Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
หน่วยที่ 6 การพยาบาลแบบองค์รวมในผู้ที่มีความผิดปกติทางจิตเวชในผู้สูงอายุ -…
หน่วยที่ 6 การพยาบาลแบบองค์รวมในผู้ที่มีความผิดปกติทางจิตเวชในผู้สูงอายุ
ภาวะเพ้อ (Delirium)
เป็นความผิดปกติทางจิตเวชที่เกิดจากความเจ็บป่วยทางร่างกายชนิด เฉียบพลัน ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการสับสน (confusion) และการรับรู้สภาพแวดล้อมผิดปกติ (การรับรู้กาล เวลา สถานที่ บุคคลผิดปกติ) และมักจะมีอารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย มีประสาทหลอน หรือแปลภาพผิด (illusion)
สาเหตุ
1.การได้รับยาหรือสารต่างๆ
ภาวะขาดยา (Drug Withdrawal) ที่พบบ่อย คือ แอลกอฮอล์และยานอนหลับ
Systemic disorders เช่น ภาวะไข้สูง สมดุลเกลือแร่ผิดปกติ สมดุลกรด-ด่างผิดปกติ
โรคของระบบประสาทส่วนกลาง
ระบาดวิทยา
อาการ Delirium พบได้มากในผู้ป่วยฝ่ายกายทั่วไป โดยทั่วไปพบได้ประมาณร้อยละ 10-15 ของผู้ป่วยในโรงพยาบาลฝ่ายกาย และพบมากในคนอายุเกิน 60 ปี ทำให้ผู้ป่วยในหอ ผู้ป่วยวิกฤตเสียชีวิตได้ประมาณร้อยละ 40-50 ซึ่งอาจเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนต่างๆ
ลักษณะอาการและ
อาการแสดง
A. มีความผิดปกติในการคงความสนใจหรือเปลี่ยนความสนใจ (Attention) และการ
รับรู้ (Awareness) ต่อสภาพแวดล้อม
B. ความผิดปกติเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ มักเป็นหลายชั่วโมง หรือไม่กี่วัน
C. มีกระบวนการเรียนรู้ (Cognition) ที่แย่ลง
D. ความผิดปกติในข้อ A และ C ไม่อธิบายได้จาก Neurocognitive Disorder อื่น หรือจากภาวะที่ ความรู้สึกตัวลดลงอย่างมาก
E. มีหลักฐานจากประวัติ ตรวจร่างกาย หรือข้อมูลทางห้องปฏิบัติการว่าความผิดปกติเป็นผลมา จากภาวะทางกาย, ยา, ยาเสพติด หรือ สารพิษ
ภาวะ Delirium แบ่งออก
เป็น 3 ชนิด คือ
Hypoactive Delirium เฉื่อยชา ง่วงหลับ
Hyperactive Delirium วุ่นวาย ไม่สงบ กระวนกระวาย อาจทะเลาะวิวาท
Mixed Delirium มีทั้ง 2 อาการเปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลา
การบำบัดทางจิต
พฤติกรรมบำบัด การบำบัดทางจิตชนิดหนึ่งที่มุ่งเน้นการควบคุม พฤติกรรมปรับเปลี่ยน พฤติกรรมที่สังเกตได้ โดยใช้หลักการเรียนรู้มาใช้กับพฤติกรรมที่เป็นปัญหาการแก้ไขพฤติกรรม เน้น การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่สังเกตได้โดยไม่คานึงถึงสาเหตุของพฤติกรรมในอดีต
กระบวนการพยาบาล
ผู้ป่วยภาวะเพ้อ (Delirium
การรวบรวมข้อมูลทางการพยาบาล (Nursing Assessment)
พยาบาลจะเน้นเกี่ยวกับการซักประวัติ
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล (Nursing Diagnosis)
2.1 มีภาวะสับสน เนื่องจากผลของยา ผลจากการนอนอยู่ในโรงพยาบาลนาน/ ติดสุรา/ ติดสาร เสพติด
2.2 การรับความรู้สึกไม่มีประสิทธิภาพหรือมากเกินไปเนื่องจาก การติดเชื้อ/ การใช้ยาร่วมกัน หลายขนาน
การวางแผนการพยาบาล (Nursing Care Plan)
การวางแผนการพยาบาลจุดเน้นคือ การป้องกันปัจจัยเสี่ยงในระยะเริ่มต้นสามารถลดผลกระทบ ต่างๆที่จะเกิดข้ึนกับผู้ป่วยได้
การปฏิบัติการพยาบาล (Nursing Intervention)
1.ประเมินภาวะสับสนเฉียบพลันด้วยแบบ Confusion Assessment Method (CAM) ที่มีการใช้กัน อย่างกว้างขวางในการวินจิฉัยและค้นหาภาวะสับสนเฉียบพลัน(Delirium)
ปฏิบัติการพยาบาลโดยวิธีต่างๆ
2.1 วิธีการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมของผู้ป่วย (Environmental Interventions)
2.2 วิธีการจัดการด้านจิตใจและอารมณ์ (Psychological Interventions)
2.3 วิธีการจัดการทางด้านร่างกาย (Physical Interventions)
การประเมินผลการพยาบาล (Nursing Evaluation)
5.1 ไม่เกิดอุบัติเหตุ
5.2 ความเสี่ยงลดลง
5.3 การรับ รู้เวลา สถานที่ และบุคคลเพิ่มขึ้น
ภาวะการรู้คิด บกพร่อง
(Major and Neurocognitive disorders)
