Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การเเสดงพื้นบ้านอาเซียน ในโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, 1E89C33F-AA53-4B83…
การเเสดงพื้นบ้านอาเซียน
ในโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ประเทศเมียนมาร์ หรือ พม่า
หุ่นชักพม่าเป็นศิลปะที่นิยมในราชสำนักพม่า เป็นการแสดงที่สื่อถึงนัยยะสำคัญทางการเมือง เรื่องราวต่างๆ ในราชสำนักที่ไม่สามารถพูดถึงอย่างตรงไปตรงมาได้ ในอดีตผู้ชักหุ่นต้องเป็นชายเท่านั้น นักเล่นหุ่นชักหลายคนได้รับการยกย่องให้เป็นถึงขุนนาง เช่น อูปุ๊ ผู้มีสิทธิกินส่วยจาก 12 หัวเมือง เป็นต้น แต่ต่อมาในภายหลังเริ่มมีการถ่ายทอดความรู้หุ่นชักพม่าให้แก่ผู้หญิง อาทิเช่น คณะแสดงหุ่นมัณฑะเลย์
การแต่งกายของหุ่น
เครื่องแต่งกายของหุ่นกระบอกพม่าจะแยกออกเป็นชิ้นคล้ายกับการแต่งกาย ของคนจริง แต่ละตัวละครจะสวมเครื่องประดับน้อยช้ิน เนื่องจากชุดการแต่งกายของพม่ามักประดับด้วยดิ้นเงิน ดิ้นทอง กระจก และวัสดุอื่น ๆ ท่ีใช้แทนเครื่องประดับได้
เครื่องดนตรี
แน คือ ปี่พม่า
ปาลไว คือ ขลุ่ย
บยอ คือ กลอง
คยีแวง คือ ฆ้องวง
ลินกวิน คือ ฉาบ
ซิ คือ ฉิ่ง
ศิลปินผู้ทรงคุณค่า
ไม่พบข้อมูล
ประเทศลาว
ลำลาว (Lam Lao) หรือหมอลำ เป็นการแสดงดนตรีพื้นบ้านของลาวและอีสานของไทย มีนักร้องหรือผู้เล่าเรื่องและแคนเป็น
องค์ประกอบ เป็นการโต้ตอบกันผ่านโคลงกลอน หรือการร้องที่มีสัมผัสคล้องจองระหว่างนักร้องชายและหญิง การแสดงดำเนินไป
ด้วยท่ารำที่หลากหลายผสมกับมุขตลกต่างๆ อันเกิดจากปฏิภาณไหวพริบของผู้ร้อง และการหยอกเย้ากันระหว่างผู้แสดงและผู้ชม
การแต่งกาย
การเเต่งกายผู้หญิง ลาวจะนุ่งผ้าซิ่น มีลักษณะคล้ายผ้านุ่งของไทย ที่ทอเป็นลวดลาย เชิงผ้าเป็น สีแดงแก่ หรือน้ำตาลเข้ม ถ้าผ้านุ่งเป็นไหม เชิงก็จะเป็นไหมด้วย มักจะทอทองและเงินแทรกเข้าไป และเสื้อแขนยาวทรงกระบอก ห่มสไบเฉียงพาดไหล่ เกล้าผมมวยประดับดอกไม้ สำหรับผู้ชายมักแต่งกายแบบสากลหรือนุ่งโจงกระเบน
เครื่องดนตรี
เครื่องดนตรีที่ใช้ประกอบการรำ นอกจากไม้เคาะจังหวะประกอบการร่ายรำแล้ว ปัจจุบันนี้
กรมศิลปากรได้นำวงปี่พาทย์เครื่องห้า วงปี่พาทย์เครื่องคู่ บรรเลงลำนำ ทำนองเพลงให้ไพเราะด้วย
ศิลปินผู้ทรงคุณค่า
ดาวเวียง บุตรนาโค
