Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
โภชนาการของบุคคลในภาวะปกติ - Coggle Diagram
โภชนาการของบุคคลในภาวะปกติ
หญิงให้นมบุตร
โภชนาการสำหรับหญิงหลังคลอดและให้นมบุตร
คล้ายกับระยะตั้งครรภ์ เเต่เพิ่มปริมาณ
เพราะทารกต้องการอาหารมากกว่าอยู่ในครรภ์
ต้องการวิตามินเเละเเร่ธาตุบางชนิดเพิ่มขึ้น เช่น วิตามินA,C,B6,folate
ความต้องการของสารอาหารในระยะให้นมบุตร
พลังงาน
ต้องใช้พลังงานประมาณ 85 kcal ต่อน้ านม 100 มล.
ควรได้รับพลังงานเพิ่มขึ้นวันละ 500 kcal
ข้าว แป้ง เนื้อสัตว์ นม ไข่
โปรตีน (Protein)
ควรได้รับโปรตีน เพิ่มขึ้น 25 g/day
เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ปลา ถั่ว เต้าหู้ ไข่ นม
แคลเซียม (Ca)
ควรได้รับแคลเซียม 1,200 mg/day
ถ้าแม่ได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอ
แคลเซียมจากกระดูกของแม่จะถูกดึงมาใช้
ธาตุเหล็ก (Iron)
ต้องการธาตุเหล็กจากอาหารวันละ 15 mg
เครื่องในสัตว์ เนื้อสัตว์ ไข่ ผักใบเขียว
ไอโอดีน (Iodine)
ควรได้รับไอโอดีน เพิ่มอีกวันละ 50 μg
ป้องกันการขาดและให้ทารกได้รับไอโอดีนที่เพียงพอ
วิตามิน (Vitamins)
วิตามิน A เพิ่มอีกวันละ 375 μg
วิตามิน D ท่ากับก่อนตั้งครรภ์ คือ 5 μg
วิตามิน B1 เพิ่มอีก 0.3 mg
วิตามิน B2 เพิ่มอีก 0.5 mg
วิตามิน C เพิ่มอีกวันละ 35 mg
โฟเลท (Folate)
ต้องการวันละ 500 μg
ตับ ผักใบเขียว บร็อคโครี่ มันเทศ ขนมปังที่ท าจากข้าวสาล
น้ำ (Water)
วันละ 8-10 แก้ว เพื่อให้การหลั่งน้ำนมมากขึ้น
ปัญหาโภชนาการ
ในหญิงให้นมบุตร
ความเชื่อเกี่ยวกับอาหารแสลง
ความยากจน
นิสัยการบริโภคไม่ดี
ขาดความรู้ด้านโภชนาการ
แนวทางการบริโภคอาหารของหญิงให้นมบุตร
ประเภทของอาหาร
เนื้อสัตว์ ประมาณ 180-240 กรัมต่อวัน
ผัก อย่างน้อยวันละ 6 ทัพพ
มนมสด อย่างน้อยวันละ 2 แก้ว
ผลไม้ อย่างน้อยวันละ 6 ส่วน
ไข่ วันละ 1 ฟอง
ไขมันหรือน้ำมัน วันละ 3 ช้อนโต๊ะ
ข้าวและแป้งชนิดต่างๆ วันละ 9-10 ทัพพี
วัยก่อนเรียน
โภชนาการของเด็กวัยก่อนเรียน
่มีการเจริญเติบโตของร่างกายและสมองช้ากว่าในวัยทารก
เด็กวัยนี้เสี่ยงต่อภาวะขาดสารอาหาร
หากขาดสารอาหาร จะทำให้ความเจริญเติบโตหยุดชะงัก
อาหารสำหรับเด็ก
วัยก่อนเรียน ใน 1 วัน
อาหารกลางวัน
ข้าวผัดปูใส่ไข่ 1 จาน
แกงจืดมักกะโรนีกุ้ง 1 ถ้วย
เต้าส่วน
อาหารว่าง กล้วยน้ำว้า 1 ผล
อาหารเย็น
ข้าวสวย 1 ถ้วยตวง
แกงจืดผักกาดขาวหมูสับ 1 ถ้วย
ผัดเปรี้ยวหวานปลา 1 จาน
ส้ม 2 ผล
