สัญญาซื้อขายมีผล
อสังหาริมทรัพย์ ต้องมีการทำสัญญาเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อหน่วยงานเจ้าหน้าที่ด้วยกรรมสิทธิ์จึงจะโอนไปแก่ผู้ซื้อ เช่น นาย ค ทำสัญญาซื้อขายที่ดินแก่นาย ข ซึ่งทำสัญญาเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อหน่วยงานเจ้าหน้าที่ เพราะที่ดินเป็นอสังหาริมทรัพย์
วิธีส่งมอบ ย่อมขึ้นอยู่กับสภาพทรัพย์นั้นเพราะทรัพย์บางชนิดก็อาจมีขนาดเล็กที่สามารถนำมาส่งให้กับตัวเจ้าหนี้ได้แต่บางทรัพย์เป็นของมีขนาดใหญ่โต ไม่อาจเคลื่อนที่ได้ง่าย เช่น นายแดงทำการส่งมอบบ้านที่เช่าให้แก่นายดำเป็นกุญแจห้องเช่า ทำให้น่ยดำสามารถเข้าครอบครองได้ก็ถือว่าเป็นการส่งมอบเช่นกัน
วัตถุแห่งหนี้กับวัตถุที่ประสงค์แห่งนิติกรรม
วัตถุแห่งหนี้ต่างกับวัตถุประสงค์แห่งนิติกรรม วัตถุที่ประสงค์แห่งนิติกรรมมาก่อนตามด้วยวัตถุแห่งหนี้ อาจมีความใกล้เคียงกันอยู่ เช่น ทำสัญญาซื้อขายหมูกันสองตัว วัตถุประสงค์ของนิติกรรมคือการโอนกรรมสิทธิ์ในหมูจากผู้ขายไปยังผู้ซื้อ ในขณะที่เมื่อนิติกรรมการซื้อขายเกิดขึ้นแล้ววัตถุแห่งหนี้ในเรื่องนี้ก็คือการส่งมอบหมูให้แก่ผู้ซื้อและผู้ซื้อก็มีหน้าที่มีวัตถุแห่งหนี้เป็นการส่งมอบ
ดังนั้นวัตถุประสงค์แห่งนิติกรรมจึงมีมากมายไม่จำกัด แต่วัตถุแห่งหนี้ไม่ว่าจะเป็นหนี้อะไร ก็มีเพียง 3 อย่างเท่านั้น คือ หนี้กระทำการ หนี้งดเว้นกระทำการ หนี้ส่งมอบทรัพย์
ทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งหนี้
ทรัพย์ที่ส่งมอบเป็นทรัพย์สินทั่วไป
กำหนดต้องทำให้กลายเป็นทรัพย์เฉพาะสิ่ง คือทรัพย์ที่รู้แน่นอนแล้วว่าเป็นทรัพย์ชิ้นใด เช่น ซื้อสุนัขชื่อร็อกโก้ ซื้อแมวชื่อริชชี่ เช่นนี้ ทรัพย์นั้นก็เป็นทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่ง (การชำระ)
ในกรณีที่ทรัพย์นั้นมิใช่ทรัพย์เฉพาะสิ่ง เช่น หนี้ส่งมอบข้าวเปลือก 1 กระสอบ เช่นนี้ทรัพย์นั้นก็ยังมิใช่วัตถุแห่งหนี้ เพราะลูกหนี้จะไปเอาข้าวเปลือกกระสอบใดมาส่งมอบก็ได้ กฎหมายจึงกำหนดหลักเกณฑ์ไว้ในมาตรา 195 วรรคสอง
