Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่น - Coggle Diagram
ความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่น
ความรับผิดของนายจ้างในผลเเห่งการละเมิดของลูกจ้างในทางการจ้าง
ความรับผิดของนายจ้าง
ม 425 บัญญัติว่า นายจ้างต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลเเห่งละเมิดซึ่งลูกจ้างกระทำไปในทางการที่จ้างนั้น
-นายจ้าง ลูกจ้าง หมายถึง บุคคล 2 ฝ่ายมีความสัมพันธ์กันตามลักษณะเอกเทศสัญญาจ้างเเรงงานตาม ม 575-586
-สัญญาจ้างเเรงงานใน ม 575 อันว่าจ้างเเรงงานนั้น คือ สัญญาซึ่งบุคคลหนึ่ง เรียกลูกจ้าง ตกลงจะทำงานให้เเก่บุคคลอีกฝ่าย เรียกว่านายจ้าง เเละนายจ้างตกลงจะให้สินจ้างตลอดเวลาที่ทำงานให้
-คำว่านายจ้างลูกจ้างตามที่บัญญัติไว้ใน ม 425 จึงหมายถึงสัญญาจ้างเเรงงานตาม ม 575 มิใช่สัญญาจ้างทำของ
ลูกจ้างทำละเมิดในทางการที่จ้าง
-นายจ้างต้องรับผิดในการทำละเมิดของลูกจ้างไม่ จะต้องพิเคราะห์ว่าการทำละเมิดนั้นได้เกิดในการที่นายจ้าง ในระว่างจ้างงาน นายจ้างจึงจะต้องรับผิดด้วย ไม่ว่าลักษณะละเมิดนั้นจะเป็นอย่างไรเเม้การละเมิดนั้นจะก่อขึ้นโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อเเละไม่ว่าการละเมิดนั้นจะก่อขึ้นเเก่ผู้ใด ถ้าหากมิใช่เป็นการกระทำในทางการที่จ้างแล้วก็ไม่ต้องร่วมรับผิดเเละนายจ้างจะร่วมรับผิดด้วยต่อเมื่อมีบทบัญญัติไว้โดยเเจ้งชัดเป็นพิเศษ
-ตัวอย่าง ก จ้าง ข เป็นลูกจ้างรับใช้ทำงานในบ้าน เช่น ซักผ้า กวาดถูบ้าน ข ซักผ้าเสร็จเเล้วเทน้ำทีใช้ซักผ้าเข้าไปในบริเวณบ้านของ ค ที่อยู่ข้างเคียงไม่ว่าจะเป็นการกระทำโดยจงใจหรือประมทาเลินเล่อย่อมถือว่าเป็นเหตุในทางการที่จ้าง ก ต้องรับผิดในการกระทำของ ข
สิทธิไล่เบี้ย
ม 426 บัญญัติว่า นายจ้างซึ่งได้ใช้ค่าสินไหมทดเเทนให้เเก่บุคคลภายนอกเพื่อละเมิดอันลูกจ้างได้ทำนั้น ชอบที่จะได้ชดใช้จากลูกจ้างนั้น
-เหตุที่การละเมิดนั้นเป็นการกระทำของลูกจ้างต่อบุคคลภายนอกเองโดยลำพังที่นายจ้างต้องรับผิดร่วมด้วยกับลูกจ้างก็เป็นความรับผิดต่อผู้เสียหายเเต่นายจ้างไม่ต้องรับผิดร่วมกับลูกจ้างในผลที่ลูกจ้างทำละเมิดนั้นด้วยเมื่อนายจ้างใช้ค่าสินไหมทดเเทนให้เเก่ผู้เสียหายไปเเล้วจึงชอบที่จะช่วงสิทธิของผู้เสียหายไล่เบี้ยเรียกให้ลูกจ้างใช้ให้เเก่ตนได้
-พึงสังเกตว่าในระหว่างนายจ้างลูกจ้างซึ่งเป็นลูกหนี้ร่วมกันกับผู้เสียหายนั้นนายจ้างลูกจ้างยังคงต้องรับผิดต่อผู้เสียหายในฐานะลูกหนี้ร่วมกันจนกว่าหนี้นั้นจะได้ชำระสิ้นเชิง
ตัวการรับผิดในการกระทำละเมิดของตัวเเทน
ลักษณะตัวการตัวเเทน
ตัวการตัวเเทนมิใช้ลูกจ้างจึงไม่อยู่ในบังคับเเห่งสิทธิของตัวการที่จะควบ คุมดูเเลเกี่ยวกับความประพฤติทางปฏิบัติของตัวเเทนโดยปกติตัวเเทนจึงย่อมมีความรับผิดเเต่เพียงผู้เดียวตัวการไม่ต้องรับผิดในผลเเห่งการละเมิดที่ตัวเเทนอาจก่อขึ้นอย่างไรก็ดี กิจการที่ตัวเเทนทำไปย่อมเป็นงานของนายจ้าง ตัวเเทนต้องทำตามคำสั่งของตัวการ ตาม ปพพ ม 807 ทำนองเดียวกันนายจ้างลูกจ้างตัวการจะต้องรับผิดในผลเเห่งละเมิดที่ตัวเเทนได้ทำไปในการกระทำกิจการของตัวการ ม 427 และ ม 426 มาใช้บังคับเเก่ตัวการ
