1) ต้องมีการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
โดยผิดกฎหมายและมีความเสียหายแก่บุคคลอื่น
2) ผู้เยาว์และบุคคลวิกลจริตอาจกระทำละเมิดและมี
ความรับผิดได้ แล้วแต่ข้อเท็จจริงตามกรณีไป
3) ไขข่าวแพร่หลายข้อความนั้นฝืนความจริงและการ
ร่วมกันกระทำละเมิดก็เป็นความรับผิดของบุคคลใน
การกระทำของตนเอง
ความหมายของการกระทำ
ความเคลื่อนไหวของบุคคลเวลาหลับ ถือเป็นการกระทำหรือไม่ คำตอบคือ ไม่ถือว่าเป็นการกระทำ ถือไม่ได้ว่าบุคคลที่หลับรู้สำนึกในความเคลื่อนไหวในอิริยาบถของตน
click to edit
การกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น
การกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
การกระทำโดยผิดกฎหมาย
click to edit
ลักษณะทั่วไปของความรับผิดของบุคคลในการกระทำของตนเอง
6) ความเสียหายอันเป็นผลมาจากการกระทำความเสียหายนั้น แต่ศาลอาจให้จำเลยรับผิดทั้งหมดหรือเพียบบางส่วนหรือยกเว้นความผิด
5) ความเสียหายแก่ผู้อื่น หมายถึงความเสียหายที่เกิดแก่สิทิของบุคคลอื่น
4) การกระทำโดยผิดกฎหมาย ไม่ใช่แค่ฝ่าฝืนกฎหมายที่บัญญัติไว้ แต่รวมถึงการกระทำโดยไม่มีสิทธิหรือข้อแก้ตัวตามกฎหมาย
3) ประมาทเลินเล่อ หมายถึง ไม่จงใจ กระทำลงไปโดยขาดความระมัดระวัง หรือละเลยในสิ่งที่ควรกระทำ
2) จงใจ หมายถึงการกระทำโดยรู้สำนึกถึงผลเสียที่เกิดจากตนเอง
1) การกระทำ หมายถึง ความเคลื่อนไหวของบุคคลโดยรู้สึกในความเคลื่อนไหวของตนเอง และหมายถึงการละเว้นไม่กระทำการตามหน้าที่ที่ต้องกระทำ
การกระทำหมายถึงความเคลื่อนไหวในอิริยาบถโดยรู้สำนึกในงความเคลื่อนไหวนั้น
การงดเว้นไม่กระทำ ไม่เป็นการกระทำเสมอไป ถือเป็นการกระทำต้องเป็นการงดเว้นไม่กระทำการที่มีหน้าที่ต้องกระทำ
ความเข้าใจผิดในข้อเท็จจริง จะถือว่าเป็นจงใจได้หรือไม่
- ตัวอย่าง ก. เห็นร่มของ ข. วางไว้บนโต๊ะทำงานของตน คิดว่าเป็นร่มองตนที่หายไปจึงหยิบเอาไปเป็นของตน ดังนนี้ ก. ได้กระทำไปต่อ ข. โดยจงใจหรือไม่
- ตอบ จงใจหมายถึงรู้สำนึกว่าจะเกิดผลเสียหายแก่บุคคลอื่นจากการกระทำของตน ความเข้าใจผิดในข้อเท็จจริงจะถือว่าเป็นจงใจหาได้ไม่
โดยผิดกฎหมาย ตามมาตรา 420 มีความหมายต่เพียงว่า มิชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรา 421 เท่านั้น ถ้าได้กระทำโดยไม่มีสิทธิหรือข้อแก้ตัวตามกฎหมายให้ทำแล้วก็ถือว่าเป็นการกระทำโดยผิดกฎหมาย
- ตัวอย่าง ก. จองตั๋วไปดูภาพยนตร์ ณ โรงภาพยนตร์แห่งหนึ่ง แต่ยังไม่ทันเข้าไปนั่ง ณ ที่จองไว้ ข. ก็เข้าไปนั่งที่ ก. จองไว้เสียก่อน โดย ก. ไม่อนุญาต โดยที่ ข. ก็รู้ว่าเป็นที่นั่งที่ ก. จองไว้แล้วดังนี้ ข. กระทำละเมิดต่อ ก. หรือไม่
- ตอบ การที่ ก. จองตั๋วเข้าไปดูภาพยนตร์ เป็นการได้สิทธิในที่นั่งที่จองไว้ การที่ ข. เข้าไปนั่งโดย ก. ไม่อนุญาติ และรู้ว่าเป็นที่ของ ก. จองไว้เป็นการที่ ข. กระทำละเมิดต่อ ก.