กรณีทรัพย์ที่จะต้องส่งมอบได้ระบุไว้เพียงประเภท กฎหมายได้กำหนดหน้าที่ของลูกหนี้ไว้ในมาตรา 195 วรรคแรก ต้องพิจารณาถึงสภาพแห่งนิติกรรมหรือเจตนาของคู่กรณีก่อนว่าสภาพแห่งนิติกรรมนั้น จะต้องส่งมอบทรัพย์ชนิดใด เช่น ซื้อควายเพื่อส่งเข้าประกวดควายงามระดับโลก เช่นนี้ก็ย่อมต้องส่งมอบควายตัวที่ดีที่สุดมีคุณภาพที่สุด เพราะสภาพของนิติกรรมที่จะต้องส่งไปประกวดควายงาม ก็ต้องเป็นควายที่งามไม่เจ็บไม่ป่วย หรือตามเจตนาของคู่กรณี
ทรัพย์ที่ส่งมอบเป็นเงินตรา
ตามมาตรา196 หนี้เงิน ชำระด้วยเงิน ที่ต้องเอาเงินมาชำระ
มาตรา196 วรรคสอง อัตราที่ธนาคารซื้ออัตราที่ธนาคารขาย เช่น
นำเงินบาทไปแลกเป็นเงินสหรัฐ ธนาคารก็จะมีอัตราที่ธนาคารซื้อเงินเหรียญสหรัฐ เหรียญละ 33 บาท แต่อัตราที่ธนาคารขายเงินสหรัฐจะเป็นเหรียญละ 34 บาท ถ้านำเงินไทยไปแลกเงินเหรียญสหรัฐจากธนาคาร 1 เหรียญ ก็จะต้องใช้เงินไทย 34 บาท (คืออัตราที่ธนาคารขาย)
มาตรา 197 กรณีเงินตราที่จะพึงส่งใช้เป็นอันยกเลิกไม่ใช่แล้ว เช่น กู้เงิน10 ล้าน ยูโร แต่ถูกยกเลิกไปแล้ว ให้ชำระเป็นเงินปัจจุบัน
กรณีวัตถุแห่งหนี้ซึ่งเลือกชำระได้
สิทธิในการเลือก
สิทธิในการเลือกแยกออกได้เป็น 4 กรณีดังนี้
มาตรา198 สิทธิ์ในการเลือก ไม่ตกลงให้ใครเป็นคนเลือก สิทธิในการเลือกชำระหนี้ตกอยู่แก่ฝ่ายลูกหนี้
ถ้าไม่ได้กำหนดไว้ให้ผู้ใดเป็นผู้เลือก ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งเจ้าหนี้ ลูกหนี้ หรือบุคคลภายนอกก็ได้ สิทธิในการเลือกก็ต้องเป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ (มาตรา198,201)
ถ้ากำหนดให้บุคคลภายนอกเป็นคนเลือก และผู้นั้นไม่อาจเลือกได้ เช่นเจ็บป่วย ป่วยหนัก ไม่รู้สึกตัว สิทธิในการเลือกชำระหนี้ตกอยู่แก่ฝ่ายลูกหนี้
ถ้ากำหนดให้ฝ่ายลูกหนี้หรือเจ้าหนี้เป็นฝ่ายเลือก ตามมาตรา 200 เช่น อีกฝ่ายมีสิทธิเลือกแต่ไม่เลือกภายในระยะเวลาที่กำหนดสิทธิในการเลือกย่อมตกไปอยู่อีกฝ่าย (เจ้าหนี้)
วิธีการเลือก
กฎหมายได้แยกเป็น 2 กรณีคือ
กรณีฝ่ายลูกหนี้เป็นผู้มีสิทธิเลือก มาตรา 199 วรรคแรก การแสดงเจตนาเลือกนี้จะแสดงเจตนาโดยชัดแจ้งหรือแสดงโดยปริยายก็ได้ทั้งสิ้น
กรณีบุคคลภายนอกเป็นผู้มีสิทธิเลือก มาตรา 201 วรรคแรก เช่น นายเขียวต้องการซื้อกางเกงเป็นของขวัญวันปีใหม่ให้แก่นายขาวในราคา 2,000 บาท เจ้าของร้านบอกว่ามี 2 ตัว ราคาเท่ากันแต่คนละแบบ จึงตกลงให้นายขาวบุคคลภายนอกเป็นผู้เลือก เช่นนี้นายขาวซึ่งเป็นบุคคลภายนอก จึงเป็นผู้เลือก
ระยะเวลาในการเลือก
ตามมาตรา200 อาจแยกได้เป็น 2 กรณีคือ
