Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การคุมกำเนิดแบบชั่วคราวสำหรับเพศหญิง - Coggle Diagram
การคุมกำเนิดแบบชั่วคราวสำหรับเพศหญิง
การคุมกำเนิดแบบไม่ใช้ฮอร์โมน
ห่วงคุมกำเนิด
เป็นอุปกรณ์สำหรับการคุมกำเนิดในระยะยาวรูปแบบหนึ่ง ที่ใช้สวมใส่ทางช่องคลอดเข้าไปในโพรงมดลูก โดยประกอบไปด้วยฮอร์โมนกลุ่มโปรเจสติน (Progestins) และทองแดง ที่ช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ นาน 3-10 ปี
ชนิดของห่วงคุมกำเนิด
ห่วงอนามัยชนิดเคลือบสารทองแดง
ส่วนใหญ่ทำจากพลาสติก มีทองแดงหุ้มรอบนอก ซึ่งอาจทำเป็นเส้นลวดพันรอบแกนหรือทำเป็นปลอกหุ้มแกน ออกฤทธิ์คุมกำเนิดโดยการปล่อยประจุทองแดง วันละ 40-50 ไมโครกรัม เพื่อช่วยคุมกำเนิด
ห่วงอนามัยชนิดเคลือบฮอร์โมนโพรเจสติน
เป็นห่วงอนามัยชนิดที่เคลือบฮอร์โมนโพรเจสตินไว้บริเวณส่วนที่เป็นรูปตัวที ฮอร์โมนดังกล่าวจะส่งผลให้ร่างกายผลิตมูกในช่องคลอดเพิ่มมากขึ้น ทำให้สเปิร์มและไข่ปฏิสนธิกันได้ยากขึ้น
ข้อดี
ห่วงอนามัยทั้ง 2 ชนิดมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดสูง
มีอายุการใช้งานยาวนาน 3-10 ปี
ข้อเสีย
ไม่สามารถถอดหรือใส่ได้ด้วยตัวเอง แต่จำเป็นต้องให้คุณหมอเป็นคนใส่และถอดให้เท่านั้น
อาจมีอาการเจ็บและมีเลือดออกขณะใส่เล็กน้อย
ผลข้างเคียง
หลังใส่ห่วงอนามัย 1-3 เดือนแรก อาจมีอาการปวดท้องเมื่อมีประจำเดือน และอาจมีเลือดออกกระปริดกระปรอย
นับระยะปลอดภัยหน้า 7 หลัง 7
วิธีการนับระยะปลอดภัยในการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งเป็นวิธีการคุมกำเนิดด้วยวิธีธรรมชาติ โดยสังเกตจากรอบประจำเดือนของผู้หญิง อาจมีความแม่นยำสำหรับผู้หญิงที่มีรอบประจำเดือนปกติ มาตรงเวลาสม่ำเสมอทุกเดือน
วิธีการนับ
การนับหน้า 7 คือ นับวันที่ก่อนประจำเดือนจะมา โดยย้อนไป 7 วันก่อนหน้า
การนับหลัง 7 คือ นับตั้งแต่วันที่มีประจำเดือนวันแรก (รวมวันที่มีประจำเดือนด้วย)ไปข้างหลังอีก 7 วัน
ข้อดี
เป็นวิธีธรรมชาติ ไม่สิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย ไม่ต้องใช้อุปกรณ์
ไม่มีการใช้ฮอร์โมนที่ทำให้ร่างกายเปลี่ยนแปลง
ข้อเสีย
วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้หญิงที่ประจำเดือนมาอย่างสม่ำเสมอไม่คาดเคลื่อนเท่านั้น ถ้าหากมีประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ไม่แนะนำอาจจะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้สูง
ยาคุมกำเนิดแบบใช้ฮอร์โมน
ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน
ประเภทของยาคุมกำเนิด
ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม (Combined Oral Contraceptive - COC)
ประกอบด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสโตเจนรวมกันในเม็ดเดียว
ข้อดี
