Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ความผิดเพื่อละเมิดอันเกิดจากการกระทำของตนเอง - Coggle Diagram
ความผิดเพื่อละเมิดอันเกิดจากการกระทำของตนเอง
ผู้ใด :!!:
ป.พ.พ. มาตรา 420
ซึ่งบัญยัติไว้ว่า "ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแกชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก้ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น"
บุคคลธรรมดา
หากบุคคลใดมีความสามารถรู้สึกผิดชอบรู้สำนึกการกระทำของตน บุคคลนั้นย่อมรับผิดในการทำละเมิดของตนได้โดยไม่ต้องวิเคราะว่าบุคคลนั้นเป็นผู้เยาว์หรือบุคคลไร้ความสามารถ เพราะการทำละเมิลนั้นไม่ใช่การทำนิติกรรม
นิติบุคคล
แม้นิติบุคคลจะทำกิจการต่างๆ เองไม่ได้ก็ตามแต่นิติบุคคลก็ต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดอันเนื่องจากการกระทำของตนเอง ดังนั้นการกระทำของนิติบุคคลนั้นจะเป็นการกระทำที่จงใจประมาทเลินเล่อหรือไม่นั้นจะพิจารณาจากการกระทำของนิติบุคคล
ผู้ใด
หมายถึง ผู้ที่ทำการละเมิดนั้นอาจเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้ ตามมาตรา 429 ที่บัญยัติว่า บุคคลใดแม้ไร้ความสามารถเหตุเป็นผู้เยาว์หรือเป็นผู้เยาว์หรือวิกลจริตก็ต้องรับผิดในผลที่ตนทำละเมิด
ทำต่อผู้อื่นโดยผิดกฎหมาย
:warning:การกระทำละเมิดคือการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะกระทำได้
หน้าที่อันเกิดจากสัญญา
เป็นหน้าที่ที่ผู้ต้องรับผิดผูกพันตามสัญญาที่ต้องกระทำตามสัญยาดังกล่าวไม่ต้องเป็นสัญญาระหว่างผู้ที่ต้องรับผิดกับบุคคลผู้ที่ได้รับความเสียหาย
ตัวอย่าง
ผู้รับจ้างดูแลเด็กตามสัญญางดเว้นไม่ดูแลเด็กจนกระทั่งเด็กถูกน้ำร้อนลวกดังนี้ แม้เด็กจะไม่ใช่คู่สัญญาแต่ก็มีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทนในมูดละเมิดได้
หน้าที่อันเกิดจากความสัมพันธ์ทางข้อเท็จจริงที่มีอยู่ระหว่างผู้งดเว้นกับผู้เสียหาย
เป็นหน้าที่ของบุคคลที่ตนพึงสมัครใจเข้าไปเกี่ยวพนกับผู้เสียหายเองทั้งๆเดิมนั้นตนเองไม่มีหน้าที่ต้องกระทำเช่นนั้น แต่เมื่อเข้าไปผูกพันแล้วก็ต้องสานจนหมดหน้าที่
ตัวอย่าง
ระหว่างเดินทางกลับบ้านแพทย์เห็นผู้เจ็บป่วยก็เข้าช่วยเหลือรักาาพยาบาลอันมิใช่หน้าที่ตามกฎหมาย หรือสัญญาหากช่วยแล้วงดเว้นไม่ทำหน้าที่ให้ตลอดก็ย่อมเป็นการงดเว้น
หน้าที่อันเกิดจากกฎหมายหรือระเบียบ
เป็นหน้าที่ที่มีกฎหมายหรือระเบียบบัญญัติไว้อย่างชัดเจน เช่น สามีภริยามีหน้าที่ต้องช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูกัน (ป.พ.พ. มาตรา 1461 บุตรจำต้องอุปการะเลี้ยงดูมารดา) (ปพพ มาตรา 1563 บิดามารดาจำต้องเลี้ยงดุบุตรผู้เยาว์หรือบุตรที่บรรลุนิติภาวะแล้วแต่พลภาพเลี้ยงดูตนเองมิได้) (ปพพ มาตรา1564 ถ้าไม่อุปการะเลี้ยงดูจนผู้มีสิทธิได้รับการอุแการะเลี้ยงดูได้รับความเสียหาย ย่อมละเมิด
หน้าที่ต่อสาธารณชน
