Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่4 การป้องกันอุบัติเหตุ และสารพิษ - Coggle Diagram
บทที่4 การป้องกันอุบัติเหตุ และสารพิษ
การสำลักสิ่งแปลกปลอม (Foreign body aspiration)
ปัญหาที่เกิดตามหลังการสำลัก
ทำให้เกิดการอุดกั้นของทางเดินหายใจส่วนต้น
เกิดการอุดกั้นของหลอดลมส่วนปลาย
เกิดการอุดกั้นการระบายของเสมหะในทางเดินหายใจ
กรณีเกิดกับเด็กที่อายุน้อยกว่า 1ขวบ
1.วางเด็กคว่ำลงบนแขน และวางแขนนั้นลงบนหน้าตัก โดยให้ศีรษะของเด็กอยู่ต่ำ
เคาะหลัง 5 ครั้งติดต่อกันโดยเคาะแถวๆกึ่งกลางระหว่างกระดูกสะบักทั้งสองข้าง
จากนั้นพลิกเด็กให้หงายบนแขนอีกข้าง โดยให้ศีรษะอยู่ต่ำเช่นกันแล้วกดหน้าอกโดยใช้ 2 นิ้ว กดบนกระดูกหน้าอกในตำแหน่งที่ลากระหว่างหัวนมทั้งสองข้างลงมา หนึ่งความกว้างนิ้วมือ
ในกรณีเด็กที่อายุมากกว่า 1ปี
กระตุ้นให้เด็กไอเอง
ทำการกดท้อง โดยผู้ช่วยยืนด้านหลังเด็ก แล้วอ้อมแขนมาด้านหน้ากำมือเป็นกำปั้นและวางกำปั้นด้านข้าง(ด้านหัวแม่มือ)บนกึ่งกลางหน้าท้องเหนือสะดือเด็ก กดโดยให้แรงมีทิศทางเข้าด้านใน และเฉียงขึ้นบน
หากเด็กหมดสติ ให้ประเมินการหายใจ การเต้นของชีพจรและให้การช่วยเหลือการหายใจสลับกับการกดท้อง
คำแนะนำเพื่อป้องกันการสำลักสิ่งแปลกปลอม
ควรเลือกชนิดและขนาดของอาหารและเลือกชนิดขนาดของของเล่นให้เหมาะสมกับวัยของเด็ก
ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก (Burn and Scald)
หมายถึง ภาวะที่เนื้อเยื่อได้รับอันตรายจากการถูกความร้อนที่มากเกิดตั้งแต่40องศาเซลเซียส
พยาธิสภาพ
ผิวหนังชั้นนอกสุดและหลอดเลือดถูกทำลาย ส่งผลให้เนื้อเยื่อตาย หลอดเลือดถูกทำลายทำให้มีการรั่วของสารน้ำออกนอกหลอดเลือด และมีการบวมของเนื้อเยื่อ
การเสียสารน้ำจำนวนมากจากหลอดเลือดทั้งการซึมผ่านและการระเหย ทำให้ปริมาณเลือดลดลง นำไปสู่ภาวะช็อก
การประเมินแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก
ขนาดความกว้างของบาดแผล
โดยทั่วไปนิยมคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ผิวหนังทั่วร่างกาย
ผู้ใหญ่
ศีรษะทั้งหน้าและหลัง = 9%
หลัง = 18%
แขนซ้าย = 9 % แขนขวา = 9 %
Perineum = 1 %
ขาซ้าย = 18% ขาขวา= 18%
ตำแหน่งของบาดแผล
บาดแผลที่เกิดขึ้นที่มือหรือตามข้อพับต่าง ๆ อาจทำให้ข้อนิ้วมือและข้อพับต่าง ๆ มีแผลเป็นดึงรั้ง ทำให้เหยียดออกไม่ได้
ความลึกของบาดแผล
ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis)
ชั้นหนังแท้ (Dermis)
สามารถแบ่งบาดบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกออกได้เป็น 3 ระดับ
ระดับที่ 1 (First degree burn)
เนื้อเยื่อชั้นผิวหนังจะถูกทำลายเพียงบางส่วน เป็นชั้นตื้นๆ