อาหารค่ำ นมสด 1 แก้ว
อาหารเช้า
ข้าวสุก 1 ถ้วยตวง
แกงจืดต าลึงหมูสับ 1 ถ้วยตวง
ไข่เจียว 1 ฟอง
มะละกอสุก 1 ชิ้น
อาหารว่าง นมสด 1 แก้ว
การสร้างนิสัยการรับประทานอาหาร
ต้องจัดอาหารให้เพียงพอ
ไม่ควรให้รางวัลจูงใจให้เด็กรับประทานอาหาร
ให้เด็กลองรับประทานอาหารใหม่ ๆ
จูงใจให้เด็กรับประทานอาหารให้ครบ 5 หม่
ควรหัดให้เด็กรับประทานอาหารทุกชนิด
ดื่มนมสด หรือนมถั่วเหลืองวันละ 2-3 แก้ว
ควรฝึกให้รับประทานอาหารหลักวันละ 3 มื้อ
ไม่ควรบังคับหรือฝืนใจเด็ก
ฝึกกมารยาทในการรับประทานอาหาร
รสชาติต้องจืด อร่อย ไม่เค็มจัด หรือหวานจัดเกินไป
รสชาติต้องจืด อร่อย ไม่เค็มจัด หรือหวานจัดเกินไป
วัยรุ่น
โภชนาการสำหรับวัยรุ่น
ต่อมไร้ท่อต่างๆ ทำงานมากขึ้น
มีการสร้างเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆ มากขึ้น
กระดูกขนาดใหญ่ขึ้นทำให้ร่างกายสูงขึ้น น้ำหนักเพิ่มมากขึ้น
ทำให้ความต้องการสารอาหารมากขึ้น
วัยรุ่นชายจะรับประทานอาหารมากกว่าวัยรุ่นหญิง
ความต้องการสารอาหารของวัยรุ่น
โปรตีน
อย่างน้อยวันละ 1-2 กรัมต่อน้ าหนักตัว 1 kg
น้ำ
วันละ 6-8 แก้ว
พลังงาน
ช. 2,300-2,400 kcal/วัน
ญ. 1,850-2,000 kcal/วัน
วิตามิน
วิตามิน A,B2,C
เกลือแร่
แคลเซียมและฟอสฟอรัส,ธาตุเหล็ก,ไอโอดีน
กินอาหารให้ครบ 5 หมู ครบ 3 มื้อ
การบริโภคอาหารของวัยรุ่น
วัยรุ่นชายใน 1 วัน (2,300 kcal)
อาหารกลางวัน
บะหมี่หมูแดง
อาหารว่างบ่าย นม 1 แก้ว ส้มโอ 2 กลีบ เเครกเกอร์ 4 แผ่น
อาหารเย็น
ข้าวสวย 4 ทัพพ
แกงส้มกุ้ง
ปลาทอด 2 ช้อนกินข้าว
แอปเปิ้ล 1 ผลเล็ก
อาหารเช้า
ขนมปัง ไข่ดาว-แฮม
น้ำส้มคั้น 1 แก้ว (ส้ม 6 ผล)
อาหารว่างเช้า ฝรั่ง 1/2 ผล
วัยรุ่นหญิงใน 1 วัน (1,850 kcal)
อาหารกลางวัน
ผัดคะน้าหมู
ต้มยำทะเลน้ำใส
ข้าวสวย 3 ทัพพี
น้ำแตงโมปั่น 1 แก้ว
อาหารเย็น
ต้มข่าไก
ปลานึ่งจิ้มแจ่ว
ข้าวสวย 3 ทัพพี
ฝรั่ง 1/2 ผลกลาง + ส้มโอ 2 กลีบ
อาหารเช้า
ก๋วยจั๊บ
ส้มเขียวหวาน 2 ผล
อาหารว่างเช้า นมพร่องมันเนย 1 กล่อง (240 ml)
วัยทารก
โภชนาการของวัยทารก
เมื่ออายุ 4-5 เดือน ควรมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าของน้ าหนักแรกเกิด
เมื่ออายุ 1 ปี น้ำหนักควรเพิ่มเป็น 3 เท่าของน้ าหนักแรกเกิด
ความต้องการสารอาหารในทารก
แรกเกิด - 6เดือนแรก ได้พลังงานและสารอาหารจากนมแม่อย่างเดียว
หลังจาก 6 เดือนถึงขวบปีแรก ทารกจะได้รับพลังงานและสารอาหารจากอาหารอื่นร่วมกับนมแม่
การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