เป็นหน้าที่ของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการบริการสาธารณชนต้องดูแลให้สารธารณชนได้รับบริการด้วยความปลอดภัย หากงดเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยจงใจประมาณเลินเล่อก็ต้องรับผิดฐานระเมิด
การฝ่าฝืนกฎหมายที่ประสงค์จะปกป้องบุคคลอื่น
(ปพพ มาตรา 422) เมื่อผู้ฟ้องผู้ะเมิดให้รับผิดตาม ปพพ 420 โดยหลักผู้เสียหายต้องเป็นฝ่ายสืบพยานหลักฐานให้ปรากฏต่อศาลว่าจำเลยกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อและกระทำผิดกฎหมายเป็นเหตุให้ตนเสียหาย
ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นเป็นผลมาจากการที่ผู้ละเมิลฝ่าฝืนกฎหมาย ได้แก พระราชบัญญัติ พระราชกำหนด พระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง
เมื่อกรณีเข้าองค์ประกอบสองประการข้างต้นแล้วก่อให้เกิดผลตามมาตรา 422
กฎหมายที่มีการฝ่าฝืนนั้นจะต้องเป็นกฎหมายที่ประสงค์เพื่อป้องกันบุคคลอื่น
ข้อสันนิษฐาน ปพพ มาตรา422นี้ไม่ใช่ข้อสันนิฐานเด็ดขาดเพราะกฎหมายใช้คำว่า
สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้นั้นเป็นผู้ผิด
ข้อสังเกตเกี่ยวกับ ปพพ มาตรา420 :pencil2:
มูลหนี้ละเมิดนั้นลูกหนี้ผิดนัดนับแต่วันทำละเมิดตาม ป.พ.พ. 206 ซึ่งบัญญัติว่า "ในกรณีหนี้อันเกิดแต่มูลละเมิด ลูกหนี้ได้ชื่อว่าผิดนัดมาแต่เวลาที่ทำละเมิด"
ผลคือ (ผู้เสียหายหรือโจทก์)ฟ้องผู้ทำละเมิด(ลูกหนี้หรือจำเลย)ได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวก่อนและหากมีการเรียนค่าเสียหายก็ย่อมคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันทำละเมิดได้ทันที (ปพพ มาตรา 224)
ในการบรรยายฟ้องคดีละเมิดมาตรา 420
นั้นโจทก์ต้องบรรยายฟ้องให้แจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งแห่งข้อหา กล่าวคือต้องบรรยายให้ชัดแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา กล่าวคือต้องบรรยายให้ชัดเจนเข้าองค์ประกอบความรับผิดตาม มาตรา 420 มิฉะนั้นจะฟ้องเคลือบคลุม ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา172
เกี่ยวกับการผิดสัญญาและละเมิด
ละเมิดกับสัญญาต่างเป็นบ่อเกิดแห่งหนี้สัญญาก่อให้เกิดสิทธิระหว่างคู่สัญญา ส่วนละเมิดนั้นเป็นการล่วนสิทธิผิดหน้าที่ที่พึ่งมีต่อบุคคลอื่นความรับผิดทางละเมิดนั้นไม่จำต้องพิเคราะห์ถึงเรื่องความสามารถในการทำนิติกรรมความรับผิดทางสัญญาไม่จำต้องมีการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อส่วนค่าสินไหมทดแทนเพื่อละเมิดนั้นเรียกได้กว้างกว่าโดยอาศัยพฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด
ตัวอย่าง
นาย ก. เป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าตัดไฟฟ้าของตนและงดจ่ายกระแสไฟฟ้าให้แกผู้ใช้ไฟนั้นหากเป็นผลให้ผู้ใช้กระแสไฟฟ้าฟ้องได้ก็ฟ้องได้แต่ในทางผิดสัญญไม่ใช่ในทางละเมิด
การกระทำอันเดียวกันอาจจะเป็นความผิดทางอาญาและเข้าหลักเกณฑ์ความรับผิดเพื่อละเมิดก็ได้
