Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
"ความรับผิดกระทำละเมิดด้วยตนเอง - Coggle Diagram
"ความรับผิดกระทำละเมิดด้วยตนเอง
ลักษณะทั่วไปของความรับผิดของบุคคลในการกระทำของตนเอง
การกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
จงใจ
การกระทำของตน ที่ว่ารู้สำนึกถึงผลเสียหายนั้นต้องทำความเข้าใจให้ดีว่าเป็นคนละเรื่องกับรู้สำนึกในความเคลื่อนไหวอันเป็นหลักเกณฑ์ของการกระทำดังที่ได้ศึกษากันมาแล้วจงใจนั้นไม่เพียง แต่รู้สำนึกถึงความเคลื่อนไหวของตนเท่านั้น แต่ยังต้องรู้สำนึกถึงผลเสียหายที่จะเกิดจากการกระทำของตนอีกด้วยถ้าว่าจะเกิดผลเสียหายแก่เขาก็เป็นจงใจ
ตัวอย่างข้างต้นถ้าก. ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มย่อมเป็นการกระทำดังกล่าวมาแล้ว แต่ถ้ามีข้อเท็จจริงต่อไปอีกว่าก. ยกแก้วน้ำขึ้นราดบนศีรษะของข. ดังนี้ย่อมเป็นการที่กกระทำไปโดยรู้สำนึกเสียหายที่จะเกิดแก่ข. จากการกระทำของตน
ประมาทเลินเล่อ
ประมาทเลินเล่อหมายถึงไม่จงใจ แต่ไม่ใช้ความระมัดระวังตามสมควรที่จะใช้รวมถึงในลักษณะที่บุคคลผู้มีความระมัดระวังจะไม่กระทำด้วยที่ว่าหมายถึงไม่จงใจถ้าหากเป็นกรณีที่เป็นการจงใจก็ย่อมบังคับกันในลักษณะที่เป็นการจงใจอยู่แล้ว
การกระทำโดยผิดกฎหมายที่
โดยผิดกฎหมาย” นั้นถ้ามีกฎหมายบัญญัติไว้โดยชัดแจ้งกรณีที่เห็นได้ชัดก็คือกฎหมายอาญาบัญญัติว่าการกระทำอันใดเป็นความผิดดังนี้ก็ย่อมเป็นการกระทำผิดกฎหมายอย่างไม่มีปัญหา
เช่นประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 บัญญัติว่า“ ผู้ใดทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นนั้นผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำร้าย
ความหมายของการกระทำ
การกระทำละเมิดได้นั้นต้องเป็นการกระทำของมนุษย์หาใช่ของสัตว์ไม่เพราะสัตว์มิใช่มนุษย์มิใช่บุคคลสัตว์จะก่อการกระทำละเมิดหาได้ไม่เมื่อคำว่า“ ผู้ใด” หมายถึงมนุษย์แล้วจึงรวมถึงบุคคลทุกชนิดไม่ว่าบุคคลที่บรรลุนิติภาวะแล้วหรือผู้เยาว์บุคคลวิกลจริตดังจะเห็นได้โดยนัยแห่งมาตรา 429 ที่บัญญัติว่า“ บุคคลใดแม้ไร้ความสามารถเพราะเหตุเป็นผู้เยาว์หรือวิกลจริตก็ยังต้องรับผิดในผลที่ตนทำละเมิด
การกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น
ลักเกณฑ์ลักษณะละเมิดอีกประการหนึ่งก็คือจะต้องมีความเสียหายเกิดขึ้นเมื่อไม่เกิดความเสียหายก็ยังไม่เป็นละเมิดที่ว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องภายหลังความรู้สำนึกในความเสียหายซึ่งในการกระทำละเมิดโดยจงใจจะต้องมีอยู่ก่อนแล้วแยกพิจารณาได้ดังนี้
