Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
หน้าที่ในการชำระหนี้ - Coggle Diagram
หน้าที่ในการชำระหนี้
การผิดนัดไม่ชำระหนี้
การผิดนัด
เมื่อลูกหนี้ตกเป็นผู้ผิดนัด นอกจากลูกหนี้จะต้องรับผิดในค่าสินไหมทดแทนอันเกิดขึ้นจากการผิดสัญญาแล้ว ผลของการผิดนัดยังทำให้ลูกหนี้อาจต้องรับผิดมากขึ้นด้วยอาทิต้องเสียดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัด
-
กำหนดชำระหนี้กับการผิดนัดการชำระหนี้และการผิดนัดแล้วจะเห็นได้ว่ากำหนดเวลาชำระหนี้ก็ดีการไม่ชำระหนี้ก็ดี การผิดนัดก็ดีมีความเกี่ยวพันกันอย่างมากการไม่ชำระหนี้เป็นข้อเท็จจริงส่วนการผิดนัดเป็นข้อกฎหมายคือเป็นเรื่องของการไม่ชำระหนี้ซึ่งเกิดผลบาประการทางกฎหมายการที่ลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ลูกหนี้อาจจะยังไม่ผิดก็ได้
กรณีที่ไม่ถือว่าลูกหนี้ผิดนัด(หนี้ถึงกำหนดชำระแล้ว)เมื่อมีการชำระหนี้ถึงกำหนดชำระและเจ้าหนี้ได้ให้คำเตือนลูกหนี้แล้วลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ลูกหนี้ก็ต้องเป็นผู้ผิดนัดหรือในกรณีที่ไม่ต้องเตือน แต่ในบา
กรณีการที่ลูกหนี้ไม่ชำระหนี้นั้นไม่ใช่ความผิดของลูกหนี้จะให้ลูกหนี้ต้องรับผิดก็ไม่เป็นธรรมแก่ลูกหนี้กฎหมายจึงได้บัญญัติเป็นข้อยกเว้นไว้ไม่ให้ถือว่าลูกหนี้ผิดนัดถ้าการที่ยังไม่ชำระหนี้นั้นไม่ใช่ความผิดของลูกหนี้
ในมาตรา 205
ผลของการผิดนัดของลูกหนี้
ลูกหนี้ต้องรับผิดในความเสียหายอันเกิดระหว่างผิดนัดเพิ่มขึ้นเมื่อลูกหนี้ผิดนัดลูกหนี้ยังอาจต้องรับผิดในความเสียหาย จากความประมาทเลินเล่อและการที่การชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสยเพราะอุบัติเหตุอันเกิดจากในระหว่างผิดนัดด้วยตามบทบัญญัติมาตรา217 (ความรักผิดกรณีนี้ไม่ใช่เกิดจากการผิดนัดแต่เป้นการเกิดในระหว่างผิดนัดด้วยเหตุอื่น เช่น ประมาทเลินเล่อ การชำระหนี้จะพ้นวิสัยเพราะอุบัติเหตุ)
เจ้าหนี้อาจไม่รับชำระหนี้เวลาในการชำระหนี้นั้นเเม้จะเป็นส่วนหนึ่งในการชำระหนี้ซึ่งเป็นความประสงค์ในมูลหนี้อย่างหนึ่งดังกล่าวในการชำระหนี้นั้นจึงไม่ใช่สาระสำคัญขนาดที่จะทำให้เจ้าหนี้มีสิทธิจะปฏิเสทไม่รบชำระหนี้ได้เสมอไปแม้ลูกหนี้จะไม่ชำระหนี้ตามเวลากำหนดก็ยังหาได้ทำให้ผิดนัดเสมอไป ถ้าโดยเหตูผิดนัดการชำระหนี้กลายเป็นอันไร้ประโยชน์แก่เจ้าหนี้เจ้าหนี้จะบอกปัดไม่รับชำระหนี้และเรียกเอาค่าสินไหมทดเเทนเพื่อการชำระหนี้ก็ได้ ตามมาตรา 388
