Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
หน้าที่ในการชำระหนี้, มาตรา 203 วรรค 2
• เช่น ตกลงกันให้ชำระหนี้ทุกวันที่…
หน้าที่ในการชำระหนี้
1. วัตถุแห่งหนี้ คือสิ่งที่เจ้าหนี้อาจเรียกร้องเอาจาก ลูกหนี้ได้ ซึ่งอาจเป็นการกระทำบางอย่าง เช่นการชำระ หนี้ การโอนทรัพย์สิน หรือการงดเว้นกระทำบางอย่าง
1.3) งดเว้นกระทำการ หนี้งคเว้นกระทำการเป็นหนี้
ชื่งลูกหนี้มีความผูกพันว่าจะ ไม่กระทำการบางอย่าง
เช่นผู้ขายกิจการค้าอาจให้สัญญาแก่ผู้ซื้อว่าจะไม่ประกอบกิจการค้านั้นในท้องถิ่นเดียวกันภายในระยะเวลา
1.1) การโอนทรัพย์สิน การโอนทรัพย์สินหมายถึงการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน และการส่งมอบทรัพย์ด้วย แต่ในบางกรณีอาจเป็นเพียงการส่งมอบทรัพย์เท่านั้น เช่นการซื้อขายสังหาริมทรัพย์ กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินก็โอนไปยังผู้ซื้อทันที ในกรณีเช่นนี้เพียงแต่ส่งมอบทรัพย์สินให้แก่กันเท่านั้น แต่ในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ต้องทำสัญญาเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ กรรมสิทธิ์จึงจะโอนไปยังผู้
1.2) การกระทำการ หนี้กระทำการเป็นหนี้อย่างอื่นที่ไม่ใช่การโอนทรัพย์สิน เช่นการรับจ้างร้องเพลงต้องถือว่าเป็นหนี้กระทำการซึ่งเป็นหนี้หลักมิใช่เป็นการโอนทรัพย์สิน หรือการรับจ้างวาครูป ถ้าผู้รับจ้างไม่ส่งมอบรูปวาดก็ต้องคืนราคาและชำระชำระค่าเสียหาย จะบังดับให้ส่งมอบรูปวาดไม่ได้
-
-
-
-
-
-
-
1.3 การผิดนัดไม่ชำระหนี้
1) การผิดนัด(ลูกหนี้) คำว่า “ลูกหนี้ผิดนัด” คือ การที่ลูกหนี้ละเลยไม่ชำระหนี้ภายในกำหนด และเป็นหนี้ที่อาจบังคับได้ โดยปกติเจ้าหนี้ต้องเตือนให้ลูกหนี้ชำระหนี้ก่อน จึงจะถือว่าลูกหนี้ผิดนัด แต่ก็มีบางกรณีที่เจ้าหนี้ไม่ต้อง เตือนก่อน
1) ลูกหนี้ผิดนัดโดยต้องตักเตือนก่อน จะเห็นได้ว่าในกรณีที่หนี้ไม่มีกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ เข้าหนี้สามารถเรียกให้ถูกนี้ชำระลูกหนี้ไม่ชำระหนี้หนี้ได้โดยพลันตามมาตรา 203วรรดแรก กล่าวคือเจ้าหนี้เรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้ ได้โดยทันทีเท่านั้น แต่กรณีดังกล่าวยังไม่ถือว่าถูกหนี้ได้ชื่อว่าตกเป็น "ผู้ผิดนัด" ดังนั้นการจะทำให้ลูกหนี้ตกเป็นผู้ผิดนัดได้ เพื่อใช้สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายต่อไปใด้ หากเป็นหนี้ที่ไม่มีกำหนดระยะเวลา เจ้าหนี้ต้องเดือนก่อน หากเจ้าหนี้ไม่เดือนลูกหนี้ก็ไม่มีทางที่จะตกให้ถูกหนี้เป็นผู้ผิดนัคได้เสดงว่คำว่า หนี้ถึงกำหนด สามารถใช้บังกับทั้งกรณีที่ได้กำหนดเวลาไว้ และกรณีไม่ได้กำหนดเวลาชำระหนี้
2) ลูกหนี้ผิดนัดโดยเจ้าหนี้ไม่ตักเตือน ตามมาตรา 204 วรรคสองแยกได้เป็น 2 กรณีคือ (1) กำหนดเวลาชำระหนี้ตามวันแห่งปฏิทินและ (2) กำหนดเวลาชำระหนี้ โดยคำนวณตามปฏิทินจากวันบอกกล่าวกำหนดเวลาชำาระหนี้ตามวันแห่งปฏิทินเป็นการกำหนดให้ชำระหนี้ตามวันเดือนปีปฏิทิน
3) กำหนดชำระหนี้กับการผิดนัด กำหนดเวลาชำาระหนี้โดยคำนวณตามปฏิทินจากวันบอกกล่าวตามมาตรา 204 วรรกส่องตอนท้าย วางหลั่กไว้ว่า ในกรณีที่มีการบอกกล่าวถ่วงหน้าให้ชำระหนี้ ซึ่งได้กำหนดเวลาลงไว้อาจคำนวณได้โดยปฏิทิน กล่าวคือมีการบอกกล่าวให้ชำระหนี้ซึ่งคำนวณนับได้ว่าลูกหนี้จะต้องชำระหนี้เมื่อใดกันแน่ เช่นกู้เงิน โดยมีข้อตกลงว่าจะต้องชำระคืนภายใน 30 วันนับแต่วันที่ผู้ให้กู้บอกกล่าวให้ชำร
4) กรณีที่ไม่ถือว่าลูกหนี้ผิดนัด มาตร1 206 บัญญัติว่า "ในกรณีหนี้อันเกิดแต่มูลละเมิด ลูกหนี้ได้ชื่อว่าผิดนัดมาแต่เวลาที่ทำละเมิด"เหตุที่กฎหมายให้ถือว่าลูกหนี้ผิดนัดนับแต่วันทำละเมิด เพราะเป็นการทำละเมิดต่อกฎหมายเจ้าหนี้ ได้รับความเสียหายแก่ชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน หรือสิทธิอื่นใด นับแต่ว้นที่ถูกกระทำละเมิดค่าเสียหายที่จะต้องชดใช้แก่กันนับแต่วันทำละเมิด ค่าเสียหายที่ต้องชดใช้จึงเป็นหนี้เงิน จึงจะต้องเสียคอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันกระทำละเมิดตามมาตรา 224 วรรถแรก เว้นแต่ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นในภายหลัง เช่น ด่ารักษาพยาบาลหรือค่าปลงศพ หรือค่าขาดไร้อุปการะเลี้ยงดู ต้องเสียดอกเบี้ยนับแต่วันที่มีคำ
-
มาตรา 203 วรรค 2
• เช่น ตกลงกันให้ชำระหนี้ทุกวันที่ 30 ของเดือน
• เจ้าหนี้ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้ก่อน ก ำหนดวันที่ 30
• แต่ลูกหนี้มีสิทธิชำระหนี้เมื่อใดก็ได้จนถึงวันที่ 30
-