มีความเสียหายต่อสิทธิที่จะถือว่ามีความเสียหายนั้นอาจไม่ตรงกับความคิดเห็นของบุคคลธรรมดาบางคนนักการทำร้ายร่างกายหรือลักทรัพย์กันย่อมถือว่าเป็นความเสียหายแน่นอนบุคคลธรรมดาทั่วไปย่อมคิดเห็นกันอย่างนั้นกฎหมายอาญาก็ได้บัญญัติรับรองเอาไว้ว่าเป็นความผิดต่อร่างกายหรือทรัพย์สินอย่างไรก็ดีจะถืออย่างความคิดเห็นของบุคคลธรรมด
นายก. ใช้มือที่สะอาดตบศีรษะนางสาวข. ไม่มีอะไรเปรอะเปื้อนร่าง 187/433. ใช้ก้อนหินขว้างปาบ้านของง. ถูกกระเบื้องมุงหลังคา แต่ไม่แตกไม่จําเป็นต้องซ่อมแซมเปลี่ยนใหม่ความคิดเห็นของบุคคลธรรมดาโดยทั่วไปอาจเห็นว่าไม่เกิดความเสียหายแก่นางสาวหรือบ้านของง. ไม่เสียหายซึ่งโดยแท้จริงแล้วการที่ก. ตบศีรษะนางสาวข. ก็ดีค. ขว้างบ้านของง. ก็ดีในสายตาของกฎหมายย่อมถือว่าเกิดความเสียหายแก่นางสาวข. หรืองแล้วส่วนจะถือว่าเป็นความเสียหายที่คำนวณเป็นตัวเงินได้หรือไม่ได้ย่อมเป็นอีกเรื่องหนึ่งเช่นซึ่งจะได้กล่าวต่อไปในภายหลัง
คำนวณเป็นความเสียหายอันเป็นมูลความรับผิดทางละเมิดนั้นอาจเป็นความเสียหายห่วงเงินได้หรือไม่อาจคำนวณเป็นเงินได้ก็ได้ แต่ที่ว่าเป็นความเสียหายที่คำนวณเป็นเงินได้หรือไม่อาจคำนวณเป็นเงินได้
สิทธิคืออะไรนั้นอาจกล่าวได้ว่าสิทธิคือประโยชน์ที่บุคคลมีอยู่และบุคคลอื่นมีหน้าที่ต้องเคารพ
ฎีกาที่ 124/2487 วินิจฉัยไว้ว่า“ สิทธิ ได้แก่ ประโยชน์อันบุคคลมีอยู่ แต่ประโยชน์เป็นสิทธิหรือไม่ก็ต้องแล้วแต่ว่าบุคคลอื่นมีหน้าที่ต้องเคารพหรือไม่ถ้าบุคคลอื่นมีหน้าที่เคารพประโยชน์นั้นก็เป็นสิทธิกล่าวคือรับรองและคุ้มครองของกฎหมาย
ความเสียหายนั้นเป็นผลมาจากการกระทำของผู้ทำความเสียหายหมิ่น
ทฤษฎีความเท่าเทียมกันแห่งเหตุหรือทฤษฎีเงื่อนไข
ตัวอย่างเช่นก. ทำร้ายร่างกายข. โดยเตะที่ท้องเบา ๆ แต่ปรากฏว่าข. มีโรคร้ายประจำตัวซึ่งถ้าหากถูกกระทบกระเทือนอย่างแรงข. อาจตายได้ แต่ก. ไม่ทราบมาก่อนข. ถึงแก่ความตายดังนี้ความตายของข. เป็นผลมาจากการกระทำของก. แม้ก. จะไม่รู้ว่าข. เป็นโรคดังว่านั้นคิด แต่เพียงว่าข. อาจได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น แต่ก. ก็ต้องรับผิดในความตายของ ข
ทฤษฎีมูลเหตุเหมาะสม
เช่นตามตัวอย่างข้างต้นปกติชนอย่างก. ย่อมไม่ทราบว่าข. มีโรคร้ายประจำตัวถ้าทำร้ายเช่นนั้นข. อาจได้รับอันตรายถึงตายได้ก. จึงต้องรับผิดเฉพาะในกรณีที่ข. ได้รับบาดเจ็บอย่างธรรมดาเท่านั้นไม่ต้องรับผิดในความตายของ ข
หมิ่นประมาททางแพ่งการพิพากษาคดีและการร่วมกันกระทำละเมิด
