Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การดูแลสตรีตั้งครรภ์ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง - Coggle Diagram
การดูแลสตรีตั้งครรภ์ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง
บทบาทพยาบาลในระยะตั้งครรภ์
การซักประวัติเพื่อค้นหาภาวะเสี่ยง
การตรวจร่างกาย (Physical examination)
การติดตามผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การพยาบาลในระยะตั้งครรภ์
มีความรู้ในการดูแลตนเองเพื่อป้องกันการเกิดภาวะชัก
มีความรู้ในการดูแลตนเองเพื่อป้องกันและลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง
คลอดทารกที่มีโอกาสรอดชีวิตได้สูงโดยมีภาวะแทรกซ้อนต่อมารดาต่ำ
ที่มีภาวะ Preeclampsia
ประเมินความรู้และให้ความรู้แก่สตรีตั้งครรภ์และครอบครัวเกี่ยวกับภาวะความดันโลหิตสูง
ควรจัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมแก่การพัก
แนะนำให้พักในท่านอนตะแคงซ้ายเพื่อช่วยให้เลือดไปเลี้ยงมดลูกและทารกดีขึ้นช่วยให้ความดันโลหิตลดลง
แนะนําการรับประทานอาหารธรรมดา
จํากัดเกลือโดยให้เกลือได้ไม่เกิน 6 กรัมต่อวัน
โปรตีน 80-100 กรัมต่อวัน
แนะนำการบันทึกและประเมินภาวะสุขภาพเบื้องตนของตนเองและทารกในครรภ์
แนะนำให้ความรู้เกี่ยวกับความสำคัญของการนับการดิ้นของทารกพร้อมกับการจดบันทึก
แนะนำอาการผิดปกติที่ต้องรีบมาโรงพยาบาล
ความดันโลหิต ≥ 140/90 mmHg
น้ำหนักตัวเพิ่มมากกว่า 1 กก. / สัปดาห์
ทารกในครรภ์ดิ้นน้อยกว่า 10 ครั้งใน 12 ชั่วโมง
อาการปวดศีรษะ
ตาพร่ามัว
มองเห็นภาพซ้อน
แนะนำให้เห็นความสำคัญของการมาตรวจตามนัด
ติดตามระดับความดันโลหิตสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการสัปดาห์ละประมาณ 1 ครั้ง
CBC, Platelet count, ALT, AST, LDH, uric acid, creatinine
ประเมินโปรตีนในปัสสาวะด้วย dipstick เป็นครั้งคราว
เก็บปัสสาวะใน 24 ชั่วโมง
ตรวจ Non-stress test สัปดาห์ละ 2 ครั้ง
Ultrasound เพื่อวัดระดับ Amniotic fluid index สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
ตรวจ Biophysical profile สัปดาห์ละ 1 ครั้ง
สตรีตั้งครรภ์มีอายุครรภ์น้อยกว่า 34 สัปดาห์
Preterm labor
พิจารณาให้ได้รับยากลุ่ม Glucocorticoid
พิจารณายุติการตั้งครรภ์จากหลายปัจจัยทั้งด้านมารดาและทารก
ในรายที่มีอาการของโรครุนแรงขึ้นกลายเป็น Severe Preeclampsia
มีภาวะ HELLP syndrome
ให้ ASA ในขนาดต่ำสามารถลดอุบัติการณ์ของภาวะครรภ์เป็นพิษในหญิงตั้งครรภ์
บทบาทพยาบาลในระยะคลอด
ป้องกันภาวะชักและป้องกันภาวะแทรกซ้อน
HELLP syndrome
ไตวาย
หลอดเลือดแตกในสมอง
ภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน
ควบคุมและลดความดันโลหิต
กิจกรรมการพยาบาล Preeclampsia
ประเมินอาการสู่ภาวะชัก
อาการปวดศีรษะ
ตาพร่ามัว
เห็นภาพไม่ชัด
อาการปวดบริเวณใต้ลิ้นปี่หรืออาการเจ็บชายโครงขวา
อาการกระตุกของกล้ามเนื้อข้อเท้า (Ankle clonus)
จัดสิ่งแวดล้อมให้เงียบสงบ
ดูแลให้สตรีตั้งครรภ์นอนพักในท่านอนตะแคงซ้าย ทำกิจกรรมต่างๆ บนเตียงเท่านั้น
ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษา
การรักษา Severe Preeclampsia
พิจารณาให้MgSO4
บทบาทในการดูแลมารดาระยะหลังคลอด
การนัดตรวจติดตาม 6 สัปดาห์
ติดตามประเมินระดับความดันโลหิต
การตรวจหาระดับโปรตีนในปัสสาวะ
ถ้ายังไม่เคยได้รับการดูแลมาก่อนควรได้รับการรักษา
ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ
การควบคุมน้ำหนัก
การรับประทานอาหาร
การออกกำลังกายที่เหมาะสม
ให้ได้รับคำแนะนำเกี่ยวโรค การดูแลตนเองเพื่อรักษาระดับความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ
เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่ อาจเกิดขึ้น
ชัก
เส้นเลือดในสมองแตก
ตับวาย
ไตวาย
น้ำท่วมปอด
หัวใจวาย
เสียชีวิต
หญิงตั้งครรภ์มีอาการชัก หรือ มีภาวะ Eclampsia
เป้าหมายหลักในการดูแล
ป้องกันการบาดเจ็บและขาดออกซิเจนในสตรีตั้งครรภ์
การควบคุมภาวะความดันโลหิตสูงและการป้องกันการชักซ้ำ
กิจกรรมการพยาบาล Eclampsia
ป้องกันการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ และการพลัดตกหกล้มขณะมีภาวะชัก
ยกไม้กั้นเตียงและจัดให้มีหมอนกั้น เพราะอาจเกิดอันตรายขณะชัก
เตรียมยา MgSO4
ถ้าไม่เคยได้รับยา MgSO4 มาก่อน แต่ถ้าอยู่ในระหว่างการชัก แพทย์อาจมีคำสั่ง ให้ได้รับยา MgSO4 2 gm
ให้หลอดเลือดดำโดยฉีดช้าๆใน 15-20 นาที
ภายหลังชักจัดทางเดินหายใจให้โล่ง
โดยจัดท่านอนตะแคง
การใส่ Oral airway เพื่อป้องกัน
การสำลักสิ่งแปลกปลอม
ให้ออกซิเจน Mask 8-12 ลิตร/นาที
เพิ่มออกซิเจนให้กับสตรีตั้งครรภ์และทารกในครรภ์
เนื่องจากการชักมีผลทำให้การหายใจหยุดลง
เกิดภาวะพร่องออกซิเจน
วัดสัญญาณชีพทุก 15 นาทีจนกว่าสัญญาณชีพจะปกติ
ติดตามอาการปวดศีรษะ ตาพร่ามัว เจ็บปวดพร่ามัว เจ็บปวดใต้ลิ้นปี่หรือชายโครงขวา ปฏิกิริยาสะท้อน (Deep tendon reflex) และการกระตุกของกล้ามเนื้อต่ออีก เพราะอาจเกิดอาการชักอีก
จัดให้ผู้ป่วยอยู่ในห้องที่เงียบ
ลดการกระตุ้นระบบประสาทเสี่ยงต่อการชักซ้ำ