(ลาว: ດາວວຽງ ບຸດນາໂຄ; 3 สิงหาคม พ.ศ. 2497 – 6 มีนาคม พ.ศ. 2562) เป็นนักเขียน กวี และนักแต่งเพลงลูกทุ่งลาวอันโด่งดัง และยังเป็นศิลปินแห่งชาติของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวประชาธิปไตยประชาชนลาวอีกด้วยเขาเกิดเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2497 ที่เมืองโขง
แขวงจำ ปาศักดิ์ งานการประพันธ์เพลงของเขาที่ทำ ให้ศิลปินเหล่านี้มีชื่อเสียงได้แก่ สาวดงโดก, สาวตะเกียงน้อย, สาวศรีเมือง, หญิงคนนั้นแม่นไผ,
ผู้ชายปลายแถว,กำแพงเงิน,น้ำตาลูกผู้ชาย, โดยสารสายใต้ ฯลฯ
บางครั้งดาวเวียวีงถูกเรียกว่าเป็น ครูสลาเมืองลาว
ประเทศไทย
โขน เป็นศิลปะการแสดงชั้นสูงของไทยที่มีความสง่างาม อลังการและอ่อนช้อย การแสดงประเภทหนึ่งที่ใช้ท่ารำตามแบบละครใน แตกต่างเพียงท่ารำที่มีการเพิ่มตัวแสดง เปลี่ยนทำนองเพลงที่ใช้ในการดำเนินเรื่องไม่เหมือนกับละคร แสดงเป็นเรื่องราวโดยลำดับก่อนหลังเหมือนละครทุกประการ ซึ่งไม่เรียกการแสดงเหล่านี้ว่าละครแต่เรียกว่าโขนแทน มีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาจากหลักฐานจดหมายเหตุลาลูแบร์ เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้มีการกล่าวถึงการแสดงโขนว่า
เป็นการเต้นออกท่าทาง ประกอบกับเสียงซอและเครื่องดนตรีประเภทต่าง ๆ ผู้แสดงจะสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าตนเองและถืออาวุธ
การแต่งกาย
การแต่งกายในการแสดงโขนนั้นจะแบ่งออกเป็น 3 จำพวก คือ เทวดา-มนุษย์ ลิง และยักษ์ เพื่อบ่งบอกถึงยศถาบรรดาศักดิ์ แต่นอกจากการแต่งกาย 3 จำพวกแล้ว ยังมีการแต่งกายตามลักษณะของตัวละครนั้น ๆ ด้วย เช่น พระฤๅษี หรือสัตว์ต่าง ๆ เป็นต้น
เครื่องดนตรี
วงดนตรีที่ใช้ในการบรรเลงประกอบการแสดงโขนคือวงปี่พาทย์ ซึ่งประกอบไปด้วย ปี่ ระนาด ฆ้อง กลอง ตะโพน แต่หากแสดงในงานใหญ่ ๆ ที่ต้องใช้จำนวนจำนวนมากในการแสดงก็อาจจะมีการขยายวงปี่พาทย์เป็นวงปี่พาทย์เครื่องตู่หรือวงปี่พาทย์เครื่องใหญ่ก็ได้ แต่ในบางยุคสมัยก็อาจจะมีการจัดเป็นวงปี่พาทย์เครื่องห้าตามแต่ฐานะของผู้จัดงาน
ศิลปินผู้ทรงคุณค่า
สันติ ลุนเผ่ ด้วยเอกลักษณ์เป็นน้ำเสียงทรงพลัง จึงได้รับหน้าที่ทรงเกียรติถ่ายทอดบทเพลงรักชาติที่เป็นสื่อกลางในการสร้างความสามัคคี ตลอดระยะเวลาการทำงานอย่างต่อเนื่องจนถึงวัย 79 ปี ทำให้สันติเป็นอีกหนึ่งคนที่ได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง
ประเทศกัมพูชา
