Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

กรณีศึกษาที่ 1, เอกสารอ้างอิง: บังอร ศุภวิทิตพัฒนา และปิยะภรณ์…

- - - - Uteroplacental instufficiancy
        
        ฉับพลัน
        
        มดลูกหดรัดตัวมากเกินไป
        
        Tetanic contraction
        
        abruptio placenta
        
        Placenta previa
        
        Vasa previa
        
        ภาวะ shock
        
        เรื้อรัง
        
        DM, HT, Anemia
        
        Heart disease class II,III,IV
        
        รกเสื่อม
        
        เยื่อหุ้มทารกอักเสบ
        
        มารดา Malnutrition
        
        ทารกมีความผิดปกติ
      - สายสะดือมีความผิดปกติ
        
        Umbilical cord compression
        
        สายสะดือพลัดต่ำ
        
        สายสะดือผูกปม
    - - Abnormal FHS
        
        FHS >160 bpm/<110 bpm
        
        มี Late/Variable deceleration
      - ขี้เทาปนน้ำคร่ำ
        
        Mild meconium strained
        
        Moderate meconium strained
        
        Thick meconium strained
      - ทารกดิ้นน้อยลง
      - เลือดของทารกเป็นกรด
    - - เสี่ยงต่อการเกิดภาวะ Fetal distress เนื่องจาก มดลูกมีการหดตัวมากเกินไป
        
        การพยาบาล
        
        รายงานกุมารแพทย์เพื่อเตรียมคงามพร้อมในการช่วยเหลือทารกแรกเกิด
        
        รายงานแพทย์เพื่อพิจารณาเตรียมการผ่าตัด/ทำสูติศาสตร์หัตถการ เพื่อเร่งคลอดให้เร็วขึ้น
        
        ตรวจ PV เพื่อประเมินภาวะสายสะดือย้อย และประเมินความก้าวหน้าของการคลอด
        
        จัดมารดาในท่านอนตะแคงซ้าย เพื่อลดการกดทับของ inferior vena cava ช่วยเพิ่ม cardiac output เพิ่มการไหลเวียนเลือดจากมารดาสู่ทารก
        
        On O2 mask with bag 8-10 LPM ให้แก่มารดา
        
        หยุดให้ยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก เพื่อลดการทำงานของมดลูกและช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปสู่รก
        
        ให้สารละลายทางหลอดเลือดดำเพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือด
        
        6.ติดตาม Mornitor EFM เพื่อดูการเปลี่ยนแปลง
        
        ให้ข้อมูลแก่มารดา ประคับประคองจิตใจ และอยู่ใกล้ชิดมารดาเพื่อลดความวิตกกังวล
- - - - รกลอกตัวไม่สมบูรณ์
        
        รกเกาะลึก/ติดแน่น มีการเกาะของรกบางส่วน
      - รกลอกตัวสมบูรณ์แต่คลอดไม่ได้
        
        มีการหดเกร็งของใยกล้ามเนื้อบริเวณปากมดลูกจากการกระตุ้นมดลูกอย่างรุนแรงก่อนคลอด
        
        การใช้ยากระตุ้นการหดรัดตัวก่อนคลอด
      - การฝังตัวของรกผิดปกติ/รกติด
        
        รกฝังตัวลึก
        
        Placenta acreta
        
        Placenta increta
        
        placenta percreta
      - ปัจจัยเสริม
        
        แผลที่โพรงมดลูก
        
        ผ่าคลอดทางหน้าท้องมาก่อน
        
        เคยขูดมดลูกมาก่อน
        
        รกเกาะต่ำ/ครรภ์หลัง
    - - มีเลือดออกช่องคลอดจำนวนมากหลังคลอด
      - ไม่มี sign การลอกตัวของรก/มีน้อยในระยะของการคลอด ประมาณ 15-30 min
      - มดลูกหดรัดตัวไม่ดีหลังคลอด
      - ตรวจพบบางส่วนของเนื้อรก/membranes หายไป
      - มารดามีอาการ กระสับกระส่าย ชีพจรเบาเร็ว เหงื่อออก ตัวเย็น BP drop, GCSลดลง เกิดภาวะ shock ตามมา
    - - 1.สวนปัสสาวะ
      - หากมดลูกหดรัดตัวไม่ดี ให้คลึงมดลูกเบาๆ เพื่อกระตุ้นให้มดลูกหดรัดตัวดีขึ้น/อาจวางกระเป๋าน้ำแข็งบริเวณท้องน้อย เพื่อช่วยให้มดลูกหดรัดตัวได้ดี
      - เมื่อมดลูกลอกตัวเสร็จแล้ว และมี Sign ของการลอกตัวของรก ให้ทำคลอดรกด้วยวิธี Modified Crede's maneuver
      - 4.หากกรณีรกติดแน่น ไม่สามารถลอกตัวได้รายงานแพทย์เพื่อพิจารณาล้วงรก/ผ่าตัด
      - เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการเกิดภาวะรกค้าง เช่น ภาวะตกลือด/ภาวะติดเชื้อ
  - - - Tone:ภาวะมดลูกหดรัดตัวไม่ดี
        