ผิวหนังยังไม่พองเช่น บาดแผลที่เกิดจากถูกน้ำร้อนลวก ถูกแสงแดดเผา
ระดับที่ 2 (Second degree burn)
มีการทำลายของผิวหนัง แต่ลึกถึงผิวหนังชั้นใน ต่อมเหงื่อ และรูขุมขน
มีผิวหนังพอง และมีน้ำเหลืองซึม ปวดแสบปวดร้อน
ระดับที่ 3 (Third degree burn)
การทำลายของหนังกำพร้าและหนังแท้ทั้งหมด รวมทั้งต่อมเหงื่อ ขุมขน และเซลล์ประสาท
ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดที่บาดแผลเนื่องจากเส้นประสาทที่อยู่บริเวณผิวหนังแท้ถูกทำลาย
มีโอกาสเกิดแผลหดรั้งทำให้ข้อยึดติดตามมาสูงมาก
การช่วยเหลือในที่เกิดเหตุ
ถอดเสื้อผ้าที่ได้รับความร้อนออกจากตัวเด็กให้เร็วที่สุดเพื่อกำจัดสาเหตุของความร้อน
ลดอุณหภูมิของแผลไฟไหม้ โดยเปิดน้ำประปาผ่านบริเวณที่เป็นแผลไฟไหม้นาน 20 นาที(cooling)
ปิดแผลด้วยผ้าสะอาด เพื่อลดการสูญเสียสารน้ำผ่านทางแผล และป้องกันการติดเชื้อ
ขณะนำเด็กส่งโรงพยาบาลควรใช้ผ้าสะอาดห่อตัวเด็กด้วยเพื่อป้องกันสิ่งสกปรกและให้ความอบอุ่น
การจมน้ำ ( Drowning)
พยาธิสภาพ
น้ำจะเข้ากล่องเสียงทำให้เกิดการหดเกร็งของกล่องเสียง อากาศและน้ำเข้าหลอดลมไม่ได้เกิดภาวะขาดออกซิเจน แล้วสูดหายใจเอาน้ำเข้าไปในปอด ทำให้ไม่สามารถแลกเปลี่ยนออกซิเจนได้ เพราะถุงลมเต็มไปด้วยน้ำ เกิดภาวะขาดออกซิเจนมากขึ้น และจะหยุดหายใจ
การจมน้ำเค็ม ( Salt-water Drowning)
ทำให้เกิดภาวะ pulmonary edema ปริมาตรน้ำที่ไหลเวียนในร่างกายลดลง เกิดภาวะ hypovolemia ระดับเกลือแร่ในร่างกายสูงขึ้น หัวใจเต้นผิดปกติ หัวใจวาย ช็อกได้
การจมน้ำจืด (Freshwater-Drowning)
จะซึมผ่านเข้าสู่ระบบไหลเวียนโลหิตของปอดอย่างรวดเร็ว เกิด hypervolemia ทำให้ระดับเกลือแร่ในเลือดลดลง หัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจวาย อาจเกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตกhemolysis
การช่วยเหลือเบื้องต้น
1.) รีบนำเด็กขึ้นจากน้ำโดยเร็ว โดยจัดท่าให้นอนศีรษะเด็กต่ำ ตะแคงหน้า ป้องกันการสำลักน้ำเข้าไปในปอด จากนั้นให้ช่วยหายใจโดยการเป่าปาก5ครั้งโดยใช้เวลาเป่าปากครั้งละ1-1.5 วินาทีและตามด้วยการนวดหัวใจโดยการโดยกดหน้าอก 30 ครั้ง และช่วยหายใจ 2 ครั้ง ทำทั้งหมด5รอบภายในเวลา 2 นาที
2.) ถ้าเด็กไม่หายใจและหัวใจหยุดเต้น ต้องช่วยหายใจ2ครั้งแล้วนวดหัวใจ30ครั้งสลับกันจนกว่าอาการจะดีขึ้น
3.) ควรรีบส่งเด็กที่จมน้ำไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลทุกราย
กระดูกหักและข้อเคลื่อน (Fracture and Dislocation)
การมีรอยแยก รอยแตก หรือมีความไม่ต่อเนื่องกันของเนื้อกระดูก
แบ่งตามบาดแผล
กระดูกหักชนิดไม่มีแผล หรือ แผลไม่ถึงกระดูกที่หัก (Closed fracture)
