Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 1 หน้าที่ในการชำระหนี้ - Coggle Diagram
บทที่ 1
หน้าที่ในการชำระหนี้
1.1 หน้าที่ชำระหนี้ให้ถูกต้อง**
2.วัตถุแห่งหนี้กับวัตถุประสงค์แห่งนิติกรรม
1.วัตถุประสงค์ของนิติกรรมนั้นก่อนก่อหนี้ แต่วัตถุหนี้นั้นเป็นผลเมื่อนิติกรรมเกิดและเกิดหนี้ขึ้นจึงมีวัตถุแห่งหนี้ขึ้น
2.วัตถุประสงค์ของนิติกรรมมีในเฉพาะนิติกรรมเท่านั้น แต่วัตตถุแหงนี้เกิดจากนิติกรรม นิติเหตุ และเหตุอื่นๆ
3.วัตถุประสงค์ของนิติกรรมมีไม่จำกัด แต่วัตถุแห่งหนี้มี 3 อย่าง คือ หนี้กระทำการ หนี้งดเว้นกระทำการ หนี้ส่งมอบทรัพย์
3.ทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งหนี้
1.ทรัพย์ที่จะส่งมอบเป็นทรัพย์สินทั่วไปมีหลักเกณฑ์ 2 กรณี
1).การที่ทรัพย์นั้นจะเป็นวัตถุแห่งหนี้ มาตรา 195 วรรคสอง มีสองอย่างคือ
1.ลูกหนี้ได้กระทำการอันตนพึงจะต้องทำเพื่อส่งมอบทรัพย์สินทุกประการ เช่น ลูกค้ามาซื้อน้ำ ลูกค้ามาซื้อน้ำ 2ขวด ผู้ขายได้จัดน้ำสองขวดใ้ลูกค้า ดังนั้นน้ำ2ขวดก็เป็นทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งหนี้
2.ลูกหนี้ได้เลือกกำหนดทรัพย์แล้ว เช่น ลูกค้าได้เลือกซื้อแมวจากฟาร์ม เมื่อลูกค้าเห็นชอบแล้ว แมวตัวนั้นก็เป็นทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่หนี้ตั้งแต่เวลานั้น
2).กรณีทรัพย์ที่จะต้องส่งมอบได้ระบุไว้เพียงประเภท มาตรา 195 วรรคแรก
เช่น ต้องการซื้อน้ำแร่ที่คุณภาพดี ลูกหนี้ก็ต้องส่งมอบน้ำแร่คุณภาพดีให้แก่เจ้าหนี้
2.ทรพย์ที่จะส่งมอบเป็นเงินตรา
ทรัพย์ที่ลูกหนี้จะต้องส่งมอบทั่วๆไปแล้ว เงินตราก็เป็นทรัพย์ที่ลูกหนี้จะต้องส่งมอบอย่างหนึ่ง
หนี้เงินที่แสดงเป็นเงินตราต่างประเทศจะส่งใช้เป็นเงินไทยก็ได้ ม.196
อัตราแลกเปลี่ยนต้องคิดตามอัตราที่ธนาคารขายไม่ใช่อัตราซื้อ และต้องถืออัตราตามวันใช้เงิน 196 วรรคสอง
กรณีเงินตราอันที่จะต้องส่งใช้ได้ยกเลิกไม่ใช้แล้วให้ถือเสมือนมิได้ระบุไว้ให้ใช้เป็นเงินตราชนิดนั้น ตาม ม.197
4.กรณีวัตถุแห่งหนี้ซึ่งเลือกชำระได้
สิทธิในการเลือกแบ่งออกเป็น 4 กรณี
1.ถ้าได้กำหนด สิทธิในการเลือกนั้นก็ต้องเป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ ม.198,201
2.ถ้าไม่ได้กำหนด สิทธิในการเลือกนั้นจะตกแก่ฝ่ายลูกหนี้
3.ถ้ากำหนดให้บุคคลภายนอกเลือก และผู้นั้นไม่อาจเลือกได้เพราะเหตุจำเป็น สิทธิในการเลือกจะตกแก่ลูกหนี้
4.ถ้ากำหนดให้เจ้าหนี้หรือลูกหนี้เป็นผู้มีสิทธิเลืก และฝ่ายนั้นไม่เลือกภายในเวลาที่กำหนด สิทธินั้นจะตกไปแก่อีกฝ่าย ม.200
วิธีการเลือก