ระบำอัปสรา (Apsara Dance) เป็นการแสดงที่ถือกำเนิดขึ้นมาไม่นานนัก โดยเจ้าหญิงบุปผาเทวี พระราชธิดาในเจ้านโรดมสีหนุ เพื่อเข้าฉาภาพยนตร์เกี่ยวกับนครวัด แต่กลายมาเป็นที่จดจำและเป็นระบำขวัญใจชาวกัมพูชาด้วยเครื่องประดับศีรษะและท่วงท่าร่ายรำอันเป็นเอกลักษณ์ที่ถอดแบบมาจากรูปสลักหินนางอัปสราในปราสาทนครวัด ประหนึ่งทำให้นางอัปสรา ซึ่งเป็นรูปสลักหินนับพันปีมีชีวิตขึ้นมาผ่านการแสดงนำ
การแต่งกาย
การนุ่งผ้า รวมถึงเครื่องประทับ ตั้งแต่ศรีษะ จะเป็นชฎา 3 ยอด (คือยอดของปราสาท 3 ยอด) ประดับด้วยดอกไม้ ยอดละ 2 ดอก (รวมดอกไม้จะมีทั้งหมด 6 ดอกเท่านั้น) มีกระบังหน้า จอนหู และหางพวงมาลัยข้างละอัน
เสื้อ จะไม่ใส่ในนาง เพราะนางอัปสราที่จำหลัก จะเปลือยส่วนบน ดังนั้นจึงได้ปรับให้ใส่เสื้อเป็น บอดี้สูทรัดช่วงตัวสีเนื้อหรือสีขาวนวล ประดับด้วยกรองคอผ้ากำมะหยี่สีแดงที่ประดับด้วยเครื่องทองกระโปรง(ซิ่น) จะใช้ผ้ายกสีขาวนวล ยกดิ้นเงินหรือทอง (ตัวเอก) ส่วนตัวอื่นๆ จะไล่สีดังนี้ คู่แรกสีแดง คู่ที่สองสีน้ำเงิน คู่ที่สามสีเขีย
เครื่องดนตรี
มโหรีเขมร(วงมโหรีอีสานใต้) ประกอบไปด้วยเครื่องดนตรี ซอกันตรึม โทนเขมร ปี่อ้อ(แต่เพลงนี้ใช้ปี่ในแทนเพื่อคุณภาพความดังของเสียง)
จะเปย(กระจับปี่เขมร) กระเปอ(จะเข้เขมร) และเครื่องประกอบจังหวะ
ศิลปินผู้ทรงคุณค่า
สมเด็จพระมหากษัตริยานีกุสุมะนารีรัตน์ พระราชมารดาของเจ้าสีหนุ พระนางทรงทำนุบำรุงการละครเขมรให้รุ่งเรืองพระนางจึงทรงเป็นพระมารดาแห่งนาฏศิลป์กัมพูชาก็ว่าได้ ระบำอัปสราเกิดขึ้นด้วยคุณูปการของพระนาง โดยนางอัปสราตัวเอกองค์แรกคือเจ้าหญิงบุพผาเทวี พระราชธิดาในเจ้าสีหนุ เป็นระบำที่กำเนิดขึ้นเพื่อเข้าฉากภาพยนตร์เกี่ยวกับนครวัดที่กำกับโดย Marchel Camus ชื่อเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า L"Oiseau du Paradis ก็คือ The Bird of Paradise หลังจากนั้นระบำอัปสราก็เป็นระบำขวัญใจชาวกัมพูชา ใครได้เป็นตัวเอกในระบำอัปสรานั้นเชื่อได้ว่าเป็นตัวนางชั้นยอดแห่งยุคสมัยมัน
ประเทศเวียดนาม
หุ่นกระบอกน้ำ (Water Puppet) เป็นการละเล่นพื้นบ้านโบราณของชาวเวียดนาม มีถิ่นกำเนิดบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำ
โขง ฉากเป็นซุ้มที่ตกแต่งเป็นสถาปัตยกรรมเวียดนาม ทำด้วยไม้ไผ่เป็นผืนมู่ลี่กางไว้เรี่ยผิวน้ำ มีหลืบหัวท้ายและกลาง ให้ตัวหุ่นลอด
ออกมาโลดแล่น การแสดงแบ่งเป็นชุดๆ เสนอเรื่องราวเกี่ยวกับวิถีชีวิต การทำมาหากินศิลปะการละเล่นพื้นบ้านของชาวเวียดนาม
การแต่งกาย