ลูกหนี้ต้องรับผิดในความเสียหายอันเกิดแต่การผิดนัดการที่ลูกหนี้ชำระหนี้ตามกำหนดแต่ตกเป็นผู้ผิดนัดนั้นก็ถือว่าเป็นการที่ไม่ชำระหนี้ให้ต้องตามความความประสงค์อันแท้จริงแห่งมูลหนี้ด้วย เมื่อมีการชำระหนี้ล้าช้าเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าหนี้เจ้าหนี้ก็มีสิทธิที่จะเรียกร้องค่าสินไหมทดเเทนได้ ตามมาตรา215 เมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ให้ต้องตามความประสงค์แท้จริงแห่งมูลหนี้ไซร็เจ้าหนี้จะเรียกร้องเอค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่การนั้นก็ได้
ตัวอย่างเช่น ทำสัญญารับจ้างสร้างบ้านโดยมีการตกลงว่าจะสร้างให้เสร็จภายใน 8เดือนแต่สร้างล่าช้าทำให้ผู้ว่าจ้างนั้นต้องไปเช่าบ้านอยู่โดยต้องเสียค่าเช่าในระหว่ารอสร้างบ้านเสร็จ ลูกจ้างนั้นต้องจ่ายค่าเช่าเพราะสัญญาทำบ้าน8เดือน ผู้สร้างจะมีความผิด
การผิดนัดของลูกหนี้คือการไม่ชําระหนี้ตามกําหนดเวลาหรือการที่ลูกหนี้ชําระหนี้ชำระผิดเวลาหรือกล่าวอีกนัยหนึ่งการผิดนัดผูกโยงกับกําหนดเวลาชําระหนี้การที่ลูกหนี้จะตกเป็นผู้ผิดนัดหรือไม่จึงขึ้นอยู่กับกําหนดเวลาชําระหนี้หากมีกําหนดเวลาชําระหนี้ไว้ตามวันแห่งปฏิทินและลูกหนี้มิได้ชําระหนี้ตามกำหนดนั้นลูกหนี้ย่อมตกเป็นผู้ผิดนัดโดยมิพักต้องเตือนหรือกล่าวอีกนัยหนึ่งลูกหนี้ตกเป็นผูกผิดนัดทันทีที่หนี้ถึงกำหนดชําระตามวันแห่งปฏิทินโดยที่เจ้าหนี้ไม่ต้องกระทำการใดๆ ทั้งสิ้น แต่ถ้าไม่มีการกําหนดเวลาชําระหนี้ไว้หรือมีกําหนดเวลาชําระหนี้ได้
กรณีวัตถุแห่งหนี้ซึ่งเลือกชำระได้ หนี้ที่เกิดจากมูลแห่งหนี้ต่างๆไม่ว่าจะเกิดจากสัญญาหรือเกิดจากการละเมิดอาจจะมีวัตถุแห่งหนี้เป็นอย่างเดียวเรียวว่าหนี้เดี่ยว ตัวอย่าง นายพี ไปยืมเงินนายยา มาจำนวน 10000บาท การที่นายพียืมเงินจากนายยา นายพีจึงเป็นลูกหนี้ส่วนนาย ยาเป็นลูกหนี้ดังนั้นการที่ลูกหนี้ยืมเงินมาแล้วลูกหนี้จึงมีหน้าที่คืนเงินกับเจ้าหนี้
ลักษณะ หนี้นั้นมีวัตถุแห่งหนี้หลายอย่างแต่ลูกหนี้นั้นมีหน้าที่ชำระหนี้เพียงเลือกชำระหนี้บางอย่างก้ถือว่าปฏิบัติการชำระหนี้ถูกต้องผลของการใช้สิทธิ กรณีการชำระหนี้ทุกอย่างยังอยู่ในวิสัยที่ชำระได้กฎหมายจึงกำหนดให้การชำระหนี้อันกำหนดมาแต่ต้นตามมาตรา 199วรรค2 ซึ่งบัญยัติไว้ว่าการชำระหนี้ได้เลือกทำเป็นอย่างใดแล้ว