1.กรณีเจ้าหนี้หรือลูกหนี้มีสิทธิเลือกก็ต้องแสดงเจตนาอก่อีกฝ่ายหนึ่ง ชัดแจ้งหรือปรยายก็ได้ ม.199
กรณีบุคคลภายนอกเป็นผู้มีสิทธิเลือกต้องแสดงเจตนาแก่ลูกหนี้และ,ุกหนี้ต้องแจ้งความนั้นแก่เจ้าหนี้ด้วย ม.201วรรคแรก
ระยะเวลาในการเลือก ม.200
1.กรณีมีกำหนดเวลา ถ้าฝ่ายที่มีสิทธิเลือกไม่เลือกในเวลาที่กำหนด สิทธิในการเลือกนั้นจะตกไปอยู่อีกฝ่ายหนึ่ง
2.กรณีมิได้กำหนดเวลาให้เลือก เมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระ ฝ่ายที่ไม่มีสิทธิจะเลือกอาจกำหนดเวลาที่พอสมควรแก่เหตุ บอกล่าวให้อีกฝ่ายเลือก
ผลของการเลือก
ผลของการเลือกเริ่มเมื่อการแสดงเจตนาเลือกก็มีผลแล้ว และผลการเลือกมีผลย้อนหลังไปถึงการเริ่มต้นแห่งหนี้ ตามมาตาม 199 วรรคสอง คือ การเลือกนี้มีผลย้อนหลังไปถึงการเกิดหนี้ครั้งแรก และถือว่าหนี้นั้นอย่างเดียวเป็นกำหนดให้กระทำมาแต่แรก
กรณีการชำระหนี้บางอย่างกลายเป็นพ้นวิสัย
1.การชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยมาก่อนการเกิดหนี้ ให้จำกัดเฉพาะที่ไม่พ้นวิสัย
2.การชำระหนี้บางอย่าวกลายเป็ฯพ้นวิสัยในภายหลัง ตามมาตรา199วรรคสอง
ฝ่ายไม่มีสิทธิเลือกไม่ต้องรับผิดจากการเลือกที่ไม่พ้นวิสัย กรณีนี้ให้จำกัดหนี้ไว้เพียงอย่างอื่นที่ไม่พ้นวิสัย
ฝ่ายไม่มีสิทธิเลือกต้องรับผิดชอบไม่จำกัดการเลือก กรณีนี้ผู็มีสิทธิเลือกส่วนที่เป็นวิสัยเท่านั้นแต่ถ้าเขาเลือกส่วนที่เป็นวิสัย การชำระหนี้ไม่สามารถทำได้๕ือลูกหนี้ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
1.วัตถุแห่งหนี้
1.หนี้กระทำการ
หมายถึง การกระทำทั้งหลายที่ลูกหนี้มีความผูกพันจะต้องกระทำเพื่อการชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ เช่น การรับจ้างสร้างบ้าน ถือว่าเป็นหนี้ที่ลูกหนี้ต้องกระทำการ อาจจะเป็นการที่ลูกหนี้กระทำด้วยตนเองหรืออาจจะไม่กระทำด้วยตนเองก็ได้
แต่ถ้าสภาพแห่งหนี้ มุ่งการใช้ความรู้ความสามารถเฉพาะตัว เช่น จ้างจิตรกรฝีมือดีมาวาดรูปเหมือนให้ ซึ่งต้องกระทำด้วยตนเองเท่านั้น
2.หนี้งดเว้นกระทำการ
หมายถึง หนี้ที่ลูกหนี้มีความผูกพันว่าจะไม่กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่ตกลงไว้ เช่น นายแดงสอนนายดำตัดผมและมีข้อตกลงว่าห้ามนายดำมาเปิดร้านตัดผมแข่งกับนายแดงในพื้นที่ใกล้เคียง
แต่การงดเว้นนั้นต้องไม่ขัดต่อหลักเสรีภาพของบุคคลหรืออาจขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี เช่น ห้ามมิให้ทำการสมรส หรือเปลี่ยนศาสนา เป็นต้น
3.หนี้ส่งมอบทรัพย์สิน