หุ่นที่เป็นตัวละครแกะมาจากไม้ มีลักษณะที่แตกต่างกันไปและได้รับการตบแต่งให้เหมาะสมกับตัวละคร สามารถชักให้มีการเคลื่อนไหวเพื่อแสดงออกถึงท่าทางต่างๆอย่างสมจริงของชาวชนบท ตัวละครที่เด่นและนับว่าเป็นหัวใจของการเชิดหุ่นกระบอกน้ำ คือ ตัวละครที่เรียกว่าจู๊เต๋ว ซึ่งนับว่าเป็นทั้งตัวตลกและตัวชูโรงที่สามารถสะท้อนให้เห็นชีวิตที่สันติสุขและเรียบง่ายของชนบท ส่วนผู้เชิดหุ่นจะยืนอยู่ด้านหลังฉากในน้ำที่ท่วมถึงเอวแล้วควบคุมการเคลื่อนไหวของหุ่นด้วยไม้ไผ่ลำยาว
เครื่องดนตรี
วงออร์เคสตราเวียดนามแบบดั้งเดิมมีดนตรีประกอบ เครื่องดนตรีประกอบด้วยเสียงร้อง กลอง ระฆังไม้ ฉาบ เขา ( โมโนคอร์ด ) ฆ้องและขลุ่ยไม้ไผ่ ขลุ่ยไม้ไผ่ที่ชัดเจนและเรียบง่ายอาจมาพร้อมกับราชวงศ์ในขณะที่กลองและฉาบอาจส่งเสียงดังถึงทางเข้าของมังกรพ่นไฟ
ศิลปินผู้ทรงคุณค่า
ถ่วนเอี๊ยน
ท่านได้แต่งเพลงปลุกใจเยาวชนให้ออกสู่แนวรบเช่นเพลง “ มัดเป้หลังให้สนิท
”และเพลง “ ใบไม้เขียวอำพรางศัตรู ” นักประพันธ์ดนตรีถ่วนเอี๊ยนพร้อมกีต้าร์ได้ตามทหารไปยังสมรภูมิต่างๆ โดยเฉพาะสนามรบที่ดุเดือดที่สุดบิ่นห์จิ่เทียน
ท่านได้แต่งเพลงปลุกใจเยาวชนให้ออกสู่แนวรบเช่นเพลง “ มัดเป้หลังให้สนิท ”และเพลง “ ใบไม้เขียวอำพรางศัตรู ” นักประพันธ์ดนตรีถ่วนเอี๊ยนพร้อมกีต้าร์ได้ตามทหารไปยังสมรภูมิต่างๆ โดยเฉพาะสนามรบที่ดุเดือดที่สุดบิ่นห์จิ่เทียน
นายกสมาคมนักดนตรีเวียดนามกล่าวเกี่ยวกับสไตล์ดนตรีของท่านถ่วนเอี๊ยนว่า “ ท่านเป็นคนภาคกลางโดยกำเนิด ดังนั้นเพลงของท่านล้วนแต่งในแนวที่มีการผสมกับทำนองพื้นเมืองวี้และทำนองบ่ายจ่อย ท่านเป็นนักแต่งเพลงที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของเวียดนาม
ประเทศมาเลเซีย
ระบำโยเก็ต (Joget Dance) เป็นระบำมาเลย์แบบดั้งเดิม มีถิ่นกำเนิดที่มะละกา ได้รับอิทธิพลมาจากระบำโปรตุเกสที่แพร่เข้ามายังมะละกาในยุคของการค้าขายเครื่องเทศ เป็นหนึ่งในระบำพื้นเมืองที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของมาเลเชีย โดยปกติจะแสดงโดยคู่นักเต้นระบำชาย-หญิง ในช่วงเทศกาลต่างๆ หรือในงานแต่งงาน และงานพิธีต่างๆ ทางสังคมดนตรีเน้นจังหวะหนักและค่อนข้างเร็วระหว่างที่คู่เต้นหยอกล้อเล่นกัน
การแต่งกาย
การแสดงโยเก็ต
