Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Supraventricular Tachycardia : ภาวะหัวใจห้องบนเต้นเร็วผิดปกติ - Coggle…
Supraventricular Tachycardia :
ภาวะหัวใจห้องบนเต้นเร็วผิดปกติ
ข้อมูลทั่วไป
ประวัติการเจ็บป่วยในปัจจุบัน (Present illness)
3 เดือนก่อนมาโรงพยาบาล ผู้ป่วยไม่มีอาการใจสั่นจึงหยุดยา Bisoprolol เองและไม่ได้มาติดตามอาการตามนัด ทำให้มีอาการ
เหนื่อย หายใจไม่อิ่มบางครั้ง
2 วันก่อนมาโรงพยาบาล มีอาการเหนื่อย หายใจไม่สะดวก ญาติจึงนำมาส่งโรงพยาบาลอุดรธานี
อาการสำคัญ (Chief complaint)
เหนื่อย ใจสั่น 2 วันก่อนมาโรงพยาบาล
โรคประจำตัว : หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ กินยา Bisoprolol 5 MG TAB (C/D) oral 0.5 เม็ด วันละ 1 ครั้ง,หลังอาหาร
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
ความทนในการปฏิบัติกิจกรรมลดลง เนื่องจากภาวะตัวนำตัวพาออกซิเจนลดลง
5.กระตุ้นให้ครอบครัวมีส่วนร่วมในการ
ส่งเสริมการมีกิจกรรมของผู้ป่วย
4.ให้ออกซิเจนตามแผนการรักษาขณะมี
กิจกรรมและหลังมีกิจกรรมในกรณีที่มีอาการเหนื่อยหอบหรือหายใจลำบาก
3.ให้ความช่วยเหลือทั้งในขณะและภายหลัง
การมีกิจกรรม
2.อธิบายถึงความสำคัญของการทำกิจวัตร
ประจำวันและชี้แนะวิธีการปรับเปลี่ยนกิจกรรมให้เหมาะสม
6.จดบันทึกสัญญาณชีพ ก่อนและหลังทำ
กิจกรรมเพื่อประเมินสภาพร่างกาย ความคงทนต่อการทำกิจกรรม
1.ประเมินความสามารถในการมีกิจกรรมของ
ผู้ป่วย
7.สังเกตและจดบันทึกระยะเวลาในการทำ
กิจกรรมต่างๆ
ข้อมูลสนับสนุน
SD : ผู้ป่วยบอกว่าอ่อนเพลีย ไม่มีแรง เหนื่อยเวลาลุกไปเข้าห้องน้ำ
OD : ผู้ป่วยหายใจเร็ว มีอาการเหนื่อยหลังการลุกไปเข้าห้องน้ำ
-สัญญาณชีพ
BT 36.5 °C
PR 58 ครั้ง/นาที
RR 18 ครั้ง/นาที
BP 155/91 mmHg
เสี่ยงต่อการได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ เนื่องจากการบีบตัวของหัวใจไม่มีประสิทธิภาพ
ข้อมูลสนับสนุน
OD : จากการสังเกตผู้ป่วยมีอาการหอบเหนื่อยตอนลุกนั่ง เดินเข้าห้องน้ำ นอนราบไม่ได้ หายใจเร็ว และมีประวัติเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาระบบทางเดินหายใจ เช่น สูบบุหรี่
-สัญญาณชีพ
BT 36.4 °C.
