Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่2เทคโนโลยีแก้ปัญหา - Coggle Diagram
บทที่2เทคโนโลยีแก้ปัญหา
2.2การระบุปัญหา
เราทราบแล้วว่ากระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมเป็นกระบวนการทำงานเพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนางานโดยใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และศาสตร์อื่น ๆ ช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานทำงานอย่างเป็นขั้นตอน ทำให้การระบุปัญหาซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการทำงานมีความชัดเจน การรวบรวมข้อมูลทำได้ครอบคลุม ตรงประเด็น มีการวิเคราะห์และเปรียบเทียบทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดในการแก้ปัญหา มีการออกแบบเพื่อช่วยสื่อสารให้ผู้ปฏิบัติงานด้วยกันเข้าใจตรงกัน และยังมีการทดสอบเพื่อการปรับปรุงแก้ไขให้ดียิ่งขึ้น
เราสามารถนำกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมไปใช้แก้ปัญหาในงานอาชีพได้ การที่จะนำไปใช้ในการแก้ปัญหาหรือพัฒนางานอาชีพนั้น นักเรียนจะต้องสำรวจ สังเกต และสัมภาษณ์หรือสอบถามผู้ที่เกี่ยวข้องกับอาชีพนั้นก่อน เพื่อให้ได้มาซึ่งปัญหาที่แท้จริง
-
-
2.4การออกแบบแนวคิด
เมื่อได้แนวทางการแก้ปัญหาแล้ว จะนำแนวทางนั้นมาออกแบบเป็นภาพร่างผังงาน หรือแผนภาพ เพื่อนำไปสู่การสร้าง
แบบจ่ายการออกแบบเป็นภาพร่าง สามารถทำได้ทั้งแบบ 2 มิติ คือ มีด้านกว้างและด้านยาว และแบบ 3 มิติ คือ มีทั้งด้านกว้างด้านยาว และด้านสูง การออกแบบโดยการร่างภาพ 3 มิติ จะทำให้มองเห็นภาพได้ทุกด้าน มีความสมจริงมากกว่าภาพ 2 มิติทำให้ผู้อื่นเข้าใจได้มากขึ้น
2.5การทดสอบและประเมินผล
การทดสอบและประเมินผลเป็นการตรวจสอบการทำงานของชิ้นงานหรือวิธีการที่พัฒนาขึ้นเพื่อประเมินว่าสามารถ
ก็ปัญหาได้ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้หรือไม่ การกำหนดวิธีการทดสอบจะขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการพัฒนาขึ้นงานหรือวิธีการ
2.5.1 การทดสอบหน่วยย่อย
การทดสอบวิธีนี้มุ่งเน้นทดสอบในบางระบบย่อยหรือบางส่วนที่สนใจเพื่อตรวจสอบและแก้ไข หรือพัฒนาส่วนนั้นให้ดีขึ้นตัวอย่างการทดสอบเฉพาะจุดที่เป็นปัญหา เช่น การทดสอบความปลอดภัยจากการชนของรถยนต์
การทดสอบความปลอดภัยจากการชนของรถยนต์จะนำหุ่นจำลองที่มีลักษณะเหมือนมนุษย์เข้าไปนั่งในตำแหน่งคนขับและติดเซ็นเซอร์เพื่อวัดแรงกระแทกตามจุดต่าง ๆ เช่น ศีรษะ หน้าอก ท้อง แล้วนำรถไปทดสอบการชนด้วยความเร็วและสภาพที่เหมือนกับการเกิดอุบัติเหตุจริง จากนั้นจะนำผลการทดสอบมาประเมินระบบความปลอดภัยต่าง ๆ เช่น ถุงลมนิรภัย เข็มขัดนิรภัยระยะเบรก กันชน ว่าสามารถรักษาความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้มากน้อยเพียงใด