การพิพากษาคดี
ข้อเท็จจริงเป็นยุติตามคำพิพากษาคดีส่วนอาญาแล้วการวินิจฉัยความรับผิดทางต้องเป็นไปตามกฎหมายส่วนแพ่งจำเลยจะมีความผิดทางอาญาหรือไม่จะต้องรับโทษทางอาญาหรือไม่ไม่ต้องคำนึงถึงเพราะหลักเกณฑ์ความรับผิดทางอาญาและทางแห่งอาจต่างกันเจตนาในทางอาญาไม่ตรงกับจงใจทางแพ่งดังที่ได้ศึกษามาแล้วเป็นต้นจึงขอให้ดูจากพิพากษาฎีกาต่อไปนี้เป็นตัวอย่าง
540/2490 จําเลยต้องหาคดีอาญาว่าซื้อที่ดินของโจทก์ไว้โดยสมคบกันปลอมหนังสือมอบฉันทะศาลพิพากษายกฟ้องโดยฟังว่าจำเลยซื้อไว้โดยสุจริตฟังไม่ได้ว่าจำเลยเกี่ยวข้องในการทุจริตรายนี้การที่ศาลยกฟ้องนี้หมายความเพียงว่าจำเลยมิได้ทุจริตในทางอาญาซึ่งหมายความว่าได้แสวงประโยชน์อันมิชอบด้วยกฎหมายเป็นที่เสียหายแก่ผู้อื่นต่างกับความหมายในทางแพ่งซึ่งสุจริตหมายความเพียงว่ามิได้รู้เท่าถึงการที่ไม่มีสิทธิหรือความบกพร่องแห่งสิทธิในทรัพย์สินเท่านั้นโจทก์ฟ้องทางแพ่งเรียกทรัพย์สินคืนจึงต้องวินิจฉัยความรับผิดทางแพ่งอีกส่วนหนึ่ง
การร่วมกันทำละเมิดที่
การร่วมกันทำละเมิดเป็นเรื่องที่บุคคลหลายคนร่วมกันทำละเมิดไม่ใช่เรื่องใช้บุคคลเป็นเครื่องมือกระทำละเมิดเช่นก. วานข. ให้เอาห่อวัตถุระเบิดไปส่งให้ค. โดยที่ข. ไม่ทราบว่าเป็นห่อวัตถุระเบิดวัตถุระเบิดเกิดระเบิดขึ้นค. ได้รับบาดเจ็บสาหัสดังนี้เป็นเรื่องที่ก. กระทำละเมิดตามมาตรา 420 โดยใช้ข. เป็นเครื่องมือข. มิได้กระทำละเมิดด้วยแม้ข. จะมีการกระทำ แต่ก็มิได้รู้ว่าจะเกิดความเสียหายแก่ค. จึงไม่จงใจและไม่มีเจตนาหรือความมุ่งหมายร่วมกันกับก. แต่ประการใดไม่ใช่กรณีที่ก. กระทำละเมิดร่วมกับข. ไม่อาจบังคับกันได้ตามมาตรา 432
หมิ่นประมาททางแพ่ง
การกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายหมายถึงการแสดงข้อความใด ๆ ให้บุคคลที่สามได้ทราบกล่าว” คือพูดเอง“ ไขข่าว” คือพูดข่าวจากคนอื่นจะเป็นด้วยถ้อยคำพูดคำที่เขียนด้วยกิริยาอาการหรือวิธีอื่นก็ได้กล่าวคืออาจเป็นการกระทำโดยการโฆษณาด้วยเอกสารภาพวาดภาพระบายสีภาพยนตร์หรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฏด้วยวิธีใดแผ่นเสียงหรือสิ่งบันทึกเสียงอย่างอื่นการกระทำโดยการกระจายเสียงหรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่นใดก็ได้ (ดูประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328) เช่นสอนให้นกพูดแทนเป็นต้นหรืออาจเป็นการกล่าวที่เป็นถ้อยคำถามก็ได้หรืออาจเป็นการกล่าวหรือไขข่าวใหม่ซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริงกล่าวหรือไขข่าวไว้แล้วก็ได้