Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

chronic cholecystitis : ถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรัง - Coggle Diagram

- - - - ดูแลให้ผู้ป่วยพักผ่อนให้มากที่สุด โดยเฉพาะในระยะที่มีระดับ transaminase ขึ้นสูง
      - หลีกเลี่ยงการเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายที่ต้องใช้แรงมาก เช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล หรือทำงาน ที่ต้องออกแรงมาก
      - แนะนำให้รับประทานอาหารและน้ำอย่างเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย อาหารควร ย่อยง่าย ไขมันต่ำ แต่ให้พลังงานสูงจากคาร์โบไฮเดรต เช่น ขนมหวาน น้ำหวาน
      - สังเกตอาการ ระยะเวลา และการเปลี่ยนแปลงของโรค ได้แก่ การมีไข้ อาการเหลือง ปัสสาวะ สีชาเข้ม อุจจาระสีเหลืองอ่อน อาการอ่อนเพลีย ท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียน สิ่งเหล่านี้จะช่วยบอก ถึงระยะของโรคและเป็นแนวทาง ในการให้อาหารที่เหมาะสม
      - ถ้ามีอาการอ่อนเพลียมากควร แนะนำให้พักผ่อนมากๆ จำกัดกิจกรรมที่ทำ
      - ดูแลให้ได้รับยาบำรุงตับตามแผนการรักษา
      - แนะนำให้หลีกเลี่ยงปัจจัยที่จะทำให้ตับอักเสบรุนแรงขึ้น ตับอักเสบเรื้อรังหรือตับแข็ง เช่น งดดื่มเหล้า ไม่ใช้ยา Paracetamol INH Erythromycin เป็นต้น
      - แนะนำให้ติดตามตรวจเลือดดูเชื้อไวรัส ของตับและทดสอบการทำงาน
    - - OD :
        
