Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การบัญชีเกี่ยวกับค่าแรงงาน - Coggle Diagram
การบัญชีเกี่ยวกับค่าแรงงาน
ความหมายของค่าแรงงาน
คำว่า"ค่าแรง"ในที่นี้หมายถึงค่าจ้างและเงินเดือนการจ่ายค่าจ้างมากระทำเป็นรายชั่วโมงรายวันรายชิ้นหรือรายเดือนแบ่งประเภทของค่าแรงออกเป็น 2 ประเภท
1.ค่าแรงทางตรง
เป็นค่าแรงที่กิจการจ่ายให้คนงานที่ทำหน้าที่ในการผลิตสินค้าโดยตรงคือเป็นผู้ทำการแปรสภาพวัตถุดิบให้กลายเป็นสินค้าสำเร็จรูป
2.ค่าแรงทางอ้อม
เป็นค่าแรงที่จ่ายให้คนงานหรือพนักงานที่อยู่ในแผนกอื่นๆในโรงงานที่ไม่ได้ทำการผลิตโดยตรงหลักเกณฑ์การพิจารณาว่าแรงงานดังกล่าวเข้าลักษณะแรงงานทางตรงหรือไม่อยู่ 2 ประการคือ
1.แรงงานดังกล่าวต้องเป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตสินค้าโดยตรง
2.สามารถคำนวณค่าแรงงานเข้าเป็นต้นทุนในการผลิตสินค้าหนึ่งหน่วยได้โดยง่าย
การควบคุมเกี่ยวกับค่าแรง
ค่าแรงที่จ่ายให้คนงานปกติคำหลังจากผลงานที่ได้รับไม่ว่าจะเป็นค่าแรงทางตรงหรือทางอ้อมในการจัดการเกี่ยวกับแรงงานจึงต้องมีแผนกต่างๆเข้ามาเกี่ยวข้องดังนี้
1.แผนกบุคลากร มีหน้าที่จัดหาแรงงานต่างๆเข้ามาในโรงงานหน้าที่โดยสรุปของแผนกนี้คือ
1.การกำหนดมาตรฐานแรงงาน
2.การว่าจ้าง
3.การฝึกอบรม
4.สวัสดิการ
2.แผนกการวางแผนการผลิต มีหน้าที่ในการกำหนดแผนการผลิตว่าจะใช้แรงงานประเภทใดแผนกใดเป็นจำนวนเท่าใด
3.แผนกบัญชีที่เกี่ยวกับค่าแรงมีหน้าที่เก็บเวลาทำงานของคนงานคำนวณค่าแรงวิเคราะห์ค่าแรงเข้างานและจ่ายค่าแรงให้คนงานแผนกที่ทำหน้าที่นี้อาจแบ่งเป็น 3 แผนกย่อยๆคือ
1.แผนกควบคุมเวลาทำงาน
2.แผนกค่าแรง
3.แผนกบัญชีต้นทุน
เอกสารที่ใช้ประกอบกระบวนการเกี่ยวกับค่าแรงได้แก่
1.บัตรลงเวลาหรือบัตรนาฬิกา
เป็นบัตรที่จัดทำสำหรับคนงานแต่ละคนในแต่ละงวดค่าแรงเพื่อให้คนงานบันทึกเวลาเข้า-ออกในโรงงาน
2 บัตรบันทึกเวลาทำงาน
บัตรที่ใช้บันทึกเวลาที่พนักงานใช้ไปในการผลิตในลักษณะต่างๆเพื่อแสดงให้ทราบว่าพนักงานทำงานประเภทใดที่หลาย
3 ทะเบียนค่าแรง
เป็นหน้าที่ของแผนกค่าแรงที่จะจัดทำทะเบียนค่าแรงขึ้น
4 ใบสรุปต้นทุนค่าแรงงาน
เมื่อมีการคำนวณค่าแรงของคนหลังแต่ละคนและวิเคราะห์จำแนกค่าแรงแล้ว
การคำนวณต้นทุนค่าแรง
การคำนวณค่าแรงเบื้องต้นเป็นค่าแรงก่อนหักรายการต่างๆของคนงานโดยคำนวณจากชั่วโมงการทำงานกรณีคนงานได้รับค่าจ้างเป็นรายชั่วโมงหรืออ่านคำนวณจ่ายเป็นรายชิ้นงานค่าแรงเบื้องต้นนี้คำว่าได้จากค่าเป็นปกติรวมกับค่าแรงล่วงเวลาดังนี้ คือ
1.เงินการคำนวณค่าแรงปกติค่าแรงปกติคือค่าแรงที่จ่ายให้คนงานที่ทำงานในเวลาทำงานปกติจะคำนวณตามรายชั่วโมงทำงานหรืออาจคำนวณตามชิ้นงานก็ได้
การคำนวณตามชั่วโมงการทำงาน
ค่าแรงปกติ = จำนวนชั่วโมงการทำงาน × อัตราค่าแรงรายชั่วโมง
การคำนวณตามชิ้นงาน
ค่าแรงปกติ = จำนวนหน่วยที่ผลิตได้ × อัตราค่าแรงรายชิ้น