ในกรณีเช่นนี้ถ้าผู้กระทำถูกฟ้องเป็นคดีอาญาในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งนั้ศาลจำต้องถือนั้น ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาที่ถึงที่สุดแล้ว
ตัวอย่าง
ลูกจ้างถูกผูกพันตามคำพิพากษาคดีอาญาว่าประมาทเลินเล่อแต่นายจ้างไม่ได้เป็นจำเลยในคดีนั้นด้วยหากผู้เสียหายฟ้องนายจ้างให้รับผิดเพื่อละเมิดตา ปพพ ตามมาตรา 425 ผู้เสียหายต้องนำสืบด้วยว่าลูกจ้างประมาทเลินเล่อ
ความเสียหายนั้นเป็นผลจากการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
:forbidden:มาตรา420 บัญญัติเพียงว่า การกระทำละเมิดนั้นเป้นการกระทำโโยจงใจหรือประมาทเลินเล่อผิดกฎหมายทำให้เกิดความเสียหายแก่เขาเท่านั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือความเสียหายอย่างหนึ่งอาจจะเกิดเหตุหลายประการ
ทฤษฎีมูลเหตุเหมาะสม หมายความว่าในบรรดาเหตุทั้งหลายที่ก่อให้เกิดผลขึ้นนั้นผู้กระทำจะต้องรับผิดเฉพาะเเต่เหตุที่ตามปกติย่อมก่อให้เกิดผล
ตัวอย่าง
ก. เคาะศีรษะ ข.เบาๆแต่ ข.มีกระโหลกศีรษะบางเป็นพิเศษ ข. จึงตายเช่นนี้ ก.ไม่ต้องรับผิดถ้าหากถือตามทฤษฎนี้
ทฤษฏีความเท่ากันแห่งเหตุหรือทฤษฎีเงื่่่อนไข
หมายความว่าหากไม่มีการกระทำที่ถูกกล่าวหาแล้วความเสียหายจะไม่เกิดขึ้น ที่ว่า"เท่ากันแห่ง"นั้นหมายความว่าเหตุทุกเหตุมีน้ำหนักเท่ากันเพราะถ้าไม่มีเหตุทุกไม่มีเหตุทุกประการประกอบกันแล้ว ความเสียย่อมไม่เกินขึ้น
ตัวอย่าง
ถ้าบุรุษไปรษณีย์ไม่ส่งจดหมายธนาณัติผิดพลาด คนอื่นก็จะรับไปปลอมชื่อไม่ได้ จึงถือว่าเป็นความสัมพันธ์ระหว่างการกระทำเเละผล
เกิดความเสียหายต่อสิทธิบุคคลอื่น
: :silhouettes:ความผิดทางระเมิดไม่ว่าจะเป็นความรับผิดประเภทใดก็ตาม จะมีขั้นได้ก็ต่อเมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้นแก่สิทธิของบุคคลอื่น
หากไม่มีความเสียหายเกิดขึ้นย่อมไม่มีการทำละเมิดและสิทธิของผู้ที่ถูกละเมิดนั้นจะพิจารณาสิทธิที่มีอยู่ในการฟ้องเป็นหลัก
ลักษณะความเสียหาย
ต้องเป็นความเสียหายที่แน่นอน
เป็นความเสียหายที่ย่อมจะเกิดขึ้นแก่ผู้เสียหายอันเนื่องจากการทำละเมิด เช่น ค่ารักษาพยาบาล ย่อมคำนวณเป็นตัวเงินได้แน่นอนความเสียหายที่แน่นอนจากการเกิดในปัจจุบันแล้วยังรวมถึงความเสียหายที่จะขึ้นในอนาคต ดังนั้น
ถ้าเป็นความเสียหายที่คาดหมายว่าจะเกิดขึ้น แต่ยังไม่เเน่นอว่าจะขึ้นหรือไม่ไม่ถือว่าเป็นความเสียหาย
ต้องเป็นความเสียหายโดยนิตินัย
กฎหมายยอมรับรองว่าเป็นความเสียหากเป็นเป้นความเสีหายที่กฎหมายไม่รับรองแล้วจะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนไม่ได้
ตัวอย่าง
การให้ความยินยอมผุ้อืนให้กระทำความผิดต่อกฎหมายอาญานั้น ผู้กระทำอาจต้องรับผิดทางอาญา แต่ไม่ต้องรับผิดทางแพ่ง เช่น ก.ยอมให้ ข. ฟันศีรษะเพราะเชื่อว่าตนอยู่ยงคงกะพัน เช่นนี้ไม่ถือว่า ข.ทำละเมิดต่อ ก.แต่ถ้า ก.เกิดตายไป ข.ต้องรับผิดทางอาญาฐานฆ่าผู้อื่นโดนเจตนา