2.5.2 การทดสอบทั้งระบบ
การทดสอบลักษณะนี้มักใช้กับงานที่มีหลายระบบหรือหลายองค์ประกอบทำงานร่วมกันเพื่อตรวจสอบว่าระบบย่อยต่าง ๆ นั้นทำงานสัมพันธ์กันหรือไม่การทดสอบทั้งระบบนั้นต้องการความแม่นยำสูง จึงต้องมีการประเมินผลการทดสอบอย่างละเอียดเพื่อให้มั่นใจว่าทั้งระบบสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์ก่อนนำไปใช้งานจริง ตัวอย่างการทดสอบทั้งระบบ เช่น ระบบรถไฟฟ้าการทดสอบระบบรถไฟฟ้าก่อนเริ่มเปิดการใช้งานจริง จะทดสอบทั้งระบบ
ร่วมกัน เช่น ระบบอาณัติสัญญาณ (ทดสอบเส้นทางการเดินรถ การสลับราง)ระบบสื่อสาร ระบบจ่ายกระแสไฟฟ้า (ทดสอบการหยุดและขับเคลื่อนตัวของรถ)ระบบจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติ (ทดสอบการจัดเก็บตามระยะทางใช้จริง)
2.5.3 การทดสอบกับผู้ใช้จริง
เป็นกระบวนการทดสอบเพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งที่พัฒนาขึ้นนั้น สามารถตอบสนองหรือแก้ปัญหาของผู้ใช้งานจริงได้ การทดสอบลักษณะนี้จะแตกต่างกับการทดสอบอื่น ๆ คือ ผู้ใช้งานจริงจำเป็นต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการทดสอบและเป็นผู้ตัดสินใจในการยอมรับว่าผลของการทำงานนั้นสามารถนำไปใช้ได้จริง ในขณะที่การทดสอบลักษณะอื่น ๆ ผู้พัฒนางานจะเป็นผู้ทดสอบและประเมินว่าสิ่งที่พัฒนาขึ้นสามารถทำงานได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด นอกจากนี้ยังต้องมีการจัดสภาพแวดล้อมในขณะทดสอบให้เหมือนกับการใช้งานจริงมากที่สุด ผลของการทดสอบจะถูกนำกลับไปใช้เพื่อปรับปรุงงานและมีการทดสอบซ้ำอีกครั้งจนกว่าจะได้รับการยอมรับจากผู้ใช้จริง ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่มีการทดสอบกับผู้ใช้จริง เช่น ซอฟต์แวร์ เครื่องสำอางการทดสอบด้วยวิธีการต่าง ๆ ข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของอีกหลายวิธีที่นำมาใช้ในการทดสอบ อย่างไรก็ตามผู้ทดสอบต้องพิจารณาและเลือกใช้วิธีการทดสอบให้เหมาะสมกับจุดประสงค์ของการพัฒนาชิ้นงานหรือวิธีการเพื่อแก้ปัญหาเป็นสำคัญนอกจากนี้อาจจะต้องมีการทดสอบซ้ำหลายครั้งเพื่อประเมินการทำงานจนมั่นใจว่าเป็นงานหรือวิธีการนั้นสามารถนำมาใช้ในการแก้ปัน ได้จริงจะเริ่มต้นทดสอบอย่างไร2.5.3 การทดสอบกับผู้ใช้จริง
- สามารถใช้อุปกรณ์ปืนอัดขยะ กับผู้ใช้งานกร นกน้ำหนักของต้นโบกไม่หนักจนเกินไป
ในขณะที่ออกจา• ขนาดของคันโยกมีความทันเลยไม่หายนานไปจนทำให้เกิดการปวดเมืองแบบผู้ทดสอบทั้งสามคนให้ความเห็นคน
2.6การเขียนรายงาน