        มดลูกล้า
        
        จากการได้รับOxytocin นาน
        
        G3+
        
        Chorioamnionitis
        
        มารดาได้รับยาสลบ
        
        มดลูกมีการยืดขยายมาก
        
        ตั้งครรภ์แฝด/แฝดน้ำ/ทารกมีตัวโต
        
        มดลูกมีพังผืด
        
        มดลูกปลิ้น
        
        ดึง cord contraction อย่างแรง
        
        สายสะดือสั้น
        
        รกเกาะส่วนบนของยอดมดลูก
      - Trauma:ภาวะที่หนทางคลอดบาดเจ็บ
        
        มีการตัดฝีเย็บ
        
        ใช้สูติศาสตร์หัตถการในการช่วยคลอด
        
        มีการฉีกขาดของปากมดลูก,หนทางคลอด และอวัยวะสืบพันธ์
        
        มีการคลอดเร็ว
      - Tissue:การมีเศษรก/เยื่อหุ้มทารกค้าง
        
        รกค้าง
        
        รกมีความผิดปกติ=รกน้อย
        
        รกฝังตัวลึกกว่าปกติ
        
        เคยผ่าตัดมดลูก
        
        เคยล้วงรกมาก่อน
      - Thrombin:ความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด
        
        มารดามีภาวะความดันโลหิตสูง; severe preeclamsia, HELLP syndrome
        
        มีรอยม่วงช้ำผิดปกติ,Petechia
        
        มีภาวะพันธุกรรมที่ทำให้การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
        
        ทารกเสียชีวิต
        
        รกลอกตัวก่อนกำหนด
        
        มีภาวะน้ำคร่ำอุดตันในกระแสเลือด
        
        ได้รับการรักษาภาวะการแข็งตัวของเลือด
        
        ภาวะซีด
    - - มีภาวะเลือดออกในระหว่างการคลอดรก/หลังสิ้นสุดกระบวนการคลอด > 500 ml.(ND)/>1000ml (C/S)
      - มารดามีอาการและอาการแสดงของการเสียเลือด
        
        PR>90 bpm
        
        BP < 90/60 mmHg
        
        หายใจเร็ว
        
        เขียว/ซีดปลายมือปลายเท้า
    - - เสี่ยงต่อการตกเลือดหลังคลอดเนื่องจากมีภาวะรกค้าง
        
        การพยาบาล
        
        1.เมื่อพบว่ามารดาเมื่อพบว่ามารดามีการตกเลือด กระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกพร้อมกับขอความช่วยเหลือจากทีมแพทย์และพยาบาลผดุงครรภ์
        
        ประเมินและตรวจหาสาเหตุของการตกเลือด จาก 4 สาเหตุตามที่กล่าวมาข้างต้น
        
        ประเมินสัญญานชีพว่าการเสียเลือดอยู่ในระดับใด มีอาการของการช็อกหรือไม่ โดย ประเมินสัญญานชีพและระดับความรู้สึกตัวทุก 5 นาที
        
        เปิดเส้นเลือดเพื่อให้สารละลายทางหลอดเลือดดำในรายที่ยังไม่ได้รับ ให้ 0.9% NSS หรือ RLS 1000 cc หยด 120 มิลลิลิตร/ชั่วโมง ตามแผนการรักษาและปรับตามแผนการรักษาของแพทย์
        
        ดูแลให้มารดาได้รับออกซิเจน 10 ลิตร/นาที
        
        เมื่อมีการเสียเลือด มารดาอาจมีอาการหนาว สั่น ควรดูแลให้ความอบอุ่น
        เช่น การห่มผ้า เป็นต้น
        
        ตรวจสอบกระเพาะปัสสาวะ ถ้าเต็ม ให้กระตุ้นให้ถ่ายปัสสาวะ ถ้าถ่ายไม่ออกดูแลการสวนปัสสาวะให้
        