ความเสียหายดังกล่าวต้องเกิดขึ้นแก่สิทธิของบุคคลอื่น สิทธิที่ถูกกระทบกระทั่งนี้ ได้แก่ ประโยชน์ของบุคคลที่กฎหมายรับรองและคุ้มครองให้ผู้อื่นมีหน้าที่ต้องเครพ ดังนั้นสิทธินี้จึงอาจจะเ็นทั้งสิทธิเด็ดขาดอันได้แก่ ชีวิต ร่างกาย อนามัย ทรัพย์สินและเสรีภาพตามมาตรา 420 และยังหมายความรวมถึง สิทธิสัมพันธ์ อันได้แก่บุคคลสิทธิตามสัญญาต่างๆ
ถ้าจำเลยทำสัญญาเช้าตึกกับ ป.และเข้าอยู่ในตึกนั้นแล้วมีนาย ก. บุกรุกเข้ามาโดยละเมิด จำเลยย่อมฟ้องนาย ก. ให้รับผิดฐานละเมิดได้ เพราะนาย ก. ละเมิดต่อสิทธิการเช้าของจำเลย
บุคคลที่จะฟ้องผู้ทำละเมิดให้รับผิดได้นั้นจะต้องเป็นผู้ทรงสิทธิในขณะที่มีการทำละเมิดหรือผู้สืบสิทธิเท่านั้นหากผู้อื่นฟ้องแล้วย่อมไม่มีอำนาจฟ้องศาลต้องยกฟ้อง
ในกรณีที่มีการละเมิดสิทธิเกี่ยวกับสาธารณประโยชน์บุคคลที่จะฟ้องผู้ทำละเมิดให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนได้นั้นก็เฉพาะแต่บุคคลผู้ที่ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษเท่านั้น
การกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
:fire:
ประมาทเลินเล่อ
หมายถึง ไม่จงใจ แต่ไม่ใช้ความระมัดระวังตามสมควรที่จะใช้ รวมถึงในลักษณะที่บุคคลผูมีความระมัดระวังจะไม่กระทำด้วยทำด้วยระดับความระมัดระวังที่สมุตติขึ้นเปรียบเทียบเป็นมาตรฐานเพื่อวินิจฉัยความรับผิดชอบของความผิดของผู้กระทำความเสียหาย
ประการแรก
ต้องเปรียบเทียบกับบุคคลที่มีความระมัดระวังตามพฤติการณ์และตามฐานะในสังคม เช่น
เดียวกับผู้กระทำความเสียหาย ความระมัดระวังจึงอาจแตกต่างกันไปตามพฤติการณ์แห่งตัวบุคคลไม่แน่นอนคงที่**
ประการที่สอง จะต้องพิเคราะห์พฤติการณ์ภายนอกเช่นเดียวกับผู้กระทำความเสียหาย**
การใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น
การใช้สิทธินั้นอาจจะถือเป็นการอันมิชอบด้วยกฎหมายได้เพราะสิทธิต่างๆก่อตั้งขึ้นมีความมุ่งหมายบางอย่างบางประการโดยเฉพราะและสิทธิใดสิทธิหนึ่งย่อมจะสิ้นสภาพจาการเป็นทันทีเพื่อมุ่งหมายให้ก่อตั้งสิทธินั้น มาตรา421 บัญญัติไว้ว่าการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นนั้นท่านเป็นการอันมิชอบด้วยกฎหมาย
จงใจ
หมายถึง รู้สำนึกถึงผลเสีย ที่จะเกิดจากการกระทำของตนและรู้สำนึกถึงผลเสียหายนั้นต้องทำความเข้าใจให้ดีกว่าเป็นคนละเรื่อง กับรู้สำนึกในการเคลื่อนไหวอันเป็นอันเป็นหลักเกณฆ์ของการกระทำ
การที่ ก. ชก ข. เป็นการกระทำโดยรู้สำนึก ถือเป็นการกระทำโดยจงใจโดยผิดกฎหมายว่าจะเกิดความเสียหายแล้ว เมื่อมีความตายอันเป็นความเสียหายเกิดขึ้นจึงเป็นละเมิด ก. จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในความตายนั้น
ความรับผิดของผู้ว่าจ้าง :recycle: ป.พ.พ. มาตรา 428
"ผู้ว่าจ้างทำของไม่ต้องรับผิดเพื่อความเสียหายอันผู้รับจ้างได้ก่อให้เกิดขึ้นแก่บุคคลภายนอกในระหว่างทำการงานที่ว่าจ้าง เว้นแต่ผู้ว่าจ้างจะเป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำ หรือในคำสั่งที่ตนให้ไว้ หรือในการเลือกหาผู้รับจ้าง"