หมายถึง หนี้ที่ลูกหนี้จะต้องส่งมอบทรัพย์อย่างหนึ่งอย่างใดให้แก่เจ้าหนี้ อาจจะเป็นการโอนกรรมสิทธิ์หรือส่งมอบการครอบครองในทรัพย์นั้น เช่น สัญญาซื้อขายรถยนต์ที่ผู้ขายจะต้องโอนกรรมสิทธิ์ส่งมอบรถยนต์ให้แก่ผู้ซื้อ และผู้ซื้อก็ต้องมีหน้าที่ส่งมอบทรัพย์สินคือราคารถยนต์ให้แก่ผู้ขาย
ส่วนวิธีการส่งมอบนั้นก็ย่อมขึ้นอยู่กับทรัพย์ชนิดนั้น การส่งมอบทรัพย์จึงกำหนดไว้อย่างกว้างๆ ตามมาตรา 462 ว่า การส่งมอบนั้นจะทำอย่างหนึ่งอย่างใดก็ได้สุดแต่ว่าเป็นผลให้ทรัพย์สินนั้นไปอยู่ในเงื้อมมือของผู้ซื้อ เช่น ส่งมอบกุญแจรถยนต์ ทำให้ผู้รับมอบสามารถเข้าครอบครองรถได้
คือ สิ่งที่ลูกหนี้จะต้องปฏิบัติเพื่อเป็นการชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ เจ้าหนี้สามารถเรียกร้องเอาจากลูกหนี้ได้ เมื่อพิจารณาตาม ป.พ.พ. มาตรา 194 ซึ่งบัญญัติว่า “ด้วยอำนาจแห่งมูลหนี้ เจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิจะเรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้ได้ อนึ่งการชำระหนี้ด้วยงดเว้นการอันใดอันหนึ่งก็ย่อมมีได้” ซึ่งจะเห็นได้ว่าวัตถุแห่งหนี้มีอยู่ด้วยกัน 3 ประการ คือ
1.2 กำหนดเวลาชำระหนี้
1.กรณีหนี้ที่มิได้กำหนดเวลาชำระหนี้ ม.203 วรรคแรก
เจ้าหนี้จะเรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้โดยพลัน และลูกหนี้ก็จะชำระหนี้ของตนได้โดยพลัน
แต่ต้องไม่มีกำหนดเวลาหรือจะอนุมารจากพฤติการณ์ไม่ได้ด้วยถึงจะเข้า ม.นี้
2.กรณีหนี้ที่มีกำหนดเวลาชำระ อาจเป็นหนี้ที่กำหนดเวลาชำระโดยชัดแจ้งแล้วหรือโดยปริยายก็ได้
แต่ต้องพิจารณาเป็น 2กรณี คือกำหนดเวลาชำระหนี้ไว้เป็นที่สงสัย กับหำหนดเวลาชำระหนี้ไว้กรณีไม่สงสัย
1)หนี้ที่มีกำหนดเวลาชำระแต่เป็นที่สงสัย ม.203วรรคสอง เช่น ยืมเสื้อแมนยูมาใส่แล้วบอกว่าจะคืนเมื่อได้ใส่ไปฉองเมื่อแมนยูได้แชมป์ ทั้งนี้ปรากฏว่าผ่านมา 4 ปีแล้ว แมนยูก็ยังไม่ได้แชมป์ซักที เช่นนีี้ก็เป็นกรณีที่สงสัยแล้ว
2)กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ไม่เป็นที่สงสัย แบ่งได้ออกเป็น 2 อย่าง
1.กำหนดเวลาชำระหนี้ตามปฎิทิน 204 วรรคสอง
-อาจเป็นกำหนดเวลาชัดแจ้งตามปฎิทิน เช่น ให้ชำระหนี้ก่อนถึงวันขึ้นปีใหม่สองวัน
-กรณีบอกกล่าวล่วงหน้าอาจคำนวลนับได้โดยตามปฎิทิน เช่น นัดให้มาชำระหนี้ภายใน 7 วันนับตั้งแต่ได้รับคำบอกกล่าว
2.กำหนดเวลาชำระหนี้มิใข่ตามวันแห่งปฎิทิน 204 วรรคแรก ตัวอย่างเช่น ยืมข้าวไป 1 กระสอบ แล้วกำหนดจะใช้คืนเมื่อสิ้นฤดูเก็บเกี่ยวปีนี้
1.3 การผิดนัดไม่ชำระหนี้
1) การผิดนัด(ลูกหนี้)
(1) ลูกหนี้ผิดนัดโดยต้องตักเตือนก่อน
1.หนี้ที่มีกำหนดเวลาชำระหนี้มิใช่ตามวันปฎิทิน ม.204 วรรคแรก