PR 64 ครั้ง/นาที
RR 18 ครั้ง/นาที
BP 114/61 mmHg
-HGB 12.4 g/dL
-HCT 39.1 %
-O2 sat 97 %
SD : ผู้ป่วยบอกว่าเหนื่อย นอนราบไม่ได้ไอมีเสมหะ
4.ถ้าผู้ป่วยมีไข้ต้องให้ยาลดไข้ตามแผนการ
รักษาและเช็ดตัวลดไข้เพื่อลดความต้องการและการใช้ออกซิเจน
5.ส่งเสริมให้มีการเคลื่อนไหวและเพิ่มการทำ
กิจกรรมทีละน้อย
6.ดูแลให้ผู้ป่วยดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2,000
มิลลิลิตร
3.ให้ออกซิเจนตามแผนการรักษา
7.ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยาอย่างถูกต้องตาม
แผนการรักษาและสังเกตอาการข้างเคียงของยา
2.จัดท่านอนศีรษะสูง (Semi Fowler's
position/high Fowler's position) ในกรณีที่ไม่ขัดกับการรักษาเพื่อให้ปอดขยายตัวได้อย่างเต็มที่และให้นอนพักอย่างสมบูรณ์เพื่อลดการใช้ออกซิเจน
1.ประเมินภาวะการหายใจและการขาด
ออกซิเจน โดยสังเกตลักษณะ อัตราการหายใจความลึกของการหายใจและวัดปริมาตรอากาศที่หายใจเข้า-ออก และวัดค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนโดยวัดที่ปลายนิ้ว
แบบแผนการนอนหลับเปลี่ยนแปลง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม
ข้อมูลสนับสนุน
SD : ผู้ป่วยบอกว่านอนไม่หลับ หลับๆตื่นๆ ตื่นบ่อย ขณะนอนได้ยินเสียงคนเดินไปมา
OD : มีสีหน้าง่วงนอน ซึม อ่อนเพลีย หาวนอนบ่อย หลับระหว่างวัน
3.วางแผนให้การพยาบาลโดยไม่รบกวน
ผู้ป่วยขณะหลับ
4.แนะนำให้ผู้ป่วยปฏิบัติในสิ่งที่จะช่วยให้นอน
หลับได้ดีขึ้นก่อนนอน เช่น ดื่มเครื่องดื่มอุ่น ๆ อ่านหนังสือ หรือสวดมนต์ เป็นต้น
1.ส่งเสริมให้ผู้ป่วยบอกถึงปัจจัยที่ทำให้นอน
ไม่หลับ
5.แนะนำให้หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟ่อิน
โดยเฉพาะมื้อเย็นเช่น น้ำชา กาแฟ และน้ำอัดลม ซึ่งจะทำให้นอนไม่หลับ
2.จัดสิ่งแวดล้อมให้รู้สึกสุขสบายผ่อนคลาย
และลดปัจจัยที่ทำให้นอนไม่หลับ เช่น แสง เสียง
สาเหตุ
ความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด เช่น มีผนังหัวใจหนามาก ผู้ป่วยโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะที่อายุน้อยๆ มักมี สาเหตุมาจากความผิดปกติมาตั้งแต่กำเนิด
ความผิดปกติทางร่างกายที่มีผลต่อการทำงานของหัวใจ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ซึ่งมักพบในผู้ป่วยกลุ่มที่เป็นผู้สูงอายุ
อาหารบางอย่าง เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม ช็อกโกแลต
ยารักษาโรคบางชนิด เช่น ยาที่มีส่วนประกอบของแอมเฟตามีน ยารักษาโรคหอบหืด เป็นต้น
ความผิดปกติอื่น ๆ ที่มีผลต่อการทำงานของหัวใจ เช่น ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ อิเล็กโทรไลต์ ในร่างกายผิดปกติ เช่น แมกนีเซียม โพแทสเซียม เป็นต้น
ความเครียดและความวิตกกังวล รวมถึงการอ่อนล้า พักผ่อนไม่เพียงพอ
พยาธิสภาพ
การบีบตัวอย่างรวดเร็วของหัวใจ ส่งผลทำให้เลือดเติมห้องหัวใจไม่ทัน ทำให้ cardiac output ลดลง ซึ่ง ผู้ป่วยจะแสดงอาการแบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ
อาการคงที่ (Stable) คือ ผู้ป่วยจะมีอาการใจสั่นอย่างเดียว โดยที่ไม่มีภาวะช็อกร่วมด้วย อาการไม่คงที่ (Unstable) คือ ผู้ป่วยมีอาการใจสั่นร่วมกับมีภาวะช็อกร่วมด้วย เช่น ระดับความรู้สึกตัวลดลง เหงื่อออกตัวเย็น ความดันโลหิตต่ำ เป็นต้น ซึ่งต้องได้รับการรักษาโดยเร่งด่วนมากกว่า ชนิดแรก ดังนั้นจำเป็นต้องประเมินและวินิจฉัยให้ถูกต้องและรวดเร็ว เพื่อให้การรักษาฉุกเฉินแก่ผู้ป่วยที่มี อาการไม่คงที่เพราะอาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้สูง
อาการและอาการแสดง
อาการที่พบในขณะที่หัวใจเต้นเร็วผิดปกติมีได้แตกต่างกัน บางคนอาจไม่มีอาการแม้จะมีหัวใจเต้นเร็ว ผิดปกติอยู่ตลอดเวลาก็ตาม บางคนมีอาการใจสั่นคล้ายจะเป็นลม บางคนมีอาการหัวใจบีบตัวแรงในบางจังหวะ บางคนเหนื่อยทั้ง ๆ ที่นั่งอยู่เฉย ๆ บางคนรู้สึกอ่อนล้า อ่อนเพลียหมดแรง ไม่อยากทำอะไรและอยากนอนตลอด ในขณะที่หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ บางคนหน้ามืดจนถึงหมดสติถ้าหัวใจเต้นเร็วหรือมีจังหวะที่หยุดเต้นเกิน 3 วินาที ผู้ป่วยที่มีอาการหัวใจเต้นเร็วผิดปกติหลายรายไปตรวจกับแพทย์แล้วอาจถูกสรุปว่าเป็นโรคเครียดคิดมาก เพราะการเต้นผิดปกติของหัวใจเกิดขึ้นนานๆครั้ง และตรวจไม่พบเมื่อตอนมาพบแพทย์ และตอนมีอาการก็ไม่ได้ไปให้ แพทย์ตรวจ บางครั้งการเต้นผิดปกติของหัวใจเกิดขึ้นช่วงสั้นๆ จะไปโรงพยาบาลเพื่อทำการตรวจรักษาก็ไม่ทัน การเต้นผิดปกติของหัวใจหายไปก่อน เพราะฉะนั้นแล้ว
จึงควรตรวจรักษาทุกครั้งที่มีอาการและอาการแสดง ถึงแม้อาการหัวใจเต้นผิดปกติจะหายแล้วก่อนจะไปพบแพทย์ก็ตาม เพราะการรักษาที่สาเหตุโดยตรง จะสามารถรักษาภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติให้หายขาดได้
ยาที่ได้รับ
Bisoprolol 5 MG TAB (C/D)
การออกฤทธิ์ ปิดกั้นการกระตุ้นเบต้า ตัวรับ Adrenergic ที่หัวใจถูกปิดกั้นมีผลทำให้อัตราการเต้นและแรงบีบตัวของหัวใจลดลง ความดันโลหิตลดลง ยับยั้งการสร้างเรนินที่ไตทำให้ความดันโลหิตลดลง
อาการข้างเคียง หัวใจเต้นช้า เต้นเร็วหรือไม่สม่ำเสมอ มึนงงหรือเป็นลม มือเท้าเย็น ชัก นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย สับสน ซึมเศร้า ฝันร้าย อาจหมดสมรรถภาพทางเพศ ปัสสาวะบ่อย สีเข้ม หายใจลำบาก ฟังปอดมีเสียงหวีด
การพยาบาล
วัดความดันโลหิต จับชีพจรก่อนให้ยาทุกครั้ง ชั่งน้ำหนักทุกวัน ดูสมดุลของน้ำดื่มและ ปัสสาวะ เพื่อประเมินภาวะน้ำเกิน เช่น บวม น้ำหนักขึ้น ฟังปอดได้ยินเสียง Crepita tion เส้นเลือดดำที่คอโป่งพอง เป็นต้น ถ้าพบสิ่งผิดปกติเหล่านี้ต้องรีบรายงานแพทย์
ติดตามผลการตรวจเลือด โดยดูระดับ BUN, Uric acid, Lipoprotein, Triglyceride, Serum electrolyte, Blood glucose, CBC, WBC, Platelets เพื่อดูหน้าที่ของไตและตับ
แนะนำให้ผู้ป่วยเปลี่ยนท่าช้าๆ เวลาลุกขึ้นนั่งหรือยืน หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น ดื่มสุรา และอากาศร้อน หากมีอาการมึนงงให้ระวังอุบัติเหตุจากการขับรถหรือจากเครื่องจักร
เหตุผลของการใช้ยา ผู้ป่วยมีอาการใจสั่น หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