เหมาะสำหรับผู้หญิงที่ไม่ชอบวิธีการคุมกำเนิดรูปแบบอื่น ๆ ที่ต้องใส่หรือฝังภายในร่างกาย และช่วยบรรเทาความรุนแรงของกลุ่มอาการประจำเดือนได้ด้วย
ข้อเสีย
จำเป็นต้องรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดตรงเวลาและเป็นประจำทุกวัน หากลืมรับประทานยา ต้องใช้วิธีการคุมกำเนิดรูปแบบอื่นร่วมด้วย และอาจมีอาการข้างเคียงจากการใช้ยา เช่น ปวดศีรษะ ปวดท้อง อารมณ์แปรปรวน ประจำเดือนมาไม่ปกติ ความดันโลหิตสูง น้ำหนักขึ้น แม้มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก แต่อาจเสี่ยงเกิดลิ่มเลือด โรคหลอดเลือดสมอง และภาวะหัวใจวายโดยเฉพาะผู้ที่สูบบุหรี่หรือมีอายุ 35 ปีขึ้นไป อาจเสี่ยงเกิดผลข้างเคียงได้มากขึ้น
ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว (Progestrogen-only pills - POP)
มีฮอร์โมนโพรเจสเตอโรนเพียงอย่างเดียว
ข้อดี
เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบวิธีการคุมกำเนิดรูปแบบอื่น เช่น วิธีที่ต้องใส่หรือฝังภายในร่างกาย
ข้อเสีย
ประสิทธิภาพน้อยกว่ายาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม จำเป็นต้องรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดตรงเวลาเป็นประจำทุกวัน หากลืมรับประทานต้องใช้วิธีการคุมกำเนิดรูปแบบอื่นร่วมด้วย และอาจทำให้เกิดอาการข้างเคียง เช่น ปวดศีรษะ เจ็บหน้าอก น้ำหนักขึ้น เป็นต้น
ยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดแบบฉุกเฉิน (Emergency contraception pill)
มักใช้เฉพาะในยามฉุกเฉิน เช่น มีเพศสัมพันธ์แบบไม่ได้ป้องกัน ถุงยางแตก หรือรั่ว เป็นต้น
ข้อดี
ลดโอกาสที่จะตั้งครรภ์ การคุมกำเนิดวิธีนี้จะให้ประสิทธิภาพภายใน 2 – 3 วัน โดยจะไปรบกวนการตกไข่ หรือรบกวนการปฏิสนธิของไข่กับอสุจิ
ข้อเสีย
อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เจ็บเต้านม ปวดศีรษะ วิงเวียน ปวดท้อง เมื่อยล้าเป็นระยะ หรือประจำเดือนมาไม่ปกติประมาณ 1-2 รอบเดือน
วิธีรับประทานยาคุมฉุกเฉิน
วิธีการรับประทานที่ถูกต้องคือ รับประทานเม็ดแรกให้เร็วที่สุด ภายหลังมีเพศสัมพันธ์แบบที่ไม่ได้ป้องกันภายใน 72 ชั่วโมง และรับประทานเม็ดที่ 2 หลังจากเม็ดที่ 1 ภายใน 12 ชั่วโมง
สามารถรับประทานยาคุมฉุกเฉิน 2 เม็ด พร้อมกันในครั้งเดียวได้ โดยที่ประสิทธิภาพและความปลอดภัยไม่แตกต่างจากการแบ่งรับประทานเป็น 2 ครั้ง แต่อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนได้ง่ายขึ้น
การใช้ยาคุมกำเนิด
สำหรับการใช้ยาคุมกำเนิดครั้งแรก หรือการเริ่มใช้อีกครั้งหลังหยุดคุมกำเนิดไประยะหนึ่ง ควรเริ่มทานภายในวันที่ 1-5 ของช่วงที่มีประจำเดือน
ควรทานยาเวลาเดิมทุกวัน หากลืมทานยาจะทำให้ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดลดลง
ดูวันที่ตามจริงและวันที่บนแผง โดยบนแผงยาจะระบุวันไว้ตั้งแต่วันจันทร์-อาทิตย์ หากวันที่จะเริ่มกินยาเม็ดแรกเป็นวันพุธก็ให้แกะยาเม็ดแรกของวันพุธมากิน แล้วกินต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดแผง ป้องกันการลืมในวันนั้นๆ ว่าทานยาไปแล้วหรือยัง
ก่อนกินยาคุมกำเนิดแผงใหม่ทุกครั้ง ควรตรวจเช็คดูวันหมดอายุก่อนใช้ยา เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
การรับประทานยาคุมกำเนิดเมื่อมีการลืม
ลืมทานยา 1 เม็ด ให้รีบทานยาทันทีที่นึกได้ และทานยาเม็ดต่อไปตามเวลาปกติ แต่หากลืมทานยาเกิน 1 วันให้ทานพร้อมกัน 2 เม็ด
ลืมทาน 2 เม็ด ควรทานยาคุม 2 เม็ดในวันที่จำได้ (เวลาเช้าและเย็น) และให้ทานต่ออีก 2 เม็ด (เวลาเช้าและเย็น) ในวันต่อไป จากนั้นก็ให้กินตามปกติจนกว่าจะหมดแผง
ลืมทานยา 3 เม็ด ควรหยุดทานยาแผงนั้นทันที แล้วรอเริ่มแผงใหม่ในวันแรกที่มีประจำเดือนในครั้งต่อไป เวลาที่เหลือจะต้องใช้วิธีคุมกำเนิดโดยวิธีอื่นแทน
ชนิดของยาคุมกำเนิด
ยาคุมแบบ 21 เม็ด
ให้ทานจนหมดแผงแล้วเว้นไป7 วันแล้วเริ่มทานยาแผงใหม่ในวันที่8
ยาคุมแบบ 28 เม็ด
จะมีตัวยาจริงเพียง 21 เม็ด และมีเม็ดแป้งอีก 7 เม็ดโดยทานให้ครบหมดแผงแล้วเริ่มทานยาแผงใหม่ได้ทันที
ยาฉีดคุมกำเนิด
ประเภทของยาฉีดคุมกำเนิด
ยาคุมกำเนิดชนิดฉีดที่มีฮอร์โมนโพรเจสตินอย่างเดียว (progestin-only injectable contraceptives)
สามารถใช้ได้กับผู้หญิงทุกรายที่ต้องการคุมกำเนิดและไม่เข้าข่ายเป็นผู้ที่ห้ามใช้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหมาะกับผู้ที่ไม่อาจใช้เอสโตรเจนได้ แบ่งออกเป็นยาคุมกำเนิดชนิดฉีดแบบ 3 เดือนและแบบ 2 เดือน
ยาคุมกำเนิดชนิดฉีดที่มีฮอร์โมนรวม (combined injectable contraceptives)
มีฮอร์โมนในกลุ่มเอสโตรเจนผสมกับฮอร์โมนในกลุ่มโพรเจสติน ฉีดเข้ากล้ามเนื้อทุก 1 เดือน เหมาะกับผู้ที่มักลืมรับประทานยาหรือไม่อยากรับประทานยาทุกวัน และยังอยากมีประจำเดือนตามปกติ
วิธีการฉีด
นัดฉีดทุกเดือน เดือนละ 1 ครั้ง
เป็นยาคุมแบบฮอร์โมนรวม ที่มีฮอร์โมนโปรเจสเตอร์โรนรวมกับฮอร์โมนเอสโตรเจน ต้องฉีดเป็นประจำในทุกเดือน
นัดฉีดทุกๆ 3 เดือน
เป็นยาคุมชนิดฮอร์โมนเดี่ยว (ฮอร์โมนโปรเจสติน)
สามารถฉีดยาคุมกำเนิดได้ในช่วง 5 วันแรกของการมีประจำเดือน โดยปกติจะฉีดเข้าบริเวณต้นแขน หรือสะโพก และหลังจากการฉีดยาคุมกำเนิดเข้าไปประมาณ 7 วัน ฮอร์โมนจะทำหน้าที่ยับยั้งการตกไข่ ทำให้เยื่อบุมดลูกไม่เหมาะกับการฝังตัวของอสุจิ จึงไม่เกิดการปฏิสนธิ หรือตั้งครรภ์
ข้อดี
สามารถคุมกำเนิดได้นาน 1 – 3 เดือน
มีประสิทธิภาพการคุมกำเนิดสูงถึงกว่า 99 % เมื่อได้รับการฉีดอย่างถูกต้อง
ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก เพียงไปตามกำหนดที่แพทย์นัดหมาย
ข้อเสีย
ต้องเดินทางไปพบแพทย์ทุกๆ 1 เดือน หรือ 3 เดือน
ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