มาตรา 420 มีความจำเป็นต้องบัญยัติคำว่า " ชีวิต ร่างกาย อนามัย เสรีภาพ ทรัพย์สิน" สิ่งเหล่านี้ย่อมอยู่ในความหมายของคำว่า " สิทธิ " อย่างหนึ่งอย่างใด ดังที่ได้บัญญัติในมาตรา 420
ความเสียหายนั้นเป็นผลมาจากการกระทำของผู้ทำความเสียหาย
- ตัวอย่าง เด็กชาย ก. เล่นเตะลูกฟุตบอลในสนามหญ้าหน้าบ้าน บังเอิญลูกฟุตบอลไปถูกกระจกหน้าต่างบ้านของ ข. แล้วกระดอนไปถูกหน้าต่างบ้านของ ค. ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกันเสียหายโดยประมาทเลินเล่อ โดยที่เด็กชาย ก. ก็ไม่คาดเห็นว่าจะเป็นดังนี้ เด็กชาย ก. ต้องรับผิดต่อ ข. และค. หรือไม่
- ตอบ เด็กชาย ก. ต้องรับผิดต่อ ข. และ ค. เพราะความเสียหายเปป็นผลโดยตรงจากการที่เด็กชาย ก. เตะลูกฟุตบอล แม้ตนจะไม่คาดเห็นว่าจะเป็นเช่นนั้น
หมิ่นประมาททางแพ่ง การพิพากษาคดี และการร่วมกันทำละเมิด
1) หมิ่นประมาททางแพ่งคือการกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลาย ข้อความอันฝ่าฝืนความจริงก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น
2) การวินิจฉัยความรู้ผิดเพื่อละเมิดในทางแพ่ง ต้องเป็นไปตามกฎหมายส่วนแพ่งไ่ต้องพิเคราะห์ถึงผู้กระทำผิดต้องคำพิพากษาลงโทษทางอาญาหรือไม่
3) การร่วมกันทำละเมิดเป็นเรื่องที่บุคคลหลายคนร่วมกันกระทำผิดในการทำละเมิด
หมิ่นประมาททางแพ่ง
- ตัวอย่าง ก.กล่าวหาว่า ข.ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานกินสินบน ค. กนำความที่ ก. กล่าวหานั้นเที่ยวพูดแก่บุคคลทั่วไป ข. กินสินบน โดยบอกว่ารู้จาก ก. อีกทีหนึ่ง เท็จจริงอย่างไรอยู่ที่ ก. ทั้งๆ ที่ ค. ก็รู้ว่าตามที่กล่าวหานั้น ไม่เป็นความจริงแต่ประการใด ดังนี้ ค. ต้องรับผิดต่อ ข. หรือไม่
- ตอบ การไขข่าว คือการพูดข่าวจากคนอื่น ซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความเป็นจริงก็เป็นละเมิดได้ ข้อความที่ ค. ไขข่าวว่า ข. กินสินบน ทั้งๆ ที่รู้ว่าตามที่กล่าวหานั้นไม่เป็นความจริง ย่อมเป็นสิ่งเสียหายแก่ชื่อเสียงหรือเกียรติคุณของ ค. จึงต้องรับผิดต่อ ข. ด้วย
การพิพากษาคดี
- ตัวอย่าง ก.ฟ้อง ข. ว่า ข. บุกรุกเข้ามาในที่ดินของ ก. ศาลพิพากษายกฟ้องอ้างว่า ข. ไม่มีเจตนาบุกรุก คดีถึงที่สุด ดังนี้ ก. จะฟ้อง ข. เป็นคดีแพ่งว่า ข. บุกรุกเข้าไปในที่ดินของ ก. อันเป็นการกระทำละเมิดโดยประมาทเลินเล่อและเรียกค่าเสียหาย จะได้หรือไม่
- ตอบ ตามมาตรา 424 ดังนั้น ก. จึงฟ้อง ข. เพื่อเรียกค่าเสียหายในมูลละเมิดได้
การร่วมกันทำละเมิด
การร่วมกันทำละเมิดต้องมีเจตนาหรือความมุ่งหมายร่วมกัน และมีการกระทำร่วมกันเพื่อความมุ่งหมายร่วมกันนั้น
- ตัวอย่าง ก. เข้าไปลักทรัพย์ในบ้านของ ข. ได้มาหลายสิ่ง ค. ทราบดังนั้น ก็เข้าไปลักบ้าง ขณะกำลังเก็บทรัพย์อยู่ในบ้าของ ข. ง. เพื่อนกันผ่านมาพอดีก็ช่วยกันรับทรัพย์จาก ค. ออกจากประตูบ้านได้ทรัพย์ออกมาหลายสิ่งด้วยกัน ดังนี้ ก. ค. และ ง. ต้องร่วมกันรับผิดต่อ ข. หรือไม่
- ตอบ ก. ค. ต่างคนต่างกระทำละเมิดต่อ ข. มิได้กระทำละเมิดร่วมกัน จึงไม่ต้องร่วมกันรับผิดต่อ ข. ส่วน ค. ง. ร่วมกันกระทำละเมิดต่อ ข. จึงต้องร่วมกันรับผิดต่อ ข.
นายจารุกร ไชยชมภู รหัสนิสิต 64012310733 วิชากฎหมายละเมิด sec 1