มีกำหนดระยะเวลาในการเลือก เช่น นายดำซื้อลูกแมวกับนายขาว โดยนายดำกำหนดให้นายขาวเลือกลูกแมวตัวไหนก็ได้ แต่ต้องภายใน 3 วัน ภายใน 3 วันนายขาวไม่เลือกสิทธิในการเลือกย่อมตกไปอยู่อีกฝ่าย (เจ้าหนี้)
กรณีมิได้กำหนดเวลาให้เลือก กฎหมายได้กำหนดว่าเมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระ ฝ่ายที่ไม่มีสิทธิจะเลือกอาจกำหนดเวลาพอสมควรแก่เหตุแล้ว บอกกล่าวให้ฝ่ายโน้นใช้สิทธิในการเลือกภายในเวลาอันนั้น
ผลของการเลือก
ตามมาตรา199 วรรคสอง การเลือกนี้มีผลย้อนหลังไปถึงการเกิดหนี้ครั้งแรก และถือว่าหนี้นั้นอย่างเดียวเป็นกำหนดให้กระทำการมาแต่แรก เช่น หมู ซื้อหนูแฮมเตอร์จาก หนู 1 ตัว โดยตกลงให้หนูเลือกตัวใดก็ได้เพื่อส่งมอบแก่หมู ต่อมาหนูได้แจ้งแก่หมูว่าจะส่งมอบหนูแฮมเตอร์ตัวสีขาวให้ อีก 2 สัปดาห์จะนำไปส่งมอบให้ที่บ้าน ต่อมามีคนมาซื้อหนูแฮมเตอร์ตัวนั้น หนูจะเปลี่ยนใจเป็นส่งมอบหนูแฮมเตอร์สีดำแทนไม่ได้ เพราะเมื่อเลือกแล้ว
กรณีการชำระหนี้บางอย่างเป็นพ้นวิสัย
ตามมาตรา202 มาแต่ต้นเท่ากับภายหลังนิติกรรมเกิด เช่นลูกหมาสีขาวมันตาย เท่ากับพ้นวิสัย แต่ต้องตายหลังนิติกรรมเกิดแต่ก่อนใช้สิทธิเลือก
ถ้าเลือกไปแล้ว มันตายไม่เข้า 202 โทษลูกหนี้มิได้
กำหนดเวลาชำระหนี้
หนี้ที่มิได้กำหนดเวลาชำระหนี้
ตามมาตรา203 วรรคแรก ตัวอย่างเช่น มีคนวิ่งมายืมเงินอาจารย์
อาจารย์ไม่ทราบว่าจะเอาไปทำอะไร เลยให้ไป จึงมิได้กำหนดลงไว้
อนุมานจากพฤการณ์ก็ไม่ได้ อาจารย์ย่อมเรียกให้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่
ยืมไป
หนี้ที่มีกำหนดเวลาชำระหนี้
กำหนดเวลาชำระแต่เป็นที่สงสัย
กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้แต่เป็นที่สงสัย ตามมาตรา203 วรรค2
ตัวอย่างเช่น สมมุติว่านัดวันที่31 31 เดือนไหนล่ะ มีตั้ง12 เดือน
ให้ถือเอาวันสุดท้ายเป็นวันกำหนดชำระหนี้
กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ไม่เป็นที่สงสัย
กำหนดเวลาชำระหนี้ตามวันแห่งปฎิทิน
กรณีนี้เป็นการกำหนดเวลาชำระหนี้โดยแจ้งชัดตามวัน
แห่งปฎิทิน ตามมาตรา204 วรรคสอง เช่น กำหนดชำระหนี้
ในวันที่1 พฤศจิกายน กำหนดชำระหนี้ในวันปีใหม่ เป็นต้น
กำหนดเวลาชำระหนี้มิใช่ตามวันแห่งปฎิทิน
ตามมาตรา204 วรรคแรกว่าเป็นกำหนดเวลามิใช่ตามวรรคสอง