ท่านให้ถือว่าอย่างนั้นอย่างเดียวเป็นการชำระหนี้อนกำหนดให้กระทำแต่ต้นมาการใช้สิทธิ์เลือก การที่ลูกหนี้ต้องใช้สิทธิเลือกตามกฎหมายไม่ได้หมายความว่าลูกหนี้จะทอดเวลาในการเลือกไปถึงเมื่อใดก็ได้เพราะอาจจะไม่ยุติธรรมแกเจ้าหนี้กฎหมายจำกำหนดต่อไปในกรณีลูกหนี้จะต้องใช้สิทธิเลือกภายในกำหนดเวลาใด หากไม่ใช้กำหนดเวลา-ผู้มีสิทธิ์เลือก บุคคลนั้นมีสิทธิ์เลือกไปตามบทบัญญัติในมาตรา198 ซึ่งบัญญัติว่าถ้าการอันมีกำหนดพึงกระทำเพื่อชำระหนี้นั้นมีหลายอย่าง แต่จะต้องกระทำเพียงการใดการหนึ่งแต่อย่างเดียวไซร้ ท่านว่าสิทธิที่จะเลือกทำการอย่างใดนั้นตกอยู่แก่ฝ่ายลูกหนี้ เว้นแต่จะได้ตกลงกันกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น
สิทธิในการเลือก การที่จะมีสิทธิเลือกโดยลูกหนี้ เจ้าหนี้หรือบุคคลอื่นตามบทบัญญัติในส่วนนี้ต้องหมายถึงกรณีที่มีสิทธิเลือกถ้าหากเป็นการบังคับชำระหนี้ไปตามลำดับแล้วก็จะใม่ใช่การชำระหนี้โดยมีสิทธิการเลือก การเลือกชำระหนี้นั้นกฎหมายกำหนดไว้ใน มาตรา 201 ถ้าบุคคลภายนอกจะพึงเป็นผู้เลือก ท่านให้กระทำด้วยแสดงเจตนาแก่ลูกหนี้ และลูกหนี้จะต้องแจ้งความนั้นแก่เจ้าหนี้
วรรคสอง ถ้าบุคคลภายนอกนั้นไม่อาจจะเลือกได้ก็ดี หรือไม่เต็มใจจะเลือกก็ดี ท่านว่าสิทธิที่จะเลือกตกไปอยู่แก่ฝ่ายลูกหนี้ มาตรา 198 ถ้าการอันมีกำหนดพึงกระทำเพื่อชำระหนี้นั้นมีหลายอย่าง แต่จะต้องกระทำเพียงการใดการหนึ่งแต่อย่างเดียวไซร้ ท่านว่าสิทธิที่จะเลือกทำการอย่างใดนั้นตกอยู่แก่ฝ่ายลูกหนี้ เว้นแต่จะได้ตกลงกันกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น
วิธีการเลือก การที่กฎหมายกำหนดว่าเมื่อบุคคลภายนอกผู้มีสิทธิเลือกได้ใช้สิทธิเลือกโดยการแสดงเจตนาแก่ลูกหนี้และกำหนดให้ลูกหนี้แจ้งแก่เจ้าหนี้หากลูกหนี้ไม่แจ้งแกเจ้าหนี้ผลจะเป็นอย่างไรนั้นผู้เขียนเห็นว่าประเด็นสำคัญอยู่ที่บุคคลภายนอกมีสิทธิเลือกนั้นจะเเสดงเจตนาแกลูกหนี้ก็จะถือว่าการเลือกสมบูรณ์เพราะสิทธิในการเลือกเป็นคนบุคคลภายนอกโดยแท้
ระยะเวลาในการเลือก ระยะเวลาในการเลือกนั้นมีบัญญัติในมาตรา 200 ถ้าจะต้องเลือกภายในระยะเวลาอันมีกำหนด และฝ่ายที่มีสิทธิจะเลือกมิได้เลือกภายในระยะเวลานั้นไซร้ ท่านว่าสิทธิที่จะเลือกนั้นย่อมตกไปอยู่แก่อีกฝ่ายหนึ่ง
