Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ไดโกะ สุดยอดนักจัดระเบียบ เสกชีวิตใหม่ให้คุณ - Coggle Diagram
ไดโกะ
สุดยอดนักจัดระเบียบ
เสกชีวิตใหม่ให้คุณ
ทรัพยากร
เงิน
เวลา
พลังกายใจ
เป้าหมาย
ความสุข
บทที่ 1 มีเวลาว่างมากขึ้น
กฎพื้นฐานในการจัดของ 3 ข้อ
ให้เลือกได้ 3 อย่าง
สาเหตุตัดใจทิ้งของไม่ลง
ไม่อยากเลือก
มีของเยอะเลือกยาก
ไม่อยากสูญเสีย
ไม่อยากเสียผลประโยชน์ของตนเอง
รู้สึกดีที่ได้เก็บของนั้นไว้
คิดว่าสิ่งนั้นมีคุณค่า และราคามากเกินจริง
Point จำกัดตัวเลือกให้น้อยเข้าไว้
จะได้กล้าตัดสินใจ ทิ้งสภาพเดิมๆ
และโฟกัสในสิ่งที่ควรทำจริง ๆ จะดีกว่า
เร่งลงมือทำ เริ่มก่อนได้เปรียบ
สภาพแวดล้อมที่หยิบฉวยของจำเป็นใช้ได้ง่าย
ลดของก่อน
ไม่ได้ลดทุกอย่าง
ของอะไรจะใช้งานควรนำมาให้อยู่ใกล้
ลดขั้นตอนก่อนลงมือ
อุปกรณ์อำนวยความสะดวก
เริ่มลงมือทำ
กฎ 20 วินาที
ลดเวลาในการเตรียมตัวน้อยลง 20 วินาที
แนวคิดแบบ Affordance
จะทำอะไรกับห้องนี้
จะทำอะไรกับเครื่องคอมพิวเตอร์เครือ่งนี้
จะทำอะไรกับโต๊ะตัวนี้
แปะป้าย Post It
เรียน
ทำงาน
Point สร้างสภาพแวดล้อมที่ช่วยให้คุณเริ่มลงมือทำกิจกรรมใดๆ ได้ทันที ลดขั้นตอน ลดสิ่งของที่ไม่จำเป็นลงแล้วหันมาเพิ่มศักยภาพให้ชีวิตกันดีกว่า
Low - Cost
ลดค่าดูแลรักษา
ลดของที่ดูแลรักษายุ่งยาก
ช่วยเพิ่มเวลา
หากจะจ่ายเงินต้องสามารถเพิ่มเวลาได้
ลดเวลาในการหาของ
ลดค่าใช้จ่ายตายตัว
การมีเครื่องซักผ้า ค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงและเวลาการดูแลเสื้อเสียไป
ค่าจ้าง ค่าเช่า Office ต้นทุนเวลาที่เสียไป
Point ลดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา เพื่อเอาเวลาไปพัฒนาชีวิตด้านอื่นๆ และเลิกซื้อของที่ห้องเสียเวลาหา หรือของที่ไม่ได้กำไรอะไรคืนมาเลย
บทที่ 2
จัดของเป็นเปลี่ยนชีวิตได้อย่างไร
1)เพื่ออนาคตที่ดีกว่า
สนใจแต่ของจำเป็น เลิกสนใจของที่ไม่ใช้แล้ว
เปลี่ยนของที่ยังดีอยู่ เป็น ของที่ดีสุดยอด
การให้
จัดระเบียบในหัวทำให้มองอนาคตระยะยาว
จำเป็นต้องมีสิ่งแวดล้อมที่ดี จึงชอบหนีออกไปทำงานหรือคิดที่
ห้องสมุด
ร้านกาแฟเก๋ๆ
สถานที่ไม่รก
เครื่องมือ 3 อย่าง
Tool 1 คิดถึง 1 วันในอุดมคติ
เช้า กลางวัน เย็น
สิ่งที่ต้องใช้ในแต่ละกิจกรรม
Tool 2 นึกถึง "ตอนทำสิ่งที่สนุกที่สุด"
Tool 3 บันทึก 1 วันของคุณ
ตั้งนาฬิกาปลุกทุก 1 ชม.