ความรับผิดของตัวการ
เหตุละเมิดที่จะให้ตัวการรับผิดต้องเป็นเหตุที่ได้เกิดขึ้นในขอบเขต
เเห่งการปฏิบัติตามหน้าที่เพื่อตัวการหรือในฐานที่ตัวเเทนได้ทำการเป็นตัวเเทน
ตัวอย่าง ก ตั้ง ข เป็นตัวเเทนขายที่ดินตามโฉนดเเปลงหนึ่งของ ก ซึ่งมีพื้นที่เป็นหลุมบ่อ ข หลอกลวง ค ผู้ซื้อโดยผ้าไปดูที่ดินอีกเเปลงซึ่งไม่มีหลุมบ่อเลย และเป็นของบุคคลตามโฉนดของ ก ค ตกลงรับซื้อโดยคิดว่าเป็นที่ดินของ ก ในขอบเขตเเห่งของการเป็นตัวเเทนของ ก ก ตัวการต้องรับผิดต่อ ค ร่วมกับ ข ด้วย
สิทธิไล่เบี้ยของตัวการ
ม 427 บัญญัติให้นำ ม 426 มาใช้บังคับเเก่ตัวการด้วยโดยอนุโลมกล่าวคือ เมื่อตัวการไ้ด้ใช้ค่าสินไหมทดเเทนให้เเก่บุคคลภายนอกเพื่อละเมิดอันตัวเเทนได้ทำไปเเล้วนั้นก็ชอบที่จะได้ชดใช้จากตัวเเทนเกี่ยวกับนายจ้างลูกจ้างที่กล่าวมาเเล้วนั้นย่อมอนุโลมนำมาใช้ปรับกับกรณีตัวการตัวเเทนได้
ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของ
ความรับผิดของผุ้ว่าจ้างทำของไม่เป็นความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่น
ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของไม่เป็นความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่นดังบทบัญญัติ ม 428 คือ
1.ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของตาม ม 428 จึงมิใช่เรื่องความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่นเมื่อมิใช่ความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่นเเล้ว จึงเป็นความรับผิดของผู้ว่าจ้างในการกระทำของตนเองตามที่บัญญัติไว้ใน ม 420 นั้นเอง
2.ม 428 ใช้คำว่า ความเสียหาย หาได้ใช้คำว่า กระทำละเมิด หรือ ละเมิด ความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจมิได้เกิดจาการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อของผู้รับจ้างก็ได้ผู้รับจ้างไม่ต้องรับผิดทางละเมิดเเต่ผู้ว่าจ้างก็ยังต้องรับผิดเพราะได้มีส่วนผิดจะเห็นได้ชัดเจนว่า ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของมิใช่ความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่น
3.โดยเหตุที่ความรับผิดผู้ว่าจ้างทำของมิใช่ความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่นเมื่อผู้ว่าจ้างได้ชดใช้ค่าสินไหมทดเเทนให้เเก่บุคคลภายนอกผู้ได้รับความเสียหายไปเเล้วจึงไม่มีบทบัญญัติให้ผู้ว่าจ้างไล่เบี้ยเรียกให้ชดใช้เอาจากผู้รับจ้าง
หลักความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของ
ม 428 มาตรานี้จะเห็นได้ว่าโดยหลักผู้ว่าจ้างทำของไม่ต้องรับผิดในความเสียหายที่ผู้รับจ้างก่อขึ้นเเก่บุคคลภายนอกในระหว่างทำการงานที่ว่าจ้างอันเป็นไปตามหลักเพราะเป็นผลมาจากการกระทำของผู้รับจ้าง ซึ่งถ้าเป็นกรณีที่ผู้รับจ้างกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อต่อบุคคลภายนอกเเล้วก็เป็นเรื่องผู้รับจ้างเองทำผิดหน้าที่ต่อบุคคลภายนอกนั้น ไม่ใช่การกระทำของผู้ว่าจ้าง
ความผิดผู้ว่าจ้างตามที่กฏหมายกำหนดไว้มี 3 กรณี คือ
1.ความรับผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำ
ความผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำเป็นเรื่องสั่งให้ทำตามสัญญาจ้างที่มีต่อกัน เช่น จ้างให้ทำถนนเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นเพื่อผ่านไปถึงที่ของตนอันเป็นการละเมิด เป็นต้น
2.ความผิดในคำสั่งที่ตนให้ไว้
ความผิดในคำสั่งที่ตนให้ไว้ กล่าวคือ เเม้การงานที่สั่งให้ทำจะไม่เป็นละเมิดในตัวเองเเต่อาจสั่งให้ผู้รับจ้างทำโดยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งอันเป็นผลให้ผู้อื่นเสียหายก็ได้ คำสั่งที่ว่านี้ไม่เหมือนกับคำสั่งเมื่อกล่าวถึงในส่วนการงานที่สั่งให้ทำตอนก่อน เป็นเพียงคำเเนะนำเท่านั้น เช่น แนะนำให้ช่างทำรางน้ำชายคาของบ้านใกล้ชิดกับเเนวเขตที่ดินข้างเคียงของผู้อื่น เวลาฝนตกน้ำไหลตกลงในที่ดินข้างเขียง เป็นต้น
3.ความผิดในการเลือกหาผู้รับจ้าง
ความผิดในการเลือกหาผู้รับจ้าง ที่ว่าเลือกหาผู้รับจ้าง คือ การจ้างนั่นเอง จ้างคนที่ตนรู้ว่าไม่ใช้ผู้ที่มีความสามารถหรือระมัดระวังอันควรเเก่สภาพของการงานที่จ้างให้ทำจึงเป็นผลให้เกิดความเสียหายเเก่บุคคลอื่นโดยละเมิด เช่น จ้างสร้างบ้านทำด้วยไม้ไปจ้างผู้ที่เข้าตัวไม้ไม่เเน่นหนาจึงเป็นผลทำให้บ้านทรุดพังลงมาถูกทรัพย์สินของบุคคลข้างเคียงเสียาย เป็นต้น เเต่หากไม่รู้เชื่อโดยสุจริคตามผู้ที่รับจ้างอวดอ้างว่าตนมีความ
ชำนาญเป็นอย่างดีก็ไม่ใช่ความผิดในการเลือก
ความรับผิดของมารดาบิดาหรือผู้อนุบาลในการกระทำละเมิดของผู้เยาว์หรือบุคคลวิกลจริคเเละความรับผิดของครูบาอาจารย์ นายจ้าง หรือบุคคลอื่นในการกระทำละเมิดของผู้ไร้ความสามารถ
ความรับผิดของบิดามารดาหรือผู้อนุบาลในการกระทำละเมิดของคนไร้ความสามารถ
-บคคลไร้ความสามารถ ตาม ม 429 หมายถึง ผู้เยาว์เเละบุคคลวิกลจริต ผู้เยาว์ หมายถึง บุคคลที่อายุยังไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์ยังไม่บรรลุนิติภาวะตาม ม 19 บุคคลวิกลจริต หมายถึง บุคลลที่ศาลยังมิได้มีคำสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ
-ผู้เยาว์หรือบุคคลวิกลจริตจะมีความรับผิดฐานละเมิดได้ก็ย่อมเป็นไปตาม ม 420 คือ จะต้องมีการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อจะถือว่าเป็นการกระทำจะต้องมีความเคลื่อนไหวในอิริยาบทโดยรู้สำนึกในความเคลื่อนไหวเเละที่จะถือว่าเป็นการจงใจจะต้องรู้สำนึกถึงผลเสียหายที่จะเกิดจากการกระทำของตน
-ผู้ที่จะต้องรับผิดในการกระทำละเมิดของบุคคลผู้ไร้ความสามารถ ได้เเก่ บิดามารดา หรือ ผู้อนุบาล