        SGPT = 214 U/L
        
        SGOT =586 U/L
        
        มีตาและตัวเหลือง
        
        อ่อนเพลีย
  - - - ประเมินระดับความปวด โดยการซักถาม การสังเกตอาการแสดง เช่น หน้านิ่วคิ้วขมวด นอนตัวเกร็ง กำมือแน่น ไม่เคลื่อนไหว เหงื่อออก หน้าซีด ชีพจร เต้นเร็ว ระดับความรุนแรงของความปวด โดยใช้มาตรวัดความปวดเป็นตัวเลข (Pain scale)
      - จัดสภาพแวดล้อมให้เงียบสงบ อากาศถ่ายเทได้สะดวกเพื่อให้ผู้ป่วยพักผ่อน ได้เพียงพอ
      - จัดท่านอนให้อยู่ในท่าศีรษะสูงและท่าที่สุขสบาย เพื่อให้ผู้ป่วยหายใจสะดวกและลดการเกร็งของกล้ามเนื้อหน้าท้องและทรวงอก
      - สอนและช่วยผู้ป่วนใช้หมอนประคองบริเวณหน้าอกหรือกอดหมอน ในขณะเคลื่อนไหว ไอ จาม เพื่อลดการกระทบกระเทือนแผลบริเวณทรวงอกและหน้าท้อง
      - ประเมินผลของการให้การพยาบาลในการบรรเทาปวด
      - รายงานแพทย์ถ้าอาการปวดไม่ดีขึ้นเพื่อหาวิธีบำบัดความปวดที่มีประสิทธิภาพ
      - ให้ยาแก้ปวดตามแผนการรักษา
      - สอนและกระตุ้นให้ผู้ป่วยใช้วิธีบรรเทาปวดโดยวิธีที่ไม่ใช้ยา (non pharmacological therapies) เช่น การฝึกผ่อนคลายโดยการหายใจให้ผู้ป่วย นอนศีรษะสูง หรือนั่งในท่าที่สบาย หายใจเข้า-ออกช้า ๆ ลึก ๆ กระดกปลายเท้า ขณะหายใจเข้าให้เกร็งกล้ามเนื้อไว้ และคลายเมื่อหายใจออกทำสลับกับการหายใจเข้า ปกติ 30-60 วินาที
    - - SD : ผู้ป่วยบอกว่าปวด pain scale 4
        OD : ผู้ป่วยแสดงสีหน้าเจ็บปวด เหงื่อออก หน้าซีด
        ตอนเย็นได้รับยาแก้ปวด
  - - - ส่งเสริมให้ผู้ป่วยบอกถึงปัจจัยที่ทำให้นอนไม่หลับ
      - จัดสิ่งแวดล้อมให้รู้สึกสุขสบายผ่อนคลายและลดปัจจัยที่ทำให้นอนไม่หลับ เช่น แสง เสียง
      - วางแผนให้การพยาบาลโดยไม่รบกวนผู้ป่วยขณะหลับ
      - แนะนำให้ผู้ป่วยปฏิบัติในสิ่งที่จะช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้นก่อนนอน เช่น ดื่มเครื่องดื่มอุ่น ๆ อ่านหนังสือ หรือสวดมนต์ เป็นต้น
      - แนะนำให้หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟ่อินโดยเฉพาะมื้อเย็นเช่น น้ำชา กาแฟ และน้ำอัดลมซึ่งจะทำให้นอนไม่หลับ
    - - SD : ผู้ป่วยบอกว่านอนไม่หลับ หลับๆตื่นๆ ตื่นบ่อย
        ขณะนอนได้ยินเสียงคนเดินไปมา
        OD : มีสีหน้าง่วงนอน ซึม อ่อนเพลีย หาวนอนบ่อย
        หลับระหว่างวัน
  - - - ประเมินอาการและอาการแสดงของการติดเชื้อ เช่น มีไข้ ปวดท้อง ท้องอืดหรือแน่นท้อง คลื่นไส้และอาเจียน เบื่ออาหาร ปัสสาวะออกน้อย อ่อนเพลีย มึนหัวหรือไม่มีแรง เพื่อให้ทราบถึงอาการของผู้ป่วยว่ามีอาการที่บ่งชี้ถึงการติดเชื้อหรือไม่
      - บันทึกสัญญาณชีพทุก 4 ชม. และสังเกตอาการผิดปกติต่างๆ เพื่อให้ทราบถึงภาวะการติดเชื้อในช่องท้องและทราบถึงการตอบสนองต่อการรักษา
      - ดูแลความสะอาดแผลหน้าท้องและแผลช่องทางออกของสาย เพื่อช่วยในการควบคุมเชื้อโรคและป้องกันการติดเชื้อในช่องท้อง
      - ลดปัจจัยจะส่งเสริมให้ผู้ป่วยเกิดภาวะติดเชื้อเพิ่มขึ้น โดยใช้เทคนิคในการพยาบาล อย่างมีมาตรฐานเทคนิคปลอดเชื้อต่างๆ
      - จัดสภาพแวดล้อมตัวผู้ป่วยให้สะอาดเช่น เตียง ที่นอน ผ้าปูเตียง ปลอกหมอน รวมทั้ง ดูแลของใช้ให้สะอาด เพื่อป้องกันเชื้อโรคไม่ให้ สัมผัสกับแผลบริเวณหน้าท้อง
      - ทำความสะอาดบริเวณ Perineum หลังการขับถ่ายปัสสาวะทุกครั้ง ดูแลอย่าให้เปียกชื้นและหมักหมก เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
      - ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ได้แก่ WBC,HCT, Albumin ตามแผนการรักษา จำนวน WBC ต่ำกว่าปกติ (ต่ำกว่า4,500 cell/uL) ทำให้มีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย และ HCT ต่ำกว่าปกติ ร่างกายจะมีภูมิคุ้มกันต่อโรคลดลง
    - - SD : ผู้ป่วยบอกว่าปวดท้อง pain scale 4
      - OD : ผู้ป่วยแสดงสีหน้าเจ็บปวด เหงื่อออก หน้าซีด
        ปวดแผลตอนทำแผล
      - WBC 10980 cell/uL
      - Albumin 4.57 g/dL
      - HCT 42.3 %
- - - - การผ่าตัดถุงน้ำดีแบบเปิดหน้าท้อง
        (Open cholecystectomy) เป็นวิธีการผ่าตัดแบบเดิม ในปัจจุบันแพทย์จะเลือกใช้ในกรณีที่ถุงน้ำดีมีอาการอักเสบมากหรือแตกทะลุ
      - การผ่าตัดถุงน้ำดีโดยการส่องกล้อง
        (Laparoscopic cholecystectomy) เป็นวิธีการผ่าตัดแบบใหม่ที่ได้กลายเป็นการรักษามาตรฐานมานานแล้ว เพราะอาการปวดแผลหลังการผ่าตัดจะมีน้อย
- - - - เป็นกรณีที่พบได้เพียงส่วนน้อยประมาณ 5-10% โดยอาจเกิดจากถุงน้ำดีติดเชื้อแบคทีเรีย, เกิดจากเนื้องอกของถุงน้ำดีหรือของท่อน้ำดี, เกิดจากท่อน้ำดีตีบตันจากสาเหตุต่าง ๆ ที่ไม่ใช่จากนิ่ว, เกิดจากโรคไทฟอยด์ , เกิดจากถุงน้ำดีได้รับอุบัติเหตุและเกิดการฉีกขาด
    - - ส่งผลให้น้ำดีไหลออกจากถุงน้ำดีเข้าสู่ลำไส้ไม่ได้ ทำให้ถุงน้ำดีมีแรงดันเพิ่มขึ้นและมีการยืดขยายตัวมากขึ้นจนไปกดเบียดหลอดเลือดต่าง ๆ ที่หล่อเลี้ยงถุงน้ำดี ทำให้เยื่อบุผนังของถุงน้ำดีขาดเลือด เป็นผลให้เกิดการบาดเจ็บและเกิดการอักเสบขึ้นตามมา หรืออาจเกิดจากการระคายเคืองของสารเคมีบางชนิดอันเป็นผลมาจากปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นภายในถุงน้ำดี หรือเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
    - - ภาวะอ้วน
      - อาหาร
      - เชื้อชาติ
      - เพศหญิง
      - โรคเบาหวาน เนื่องจากผู้ป่วยโรคเบาหวานมีแนวโน้มที่จะมีระดับของไขมันทั้งคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride ซึ่งเป็นไขมันอีกชนิดที่เพิ่มโอกาสการเกิดนิ่วในถุงน้ำดีได้) สูงขึ้น และถุงน้ำดีจะมีการบีบตัวน้อยในผู้ที่มีน้ำตาลในเลือดสูง จึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในถุงน้ำดีได้ง่ายขึ้น