Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
พระอภัยมณีตอนพอภัยมณีหนีนางผีเสื่อสมุด - Coggle Diagram
พระอภัยมณีตอนพอภัยมณีหนีนางผีเสื่อสมุด
ประวัติู้แต่ง
พระสุนทรโวหาหรื่อสุนทรภู่เกิดเมื่อวันที่26มิถุนายน2329ตรงกับวันจันทร์ขึน1ค่ำเดือน8ปีมะเมียจุลศักราช1148
ความเป็นมา
เป็นผลงานดีเด็นของสุนทรภู
ลักาณะคำประพันธ์
เป็นกลอนนิทานที่ประพันธ์ด้วยกลอนสุภาพที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของสุนทรภู่
เรื่องย่อ
กล่าวถึงพระอภัยมณีอยู่กับนางผีเสื้อจนมีบุตรชาย หน้าตาเหมือนพระบิดา แต่ดวงตาแดงดังสุรีย์ฉาย(พระอาทิตย์) มีกำลังดังพระยาคชาพลาย(ช้าง) มีเขี้ยวคล้ายชนนีมีศักดา(อำนาจ) พระบิดามีความรักใคร่เลี้ยงดูมาจนอายุได้แปดปี จึงให้ชื่อว่าสินสมุทร สอนวิชาเป่าปี่และเพลงอาวุธให้จนชำนาญ วันหนึ่งนางผีเสื้อน้ำออกจากถ้ำไปหาอาหาร ฝ่ายสินสมุทรซึ่งรักพ่อมากกว่าแม่ เห็นพระอภัยหลับอยู่ก็หนีไปวิ่งเล่นในถ้ำ เห็นแผ่นหินปิดปากถ้ำไว้ จึงเข้าลองผลักเล่น แต่ด้วยมีกำลังมาก ก็พังออก มองออกไปเห็นหาดทรายงาม ทะเลกว้างและป่าที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ก็ตื่นตาตื่นใจ ออกวิ่งเล่นและว่ายน้ำด้วยความสนุกสนาน ไปพบเงือกเข้าก็แปลกใจ เห็นเป็นครึ่งคนครึ่งปลา จึงจับไปให้พระบิดาดู พระอภัยทราบว่าสินสมุทรมีกำลังมากสามารถผลักหินที่ปิดปากถ้ำออกได้ ก็ตกใจบอกว่าถ้าแม่ของสินสมุทรรู้ก็จะโกรธ ด้วยเกรงว่าจะพาพระบิดาหนี จะพากันตายหมด
สินสมุทรได้ฟังก็สงสัยจึงถามความจริงจากพระบิดา พระอภัยก็เล่าให้ฟังจนหมดสิ้น สินสมุทรรู้เรื่องแล้วก็เสียใจที่มีแม่เป็นยักษ์ ฝ่ายเงือกน้ำฟังภาษามนุษย์รู้เรื่อง ก็ขออาสาพระอภัยที่ได้ไว้ชีวิตว่า จะใช้ตนทำอะไรก็จะรับใช้ทุกอย่าง พระอภัยเห็นว่าเงือกพูดได้และได้ฟังเรื่องแล้วก็เกิดความสงสาร แล้วบอกว่าตนต้องการหนีนางผีเสื้อ แต่ไม่รู้ว่าจะไปแห่งหนใดเพราะไม่รู้ทาง ขอให้เงือกผู้เจนทางกลางทะเลช่วยแนะนำด้วย เงือกน้ำจึงบอกว่า
ที่นี่เป็นถิ่นที่อยู่ของนางผีเสื้อ ข้างฝ่ายเหนือถึงมหิงษะสิงขร ข้างทิศใต้ไปเกาะแก้วมังกร ใช้เวลาเดินทางเจ็ดเดือนจึงจะถึง แถวนี้จะไม่มีบ้านเรือนคนเลย แต่บางทีมีเรือสำเภาชาวเกาะเมืองลังกา เขาแล่นมาบ้าง บางครั้งถ้าเรือแตกพวกเงือกจะมาเลือกเอาคนไปเป็นคู่ เหมือนปู่ย่าของข้าที่เป็นมนุษย์ข้าจึงรู้ภาษามนุษย์ อายุข้าห้าร้อยแปดสิบเศษ จึงรู้จักถิ่นแถวนี้ดีถ้าจะหนีนางผีเสื้อผู้มีกำลังมากคงจะยาก