วรรคสอง ถ้ามิได้กำหนดระยะเวลาให้เลือกไซร้ เมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระ ฝ่ายที่ไม่มีสิทธิจะเลือกอาจกำหนดเวลาพอสมควรแก่เหตุ แล้วบอกกล่าวให้ฝ่ายโน้นใช้สิทธิเลือกภายในเวลาอันนั้น
หากบุคคลภายนอกนั้นไม่เลือกแล้วมีข้อตกลงกันให้เจ้าหนี้เป็นผู้เลือกเจ้าหนี้ก็น่าจะเป็นผู้กำหนดซึ่งถ้ายุคคลภายนอกไม่เลือกและเมื่อถึงขั้นตอนนี้ลูกหนี้จะเป็นผู้กำหนดเวลาให้เจ้าหนี้
ผลของการเลือก การเลือกนั้นกฎหมายกำหนดให้แสดงเจตนาต่อคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งดังกล่าวแล้วการใช้สิทธิเลือกนั้นก็เป็นการแสดงเจตนาที่มีผลในทางกฎหมายดังนั้นการจะเกิดผลของการเลือกต้องหมายถึงว่าการเลือกนั้นมีผลแล้วตามการแสดงเจตนาในมาตรา168-169เเต่การเเสดงเจตนาต่อบุคคลผู้อยุ๋เฉพาะหน้าหรือต่อบุคคลผู้อยู่ห่างการแสดงเจตนาถือว่ามีผลบังคับแล้ว
กำหนดเวลาชำระหนี้
กำหมดเวลาชำระหนี้เป็นสิ่งสำคัญในการชำระหนี้สิ่งสำคัญในการชำระหนี้ของลูกหนี้ การชำระก่อนเจ้าหนี้ก็อาจปฎิเสธไม่รับชำระหนี้ได้และหากเกินกำหนดแล้วก็อาจทำให้ลูกหนี้กลายเป็นผู้ผิดนัด ถ้าหนี้ยังไม่ถึงกำหนดคือเงื่อนเวลาเป็นประโยชน์แก่ลูกหนี้อยู่เจ้าหนี้ก็ไม่มีสิทธิจะเรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้ ถึงแม้เจ้าหนี้จะเตือนให้ลูกหนี้เตือนให้ลูกหนี้ชำระหนี้แต่ถ้าหนี้ยังไม่ถึงกำหนดชำระหนี้ก็ยังไม่ผิดนัด ม.204 (วัน /เวลา)
-
หนี้ที่มีกำหนดเวลาชำระหนี้หนี้ที่มีกำหนดเวลาชำระหนี้อาจเป็นหนี้ที่กำหนดเวลาชำระไว้โดยชัดเเจ้ง กำหนดตามวันแห่งปฎิทิน หรือกำหนดตามข้อเท็จจริง เช่น ยืมหนังสือมาแล้วได้กำหนดเวลาไว้ว่าจะคืนของตามที่ตกลงกันไว้ตามที่พูดเมื่อถึงเวลานั้นแล้วลูกหนี้มีหน้าที่ต้องคืนตามที่ได้ให้คำมั่นไว้เท่านั้น
กำหนดวันเวลาชำระหนี้ตามวันแห่งปฎิทินกรณีนี้เป็นการกำหนดเวลาชำระหนี้โยแจ้งชัดตามวันแห่งปฏิทินตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 204 ถ้าได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ตามวันแห่งปฎิทินแม้กฎมายจะใช้คำที่มีความหมายแคบ เเต่เห็นว่าความหทายนั้นกว้างถึงกำหนดตามเวลาปฎิทินคืออาจจะเป็นวันเป็นเดือนก็ได้
ตัวอย่างเช่น ยืมเงินโดยที่กำหนดวันเวลาอย่างชัดเจน ถ้าลูกหนี้ยืมไปจนครบวันเวลาแล้วเมื่อถึงเวลาคืนลูกหนี้ต้องนำเงินมาคืนเจ้าหนี้ถ้าลูกหนี้ไม่คืนลูกหนี้ก็จะผิดกำหนดเวลาตามปฎิทิน