การแต่งกายของชุดการแสดงรองเง็งตันหยงใช้ชุดพื้นเมืองซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของคนไทยเชื้อสายมลายู ได้แก่ ผู้ชายสวมหมวกไม่มีปีก สวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว ใช้ผ้าสโร่งคาดทับ ผู้หญิง สวมเสื้อบานง ผ้าปาเต๊ะ มีผ้าคล้องไหล่
เครื่องดนตรี
เครื่องดนตรีในอดีตใช้เพียงรำมะนา ๒ ลูก คือ ลูกเขื่องและลูกนุ้ย และไวโอลิน โดยนักดนตรีจะเรียกว่า ซอ คนบรรเลงเรียกว่า ช่างซอ ในการบรรเลงผู้บรรเลงจะยึดหลักฉบับของตนไม่มีการไล่เสียง บรรเลงตามโน้ตเพลง เพลงที่ใช้เรียกว่า ลาฮู ซึ่งเป็นเพลงบรรเลงอย่างเดียว
ศิลปินผู้ทรงคุณค่า
ดาโต๊ะหรือดาตินซรีเกิด 11 มกราคม ค.ศ.1970 เป็นนักร้องชาวมาเลเซียตั้งแต่เธอเป็นนักร้อง เธอได้รับรางวัลการแข่งขันประกวดร้องเพลงระดับนานาชาติหลายครั้งปัจจุบัน เธอได้รับรางวัลทั้งภายในและต่างประเทศมากกว่า 200 รางวัล
ประเทศบรูไน
อาไดอาได (Adai-Adai) การเต้นรำพื้นเมืองประกอบเพลงของชาวมลายู มีที่มาจากชาวประมงสมัยก่อนที่ร้องเพลงขณะช่วยกันลากอวน ปัจจุบันคือเต้นรำประกอบเพลงบรรเลงสลับกับการท่องโคลงแบบมลายู เครื่องดนตรีหลักคือกลองและไวโอลิน
(ดลยา เทียนทอง, 2557:32) นักแสดงอาไดอาได มีทั้งหญิงและชาย
การแต่งกาย
แต่งกายแบบชาวเล โดยนักแสดงชายสวมชุดพื้นเมือง ส่วนนักแสดงหญิงสวมชุด บาจู กูรง (baju kurong) คือ เสื้อแขนยาวและผ้าถุง คลุมผมด้วยผ้าพื้นเมือง
เครื่องดนตรี
ไม่พบข้อมูล
ศิลปินผู้ทรงคุณค่า
ไม่พบข้อมูล
ประเทศฟิลิปปินส์
ตินิคลิ่ง (Tinikling) หนึ่งในการเต้นร าดั้งเดิมของฟิลิปปินส์ ที่เป็นที่นิยมและรู้จักมากที่สุด ใช้ล าไม้ไผ่เป็นเครื่องเคาะจังหวะโดยผู้จับไม้เคาะลำไม้กระทบกับพื้น และเคาะลำไม้กระทบกันในอัตราจังหวะที่เร็วขึ้น ส่วนผู้จะใช้จังหวะการเต้นแบบก้าวกระโดด
เพื่อไม่ให้เท้าโดนลำไม้ไผ่ (คล้ายการเต้นลาวกระทบไม้ของไทย)
การแต่งกาย
มีผู้แสดงเป็นชายและหญิง ผู้หญิงสวมชุด balintawak หรือ patadyong ผู้ชายสวมเสื้อ barong tagalog เป็นผ้าทำจากใยสับปะรด
เครื่องดนตรี
เครื่องดนตรีที่มีชื่อเสียงในฟิลิปปินส์คือ Kulintang ชื่อดังกล่าวเป็นทั้งชื่อเครื่องดนตรีและวงมโหรี ในหนึ่งวงประกอบด้วยเครื่องดนตรี 5 ชิ้น คือ 1) Kulintang เป็นเครื่องเคาะประกอบด้วยฆ้องทำจากทองเหลือง 7-9 ชิ้น
2) Dabakan ประกอบไปด้วย กลองและไม้ตี หนังกลองมักทำมาจากหนังแพะ หนังวัว และหนังจิ้งจก
3) Babendir ลักษณะคล้ายฆ้องมีไม้เคาะ เป็นเครื่องให้จังหวะ
4) Agung เป็นเครื่องดนตรีทำจากโลหะลักษณะคล้ายฆ้องชนิดแขวน
