Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ความรับผิดกระทำละเมิดด้วยตนเอง - Coggle Diagram
ความรับผิดกระทำละเมิดด้วยตนเอง
ความหมายของการกระทำ
(2)มีการกระทำ
1)การกระทำโดยเคลื่อนไหวร่างกาย
1)บุคคลลซึ่งเป็๋นผู้กระทำเองโดยตรง
2)บุคคลลซึ่งเป็๋นผู้กระทำโดยทางอ้อม
2)การกระทำโดยไม่เคลื่อนไหวร่างกาย
ละเว้น
งดเว้น
(3)การงดเว้นไม่กระทำ
.
กระทำการรวมถึงการงดเว้นหรือละเว้นไม่กระทำการอันนี้หน้าที่ที่ต้องกระทำ
-(ก)หน้าที่ตามกฎหมาย.เช่น สามีภรรยาอุปการะซึ่งกันและกัน ม.1461 บุตรอุปการะบิดามารดาม.1563 บิดามารดาอุปการะเลี้ยงดูบุตร(ม.1564)
(ข)หน้าที่ตามสัญญาเช่นสัญญาจ้างรักษาโรคสัญญาจ้างดูแลความปลอดภัยคนเล่นน้ำ
(ค)หน้าที่จาก คสพ.ทางข้อเท็จจริงระหว่างผู้งดเว้นกับผู้เสียหายหรือหน้าที่หาข้อเท็จจริง เช่น เเพทย์เลิกงานกลับบ้านมาช่วยผู้ป่วยอุบัติเหตุ ไม่ใช่หน้าที่ตามกฏมหาย หรือก็คือ ไม่เข้าข่าย งดเ
(1)ผู้ใด
ผู้ใด หมายถึง บุคคลทุกคนหรือบุคคลที่มีการกระทำ ไมใช่สัตว์หรือว่าสิ่งของ เช่น บุคคลธรรมดาได้เเก่ เด็กเล็ก ผู้เยาว์ จนถึง คนชรา คนพิการ คนวิกรจริต คนไร้ความสามารถ นิติบุคคล บุคคลที่กฎหมายตั้งขึ้น เช่น หจก. บจ. มูลนิธิ สมาคม
กระทำโดยผิดกฏหมาย
ซึ่งหมายถึงการประทุษกรรม กระทำต่อบุคคลโดยผิดกฎหมายด้วยอาการฝ่าฝืนต่อความหมายที่ห้ามไว้หรือละเว้นไม่กระทำในสิ่งที่กฎหมายบัญญัติให้กระทำหรือตนมีหน้าที่ตามกฎหมายจะต้องกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อเป็นต้นว่า ฆ่าเขาตาย, ทำร้ายร่างกายเขา,ขับรถโดยประมาทชนคนตายและทรัพย์สินของเขาเสียหาย
ผลจากการกระทำของผู้ทำละเมิด
(1)ทฤษฎีเงื่อนไขหรือทฤษฎีความเท่ากันแห่งเหตุ
หากไม่มีการกระทำเช่นนั้นผมจะไม่เกิดขึ้นและไม่มีความเสียหายที่เกิดขึ้นย่อมเกิดจากการกระทำนั้นดังนั้นเหตุทุกเหตุมีน้ำหนักเท่ากันที่ก่อให้เกิดผลตัวอย่างนายแดงเตะท้องเบานายดำนายดำมีโรคประจำตัวซึ่งนายแดงไม่รู้นายดำตายนายแดงต้องรับผิดในความตายของนายดำตามทฤษฎีนี้บรรดาเหตุทั้งหลายมีน้ำหนักไม่เท่ากันเฉพาะเหตุที่ตามปกติย่อมก่อให้เกิดผลเช่นนั้นเท่านั้นผู้กระทำต้องรับผิดจากตัวอย่างได้รับมีรูปประจำตัวซึ่งคนทั่วไปอาจมีและไม่มีจึงไม่ใช่เหตุที่ตามปกติจะเกิดขึ้นดังนั้นเหตุนายแดงจึงไม่ต้องรับผิดให้ผลคือความตายของนายดำรับผิดเพียงทำให้นายดำได้รับบาดเจ็บเท่านั้น
(2)ทฤษฎีมูลเหตุเหมาะสม