มีคุณค่าทางโภชนาการ มีสารอาหารครบถ้วน ย่อยง่าย
สร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ช่วยลดโอกาสเสี่ยงต่อภาวะภูมิแพ้
ทำให้ทารกเจริญเติบโตอย่างเต็มที่
มีผลดีต่อจิตใจแม่และลูก
ช่วยสร้างเสริมพัฒนาการทางสมองและสติปัญญา
ทำให้มดลูกของแม่เข้าอู่เร็ว
ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ช่วยให้ประหยัด
การเลือกอาหารสำหรับทารก
ข้าว เนื้อสัตว์ ปลาตับ ไข่ ผัก
และผลไม้ เป็นประจำทุกวัน
กินไขมันให้เพียงพอ
ผักใบเขียวและผักสีส้ม
เช่นตำลึง ผักบุ้ง ผักกาดขาว ฟักทอง แครอท
ผลไม้ที่ไม่หวานจัด
เช่น กล้วยน้ำว้า มะละกอสุก ส้ม
เนื้อสัตว์ต่างๆ เช่น หมู ไก่ ปลาและตับ
หลีกเลี่ยง ขนมที่มีรสหวานจัด มันจัดเค็มจัด และขนมที่เหนียวติดฟัน
ไม่ควรให้อาหารรสหวานจัด มันจัด เค็มจัด
อาหารที่ให้สำหรับทารกใน 1 วัน
อายุ 6 เดือน
ข้าวบดละเอียด 3 ช้อนกินข้าว
ผักบดครึ่งช้อนกินข้าว
ไข่แดงครึ่งฟอง สลับกับตับบด 1 ช้อนกินข้าว หรือ เนื้อปลาบด 2 ช้อนกินข้าว
ผลไม้สุก 2 ชิ้น หรือกล้วยน้ าว้าสุก 1 ผล
อายุ 8-9 เดือน
ไข่ทั้งฟอง และเนื้อปลา 2 ช้อนกินข้าว หรือเนื้อหมู 2 ช้อนกินข้าว
ผักบด 2 ช้อนกินข้าว
ข้าวสุกนิ่มๆ 5 ช้อนกินข้าว
ผลไม้สุก 2-3 ชิ้น หรือส้ม 1 ผล
อายุ 10-12 เดือน
ไข่ทั้งฟอง และเนื้อหมู 2 ช้อนกินข้าว หรือตับ 1 ช้อนกินข้าว
ผักบด 2 ช้อนกินข้าว
ข้าวสุกนิ่มๆ 5 ช้อนกินข้าว
ผลไม้สุก 3-4 ชิ้น หรือกล้วยน้ าว้า 1 ผล
อายุ 7 เดือน
ข้าวบดละเอียด 4 ช้อนกินข้าว
ไข่ทั้งฟอง สลับกับเนื้อปลา 2 ช้อนกินข้าว หรือเนื้อหมู 2 ช้อนกินข้าว
ผักบด 1 1/2 ช้อนกินข้าว
ผลไม้สุก 2-3 ชิ้น หรือส้ม 1 ผล
หญิงตั้งครรภ์
โภชนาการสำหรับหญิงตั้งครรภ์
ร่างกายต้องการสารอาหารมากขึ้น
ร่างกายในภาวะปกติตามธรรมชาติ
ได้รับอาหารไม่เพียงพอ
น้ำหนักแรกคลอดของทารกต่ำ
มีภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์
มีผลต่อการเจริญเติบโตของสมอง
สมองมีขนาดเล็กกว่าปกติ
การเปลี่ยนแปลงด้านสรีระของหญิงตั้งครรภ์
มดลูกเพิ่มความจุ
(จาก 10 มล. >> 5 ลิตร / น้ำหนัก จาก 70 กรัม >> 1,100 กรัม)
อาการคลื่นไส้อาเจียน
“อาการแพ้ท้อง” (morning sickness)
น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น
การเปลี่ยนแปลงของการไหลเวียนของเลือด
ครรภ์ใกล้ครบกำหนด เลือดเพิ่ม45%
plasmaเพิ่มขึ้น มากกว่า เม็ดเลือดแดง
เลือดมีความเข้มข้นลดลง>>ภาวะซีด/โลหิตจาง