5) Gandingan มีลักษณะคล้ายฆ้อง เป็นเครื่องดนตรีให้จังหวะที่มีลักษณะพิเศษสามารถส่งสัญญาณระหว่างบุคคลได้ (Maguindanao Kulintang, 2016)
ศิลปินผู้ทรงคุณค่า
อันโต Buenaventura เกิดเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 1904 ในBaliuag , คัน เขาเกิดในครอบครัวนักดนตรี พ่อของเขา เป็นนักดนตรี เขาศึกษาภายใต้Nicanor Abelardoที่University of the Philippines Diliman Conservatory of Music และสำเร็จการศึกษาในปี 1932 ด้วยประกาศนียบัตรครูด้านดนตรี สาขาวิทยาศาสตร์และองค์ประกอบ และกลายเป็นผู้ช่วยผู้สอนที่ Conservatory นอกจากนี้เขายังศึกษาองค์ประกอบสำหรับการศึกษาระดับปริญญาหลังจบการศึกษาภายใต้เจโนทาคาคส์
ประเทศสิงคโปร์
บังสาละวัน เป็นการแสดงละครร้องเหมือนกับการแสดงโอเปร่าของทางยุโรป เป็นการแสดงที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศสิงคโปร์ โดยมีจะการแสดงประกอบกับการร้องบทละครออกมาเป็นเพลงด้วยตัวของนักแสดงเอง พร้อมกับการการเต้นประกอบเสียงดนตรี ในท่าทางและอารมณ์ต่าง ๆตามบทบาทที่ได้รับ สร้างความสนุกสนานให้กับผู้ชมเป็นอย่างมาก โดยการแต่งกายจะมีการแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสวยงามสีสดใส การแสดงละครร้อง ที่ถูกเรียกว่า บังสา วันนี้ก็เป็นการแสดงที่ได้รับอิทธิพลต้นแบบมาจากเพื่อนบ้านอย่างประเทศมาเลเซีย
การแต่งกาย
แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสวยงามสีสดใส
เครื่องดนตรี
ไม่พบข้อมูล
ศิลปินผู้ทรงคุณค่า
เป็นศิลปินคนแรกที่นำงานสตรีทอาร์ตเข้ามาสู่แกลเลอรี่
ทั้งในสิงคโปร์และจีน เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ยกระดับงานป๊อปอาร์ตของสิงคโปร์ให้ก้าวขึ้นสู่ระดับสากลและมีอิทธิพลต่อการสร้างสรรค์งานศิลปะสมัยใหม่ในไต้หวัน ในปี 2011 ผลงานของเขาได้รับคัดเลือกโดยมูลนิธิแอนดี้ วอร์ฮอล ให้จัดแสดงในงานนิทรรศการของแอนดี้ วอร์ฮอลที่ชื่อ 15
ที่พิพิธภัณฑ์ศิลป์และศาสตร์ (ArtScience Museum)
ประเทศอินโดนีเซีย
ระบำบารอง (Barong Dance) เป็นศิลปะการแสดงที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวเกาะบาหลี อินโดนีเซีย บารองเป็นสัตว์ในตำนาน ซึ่งมีหลังอานยาวและหางงอนโง้ง และเป็นสัญลักษณ์แทนวิญญาณดีงาม ซึ่งเป็นผู้ปกปักษ์รักษามนุษย์ต่อสู้กับรังดา ตัวละครที่เป็นสัญลักษณ์แทนวิญญาณชั่วร้าย บารอง แดนซ์เป็นนาฏกรรมศักดิ์สิทธิ์ การร่ายรำมีท่าทีอ่อนช้อยงดงาม เสียงเพลงไพเราะ