2.การคำนวณค่าแรงล่วงหน้าในประเทศไทยการกำหนดชั่วโมงทำงานของคนงานและอัตราค่าจ้างขั้นต่ำต้องเปลี่ยนไปตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานแต่ต้องไม่เกินสัปดาห์ละ 48 ชั่วโมงหากลูกจ้างทำงานเกินกว่าเวลาและชั่วโมงปกติที่กิจการกำหนดไว้นายจ้างจะต้องจ่ายค่าแรงล่วงหน้าให้แก่ลูกจ้างอัตราค่าแรงเวลาตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน
1.อัตราค่าล่วงเวลาในวันทำงานปกติ
2.อัตราล่วงเวลาในวันหยุด
การวิเคราะห์และจำแนกประเภทของค่าแรง
เมื่อพนักงานในแผนกค่าแรงได้คำนวณค่าแรงที่กิจกรรมจะต้องจ่ายในแต่ละงวดเสร็จแล้วก็จะมอบให้พนักงานที่ทำหน้าที่วิเคราะห์ค่าแรงได้ทำการวิเคราะห์ค่าแรงของวันนั้นๆออกเป็นค่าแสดงทางตรงและค่าแรงทางอ้อม
การจ่ายค่าแรง
การจ่ายค่าแรงให้แก่คนงานหรือพนักงานอาจจ่ายให้ตามรายชิ้นของผลงานที่ทำได้หรืออาจจ่ายเป็นรายชั่วโมงที่ทำงานบางประเทศอาจจ่ายในรูปของเงินเดือนประจำการจ่ายค่าแรงและเงินเดือนดังกล่าวอาจจ่ายเป็นเงินสดหรือเช็คก็ได้
การบันทึกบัญชีเกี่ยวกับค่าแรง
การบันทึกบัญชีเกี่ยวกับค่าแรงจะประกอบด้วย 3 ขั้นตอนคือ
1.บันทึกค่าแรงเบื้องต้นรายการหักต่างๆและค่าแรงสุทธิ
2.บันทึกค่าแรงเป็นต้นทุนการผลิต
3.บันทึกการจ่ายค่าแรงแก่คนงาน
เงินพิเศษต่างๆและสวัสดิการ
ในกิจการโดยทั่วไปมักมีค่าตอบแทนที่จะถือเป็นแรงจูงใจหรือเป็นขวัญกำลังใจให้กับพนักงานค่าตอบแทนเรานี้
ค่าล่วงเวลา
ค่าแรงที่จ่ายให้พนักงานหรือคนงานในช่วงนอกเวลางานปกติซึ่งตามกฎหมายแรงงานนายจ้างต้องจ่ายค่าแรงชนิดนี้อัตราสูงกว่าค่าแรงปกติ
เงินรางวัลพนักงาน
เงินรางวัลพนักงานเป็นผลตอบแทนที่กิจการจ่ายไปเพื่อฝันและกำลังใจแก่พนักงานนอกเหนือจากค่าจ้างหรือเงินเดือน
ค่าแรงระหว่างวันหยุดพักผ่อน
ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันมาครบ 1 ปีมีสิทธิ์หยุดพักผ่อนประจำปีไม่น้อยกว่าปีละ 6 วันทำงาน
เงินบำนาญ
เงินที่ลูกจ้างจะได้รับเมื่อเกษียณอายุ การกำหนดนโยบายเกี่ยวกับเงินบำนาญ กิจการอาจกำหนดเพียงฝ่ายเดียวหรืออาจกำหนดร่วมกับลูกจ้างกิจการบางแห่งเป็นผู้จ่ายเงินบำนาญให้ลูกจ้างฝ่ายเดียว บางกิจการหักจากเงินได้ของลูกจ้างส่วนหนึ่ง และกิจการจ่ายสมทบอีกส่วนหนึ่ง
ถ้าเข้ากะ
เป็นเงินพิเศษที่คิดจากการจ่ายให้ลูกจ้างกรณีทำงานนอกเวลาปกติซึ่งเป็นการจ่ายให้เป็นกรณีพิเศษเพื่อชดเชยกับการที่ลูกจ้างทำงานในตอนกลางคืน
เงินชดเชยเมื่อออกจากงาน
เป็นเงินที่บริษัทจ่ายให้พนักงานในกรณีที่ให้พนักงานออกจากงานโดยไม่ไม่มีความผิดอาจเนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดีกิจการต้องปลดคนงานหรือพนักงานออกไป
เงินสวัสดิการอื่นๆ
นอกจากค่าแรงล่วงหน้าโบนัสและผลตอบแทนในรูปอื่นๆที่กล่าวมาแล้วข้างต้นกิจการบางแห่งก็ยังได้จัดสวัสดิการด้านต่างๆเช่น ค่ารักษาพยาบาลการจัดรถรับส่งพนักงาน