กำหนดเวลาชำระหนี้มิใช่ตามวันเเห่งปฎิทินการกำหนดเวลาชำระหนี้นี้นั้นกฎหมายได้กล่าวถึงในมาตรา 204วรรคแรก ถ้าหนี้ถึงกำหนดชำระแล้ว และภายหลังแต่นั้นเจ้าหนี้ได้ให้คำเตือนลูกหนี้แล้ว ลูกหนี้ยังไม่ชำระหนี้ไซร้ ลูกหนี้ได้ชื่อว่าผิดนัดเพราะเขาเตือนแล้ว เมื่อเทียบกับ
วรรคสอง ถ้าได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ตามวันแห่งปฏิทิน และลูกหนี้มิได้ชำระหนี้ตามกำหนดไซร้ ท่านว่าลูกหนี้ตกเป็นผู้ผิดนัดโดยมิพักต้องเตือนเลย วิธีเดียวกันนี้ท่านให้ใช้บังคับแก่กรณีที่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าก่อนการชำระหนี้ ซึ่งได้กำหนดเวลาลงไว้อาจคำนวณนับได้โดยปฏิทินนับแต่วันที่ได้บอกกล่าว นั้นก็คือต้องแปลว่าเป็นกำหนดเวลาชำระหนี้ที่มิใช่ตามวันแห่งปฏิทินนั้นเอง เช่น ยืมเงินไปและกำหนดว่าจะใช้คืนเมื่อข้าวได้แล้วหรือยืมเรือไปใช้กำหนดจะส่งคืนเมื่อสิ้นฤดู
-
-
บ่อเกิดแห่งหนี้
นิติเหตุเกิดจากการกระทำโดยมิได้ตั้งใจที่จะให้เกิดผลหากบัญญัติตามกฎหมายก็จะมีผลสัมพันธ์กัน เช่น ละเมิดลาภมิควรได้
-
วัตถุแห่งหนี้
-หนี้ส่งมอบทรัพย์สิน(ม.195) เกิดจากการส่งมอบทรัพยย์สินอาจจะทำสัญญาซื้อขายในกรณีซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ธรรมดาเมื่อผู้ขายตกลงซื้อขายกันแล้วจะเกิดหนี้ที่ผู้ขายต้องส่งมอบทรัพย์ให้แกผู้ซื้อเพื่อให้ผู้ซื้อมีอำนาจเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เหนือตัวทรัพยืได้ แต่ทรัพย์ชนิดพิเศษหรือสังหาริมทรัพย์ชนิดพิเศษนั้นหนี้ในการส่งมอบทรัพย์จะเกิดขึ้นเมื่อได้มีการทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานเรียบร้อยเเล้วทัรพย์เป็นวัตถุแห่งหนี้ไม่ได้/ทรัพย์เป้นส่วนหนึ่งของหนี้ การส่งมอบเป็นการครอบครองของเจ้าหนี้ ม.458
-หนี้งดเว้นกระทำการ(ม.218 ม.219) คือการอยู่เฉยๆไม่ทำอะไรตามข้อตกลงนั้น หรือวัตถุแห่งหนี้นั้นอาจจะกำหนดให้ลูกหนี้ต้องไม่กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ผู้ขายกิจการค้าอาจให้สัญญาแก่ผู้ซื้อว่าจะไม่ประกอบกิจการค้านั้นในท้องถิ่นเดียวกันภายในระยะเวลา หนึ่ง ตามมาตรา213 วรรค3
-หนี้กระทำการ คือการลงมือทำอะไรบางอย่างตามข้อตกลงนั้นเช่น แดงต้องการจ้างนักร้องชื่อดังมาร้องที่งานของตนโดยมีการตกลงและเซ็นสัญยาไว้เรียบร้อยแล้วพอถึงวันร้องนักร้องคนดังกล่าวไม่มา นักร้องคนนั้นก็จะมีความผิดหรือหนี้ในการทำอาหารของเเม่ครัว คือการที่จะส่งมอบหรือแสดงเจตนาทำสัญญาเสร็จเด็ดขาด
-