การแต่งกาย
ตัวละครเด่นๆ มี 2 ตัว คือ บางรอง (สัตว์ในจินตนาการที่มีลักษณะคล้ายสิงโต ประดับด้วยผ้าและเครื่องประดับหลากสีมีขนาดตัวค่อนข้างใหญ่จึงมีน้ำหนักมากต้องใช้คนเชิด 2 คน) เป็นตัวแทนความดี และ แม่มดรังตา เป็นตัวแทนของความชั่ว(เป็นปีศาจหญิงแก่ น่าเกลียดน่ากลัว ไม่สวมเสื้อ เขี้ยวโง้ง) โดยหลายท่านเข้าใจผิดว่า บารอง คือตัวร้าย เนื่องจากหน้าตาคล้ายสิงโตและดูดุร้าย แต่เมื่อชมการแสดงแล้วจะเข้าใจได้ถูกต้องได้เองในที่สุด
เครื่องดนตรี
มีเครื่องดนตรีหลักเป็นระนาดเหล็ก , ฆ้องใหญ่ , ฆ้องแถว , กลองคู่ และเครื่องดนตรีประกอบที่ทำจากไม้ไผ่
ศิลปินผู้ทรงคุณค่า
กริซดายันตี (อินโดนีเซีย: Krisdayanti; เกิด 24 มีนาคม พ.ศ. 2518) เป็นนักร้องและนักแสดงชาวอินโดนีเซีย ที่ได้รับรางวัล Asia Bagus Grand Champion เป็นคนแรกของอินโดนีเซีย
กริซดายันตีบันทึกเสียงครั้งแรกเมื่ออายุ 9 ขวบ โดยได้รับรางวัล 15,000 รูปียะฮ์จากซาวนด์แทร็ก "เมกาโลมัน" (Megaloman) และออกอัลบั้มต่อมาคือ "บูรุง-บูรุงมาลัม" (Burung-Burung Malam) เมื่ออายุ 12 ขวบ
อ้างอิงเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2565
นางสาวณัฐณิชา เนื่องเนาว์ เลขที่ 11 4/13
อ้างอิงเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2565
นางสาวกันติชา มหาโคตร เลขที่ 22 4/13
อ้างอิงเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2565
นางสาวศุภกานต์ ทองหวาน เลขที่ 28 4/13
อ้างอิงเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2565
นางสาวศุภกานต์ ทองหวาน เลขที่ 28 4/13
อ้างอิงเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2565
นางสาวศุภกานต์ ทองหวาน เลขที่ 28 4/13
อ้างอิงเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2565
นางสาวภัทราพร ศรีสุวรรณ เลขที่ 12 4/13
อ้างอิงเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2565
นางสาวภัทราพร ศรีสุวรรณ เลขที่ 12 4/13
อ้างอิงเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2565
นางสาวประศมา เพชรย้อย เลขที่ 32 4/13
อ้างอิงเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2565
นางสาวประศมา เพชรย้อย เลขที่ 32 4/13
อ้างอิงเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2565
นางสาวณัฐณิชา เนื่องเนาว์ เลขที่ 11 4/13