ทฤษฎีเงื่อนไขข้อดีตรงกับความจริงตามธรรมชาติข้อเสียผู้กระทำต้องรับผิดไม่มีขอบเขตทฤษฎีมูลเหตุเหมาะสมข้อดีผลที่เกิดมีความเสียหายกับการกระทำข้อเสียผู้กระทำรับผิดแตะแต่เฉพาะที่คาดเห็นได้แต่การกระทำโดยประมาทยุคบุคคลสมมติในฐานะเช่นนั้นควรจะรู้หรือระมัดระวังมาเทียบว่าได้ใช้ความระมัดระวังหรือไม่ซึ่งผู้กระทำโดยประมาทอาจจะรู้หรือไม่รู้ถึงผลที่จะเกิดก็ได้แต่ไม่ได้ใช้ความระมัดระวังเช่นขับรถด้วยความเร็วสูงผู้กระทำโดยประมาทรู้ว่าอาจเกิดความเสียหายหากรถชนหรือนายแดงโยนเก้าอี้จากชั้น 7 ก่อนโยนก็ดูแล้วว่ามีคนเดินแต่การขนเก้าอี้คนทั่วไปต้องใช้บันไดจึงไม่ได้ใช้ความระมัดระวังซึ่งไม่อาจรู้หรือคาดเห็นได้ว่าจะคนจะเดินมาดังนั้นการกระทำโดยประมาทจึงจะเอาความรู้หรือคาดเห็นมาใช้ไม่ได้และไม่อาจนำมาใช้กับการทฤษฎีเหตุเหมาะสมได้ด้วยเหตุนี้ผู้เขียนเข้าใจว่าครผ.เพื่อการละเมิดศาลไทยจึงไม่นำทฤษฎีมูลเหตุเหมาะสมเข้ามาใช้แต่จะปรับทฤษฎีเงื่อนไขโดยนำดุลพินิจตาม ม.438 442 223 มาใช้เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องของทฤษฎีเงื่อนไขให้เกิดความยุติธรรมต่อไป
กระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
(2)ประมาทเลินเล่อ
(ค)ระดับรักษาทรัพย์เท่าผู้มีวิชาชีพ(ม. 659 ว.3)
(ข)ระดับรักษาทรัพย์เท่าทรัพย์ของตนเอง ม.(659) ว.1)
(ก)ระดับวิญญชน(ม.323,473, 553, 653 ว.2, 802)
ไม่จงใจแต่ไม่ใช่คนระมัดระวังตามสมควรที่จะใช้ปอาญามาตรา 59 วรรค 4 กระทำโดยประมาทได้แก่กระทำความผิดมิใช่โดยเจตนาแต่กระทำโดยประมาทจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจะต้องมีความวิสัยและประพฤติการและผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้แต่หาได้ใช้เพียงพอไม่คอระมัดระวังตามสัญญาอาจมีหลายระดับเช่น
(3)กระทำต่อผู้อื่น
กระทำ โดยเคลื่อนไหวอิริยาบทโดยรู้สำนึกถึงการงดเว้นหรือละเว้นโดยมีหน้าที่ต้องการทำละเมิดต้องเป็นการทำต่อบุคคลอื่น “โดยผิดกฎหมาย” อาจผิดต่อกฎหมายอาญา กฎหมายแพ่ง รัฐธรรมนูญ ล่วงสิทธิผิดต่อบุคคลอื่น หรืออาจเป็นการฝ่าฝืนไม่ทำหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงผิดระเบียบต่างๆ ก็ถือว่าเป็นการผิดกฎหมาย แต่หากการกระทำนั้นไม่ผิดกฎหมายก็ไม่เป็นละเมิด เช่น กฎหมายให้อำนาจโดยตรง มีอำนาจตามสัญญาที่ให้กระทำได้ มีอำนาจตามคำพิพากษา หรือเกิดอำนาจจากความยินยอม
(4)การใช้สิทธิซึ่งมีเเต่จะก่อความเสียหาย.เเก่ผู้อื่น ม.421
.