เมื่อดำเนินการทดสอบ ประเมินผล และปรับปรุงแก้ไขเรียบร้อยแล้ว จะต้องมีการเขียนรายงานเพื่อแสดงกระบวนการทำงานตั้งแต่ต้นจนจบ และเพื่อเผยแพร่ผลงานให้ผู้อื่น ซึ่งอาจทำให้เกิดการต่อยอดของผลงาน การเขียนรายงานมีข้อดี คือ สามารถนำเสนอรายละเอียดหรือข้อมูลของสิ่งที่ต้องการนำเสนอได้มาก ผู้อ่านสามารถเลือกอ่านข้อมูลส่วนที่ต้องการได้ การเขียนรายงานโดยทั่วไปจะมีองค์ประกอบหลักอยู่ 3 ส่วน คือ ส่วนน้ำ ส่วนเนื้อเรื่อง และส่วนอ้างอิง โดยรายงานในวิชาการออกแบบและเทคโนโลยี มีรายละเอียดในแต่ละส่วนดังนี้
- ปกนอกและปกใน ประกอบด้วย ชื่อรายงาน ชื่อผู้จัดทำ ชื่อโรงเรียน ระดับชั้น (ที่กำลังศึกษา) ชื่อครูที่ปรึกษา
ปีการศึกษาที่ดำเนินการสารบัญ สารบัญตาราง สารบัญรูปภาพ• บทคัดย่อสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
- ส่วนบ้า
2 ส่วนเนื้อเรื่อง
ประกอบด้วย 5 ส่วน ดังนี้
ระบุปัญหา อธิบายที่มาหรือความสำคัญของปัญหา วัตถุประสงค์ ขอบเขตของการดำเนินงาน ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ โดยนำเสนอข้อมูลของการวิเคราะห์ และสรุปประเด็นปัญหาที่ต้องการแก้ไขรวบรวมข้อมูลและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับปัญหา อธิบายความรู้หรือหลักการที่เกี่ยวข้อง เช่น ความรู้ทางวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ หรือแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับปัญหา หรือวิธีการแก้ปัญหาที่นักเรียนได้รวบรวมและระดมความคิดภายในกลุ่มออกแบบวิธีการแก้ปัญหา วางแผนและดำเนินการสร้างแบบจำลองหรือชิ้นงาน วิเคราะห์ข้อดีและข้อจำกัดของแต่ละแนวทาง สรุปแนวทางการแก้ปัญหาของกลุ่มพร้อมอธิบายเหตุผล แสดงรายละเอียดของแบบร่าง หรือวิธีการแก้ปัญหาหรือแบบจำลองเพื่อทดสอบแนวคิดของการแก้ปัญหา• ทดสอบ ประเมินผล และปรับปรุงแก้ไข อธิบายวิธีการทดสอบและประเมินผลจากแบบจำลอง ชิ้นงาน หรือวิธีการผลการทดสอบและการปรับปรุงแก้ไขสรุปและข้อเสนอแนะ อภิปรายผลการทดสอบ ข้อสรุปและผลการแก้ปัญหาตามวัตถุประสงค์ที่ได้ตั้งไว้ รวมทั้งจุดเด่นหรือความคิดสร้างสรรค์ที่เกิดขึ้น ประโยชน์และแนวทางการนำไปประยุกต์ใช้ ตลอดจนข้อเสนอแนะเพื่อนำไปพัฒนาต่อยอด หรือ นำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
- ส่วนอ้างอิง
บรรณานุกรม ใช้การอ้างอิงรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง เช่น American Psychological Association (APA)- ภาคผนวก ส่วนที่แสดงเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น แบบสอบถาม แบบประเมินจากผู้เชี่ยวชาญ ข้อมูลผลการทดสอบจากเครื่องมือต่าง ๆ ภาพถ่ายที่เกี่ยวข้อง
2.7การนำเสนองาน