ไม่มีบาดแผลที่ผิวหนัง และกระดูกจะไม่โผล่ออกมานอกผิวหนัง
กระดูกหักแบบแผลเปิด หรือ แผลลึกถึงกระดูกที่หัก (Compound fracture หรือ Open fracture)
จะมีบาดแผลซึ่งลึกถึงกระดูก หรือกระดูกที่หักอาจทิ่มแทงทะลุออกมานอกผิว
แบ่งตามรอยที่มีการหักของกระดูก
กระดูกหักทั่วไป (Simple fracture) คือ กระดูกที่แตกออกเป็น 2 ชิ้น
กระดูกหักยุบเข้าหากัน (Impacted fracture) คือ ภาวะที่กระดูกทั้ง 2 ด้านได้รับแรงกด ส่งผลให้กระดูกแตกทั้ง 2 ด้าน เด็กเล็กมักเกิดกระดูกหักฝังที่แขน
กระดูกเดาะ (Greenstick fracture) คือ กระดูกที่แตกเพียงด้านเดียว ส่วนกระดูกอีกด้านโก่งไปตามแรงกดที่ปะทะเข้ามา
พยาธิสภาพ
การหักของกระดูกที่เกิดจากแรงกระแทก ส่งผลให้เนื้อเยื่อรอบๆกระดูก เส้นประสาท เกิดการบาดเจ็บ หลอดเลือดถูกทำลาย ทำให้เกิดบาดแผล และภาวะเลือดออก
ประเมินอาการภายหลังเข้าเฝือกภายใน 24 ชั่วโมงแรกควรประเมินเด็กทุก 1 ชั่วโมง
ประเมินได้จาก 5 PS
การจับชีพจรว่าเต้นแรงตีหรือไม่เปรียบเทียบกับแขนขาข้างที่ปกติ (pulselessness)
สังเกตบริเวณอวัยวะส่วนปลาย มีสีคล้ำเย็นซีดมีอาการชาขาดความรู้สึกต่อการสัมผัส (pallor paresthesia)
เคลื่อนไหวนิ้วมือนิ้วเท้าไม่ได้จากเส้นประสาทถูกกด (paralysis)
อาการเจ็บปวดที่มากกว่าเดิม (pain)
อาการบวม (swelling) ซึ่งอาจเกิดจากการเข้าเฝือกแน่นเกินไป
สารพิษ ( Poisons)
จำแนกตามลักษณะการออกฤทธิ์
1.ชนิดกัดเนื้อ (Corrosive )
ทำให้เนื้อเยื่อของร่างกายไหม้ พอง ได้แก่ สารละลายพวก กรดและด่างเข้มข้น น้ำยาฟอกขาว
2.ชนิดทำให้ระคายเคือง (Irritants )
ทำให้เกิดอาการปวดแสบ ปวดร้อน และอาการอักเสบในระยะต่อมา ได้แก่ ฟอสฟอรัส สารหนู อาหารเป็นพิษ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์
3.ชนิดที่กดระบบประสาท (Narcotics )
ทำให้หมดสติ หลับลึก ปลุกไม่ตื่น ม่านตาหดเล็ก ได้แก่ ฝิ่น มอร์ฟีน พิษจากงูบางชนิด
4.ชนิดที่กระตุ้นระบบประสาท (Dililants)
ทำให้เกิดอาการเพ้อคลั่ง ใบหน้าและผิวหนังแดง ตื่นเต้นชีพจรเต้นเร็ว ช่องม่านตาขยาย
การปฐมพยาบาลเมื่อ สารเคมีเข้าตา
ล้างตาด้วยน้ำนาน ๑๕ นาที โดยการ เปิดน้ำก๊อกไหลรินค่อย ๆ
การปฐมพยาบาลผู้ที่ ได้รับสารพิษทางปาก
ทำให้สารพิษเจือจาง ให้นม
ทำการล้างท้องเอาสารพิษออกจากกระเพาะอาหาร
การประเมินภาวะ การได้รับสารพิษ
การคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง น้ำลายฟูมปาก หรือมีรอยไหม้นอกบริเวณริมฝีปาก
หายใจขัด หายใจลำบาก มีเสมหะมากตัวเย็น เหงื่อออกมาก มีผื่นหรือจุดเลือดออกตามผิวหนัง
การปฐมพยาบาลเมื่อสารเคมีถูกผิวหนัง
ล้างด้วยน้ำสะอาดนาน ๆ อย่างน้อย ๑๕ นาที