หมายถึง โรคสมองเสื่อมที่มีพยาธิสภาพอยู่ในสมองบริเวณ Frontal lobe และ Anterior temporal lobe ทาให้มีอาการความ ผิดปกติทางพฤติกรรมหรือบุคลิกภาพ การเข้าสังคม การวางแผนตัดสินใจ และการใช้ภาษา
สาเหตุ
1.เกิดจากการเสื่อมสลายของเนื้อสมอง
เกิดจากหลอดเลือดสมอง
เกิดจากการติดเชื้อในสมองที่มีเชื้อไวรัสหลายชนิด
4.เกิดจากการขาดสารอาหารบางชนดิโดยเฉพาะวิตามิน
เกิดจากการแปรเปลี่ยนของระบบเมตาบอลิกของร่างกาย
เกิดจากการถูกกระทบกระแทกที่ศีรษะอยู่เสมอ
7.เกิดจากเนื้อสมองในสมองโดยเฉพาะเนื้อสมองด้านหน้าของสมอง(Frontallobe)
ระบาดวิทยา
ความชุกของภาวะสมองเสื่อมชนิดที่รักษาได้มีความหลากหลายอยู่ในช่วงร้อยละ 8-40 โดยทั่วไปพบประมาณร้อยละ12 พบบ่อยในรายที่อายุน้อยกว่า 65 ปี ซึ่งมีความชุกเท่ากับร้อยละ18 ขณะกลุ่มที่อายุเกิน65ปีพบร้อยละ5
ระดับของภาวการณ์รู้คิดบกพร่อง(MajorandNeurocognitivedisorders)
1.ระดับอ่อนหรือไม่รุนแรง (Mild) ผู้ป่วยจะมี อาการ หลงลืม โดยเฉพาะลืมเรื่องที่เพิ่งเกิด
ระดับปานกลาง (Moderate) ในระยะนีค้ วามจาจะเริ่มเสื่อมมากขึ้น มีความบกพร่องในความเข้าใจ ความสามารถในการเรียนรู้ การแก้ปัญหาและการตัดใจ
ระดับรุนแรง (Severe) ในระยะนี้ผู้ป่วยจะไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลยแม้แต่การทำกิจวัตรประจำวัน ต้องมีผู้เฝ้าดูแลตลอดเวลา แม้แต่ความจาก็ไม่สามารถจำสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นได้เลย จำญาติพี่น้องไม่ได้ หรือแม้แต่ตนเองก็จาไม่ได้ มีบุคลิกที่เปลี่ยนไป เคลื่อนไหวช้า
ชนิดของภาวะการรู้คิดบกพร่อง
(Major and Neurocognitive disorders)
Alzheimer’s disease (AD) 2. Vascular Dementia
Lew Body Disease
Parkinson’s Disease
Huntington’s Disease
Human Immunodeficiency Virus Dementia 7. Frantotemporal Lobar Degeneration
Creutzfeldt-Jakob Disease
ลักษณะอาการและอาการแสดง
มีหลักฐานของการเสื่อมถอยของระดับสติปัญญา (cognitive) ที่ไม่รุนแรงจากระดับเดิม > 1 พิสัย (domain)
ความบกพร่องของสติปัญญาไม่ได้เกิดจากภาวะเพ้อ (delirium) และไม่สามารถอธิบายได้ จาก mental disorder อื่นๆ
การบำบัดทางจิต
การปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม (Cognitive behavioral therapy)
การทำการกระตุ้นสมอง (Cognitive stimulation)
การระลึกถึงความหลัง (Reminiscence)
กระบวนการพยาบาลผู้ป่วยภาวะการรู้คิดบกพร่อง
1.การรวบรวมข้อมูลทางการพยาบาล (Nursing Assessment)
1.1 การประเมินภาวะการรู้คิดผิดบกพร่อง (Major and Neurocognitive disorders) ของผู้ป่วยและ ครอบครัวแบบองค์รวม
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล (Nursing Diagnosis)
2.1สับสนเรื้อรังเนื่องจากสูญเสียหน้าที่ของการรู้คิด
2.2 การเผชิญปัญหาของครอบครัวไม่เหมาะสม เนื่องจาก กระบวนการครอบครัวถูก รบกวน
การวางแผนการพยาบาล (Nursing Care Plan)
3.1กระตุ้นให้ผู้ป่วยทำกิจวัตรประจำวันด้วยตัวเองให้มากที่สุด
3.2 ลดการเกิดปัญหาด้านพฤติกรรม และอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลง โดยการไม่ใช้ยา และใช้ยา
การปฏิบัติการพยาบาล (Nursing Intervention)
4.1 มีการส่งเสริมสุขภาพหรือป้องกันโรคที่ เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะการรู้คิดบกพร่อง ดีขึ้น
4.2 มีจัดกิจกรรมการพัฒนาสมองอย่างง่าย
4.3การจัดกิจกรรมเพื่อการส่งเสริมการพัฒนาสมองขั้นสูง
4.4 การฝึกแบบนิวโรบิคเอ็กเซอร์ไซด์ ที่ใช้ประสาทสัมผัสหลายประเภทมากระตุ้นการทำงานของสมอง
4.5 การฝึกกิจกรรมทางกายที่กระตุ้นการทางานของสมอง
การประเมินผลการพยาบาล (Nursing Evaluation)
5.1 ความสามารถในการทำกิจวัตรประจาวันต่าง ๆ (activities of daily living)
5.2 ผู้ป่วย ครอบครัวและผู้ดูแล มีความปลอดภัยจากปัญหาด้านพฤติกรรมและอารมณ์ ของผู้ป่วย
5.3ผู้ป่วยมีปัญหาด้านการรู้คิดบกพร่องลดลง