การมีสิทธิ์และการใช้สิทธิ์การ
-ใช้สิทธิ์ อาจถือเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายได้ ปกติ สิ่งต่างๆก่อตั้งขึ้นย่อมมีความมุ่งหมายบางอย่างโดยเฉพาะและสิทธิ์นั้นการมีสิทธิ์อาจสิ้นสภาพเป็นสิทธิ์ทันทีหากใช้สิทธิ์แตกต่างไปจากความมุ่งหมาย -ม.5 ในการซื้อสินค้าของตนก็ดีในการชำระหนี้ก็ดีบุคคลทุกคนจะต้องกระทำโดยสุจริตม
ม.421 การใช้สิทธิ์ซึ่งต้องจะให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นนั้นท่านว่าเป็นการอันมิชอบด้วยกฎหมาย
-ฏ.1982/18 จล.เก็บสินค้าในตึกมีน้ำหนักเกิน พื้นคอนกรีตยุบ ทำให้ตึก จ.อยู่ใกล้ชิดทรุด เป็นการใช้สิทธิมีเเต่ก่อความเสียหาย
ฏ.46/2539 จล.ว่าจ้างรถบรรทุก 10 ล้อบรรทุกดินไปถมที่ดินโครงการหมู่บ้าน ทำให้ถนนพิพาทเสียหายเเม้ จำเลย.มีสิทธิใช้ถนนพิพาท เเต่ต้องไม่ใช้สิทธิซึ่งมีเเต่จะเกิดความเสียหาย.จม.421 จึงเป็นการทำละเมิดจ.
(1)จงใจ
จงใจ=รู้สำนึกถึงผลเสียหายที่เกิดจากการกระทำของตนคนละเรื่องกับการกระทำโดยรู้สำนึกในการเคลื่อนไหวคือรู้ว่าผลเสียหายจะเกิดแก่เขาเป็นจงใจแล้วเช่นยกแก้วขึ้นดื่มรู้สึกมีการเคลื่อนไหวยกแก้วราดหัวรู้ถึงผลเสียหายจากการกระทำที่ทำให้เสื้อผ้าเปียกการกระทำโดยผิดหลงครั้งชาติหรือเข้าใจโดยสุจริตไม่เป็นจงใจพ่อไม่รู้ถึงผลเสียหายอันจะเกิดแก่คนอื่น
กระทำที่ก่อความเสียหายเเก่บุคคลอื่น
ความเสียหายนั้นจะเป็นความเสียหายที่เกิดแก่ชีวิต ร่างกาย อนามัย เสรีภาพ ทรัพย์สิน หรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ได้ แต่ต้องเป็นความเสียหายที่แน่นอน และความเสียหายจะต้องเป็นผลโดยตรงจากการกระทำโดยผิดกฎหมายของผู้กระทำด้วย การกระทำจะเป็นละเมิดหรือไม่ ต้องมีความเสียหายเกิดขึ้น แม้มีการกระทำที่ผิดกฎหมาย แต่ไม่มีความเสียหายย่อมไม่เป็นละเมิด
หน้าที่ที่ต้องป้องกันไม่ให้เกิดผลขึ้น
หน้าที่ตามตาม กม. บัญญัติ (ม.420)
หน้าที่ที่เกิดจากการยอมรับโดยเจาะจงตาม สญ.
หน้าที่เกิดจากการกระทำครั้งก่อนของตน