การนำเสนองานนอกจากจะใช้วิธีการเขียนรายงานแล้ว ยังสามารถทำได้ในหลายรูปแบบ เช่น การนำเสนอด้วยวาจอาจพูดปากเปล่าหรือพูดโดยใช้ฝึกประกอบการนำเสนอ เช่น โปสเตอร์ ฟลิปชาร์ท โปรแกรมนำเสนองาน การนำเสนอโดยการจัดนิทรรศการ การนำเสนอผ่านสื่อออนไลน์27.1 การนาเสนอด้วยวางเการนำเสนอด้วยวาจา เป็นการนำเสนอที่เป็นพื้นฐาน เราจึงควรศึกษาหลักการของการนำเสนอด้วยวาจา เพื่อให้ผู้ฟังเข้าใจสิ่งที่เราต้องการจะสื่อสาร การนำเสนอด้วยวาจาโดยทั่วไป ควรคำนึงถึงองค์ประกอบหลัก 3 ส่วน คือ ผู้นำเสนอ เนื้อหา และผู้ฟัง
- ผู้นำเสนอ
ผู้นำเสนอควรมีการเตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ โดยการวางแผนก่อนนำเสนอ ศึกษาข้อมูลที่จะนำเสนอให้พร้อม กำหนดรูปแบบการนำเสนอและอุปกรณ์ให้สอดคล้องกับเนื้อหา ฝึกบริหารเวลา และฝึกซ้อมก่อนการนำเสนอ พูดเสียงดังชัดถ้อยชัดคำ ตรงประเด็น ใช้ภาษากายช่วยในการสื่อสาร ได้แก่ ดวงตา หาทาง และการเคลื่อนไหวอย่างเหมาะสม
- เนื้อหา
ผู้นำเสนอควรเตรียมเนื้อหาที่จะนำเสนอให้ชัดเจน เป็นลำดับ ตามโครงเรื่องที่วางแผนไว้ สามารถแสดงที่มาหรือความสำคัญของปัญหา หรือจุดประสงค์ของการพัฒนาผลงานได้ชัดเจน แสดงหรืออธิบายการทำงานของผลงานหรือแนวทางการแก้ปัญหาได้ตรงตามจุดประสงค์ มีการยกตัวอย่างหรือเปรียบเทียบข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ผู้นำเสนอควรเตรียมรูปแบบของเนื้อหาที่หลากหลายและเหมาะสม เช่น ภาพ วิดีโอ ตาราง กราฟ เพื่อให้สามารถตรึงความสนใจของผู้ฟังได้ตลอดเวลา
- บ้างหรือกลุ่มเป้าหมาย
ผู้นำเสนอควรพิจารณาว่าผู้ฟังคือใคร เพื่อให้สามารถเตรียมเนื้อหา ตลอดจนใช้ภาษาให้เหมาะสมกับผู้ฟังและตรงวัตถุประสงค์ของการนำเสนอ เช่น ผู้ฟังเป็นเด็ก ก็ต้องใช้คำง่าย ๆ ไม่มีศัพท์เทคนิคมาก มีรูปประกอบที่หลากหลาย มีสีสันๆหากผู้ฟังเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียน อาจใช้เรื่องราวที่มีประสบการณ์ร่วมกับมาดึงดูดความสนใจ หากผู้ฟังเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้นำเสนอก็จะต้องมีความเข้าใจเนื้อหานั้น โดยแสดงความมั่นใจผ่านบุคลิกภาพที่ดี น่าเชื่อถือ และตอบคำถามด้วยเหตุผลและข้อมูลอ้างอิงโดยไม่คาดเดา27.2 การบ้าเสนอด้วยโปสเตอร์การนำเสนอด้วยโปสเตอร์เป็นวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมในการจัดประชุมวิชาการทั้งในประเทศและต่างประเทศการบ้าน น ในลักษณะนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้อ่านทราบข้อมูลเบื้องต้นหรือสรุปที่ผู้นำสนองการจะสื่อสารโดยอาจมีผู้นำาเสนออธิบายเพิ่มเติมหรือไม่มีก็ได้ การนำเสนอลักษณะนี้จึงต้องคัดเลือกข้อมูลที่จำเป็นและสรุปให้ได้สาระสำคัญเนื่องจากพื้นที่นำเสนอมีจำกัด