-ความรับผิดของบิดามารดาหรือผู้อนุบาล ตาม ม 429 เป็นความรับผิดที่ผู้ไร้ความสามารถไปทำความเสียหายเป็นการละเมิดต่อบุคคลภายนอกตาม ม420
-ความรับผิดตาม ม 429 เป็นความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่น ซึ่งบิดามารดาหรือผู้อนุบาลซึ่งมีหน้าที่ดูเเลนั้นจะต้องรับผิดโดยผู้เสียหายไม่ต้องพิสูจน์ว่าบิดามารดาหรือผู้อนุบาลมิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรเเต่ประการใดบิดามารดาหรือผู้อนุบาลจะต้องพิสูจน์ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรเเก่หน้าที่ที่ดูเเลซึ่งกระทำอยู่เเล้วนั้น หากพิสูจน์ไม่ได้ก็ต้องรับผิด ถ้าพิสูจน์ให้รับฟังได้ ก็จะพ้นจากความรับผิด
ตัวอย่าง โจทย์เป็นเด็กไปเล่นที่บ้านจำเลย ถูกบุตรผู้เยาว์ของจำเลยยิงด้วยหนังสติ๊กนัยน์ตาบอดบุตรของจำเลยยิงเล่นอยู่เเต่ภายในบริเวณบ้านโดยยิงทางบนเรือเพียงครั้งเดียวก็ถูกโจทย์ ถือว่าจำเลยได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรเเก่หน้าที่เเล้วไม่ต้องรับผิด
-สิทธิไล่เบี้ยของบิดามารดาหรือผู้อนุบาล เมื่อบิดารมารดาหรือผู้อนุบาลได้ใช้ค่าสินไหมทดเเทนให้เเก่บุคคลภายนอกไป
เเล้วก็ชอบที่จะได้ชดใช้จากผู้เยาว์หรือบุคคลวิกลจริตและ
ไล่เบี้ยเอาได้จนครบจำนวนที่ได้ชดใช้
ความรับผิดของครูบาอาจารย์ นายจ้าง หรือบุคคลอื่นในการกระทำละเมิดของผู้ไร้ความสามารถ
-ผู้ที่ต้องร่วมรับผิดกับบุคคลผู้ไร้ความสามารถตาม ม430 คือ ครูบาอาจารย์ นายจ้างหรือบุคคลอื่น ซึ่งดูเเลบุคคลดังกล่าว
จะดูเเลอยู่เป็นนิจหรือชั่วคราวก็ต้องรับผิดเช่นเดียวกันเเต่ไม่ได้หมายถึงผู้ดูเเลเเทนหรือผู้ช่วยเหลือในการดูเเล เช่น จ้างครูพิเศษไปสอนเด็กที่บ้านเด็กอยู่กับบิดามารดาเห็นได้ว่าการดูเเลเด็กย่อมอยู่กับบิดามารดาหาไม่อยู่กับครูพิเศษนั้นไม่
-ตาม ม 430 ครูบาอาจารย์ นายจ้างหรือบุคคลอื่นจะต้องรับผิดต่อเมื่อโจทย์พิสูจน์ได้ว่าบุคคลดังกล่าวมิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควร
ความรับผิดตาม ม 430 นี่ต่างกับความรับผิดตาม ม 429 ที่ว่า ม429 ให้บิดามารดาหรือผู้อนุบาลมีหน้าที่นำสืบว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรจึงจะพ้นจากความรับผิดถ้านำสืบหรือยังนำสืบไม่ได้ก็ไม่พ้นจากความรับผิด เเต่ ม 430 เป็นหน้าที่ของผู้เสียหายนำสืบให้ได้ความว่าผู้มีหน้าที่ดูเเลมิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรเเก่หน้าที่ที่ต้องดูเเล ถ้าไม่นำสืบหรือนำสืบให้ฟังไม่ได้ บุคคลที่รับดูเเลบุคคลไร้ความสามารถก็ไม่ต้องรับผิด
สิทธิไล่เบี้ยของครูบาอาจารย์หรือบุคคลอื่นซึ่งรับดูเเลบุคคลผู้ไร้ความสามารถเมื่อครูบาอาจารย์หรือบุคคลอื่นซึ่งรับดูเเลบุคคลผู้ไร้ความสามารถได้ใช้ค่าสินไหมทดเเทนให้เเก่บุคคลภายนอกไปเเล้ว ก็ชอบที่จะได้ชดใช้จากบุคคลผู้ไร้ความสามารถและไล่เบี้ยเอาได้จนครบจำนวนที่ได้ชดใช้