Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ความรับผิดเพื่อกระทำละเมิดในตนเอง, การกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ -…
ความรับผิดเพื่อกระทำละเมิดในตนเอง
กระทำผิดโดยกฎหมาย
โดยผิดกฎหมาย คือกฎหมายอาญา บัญญัติว่าการกระทำอันใดเป็นความผิดย่อมเป็นการกระทำผิดกฎหมายอย่างไม่มีปัญหา
1.การใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น มาตรา421 บัญญัติว่าการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นนั้นท่านว่าเป็นการอันมิชอบด้วยกฎหมาย
มาตรา421บัญญัติว่าการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น คำว่า ใช้สิทธิในมาตรานี้หมายถึงกรณีที่ผู้เสียหายมีสิทธิตามกฎหมายเสียก่อน ถ้าเป็นการกระทำโดยไม่มีสิทธิหรือทำเกินไปกว่าสิทธิที่มีอยู่ตามกฎหมายแล้วต้องพิจารณาตามมาตรา420อันเป็นหลักทั่วไปไม่มีกรณีที่จะนำมาพิเคราะห์กันตามมาตรา421
ตัวอย่าง เช่น ก ชกต่อย ข เป็นเพื่อนกันโดยที่ ข ไม่ยินยอมหรือ ค เอารถยนต์ของ งไปใช้โดยที่ ง ไม่อนุญาต เป็นกรณีที่ ก หรือ ค แล้วแต่กรณีไม่มีสิทธิกระทำจึงไม่อาจพิจารณาตามมาตรา421ได้ จึงต้องพิจารณาหลักเกณฑ์ความรับผิดทางละเมิดตามมาตรา420
การกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น
แยกพิจารณาได้ดังนี้
1.ความเสียหายต่อสิทธิ
ที่จะถือว่ามีความเสียหายนั้น อาจไม่ตรงกับความคิดเห็นของบุคคลธรรมดาบางคนรักการทำร้ายร่างกายหรือรักทรัพย์ย่อมถือเป็นความเสียหาย กฎอาญาได้บัญญัติรับรองเอาไว้ว่าเป็นความผิดต่อร่างกายหรือทรัพย์สินอย่างไรก็ดีจะถืออย่างความคิดเห็นของบุคคลธรรมดาบางคนไม่ได้เสมอไป เช่น นาย ก ใช้มือที่สะอาดตบศีรษะนางสาว ข ไม่มีอะไรเปื้อนร่างกายของนางสาว ข หรือ ค ใช้ก้อนหินปาบ้านของ ง ถูกกระเบื้องมุมหลังคาแต่ไม่แตก ไม่จำเป็นต้องซ่อมแซมเปลี่ยนใหม่ ซึ่งโโยแท้จริงแล้วกสรที่ ก ตบศีรษะนางสาว ขก็ดี คขว้างหินใส่บ้านของ ง ก็ดี กฎหมายย่อมถือว่าเกิดความเสียหายแก่นางสาว ข และ ง
2.ลักษณะแห่งสิทธิ
สิทธิ คือประโยชน์ที่บุคคลมีอยู่ และบุคคลอื่นต้องเคารพสิทธิได้แก่ประโยชน์อันบุคคลมีอยู่ ประโยชน์นั้นก็เป็นสิทธิ กล่าวคือ ได้รับการรับรองและคุ้มครองของกฎหมาย
ตามบทบัญญัติมาตรา420 กล่าวถึง ชีวิต ร่างกาย อนามัย เสรีภาพทรัพย์สิน หมายถึงสิ่งต่างๆเหล่านี้ย่อมเป็นวัตถุแห่งสิทธิซึงไม่หมายเฉพาะสิ่งที่เป็นตัวตน แต่หมายถึงสิ่งที่ไม่เป็นตัวตนซึ่งไม่สามารถสัมผัสแตะต้องได้ด้วย เช่น ชื่อเสียง
3.ความเสียหายที่คำนวณเป็นตัวเงินได้และไม่อาจคำนวณเป็นตัวเงินได้
เมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้นแล้วค่าสินไหมทดแทนนั้นย่อมรวมทั้งการคืนทรัพย์สินหรือใช้ราคารวมทั้งค่าเสียหายอันจะพึงบังคับให้ใช้เพื่อความเสียหายอันพึงบังคับให้ใช้เพื่อความเสียหายอย่างใดๆ(มาตรา438วรรคสอง) ซึ่งราคาหรือค่าเสียหายนั้นย่อมจะชดใช้กันเป็นเงินด้วยไปในตัว ความเสียหายในมูลละเมิดนั้นจะต้องเป็นความเสียหายที่แน่นอน