นั่นก็คือต้องแปลว่าเป็นกำหนดเวลาชำระหนี้ที่มิใช่ตามวันแห่ง
ปฎิทินนั่นเอง เช่น นายน้อยยืมควายไปไถนาและกำหนดว่าจะคืนเมื่อ
สิ้นฤดูการทำนา
การผิดนัดไม่ชำระหนี้
การผิดนัด
ลูกหนี้ผิดนัดโดยต้องตักเตือนก่อน
หนี้ที่มีกำหนดเวลาชำระมิใช่ตามวันแห่งปฎิทิน
หนี้ประเภทนี้เป็นหนี้ที่มีกำหนดชำระมิใช่ตามวันแห่งปฎิทิน เช่น
กำหนดชำระหนี้เมื่อหว่านข้าวเสร็จ ไม่อาจกำหนดวันที่แน่นอนชัดเจนได้ ดังนั้นเมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระแล้ว กฎหมายจึงได้กำหนดให้เจ้าหนี้ต้องให้คำเตือนลูกหนี้ก่อนเมื่อลูกหนี้ไม่ชำระตามที่เจ้าหนี้เตือนลูกหนี้จึงจะผิดนัด ดังนั้นแม้หนี้จะถึงกำหนดชำระแล้ว ลูกหนี้ยังไม่ชำระ ถ้าหากเจ้ายังไม่เตือนแล้วลูกหนี้ก็ยังไม่ผิดนัด มาตรา204 วรรคแรก
หนี้ที่ไม่มีกำหนดชำระหนี้ตามมาตรา 203
หนี้ที่ไม่มีกำหนดชำระหนี้ตามมาตรา203 เจ้าหนี้ต้องเตือนจึงจะผิดนัด เช่นนายใหญ่ยืมเงินจากนายเล็ก 1 พันบาท โดยที่นายใหญ่เดินขึ้นบันไดมาอย่างเร่งรีบ นายเล็กจึงให้ไป จึงมิได้กำหนดลงไว้ อนุมานจากพฤติการณ์ก็มิได้ กฎหมายให้ถือเอาว่าหนี้ประเภทนี้ถึงกำหนดทันทีที่นับแต่ก่อหนี้ แต่ถ้านายใหญ่ไม่ยังไม่เรียกให้นายเล็กชำระหนี้ นายเล็กก็ยังไม่มีหน้าที่ต้องชำระ ดังนั้นหากไม่มีการเตือนให้ชำระหนี้จากนายใหญ่ก็ยังไม่มีหน้าที่ชำระหนี้และยังไม่ผิดนัด
ลูกหนี้ผิดนัดโดยเจ้าหนี้ไม่ตักเตือน
หนี้ที่กำหนดชำระตามวันปฎิทิน
ซื้อขายวัวกันฝูงหนึ่ง จำนวน 10 ตัว โดยมีข้อตกลงว่าถ้าเจ้าหนี้พร้อมจะรับชำระหนี้แล้วให้แจ้งแก่ลูกหนี้ ลูกหนี้จะนำวัวมาส่งมอบให้ภายใน 3 วัน ดังนี้เมื่อผู้ซื้อแจ้งให้ทราบแล้ว เมื่อครบกำหนด 3 วัน ซึ่งคำนวณนับได้ตามปฎิทิน เช่นนี้ถ้าลูกหนี้ไม่นำมาส่งมอบก็ถือว่าผิดนัดโดยมิพักต้องเตือนเลย
หนี้ละเมิด
หนี้ละเมิดนั้นเกิดขึ้นจากการล่วงสิทธิของผู้อื่น กฎหมายเห็นว่าเมื่อการทำละเมิดทำให้เขาเสียหาย ก็มีหน้าที่ต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนทันทีที่ทำละเมิด เช่นนายดำเล่นโทรศัพท์ขณะขับรถ ในระหว่างนั้นเกิดชนนายขาวซึ่งกำลังข้ามถนนอยู่ ทำให้นายขาวได้รับบาดเจ็บ นายดำขับรถโดยประมาทเลินเล่อทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บแก่ร่างกาย นายดำจึงต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนทันที
กำหนดชำระหนี้กับการผิดนัด
จะเห็นได้ว่า กำหนดเวลาชำระหนี้และการผิดนัดนั้นไม่เหมือนกัน แต่มีความเกี่ยวขัดกันอย่างใกล้ชิด อาจสรุปความแตกต่างและความเหมือนของกำหนดเวลาชำระหนี้กับการผิดนัด ดังนี้ 1. กำหนดเวลาชำระหนี้นั้น เป็นการกำหนดที่ลูกหนี้จะต้องชำระหนี้ แต่การผิดนัดเป็นผลของการไม่ชำระหนี้ตามกำหนด 2. กำหนดชำระหนี้ เป็นกำหนดที่เจ้าหนี้สามารถเรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้ได้
กรณีที่ไม่ถือว่าลูกหนี้ผิดนัด
เป็นเหตุที่เกิดจากเจ้าหนี้เอง
เหตุที่เจ้าหนี้จะต้องรับผิดชอบนั้นอาจมีหลายเหตุด้วยกัน ได้แก่ เจ้าหนี้ผิดนัด และกรณีที่เจ้าหนี้ต้องรับผิดชอบด้วยเหตุอื่นอีก การผิดนัดของเจ้าหนี้มีรายละเอียด และผลของการผิดนัด ซึ่งจะได้กล่าวในหัวข้อต่อไป
เหตุเกิดจากบุคคลภายนอก
เช่น ตกลงกันทำสัญญาซื้อขายที่ดิน โดยตกลงกันว่าลูกหนี้จะรังวัดแบ่งแยกที่ดินที่จะซื้อขายและไปโอนให้แก่ผู้ซื้อภายในเวลาที่กำหนด ปรากฎว่า ลูกหนี้ได้พยายามดำเนินการเพื่อรังวัดแบ่งแยกที่ดินตามสัญญาเต็มความสามารถแล้ว แต่รังวัดแบ่งแยกไม่เสร็จเพราะเจ้าพนักงานที่ดินไม่อาจดำเนินการได้ทัน ถือว่าลูกหนี้ไม่ผิดนัด
เกิดจากภัยธรรมชาติ
เช่น รังวัดแบ่งแยกให้ไม่ทัน เพราะน้ำท่วมรังวัดไม่ได้ จึงไม่สามารถโอนที่ดินได้ตามกำหนด ก็ถือว่าลูกหนี้ไม่ผิดนัด
ผลของการผิดนัดของลูกหนี้
ลูกหนี้ต้องรับผิดในความเสียหายอันเกิดแต่การผิดนัด
มาตรา215 ตัวอย่างเช่น จ้างสร้างบ้านตกลงกันว่าจะเสร็จภายใน 6 เดือน แต่ไม่เสร็จทำให้ผู้ว่าจ้างต้องไปเช่าบ้าน ต้องเสียค่าเช่าบ้าน เจ้าหนี้จะเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนได้
เจ้าหนี้อาจไม่รับชำระหนี้
ตกลงกันจ้างตัดชุดนางรำเพื่อไปรำในงานออกพรรษา แต่มาส่งมอบให้หลังจากวันออกพรรษาเลยผ่านไปแล้ว ก็ไม่เกิดประโยชน์แก่เจ้าหนี้แล้ว ดังนี้ หนี้ประเภทนี้จึงมีบทบัญญัติในมาตรา 216
ลูกหนี้ต้องรับผิดในความเสียหายอันเกิดระหว่างผิดนัดเพิ่มขึ้น
ลูกหนี้ผิดนัดไม่ส่งนมแก่ผู้ซื้อตามกำหนด เพราะตกลงราคาไม่ได้ ต่อมารัฐบาลห้ามส่งนมออกนอกประเทศการชำระหนี้เป็นพ้นวิสัย ลูกหนี้ก็ต้องรับผิด ซึ่งการชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยในกรณีนี้ไม่ใช่เป็นอุบัติเหตุ แต่เป็นเพราะความผิดของลูกหนี้