แต่มีโยคีตนหนึ่งมีเวทมนต์มาก อายุถึงพันเศษ อยู่เกาะแก้วพิสดาร กินลูกไม้เผือกมันเป็นอาหาร เวลาพวกแขกฝรั่งและอังกฤษเรือแตกก็จะมาพึ่งพิงฤาษีตนนี้เพราะมีมนต์ดลวิชา ปราบบรรดาภูติพรายไม่กรายไป ถ้าท่านจะคิดหนีต้องหนีไปที่เกาะแก้วพิสดารนี้จึงจะรอดเพราะนางยักษ์จะทำอะไรไม่ได้ เผื่อวันใดมีเรือสำเภาหลงเข้ามาจะได้อาศัยติดเรือกลับไปบ้านเมือง แต่ระยะทางจากนี่ไปไกลเหลือเกิน มีแต่ทะเลกับป่าและไม่มีความสะดวกสบายใดๆ จึงขอให้พระอภัยคิดให้ดีเสียก่อน แล้วเงือกก็บอกว่า ด้วยกำลังของตนจะพาหนีก็ต้องใช้เวลาถึงเจ็ดราตรี แต่นางผีเสื้อน้ำมีกำลัง ถ้าติดตามไปเพียงสามวันก็จะตามทัน ถ้าจะแก้ไขให้นางผีเสื้อน้ำไปอยู่ป่าล่วงหน้าก่อนก็จะค่อยยังชั่วบ้าง
พระอภัยได้ฟังความแล้วก็ค่อยคลายทุกข์ แล้วให้เงือกกับสินสมุทรช่วยกันไปปิดปากถ้ำไว้อย่างเดิม อย่าให้เป็นที่สงสัยของนางผีเสื้อน้ำได้ จากนั้นเงือกก็ลาไป เมื่อนางผีเสื้อกลับมายังถ้ำก็แปลงร่างเป็นสาวสวย เอาผลไม้มาให้พระอภัย เมื่อค่ำลงก็พากันหลับไป ฝ่ายนางผีเสื้อเมื่อจะพรากจากลูกผัว ได้เกิดฝันว่า เทวดาที่อยู่เกาะนั้นมาทำลายถ้ำ แล้วเอาพะเนิน(ค้อนใหญ่) ทุบนางจนแทบถึงชีวิต จากนั้นได้ควักเอาดวงตาไปด้วย เมื่อนางตื่นขึ้นจึงเล่าความฝันให้พระอภัยฟัง แล้วขอให้ทำนายฝันให้ด้วย
พระอภัยได้ฟังแล้วก็เห็นว่าที่ตนคิดจะหนีนางผีเสื้อนั้นคงจะไปได้ แต่นางผีเสื้อจะเป็นอันตราย จึงแกล้งทำนายฝันว่าเป็นฝันร้ายนัก ตามตำราว่าเทวดานั้นคือ มัจจุราชหมายเอาชีวิต แล้วแกล้งทำโศกเศร้าแนะนำให้นางผีเสื้อสะเดาะเคราะห์ นางผีเสื้อก็ขอคำแนะนำว่าจะให้นางสะเดาะเคราะห์ด้วยวิธีการอย่างใด พระอภัยจึงบอกให้นางไปอยู่ผู้เดียวที่ตีนเขา แล้วอดข้าวอดปลาให้ครบสามวัน นางผีเสื้อก็เชื่อแล้วออกไปอยู่ที่เขาใหญ่ สินสมุทรสงสารแม่ยิ่งนัก ร้องไห้อาลัยด้วยความเป็นห่วงแม่ พระบิดาจึงห้ามไม่ให้สินสมุทรตามแม่ไป
เมื่อนางผีเสื้อไปแล้ว พระอภัยก็ให้สินสมุทรผลักแผ่นศิลาปิดปากถ้ำออกไปแล้วพากันไปที่หาดทราย ฝ่ายเงือกน้ำก็พาลูกเมียไปรอแล้วก็พาพระอภัยขึ้นบ่าพาไป ส่วนสินสมุทรก็ขี่หลังเมียเงือก บรรดาสัตว์น้ำทั้งหลายไม่กล้าเข้าใกล้ ด้วยกลิ่นตัวของสินสมุทรคล้ายผีเสื้อผู้เป็นมารดา ส่วนลูกสาวเงือกก็ว่ายน้ำตามไปโดยไม่ยอมหยุดพัก ด้วยเกรงนางผีเสื้อจะตามมาทัน