เช่น ก ขับรถชนรถ ข เสียหายโดยประมาทเลินเล่อ ข จะต้องเอารถไปซ่อมแซมทำให้เหมือนเดิม แน่นแนความเสียหายที่ว่านี้ไม่จำกัดเฉพาะผลที่กเิดขึ้นแล้วในปัจจุบันแต่รวมถึงผลที่เกิดขึ้นในอนาคตอันเป็นผลที่เกิดขึ้นในอนาคตอันเป็นที่แน่นอนว่าจะเกิดขึ้นด้วย
ความเสียหายนั้นเป็นผลมาจากการกระทำของผู้ทำความเสียหาย
เมื่อเข้าหลักเกณฑ์ตามมาตรา420 จะต้องรับผิดในความเสียหายนั้นเพียงไรความเสียหายที่เกิดขึ้นย่อมมีที่มาจากสาเหตุเดียวทำให้เกิดผลอย่างนั้นขึ้นมา ก็ไม่มีปัญหาเพราะมีเพียงเหตุเดียวการกระทำใดที่ผู็กระทำต้องรับผิดนั้นผลของการกระทำจะต้องมีความสัมพันธ์กับการกระทำหรือจะต้องเป็นผลโดยตรงหากไม่ใช่ผลโดยตรงก็ไม่ต้องรับผิดผลโดยตรงเป็นผลตาม
ทฤษฎีเงื่อนไข
กล่าวคือ หากไม่มีการกระทำ ผลก็จะไม่เกิด หากผลเกิดต้องถือว่าผลเกิดจากการกระทำนั้นตามทฤษฎีนี้แม้ว่าผลนั้นจะเกิดขึ้นโดยมีเหตุอื่นๆ ร่วมด้วยก็ตามผู้กระทำต้องรับผิด
ตัวอย่างเช่น ฏ.1973/2497 มีเหล็กกั้นถนนออกมาวางเกะกะอยู่รถที่จำเลยขับมาเร็วเกินควร จึงชนเข้าตรงเหลฌกนั้นเป็นเหตุให้มีคนตาย ถ้าปรากฏว่าหากจำเลยไม่ขับเร็วจนเกินสมควรจะหลบหลีกนั้นได้ดังนั้นได้เชื่อว่าความตายเป็นผลโดยตรงจากการกระทำโดยประมาทของจำเลย
ทฤษฎีเหตุที่เหมาะสม
กรณีที่ผลโดยตรงในบั้นปลายนั้นเกิดจากเหตุแทรกแซงในการวินิจฉัยความรับผิดของผู้กระทำนั้นจึงต้องใช้หลักทฤษฎีเหตุที่เหมาะสมในการพิจารณาซึ่งหมายความว่าเหตุนั้นเหมาะสมเพียงพอตามปกติที่จะเกิดผลอันเป็นความผิดขึ้นหรือไม่ เหตุแทรกแซง คือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใหม่ภายหลังการกระทำของผู้กระทำในตอนแรกและเป็นเหตุที่ก่อให้เกิดผลบั้นปลายนั้นขึ้นในการพิจารณาในการใช้ทฤษฎีที่เหมาะสมแทน ทฤษฎีเงื่อนไขนั้นต้องพิจารณาว่าเหตุนั้นเหมาะสมเพียงพอตามปกติที่จะเกิดผลอันเป็นความผิดขึ้นหรือไม่โดยใช้หลักเรื่องความคาดหมายมาพิจารณาว่าเหตุแทรกแซงนั้นคาดหมายได้หรือไม่ หากคาดหมายไม่ได้ผู็กระทำในตอนแรกก็ไม่ต้องรับผิดในผลบั้นปลายแต่ต้องรับผิดในการกระทำที่ได้กระทำไปก่อนนั้นในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเ
เหตุแทรกแซง
อาจเกิดขึ้นได้ในกรณี ดังนี้ เหตุการณ์ธรรมชาติ เช้นฟ้าผ่า ลมพายุ การกระทำของสัตว์ การกระทำของมนุษย์
1.ไล่ยิงคน คนที่ถูกยิงหนีเข้าป่าไปแล้วถูกฟ้าผ่า ฟ้าผ่าเป็นเเหตุแทรกแซงที่คาดหมายไม่ได้
2.ผู้เสียหายไม่ยอมรักษษแผล หรือรักษาแผลไม่ดี เป็นเหตุแทรกแซงที่คาดหมายได้
การกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
1.
จงใจ
หมายถึง รู้สำนึกถึงผลเสียหายที่จะเกิดจาการกระทำของตนเอง จงใจไม่เพียงแต่รู้สำนึกถึงความเคลื่อนไหวของตน แต่ยังต้องรู้สำนึกถึงผลเสียหายที่จะเกิดจากการกระทำของตน
2.
ประมาทเลินเล่อ
หมายถึงการกระทำที่ขาดความระมัดระวังจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายและหมายถึงการไม่ป้องกันผลที่จะเกิดขึ้นโดยประมาทเลินเล่ิแม้ตนเองไม่ได้กระทำให้เกิดผลนั้นขึ้น