ตัวอย่างเช่น ยืมข้าวไป 1 กระสอบ แล้วกำหนดจะใช้คืนเมื่อสิ้นฤดูเก็บเกี่ยวปีนี้ เมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระเจ้าหนี้จะต้องเตือนลูกหนี้ก่อนเมื่อลูกหนี้ไม่ชำระตามที่เจ้าหนี้เตือนลูกหนี้จึงจะผิดนัด
2.หนี้ที่ไม่มีกำหนดเวลาชำระ ม.203
อายุความเรียกร้องของสิทธิของเจ้าหนี้เจ้าหนี้จะเริ่มนับทันทีที่ได้ก่อหนี้ดังนั้น เจ้าหนี้จะต้องเตือนก่อนลูกหนี้ถึงจะผิดนัด
(2) ลูกหนี้ผิดนัดโดยเจ้าหนี้ไม่ตักเตือน
1.หนี้ที่กำหนดชำระหนี้ตามวันแห่งปฎิทิน ม.204วรรคสอง
เมื่อได้กำหนดเวลาตามวันปฎิทินแล้ว ลูกหนี้ยังไม่ชำระหนี้แก่เจ้าหนี้
เช่นนี้ลูกหนี้ถือเป็นผู้ผิดนัดแล้วโดยที่เจ้าหนี้มิต้องเตือนเลย
2.หนี้ละเมิด ม.206
ให้ถือว่าลูกหนี้ผิดนัดตั้งแต่ที่ทำละเมิด
(3) กำหนดชำระหนี้กับการผิดนัด
กำหนดเวลาชำระหนี้กับการผิดนัดไม่เหมือนกัน
1.กำหนดชำระหนี้ เป็นกำหนดชำระหนี้ที่ลูกหนี้จะต้องชำระ
แต่การผิดนัดเป็นผลของการไม่ชำระหนี้ตามกำหนด
2.กำหนดเวลาชำระหนี้ เป็นกำหนดที่เจ้าหนี้เรียก
ให้ลูกหนี้ชำระได้
แต่การผิดนัดเป็นผลของการไม่ชำระหนี้ตามกำหนด
3.การผิดนัดนั้น ตราบใดที่ลูกหนี้ยังมีข้ออ้างที่เป็นที่ยอมรับตามกฎหมายแล้ว
ลูกหนี้ก็ยังไม่ผิดนัด แม้จะถึงกำหนดชำระแล้ว
(4) กรณีที่ไม่ถือว่าลูกหนี้ผิดนัด ม.205
1.เหตุที่เกิดจากเจ้าหนี้เอง ม.207
อาจเป็นเรื่องเจ้าหนี้ไม่รับชำระหรือ ไม่เสนอชำระหนี้ตอบแทน ม.210
2.เหตุเกิดจากบุคคลภายนอก แต่,ุกหนี้ต้องไม่มีส่วนผิด
เช่น เหตุการณ์ที่ไม่อาจคาดหมายได้ เหตุสุดวิสัย
3.เหตุเกิดจากธรรมชาติ
เช่น ลูกหนี้ไม่อาจชำรหนี้ได้ทันเพราะอาจมีสาเหตุมาจากภัยธรรมชาติ เช่นน้ำท่วมออกจากบ้านไม่ได้
2) ผลของการผิดนัดของลูกหนี้
(1) ลูกหนี้ต้องรับผิดในความเสียหายอันเกิดแต่การผิดนัด จากการ
ไม่ชำระหนี้ตามความประสงค์อันแท้จริง และความเสียหายจากการผิดนัดด้วย
เจ้าหนี้สามารถเรียกเอาค่าสินไหมจากลูกหนี้ได้ตาม ม.215 เช่น (ฎ.805/2497)
(2) เจ้าหนี้อาจไม่รับชำระหนี้ตามมาตาม 216และ ม.388 จะต้องเป็ฯหนี้ที่กำหนดเวลาชำระหนี้เป็นสำคัญด้วย
เช่น จ้างตัดชุดเพื่อใสไปพิธีสมรส แต่มาส่งมอบหลังวันสมรส เช่นนี้ก็ไม่เกิดประโยนช์แก่ตัวเจ้าหนี้ เจ้าหนี้จะปฎิเสธไม่รับชำระก็ได้
.(3) ลูกหนี้ต้องรับผิดในความเสียหายอันเกิดระหว่างผิดนัดเพิ่มขึ้น ม.217
เป็นนการที่ลูกหนี้จะต้องรับผิดที่เพิ่มขึ้นเมื่อลูกหนี้ผิดนัด
ความประมาทเลินล่อในมาตรานี้เป็นความรับผิดที่เพิ่มขึ้นจากปกติเพราะใช้เกณฑ์มาตฐานความระมัดระวังก่อนผิดนัดมาใช้หลังกันไม่ได้
ข้อแก้ตัวใช้ฌแพาะอุบัติเหตุเท่านั้น
ประมาทเลินเล่อใช้แก้ตัวไม่ได้