ฝ่ายนางผีเสื้อสมุทร อดปลาอดนอนได้สามวันก็อ่อนกำลังจวนเจียนถึงชีวิต เมื่อครบกำหนดแล้วก็หาผลไม้มากิน แล้วกลับมายังถ้ำ เห็นประตูถ้ำเปิดอยู่ เข้าไปดูในถ้ำไม่พบใครก็ตกใจ แลดูปี่ที่เป่าก็หายไปด้วยก็รู้ว่าพากันหนีนางไปแล้ว มีความเสียใจมากที่ทั้งลูกและผัวหนีจากไป แล้วก็เกิดความโกรธ ออกติดตามดูร่องรอยในมหาสมุทรก็ไม่พบ จึงเรียกสมุนของตนที่เป็นปีศาจ ภูติพรายมาซักถาม พวกผีที่อยู่ทิศใต้ แจ้งว่า เห็นเงือกพามนุษย์ไปทางทิศใต้เมื่อคืนวานซืน ตนจะตามไปก็เกรงขามเด็กตัวเล็กแต่ไม่กลัวผี
นางผีเสื้อรู้ความแล้วก็รีบติดตามไปอย่างรีบร้อนและโกรธมาก ทำลายทุกสิ่งที่กีดขวางทางอย่างโมโหไปตลอดทางฝ่ายพระอภัยมณี หนียักษ์มาได้ห้าคืน เห็นทะมื่นมาข้างหลังดังสะเทือนไปหมด จึงถามเงือกว่า เกิดอะไรขึ้น ฝ่ายเงือกรู้ว่าสิ่งนั้นคือ ฤทธิ์ของยักษ์จึงตอบพระอภัยไปว่า นางยักษ์กำลังตามมา คงจะทันกันในวันนี้ หนีไม่พ้น เห็นจะตายลงด้วยกันแน่ๆ พระอภัยจึงบอกเงือกว่า ให้เงือกหนีไปเสีย ส่วนสินสมุทรก็ให้กลับไปกับแม่ตัวเขาจะขอสู้จนตายแต่ผู้เดียว สินสมุทรตอบว่า จะไม่ทิ้งพระบิดา ถ้าแม้แม่ตามมาจะห้ามไว้ แล้วให้พระบิดารีบหนีไปก่อน
ฝ่ายนางผีเสื้อสมุทรตามมาได้สามวันก็ตามทันผัวกับลูกน้อย ฝ่ายเงือกน้ำสิ้นกำลังที่จะพาพระอภัยหนีต่อไป จึงเรียกลูกสาวให้ช่วยพาพระอภัยหนีต่อ
สินสมุทรเห็นมารดาในร่างเดิม ไม่ใช่ร่างนิมิตที่ตนเคยเห็น ก็สงสัยออกขวางกลางน้ำ แล้วร้องถามว่าเป็นสัตว์บกหรือสัตว์น้ำทำไมดำนักหนา ที่ตามมานั้นต้องประสงค์อะไร นางผีเสื้อน้ำได้ยินคำพูดของลูกก็ให้นึกอดสู จึงตอบไปว่าตนไม่ใช่ชาติยักษ์ เมื่ออยู่ในถ้ำไม่ได้แปลงร่าง แต่ออกเดินทางอย่างนี้ต้องนิมิต รูปจึงผิดไปกว่าเก่าจนเป็นที่สงสัย แล้วถามว่าพ่อไปอยู่ที่ไหน สินสมุทรได้ฟังสำเนียงก็รู้ว่าเป็นแม่ แต่ดูรูปร่างแล้วน่าสมเพช ด้วยเหตุนี้พระบิดาจึงหนี จึงแกล้งบอกว่าตนไม่เชื่อ ถ้าหากเป็นแม่จริงก็อย่าตามมา ด้วยแม่เป็นผีเสื้อ แต่พระบิดาเป็นมนุษย์จึงขอให้ปล่อยพระบิดาไป ส่วนตนนั้นจะขอลาไปเที่ยวสักหนึ่งปี ถ้าได้พบ อา ย่า ปู่ อยู่เป็นสุขแล้วก็จะชวนพระบิดากลับมาหามารดาต่อไป
นางผีเสื้อรู้ทันสินสมุทร เมื่อเจรจาหว่านล้อมไม่เป็นผลแล้วนางจึงเข้าโจนจับสินสมุทร แต่สินสมุทรก็หลบหลีกไปได้ แล้วหนีล่อให้มารดาตามตนไปอีกทาง หมายให้ห่างพระบิดา นางผีเสื้อก็ไล่ตาม จะจับให้ได้ แต่สินสมุทรดำน้ำหนีไป นางผีเสื้อหาลูกและผัวไม่พบ จึงอ่านพระเวท มองหาพระอภัย เมื่อเห็นแล้วก็ติดตามไปพบเงือกยายตา