จดเอาไว้ว่าตอนนาฬิกาปลุกเราทำอะไรอยู่ และลองตรวจสอบว่าเราสามารถทำในสิ่งที่เราวางแผนได้หรือไม่
Point : มาออกแบบอนาคตด้วยการเลือก "ของที่อยากใช่ต่อ" แทน "ของที่ควรทิ้งกันเถอะ" มองคุณค่าที่แท้จริงให้ออกอย่าโดน "ของที่ยังดีอยู่" หลอกเอานะครับ
2)ให้สมองได้ทำงานในกิจกรรมที่คู่ควร
สร้างบรรยากาศที่ทำให้นึกออก
แนวคิด AI งานที่มีคุณค่าและเอาตัวรอดได้ คืองานที่มีแต่มนุษย์เท่านั้นที่ทำได้ นั่นคืองานที่ใช้สมองในการคิดค้นอะไรใหม่ๆ และมีความคิดสร้างสรรค์
บ้านรกๆ จะทำให้คุณเสียสมาธิ และเสียเวลาหาของ
ควรระวังในการจัดของให้เหลือน้อย ๆๆ
ไม่เน้นไม่ที่แนวคิดมินิมอลลิส เพราะมุ่งไปที่ของน้อย
ซึ่งบางครั้งหากเราต้องทิ้งอะไรไป แต่ทำให้เราใช้เวลาในการทำงานมากขึ้นก็ได้
ประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา
จ้างบริการต่างๆอย่างฉลาด
Point : จัดของเพื่อให้ "สมอง" ทำงานได้ดีขึ้น คิดให้ถี่ถ้วน อะไรคือข้อดีหรือข้อเสียที่แท้จริงในการจัดของ
3)ให้มีแต่ของดี และสำคัญ ชีวิตจึงมีความสุข
ของไม่ได้มีไว้ครอบครองแต่มีไว้ใช่อย่างเป็นสุข
จัดของแบบเน้นหยิบง่ายไว้ก่อน
Point : สิ่งของนั้นมีค่าที่ "การใช้งาน" มากกว่าแค่ "มี" ไว้เฉยๆ
มาจัดสภาแวดล้อมที่หยิบง่ายเพื่อเพิ่มความสุขกันเถอะ
4) เพื่อเพิ่มพื้นที่ เวลา และความรู้สึก
จัดระเบียบ "เป้าหมาย" ที่เยอะเกินไป
ไม่ได้เน้นไปเรื่องลดเพื่อต้องการความเร็ว แต่โฟกัสไปที่ลดของ
เช่น การอ่านหนังสือ ถ้าหากต้องการความเร็วคือไม่ต้องอ่าน แต่ต้องวิเคราะห์ก่อนอ่านว่าหนังสือเล่มนั้นมีคุณค่ากับการอ่านไหม
การจัดของคือการฝึกการตัดสินใจที่สุดยอด
คนที่เลือกไม่ได้ว่าจะเก็บอะไรไว้ ในโลกธุรกิจจะไม่มีทางเลือกอะไรได้ถูกแน่นอน จะคบใคร จะเดินบนเส้นทางอาชีพแบบไหน ก็เลือกไม่เป็นสักอย่าง
Point : ลดสิ่งที่ต้องทำลงดีกว่าเร่งทำงานให้เร็วขึ้น การจัดของช่วยให้เราเลือกของที่สำคัญและเลือกเป้าหมายที่ถูกต้องได้
5) เพื่อชีวิตสบายๆ กับบ้านในฝัน
ค่าเช่าเท่าเดิม แต่สะดวกสบายมากขึ้น
หากอยู่บ้านเล็กๆ ได้ สามารถย้ายไปอยู่ที่พักเล็กแต่อยู่ใจกลางเมืองได้
ที่อยู่อาศัยมีผลต่อรายได้ต่อปีของบุคคลนั้นอย่างมาก
แม้มีหนังสือเยอะแค่ไหน แต่ก็ย้ายบ้านได้สบาย
มีหนังสือบนชั้น จัดเป็นหมวดหมู่เรียบร้อยแค่ใส่ลัง ติดเลขเอาไว้
มีเสื้อผ้าเพียง 1 ราวก็สามารถย้ายทั้งราวได้ในทีเดียว
Point : การจัดห้องทำให้รายได้ต่อปีเพิ่มขึ้นได้
ข้อดีของการใช้ชีวิตแบบโล่งๆ คือ การย้ายบ้านสะดวกและมีค่าใช้จ่ายไม่แพง
บทที่ 3
ทิ้งเลย อย่าได้แคร์
คำถาม 7 ข้อช่วยลดของลงอย่างง่ายดาย
1) "ถ้าทิ้งไปแล้วจะซื้ออีกครั้งไหม"
คำถามนี้จะทำให้รู้ว่าของชิ้นนั้นจำเป็นจริงหรือเปล่า
ความคิดอยากซื้ออีกครั้ง
จินตนาการว่า ตู้เสื้อผ้าคือร้านขายเสื้อผ้า
แทนที่จะคิดว่าจะเลือกเสื้อผ้าชิ้นใดทิ้ง
ให้คิดกลับกันว่าจะเลือกว่าชอบชุดไหนที่อยากใส่จริงๆ
Point : ตอนที่ทิ้งของอะไรไม่ลง ถามตัวเองว่า "จะซื้ออีกรอบไหม" แนวคิดแบบฐานศูนย์หรือสมมติว่า ทิ้งของไปจนหมด (Zero base) จะทำให้คุณเลือกแต่ของที่อยากได้จริงๆ เอาไว้
2) "ของอะไรที่อยากเอาไปด้วยถ้าได้ไปเที่ยวนานๆ"
คำถามนี้จะช่วยเลือกของที่จำเป็นได้โดยอัตโนมัติ (ความของนักเดินทาง)
ของชิ้นนี้จำเป็นไหม ถ้าต้องไปเที่ยวนานๆ