ผู้ว่าจ้างเป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำ
หมายความว่าผู้ว่าจ้างโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อว่าจ้างให้ผู้รับจ้างให้ผู้รับจ้างทำงานซึ่งโดนสภาพแล้วเป็นละเมิดผู้อื่นอยู่ในตัวเอง
ตัวอย่าง
เช่นว่าจ้างให้ผู้ที่รับจ้างให้ผู้ที่รับจ้างไปขุดดินของผู้อื่นมาถมที่ดินของตน ส่วนปัญหาว่าผู้รับจ้างต้องรับผิดด้วยหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้รับจ้างได้รู้ข้อเท็จจริงดังกล่าวหรือไม่
ผู้ว่าจ้างเป็นผู้ผิดในการเลือกหาผู้รับจ้าง
หมายความว่า ผู้ว่าจ้างรับรู้หรือควรจะรู้ได้ว่าผู้รับจ้างไม่มีความสามารถเพียงพอสำหรับสภาพของงานที่จ้าง
ตัวอย่าง
งานสร้างตึก20ชั้นแต่ผู้ว่าจ้างไปว่าจ้างผู้รับจ้างรายเล็กที่ไม่มีวิศวกรผู้เชี่ยวชาญหรือเครื่องมือทันสมัยเพียพอเป็นเหตุให้ตึกพังทับ ทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บ ดังนั้นผู้ว่าจ้างจะต้องรับผิดชอบเพราะตนเป็นผู้ผิดในการเลือกหาผู้รับจ้าง
ผู้ว่าจ้างเป้นผู้ผิดในคำสั่งที่ตนให้ไว้
ความหมายว่า แม้งานที่สั่งให้ทำจะไม่เป้นละเมิดในตัวเอง แต่ถ้าว่าจ้างเข้าไปเกี่ยวข้องกับงานนั้นโดยแนะนำหรือสั่งชี้เเนะด้วยประการใดๆเป็นเหตุให้ผุ้รับจ้างกระทำเป้นเหตุก่อให้เกิดแกผู้อื่นผุ้ว่าจ้างต้องรับผิดชอบ
การร่วมกันทำละเมิน : :unlock:การทำละเมินนั้นอาจจะมีผู้กระทำมากกว่าหนึ่งคนก็ได้ ตามมา ป.พ.พ. มาตรา 432
" ถ้าบุคคลหลายคนก่อให้เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นโดยร่วมกันทำละเมิด ท่านว่าบุคคลเหล่านั้นจะต้องร่วมกันรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายนั้น ความข้อนี้ท่านให้ใช้ตลอดถึงกรณีที่ไม่สามารถสืบรู้ตัวได้แน่ว่าในจำพวกที่ทำละเมิดร่วมกันนั้น คนไหนเป็นผู้ก่อให้เกิดเสียหายนั้นด้วย อนึ่ง บุคคลผู้ยุยงส่งเสริมหรือช่วยเหลือในการทำละเมิด ท่านก็ให้ถือว่าเป็นผู้กระทำละเมิดร่วมกันด้วย ในระหว่างบุคคลทั้งหลายซึ่งต้องรับผิดร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้น ท่านว่าต่างต้องรับผิดเป็นส่วนเท่า ๆ กัน เว้นแต่โดยพฤติการณ์ ศาลจะวินิจฉัยเป็นประการอื่น" การร่วมทำละเมิดนั้นได้แก่การที่บุคคลหลายคนมีความจงใจและมีการกระทำร่วมกันอันเป็นเหตุที่ก่อให้เกิดความเสียหายแกบุคคลอื่น โดยมีข้อสังเกตดังนี้.
บางกรณี การละเมิดครั้งเดียวกัน อาจมีทั้งผู้กระทำละเมิดที่จงใจกับผู้กระทำละเมิดโดยประมาทก็ได้
การร่วมกันทำละเมิด มาตรา 432
นี้มีได้เฉพราะการทำละเมิดโดยจงใจหากเป็นกรณีประมาทเลินเล่อแล้วก็เป็นเรื่องที่จำเลยต่างทำละเมิดก่อห้เกิดความเสียหายอันเดียวกัน ไม่ใช่ร่วมกันทำละเมิด
บางกรณีปรากฏว่าบุคคลหลายคนจงใจก่อให้เกิดความเสียหายอันใดอันหนึ่งพร้อมกัน
"แต่ถ้าไม่จงใจร่วมกันแล้วก็ไม่เป็นการละเมิด"ร่วมมาตรา มาตรา 432การกระทำของแต่ละคนมีส่วนก่อให้เกิดความเสียหายมากน้อยเพียงใดแต่ละคนย่อมรับผิดต่อเพียงเท่าที่ทำความเสียหาย