        ให้ข้อมูลผู้ป่วยและญาติ ประคับประคองจิตใจเพื่อลดความวิตกกังวล
        
        ดูแลให้มารดาได้รับยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกตามแผนการรักษา เช่น การได้รับ oytocin,
        methergin (ในรายที่ความดันโลหิตไม่สูง) หรือ cytotec ตลอดจนให้ Tranexamnic acid ตามแผนการรักษาของแพทย์
        
        Record V/S q 15 min x 4 ครั้ง, 30 min x 2 ครั่ง และ 1 ชม. เมื่ออาการคงที่
        
        11.ตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อภาวะซีด และวางแผนการให้สารประกอบของเลือดในกรณีที่มีอาการซีดมาก
  - - - แรงต้านทานของเนื้อเยื่อที่ช่องทางคลอดไม่ดี
      - การหดรัดตัวของกล้ามเนื้อมดลูกและกล้ามเนื้อหน้าท้องแรงผิดปกติ
      - ผู้คลอดที่มีเชิงกรานกว้าง
      - เคยมีประวัติคลอดเร็ว
      - ผู้คลอดไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดจากการคลอด
      - 7.ทารกตัวเล็ก
      - การใช้ยาOxcytocinปริมาณมากเกินไป
      - ผู้คลอดครรภ์หลังเนื่องจากเนื้อเยื่อต่างๆมีการยืดขยายมาก
    - - มีการคลอดเกิดขึ้นเร็วกว่าปกติ ใช้เวลาน้อยกว่า 3 ชม./ใช้เวลาทั้งหมดในการคลอดประมาณ ซม.
    - - เสี่ยงต่อภาวะตกเลือดหลังคลอดเนื่องจากมีภาวะคลอดเฉียบพลัน
  - - - ผนังมดลูกอ่อนแออาจเกิดจากการผ่าตัดคลอดชนิด classical caesarean/ตั้งครภ์ซ้ำภายในระยะ 6 เดือนหลังคลอด
      - การคลอดติดขัดผลมาจกทรกมีท่า/รูปทรงผิดปกติ
      - มดลูกแตกจากการทำหัตถการ เช่น การหมุนเปลี่ยนท่าภายใน/นอก การคลอดติดขัด การคลอดโดยการใช้อุปกรณ์
      - มีการใช้ยากลุ่ม oxytocin /มีการใช้ยาไม่ถูกต้อง
      - ผู้คลอดเบ่งคลอดก่อนปากมดลูกเปิดหมด
    - - มดลูกใกล้แตก
        
        มดลูกหดตัวแรง/หดตลอดเวลา(Tetranic cintraction)
        
        พบ Bandl's ring
        
        ปวดท้องรุนแรง, N/V ร่วม หายใจติดขัด แน่นหน้าอก
        
        ฟัง FSH ไม่ได้
        
        ไม่มีความก้าวหน้าของการคลอด ส่วนนำไม่เคลื่อนต่ำ เกิด caput succedaneum
      - มดลูกแตกแล้ว
        
        หายเจ็บครรภ์ทันที
        
        มดลูกคลายตัว
        
        มีอาการแสดงของการเสียเลือด
        
        ซีด ตัวเย็น เหงือออก ชีพจรเบา เร็ว ความดันโลหิตต่ำ
        
        หากมดลูกแตกบางส่วน เลือดออกช้า จะพบอาการเสียเลือดได้ช้า
        
        เจ็บหน้าอก ร้าวไปไหปลาร้า
        
        คลำพบทารกได้ง่าย
        
        พบส่วนนำลอยสูงขึ้น
        
        อาจพบเลือดออกช่องคลอด
        
        เสียงหัวใจเต้นของทารกผิดปกติ
        
        เกิด fetal distress
    - - เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับยาระตุ้นการหดตัวของมดลูก เช่น มดลูกแตก
        
        การพยาบาล
        
        ระยะคลอด
        
        บันทึก pathograph ติดตามอย่างใกล้ชิด
        
        ดูแลการได้รับยา oxytocinตามแผนการรักษา และสังเกตการหดรัดตัวของมดลูกอย่างใกล้ชิด
        
        เมื่อมดลูกแตก
        
        ดูและตามหลัก ABC
        
        ประเมิน V/S และ FHS ทุก 5 Min
        
        ดูแลได้รับออกซิเจน 100%
        
        ประเมินเลือดออกทางช่องคลอด
        
        ประเมินเลือดออกจากช่องคลอด
        
        รายงานแพทย์ เพื่อพิจารณาเตรียมผ่าตัดคลอด
        
        เตรียมอุปกรณ์ฟื้นคืนชีพ
        
        ป้องกันภาวะแทรกซ้อนหลังมดลูกแตก
        
        Peritonitis
        
        PPH
        
        ประคับประคองจิตใจมารดาและญาติ