Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
อวัยวะรับความรู้สึก - Coggle Diagram
อวัยวะรับความรู้สึก
ลิ้นกับการรับรส
• ด้านบนของลิ้นมีพาพิลลา (papilla) ที่ประกอบด้วยตุ่มรับรส (taste bud) ซึ่งมีเซลล์รับรส (taste cell อยู่ภายใน
• ด้านล่างมีเส้นประสาทนำกระแสประสาทผ่านเส้นประสาทสมองคู่ 7 และคู่ 9 เข้าสู่สมองส่วนเซรีบรัม
• รับรสได้ 5 รส ได้แก่ รสหวาน รสขม รสเปรี้ยว รสเค็ม
จมูกกับการดมกลิ่น
• มีออลแฟกทอรีเมมเบรน (olfactory membrane) เป็นหน่วยรับความรู้สึกด้านสารเคมี
• มีออลแฟกทอรีเซลล์ (olfactory cell)
เป็นเซลล์รับความรู้สึกที่ไวต่อการรับกลิ่น
• มีเซลล์ประสาทรับกลิ่น (olfactory neuron)
เปลี่ยนกลิ่นเป็นกระแสประสาทส่งไปตาม เส้นประสาทสมองคู่ที่ 1 เข้าสู่ออลแฟกทอรีบัลบ์และเซรีบรัม ตามลำดับ
ตากับการมองเห็น
โครงสร้างของตา
1. สเคลอรา (sclera)
- มีความเหนียวแต่ไม่ยืดหยุ่น
กระจกตา (cornea)
- มีลักษณะโปร่งใสและนูนออกมา หากพิการ
หรือได้รับอันตรายจะส่งผลต่อการมองเห็น
2. โครอยด์ (choroid)
- มีหลอดเลือดมาหล่อเลี้ยงและมีสารสีกระจายอยู่
-
- ป้องกันแสงทะลุผ่านเรตินาไปยังด้านหลังของตาโดยตรง
- กั้นตาออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ช่องหน้าเลนส์มีน้้ำเลี้ยงลูกตา ทำหน้าที่ให้สารอาหารและแก๊สออกซิเจน และช่องหลังเลนส์มีน้้ำเลี้ยงลูกตาช่วยให้ลูกตาคงรูป
ม่านตา (iris)
- อยู่หน้าเลนส์ตา มีรูม่านตา
(pupil) เป็นช่องให้แสงผ่าน
กล้ามเนื้อยึดเลนส์ (ciliary muscle) และเอ็นยึดเลนส์ (suspensory ligament)
- ส่งผลต่อความโค้งของเลนส์ตา
3. เรตินา (retina)
มีบริเวณที่มีเซลล์รับแสง 2 ชนิด
- เซลล์รูปแท่ง (rod cell)
มีความไวต่อแสงมาก แต่ไม่สามารถแยกความแตกต่างของสีได้
- เซลล์รูปกรวย (cone cell)
แยกความแตกต่างของสีได้ แต่ต้องการความสว่างที่เพียงพอ
จุดบอด (blind spot)
- ไม่มีทั้งเซลล์รูปกรวยและเซลล์รูปแท่ง ทำให้ไม่เกิดภาพขึ้น
- โฟเวีย (fovea)
- บริเวณที่พบเซลล์รูปกรวยมากกว่าเซลล์รูปแท่งทำให้เกิดภาพชัดเจน
กลไกการเกิดภาพ
แสงจากวัตถุผ่านกระจกตา > ม่านตาหดหรือขยายตัวเพื่อปรับปริมาณแสงที่เข้าตา > แสงหักเหผ่านเลนส์ตาไปตกบนจอตา > เซลล์รูปแห่งและเซลล์รูปกรวยรับแสงและสีของวัตถุ > เกิดกระแสประสาทส่งไปยังสมอง ทำให้มองเห็นภาพ
-
หูกับการได้ยิน
หูส่วนนอก
- มีใบหูทำหน้าที่รับและรวมคลื่นเสียงส่งผ่านเข้าสู่รูหู
- ภายในรูหูมีขนและต่อมสร้างขี้หูช่วยทำให้เกิดความชื้น ป้องกันฝุ่นละอองและเชื้อโรค
- มีเยื่อแก้วหู (tympanic membrane) อยู่ในสุด เป็นเยื่อบาง ๆ เชื่อมหูส่วนนอกกับหูส่วนกลาง ทำหน้าที่ แยกคลื่นเสียงและมีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงความดัน
หูส่วนกลาง
- ทำหน้าที่ขยายและป้องกันเสียงดัง
- ประกอบด้วยกระดูกค้อน (malleus) กระดูกทั่ง (incus) และกระดูกโกลน (stapes) ยึดติดกัน ทำหน้าที่ขยายการสั่นสะเทือน
- มีท่อยูสเตเชียน (Eustachian tube) ทำหน้าที่ปรับความดันภายในหูส่วนกลางกับภายนอก
หูส่วนใน
ชุดที่ใช้ฟังเสียง มีคอเคลีย (Zochlea)
ที่บรรจุของเหลว อยู่ภายใน เมื่อคลื่นเสียงผ่านมาจะทำให้ของเหลวสั่น แล้วแปลสัญญาณเสียงเป็นกระแสประสาทส่งไปยัง เส้นประสาทสมองคู่ที่ 8 เข้าสู่เซรีบรัม
ชุดที่ใช้ในการทรงตัว มีเซมิเซอร์คิวลาร์แคแนล (semicircular canal)
ที่บรรจุของเหลวอยู่ภายใน และบริเวณโคนเป็นแอมพูลลา (ampulla) ซึ่งมีเซลล์ขน รับการเปลี่ยนแปลงของของเหลว แล้วส่งสัญญาณ เป็นกระแสประสาทส่งไปยังเส้นประสาทสมองคู่ที่ 8 เข้าสู่เซรีบรัม
-