ประจำเดือนมาไม่ปกติ เลือดออกกะปริดกะปรอย ปวด/เวียนศีรษะ คัดตึงเต้านม
ยาคุมแผ่นแปะ
วิธีการคุมกำเนิดโดยใช้ยาฮอร์โมนที่มีลักษณะเป็นแผ่น บาง สีเนื้อ ยืดหยุ่น นำมาแปะที่บริเวณสะโพก หน้าท้อง แผ่นหลังช่วงบน หรือต้นแขนด้านนอก เมื่อใช้อย่างถูกวิธีตัวยาจะถูกดูดซึมผ่านผิวหนังเข้าสู่กระแสเลือดไปทำงานกับมดลูกโดยตรง เทียบเท่ากับการกินยาเม็ดคุมกำเนิด
วิธีการใช้
เริ่มใช้แผ่นแปะยาคุมกำเนิดในวันแรกของประจำเดือนหรือภายใน 5 วันแรกตั้งแต่ประจำเดือนมา
เปลี่ยนแผ่นแปะยาคุมกำเนิด ทุก ๆ 1 สัปดาห์ โดยต้องเปลี่ยนตำแหน่งที่ใช้แปะป้องกันการระคายเคือง
กรณีลืมเปลี่ยนแผ่นแปะคุมกำเนิด
เปลี่ยนแผ่นทันทีเมื่อนึกได้
หากลืมเปลี่ยนแผ่นแปะ น้อยกว่า 48 ชั่วโมง (ใช้แผ่นเดิมไม่เกิน 9 วัน) เปลี่ยนเมื่อนึกได้ ไม่ต้องใช้วิธีการคุมกําเนิดอย่างอื่นร่วมด้วย
หากลืมเปลี่ยนแผ่นแปะ มากกว่าหรือเท่ากับ 48 ชั่วโมง เปลี่ยนเมื่อนึกได้และควรใช้การคุมกําเนิดด้วยวิธีอื่นร่วมด้วยอย่างน้อย 7 วัน
ข้อดี
ช่วยแก้ปัญหาสำหรับผู้ที่รับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด แล้วลืมทานบ่อย ๆ
เมื่อต้องการมีบุตร หลังจากเลิกใช้จะสามารถกลับเข้าสู่ภาวะเจริญพันธุ์หรือพร้อมตั้งครรภ์ได้รวดเร็วตั้งแต่หยุดแปะแผ่นยา
ข้อเสีย
ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ได้
ต้องคอยเปลี่ยนแผ่นยาเมื่อครบ 7 วัน
ผลข้างเคียง
รู้สึกเจ็บแสบ คัน หรือระคายเคืองบริเวณผิวหนังที่ติดแผ่นแปะคุมกำเนิด
มีอาการปวดศรีษะ คลื่นไส้ เต้านมคัดตึง และมีอารมณ์แปรปรวน
ยาฝังคุมกำเนิด
เป็นการใช้ฮอร์โมนชนิดเดียว คือ โปรเจสติน (Progestin) ที่บรรจุเอาไว้ในหลอดหรือแท่งพลาสติกเล็กๆ ยาวประมาณ 3 เซนติเมตร ขนาดเท่าไม้จิ้มฟันชนิดกลม นำมาฝังเข้าไปที่ใต้ผิวหนังบริเวณใต้ท้องแขนด้านในที่ไม่ถนัด ใช้เวลาในการฝังยาประมาณ 10-15 นาที ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้จะค่อยๆ ซึมผ่านออกมาจากแท่งยาเข้าสู่ร่างกาย และไปยับยั้งการเจริญเติบโตของฟองไข่ ส่งผลทำให้ไม่มีการตกไข่ตามมา จึงช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้นานถึง 3-5 ปี
ข้อดี
เป็นวิธีที่มีความสะดวก ฝังครั้งเดียวสามารถคุมกำเนิดได้นาน 3-5 ปี
หลังจากถอดออกจะสามารถมีลูกได้เร็ว
ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดสูงมาก
ข้อเสีย
ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์
ต้องฝังหรือถอดโดยแพทย์เท่านั้น
ผลข้างเคียง
ทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรืออาจมีอาการระคายเคือง ปวด บวมแดงบริเวณผิวหนังที่ฝังยาเข้าไป แต่อาการจะเป็นแค่ระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น นอกจากนี้อาจมีน้ำหนักตัวขึ้น สิวขึ้น ปวดศีรษะ เจ็บเต้านม และอารมณ์แปรปรวนหลังฝังยาคุมกำเนิดในบางราย