ที่อ่อนกำลังว่ายน้ำอยู่จึงเข้าไปจับแล้วซักถาม สองเงือกก็หลอกนางผีเสื้อว่า พระอภัยอยู่บนเขาริมทางที่ผ่านมา ตนจะพาไปจับตัว ถ้าไม่เหมือนคำที่สัญญา ก็ขอให้ฆ่าตนทั้งสองเสีย นางผีเสื้อก็เชื่อ เงือกพานางผีเสื้อมาได้ครึ่งวันแล้วก็พูดล่อหลอกต่อไป แต่นางผีเสื้อรู้ทันจึงว่าสองเงือกตอแหล จึงหักขาฉีกสองแขน แล้วเคี้ยวกินเงือกทั้งสองนั้นเสีย จากนั้นก็ออกติดตามพระอภัยต่อไป
ฝ่ายเงือกสาวพาพระอภัยและสินสมุทร มาถึงเกาะแก้วพิสดาร พระอภัยก็ดีใจว่าคงจะรอดตายแล้ว ฝ่ายโยคีที่อยู่บนภูเขา กับพวกเรือแตกทั้งหลาย มีทั้งจีนแขกไทยชวาฝรั่งจำนวนมาก พระโยคีได้ยินเสียงดังโครมครามก็จับยามสามตาดู แล้วบอกศิษย์ซึ่งนั่งอยู่ทั้งหลายว่า วันนี้ชายมีศักดิ์จักมาหา แต่มีผีเสื้อน้ำทำฤทธิ์ติดตามมาด้วย เราจะต้องไปช่วยเสียหน่อย พระอภัยหนีผีเสื้อสมุทรมาถึงฝั่ง นางผีเสื้อตามมาทันเกือบจะจับพระอภัยได้ แต่พระโยคีช่วยไว้ได้ทัน ตวาดเสียงดังนางผีเสื้อกลัวยืนตัวสั่นอยู่ไม่กล้าขึ้นฝั่ง พระอภัยกับสินสมุทรช่วยกันลากนางเงือกสาวขึ้นฝั่งได้แล้วก้มกราบโยคีขอให้ช่วย โยคีก็มีเมตตาบอกว่าจะช่วยแต่ขอให้เล่าความจริงให้ฟังก่อน พระอภัยจึงเล่าความจริงให้ฟัง โยคีจึงบอกว่าไม่ต้องกลัวให้พักอยู่ที่นี่เถอะ เพราะยักษ์หรือภูตผีขึ้นมาบนเกาะไม่ได้เนื่องจากพระฤาษีเสกคาถาอาคมไว้ ถ้ามาถูกทรายก็จะขาดใจตายทันที มันแค่อยู่ห่างๆไม่เป็นไร ฝ่ายนางผีเสื้อวิงวอนพระอภัยขอติดตามไปด้วยจนตลอดชีวิต ขอให้พระอภัยอย่าได้ตัดรอนความรักของเธอเลย พระอภัยได้ฟังก็สงสาร และได้ชี้แจงนางไปถึงความจำเป็น และเหตุผลที่ต้องหนีมา โดยบอกว่า เราเป็นคนละเผ่าพันธุ์อยู่ด้วยกันไม่ได้ ขอให้หักใจเสีย ถ้าชาติหน้ามีจริงขอให้ได้พบกันใหม่อย่าได้แคล้วคลาดจากกันเหมือนชาตินี้เลย นางผีเสื้อก็พยายามอ้อนวอนทำทีว่าขอให้เห็นใจในความรักของเธอด้วย หากพระอภัยไม่เห็นใจนางๆก็จะขอลาตายแต่ขอให้พระอภัยลงมากลางน้ำนี้ก่อนเถิด นางจะให้มนต์เวทวิเศษแก่พระอภัย แล้วร้องเรียกสินสมุทรว่า ให้มาด้วยกันกับพ่อ ก่อนที่แม่จะขอลาตาย สินสมุทรสุดแสนสงสารแม่แล้วบอกว่า ลูกรู้ว่าแม่รักลูกไม่ลืมบุญคุณหรอก ถึงตัวไกลใจลูกยังผูกพัน อย่าโกรธลูกเลย แม่กลับไปอยู่ถ้ำเสียเถิด
ฝ่ายพระโยคีก็ช่วยพูดจาปลอบโยนและให้โอวาทนางผีเสื้อ แต่นางผีเสื้อไม่ฟัง และโกรธต่อว่าด่าทอพระโยคีด้วยคำหยาบต่าง ๆนานา ด่ารวมไปถึงเงือกสาว ว่ามายุ่งเรื่องผัวเมียคนอื่น จนพระโยคีโกรธ เสกทรายขว้างไป ทรายนั้นเป็นดังลูกปืนยิงยักษ์เจ็บปวดไปหมด นางผีเสื้อกลัวตัวสั่นงันงกจึงหลบออกไป