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
estrogen และ progesterone เพิ่ม
การเปลี่ยนแปลงระบบทางเดินอาหาร
ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง
แน่นท้อง ท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียน
หญิงตั้งครรภ์มักกินอาหารที่มีกากใยน้อย และออกกำลังกายไม่พียงพอ
ก่อนคลอดกทารกในครรภ์มีขนาดใหญ่ไป
กดทับลำไส้ ทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวได้น้อย
ความต้องการสารอาหารขณะตั้งครรภ์
สารอาหารที่ให้พลังงาน
คาร์โบไฮเดรต ไขมัน โปรตีน จากเนื้อสัตว์ นม ไข่ ข้าว
ควรหลีกเลี่ยง ขนมหวานจัด น้ำอัดลม อาหารทอด หมูติดมัน กะทิ
โปรตีน (Protein)
กอนอาหารโปรตีนจากภาวะปกติ 10-14 กรัมต่อวัน
แคลเซียม (Calcium)
ควรได้รับแคลเซียม วันละ 1,200 mg เพิ่มจากปกติซึ่งได้รับ 800 mg/day
ธาตุเหล็ก (Iron)
แพทย์จะให้กินยาที่มีธาตุเหล็กร่วมด้วย
โดยเฉพาะ 3 เดือนก่อนคลอด(วันละ 60 mg)
ไอโอดีน (Iodine)
อาหารทะเลต่างๆ / ควรใช้เกลือชนิดที่
มีไอโอดีนในการปรุงอาหารทุกวัน
ควรได้รับไอโอดีนวันละ 175 μg
โฟเลท (Folate)
ควรได้รับโฟเลทวันละ 500 μg (เพิ่มจากปกติซึ่งได้รับ 150 μg)
ผลไม้ ผักใบเขียว ถั่ว
วิตามิน B6
เพิ่มจากเดิมวันละ 0.6 mg เป็นวันละ 2.6 mg
วิตามิน C
เพิ่มเป็นวันละ 80 mg
วิตามิน A
ควรได้รับวิตามินเอวันละ 800 μgRE
หลีกเลี่ยงการเสริม
วิตามิน A ในระยะ 3 แรกของการตั้งครรภ
วิตามิน D
์ร่างกายต้องการวิตามิน D วันละ 10 mg
ได้รับมากเกินไปอาจท าให้ทารกมีภาวะแคลเซียมในเลือดสูงอย่างรุนแรง
แนวทางการบริโภคอาหารของหญิงตั้งครรภ์
เนื้อสัตว์ วันละ 120-180 กรัม
นม วันละ 1-2 แก้ว
ไข่ วันละ 1 ฟองเป็นประจำ
ผลไม้ วันละ 2-4 ครั้ง
ผัก ปริมาณไม่จำกัด หรืออย่างน้อยวันละ 2-3 ถ้วยตวง
ถั่วเมล็ดต่างๆ วันละ 1/2 ถ้วยตวง
ไขมันหรือน้ำมัน ควรบริโภคในระดับปานกลาง
น้ำ วันละ 1,500-2,000 มล. หรือ 6-8 แก้ว
วัยเรียน
โภชนาการของเด็กวัยเรียน
วัยรียนตอนต้นจะเป็นไปอย่างช้าๆ ในช่วงวัยเรียนตอนปลาย
อัตราการเจริญเติบโตของร่างกายจะสูงมากอีกครั้ง
เริ่มเข้าสู่วัยแรกรุ่น เมื่ออายุ 10 ปี เร็วกว่าเพศชายประมาณ 2 ปี
จะมีพัฒนาการด้านการเสริมสร้างเชาวน์ปัญญา
พฤติกรรมการกินที่เป็นปัญหาของเด็กวัยนี
จะไม่ลองกินอาหารที่ไม่เคยกิน
กินอาหารไม่เป็นเวลา มัวแต่เล่นจนลืมกิน
เล่นมากจนเพลียไม่อยากกินอาหาร
เลือกกินอาหารที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ
ความต้องการสารอาหารของเด็กวัยเรียน
นน. 3-10 กิโลกรัม x 100
นน. 10-20 กิโลกรัม x 50
นน.เกิน 20 กิโลกรัม x 20
ขึ้นกับอัตราการเจริญเติบโตและกิจกรรมที่ท า
ข้อปฏิบัติในการจัดอาหารเด็กวัยเรียน
จัดอาหารให้ครบ 5 หมู่ ในแต่ละวัน
ฝึกวินัยในการรับประทานอาหารให้เป็นเวลา
ฝึึกให้เด็กรู้จักความพอดีในการรับประทานอาหารแต่ละประเภท
ควรมีอาหารส ารองไว้บ้าง เป็นอาหารที่เตรียมได้ง่ายๆ แต่มีประโยชน
วัยผู้สูงอายุ
การเปลี่ยนแปลงของผู้สูงอายุที่มีผลต่อภาวะโภชนาการ
การมองเห็น รับรส ดมกลิ่น ได้ยิน และสัมผัส
ลดลงเมื่ออายุ 60 ปี และรุนแรงขึ้นเมื่ออายุ 70 ปี
การดูดซึมเหล็ก แคลเซียม และวิตามิน B12 น้อยลง
ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น
ความสามารถในการขับของเสียลดลง
โปรตีนในร่างกายลดลง
กระดูกหักง่าย
ผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียวจะรับประทานอาหารได้น้อยลง
ความต้องการสารอาหารในผู้สูงอายุ
พลังงาน
ไม่เกินวันละ 2,250 และ 1,850 kcal หรือ 30 kcal/kg
โปรตีน
1 กรัมต่อน้ าหนักตัว 1 kg/day
นมวันละ 1 แก้ว
ไข่อาทิตย์ละ 3 ฟอง
ไขมัน
ไม่ควรเกิน 30% ของพลังงานทั้งหมด
คาร์โบไอเดรต
ควรได้รับ 55% ของพลังงานทั้งหมด
วิตามิน A
ุชายต้องการ 700 และหญิงต้องการ 600 μgRE
วิตามิน D
วันละ 5 μg
วิตามิน E
วันละ 10 และ 8 mg
วิตามิน K
วันละ 80 และ 65 μg
วิตามิน C
ควรได้รับ วันละ 60 mg
วิตามิน B6
วันละ 2.2 และ 2.0 mg
วิตามิน B12
ควรได้รับ วันละ 2.0 μg
โฟเลต
วันละ 175 และ 150 μg
แคลเซียม
วันละ 1,000-1,500 mg
เหล็ก
วันละ 10 mg
สังกะสี
วันละ 15 mg
วัยผู้ใหญ่
โภชนาการในวัยผู้ใหญ่
ไม่มีการเสริมสร้างเพื่อการเจริญเติบโต
น้ำหนักเกิน >> ทำให้เกิดโรคต่างๆ
ความต้องการสารอาหารในวัยผู้ใหญ่
พลังงาน
คาร์โบไฮเดรตร้อยละ 55 , โปรตีนร้อยละ 15 , ไขมันร้อยละ 30
โปรตีน
วันละ 1 กรัมต่อน้ าหนักตัว 1 kg
วิตามินและเกลือแร่
800 mg/day เนื่องจากในระยะนี้ไม่มีการสร้างกระดูกเพิ่มขึ้น
น้ำ
1,500-2,000 ml/day
อาหารสำหรับวัยผู้ใหญ่ (2,000 kcal)
อาหารกลางวัน
ผัดเซียงไฮ้ทะเล 1 จาน
กล้วยหอม 1 ผล
อาหารว่างบ่าย ขนมซ่าหริ่ม 1 ถ้วย
อาหารเย็น
ต้มยำปลากะพง 1 ถ้วย
ผัดผักรวม 1 จาน
ข้าวสวย 1 จาน
ส้มโอ 2 กลีบ
อาหารว่าง นมพร่องมันเนย 1 ถ้วยตวง
อาหารเช้า
ต้มจืดเลือดหมูต าลึง
ไก่ทอด
ข้าวสวย 1 1/2 ถ้วยตวง
ชมพู่ 2 ผล
วัยทอง (Golden period)
วัยหมดประจำเดือน (Menopausal period)
ควรรับประทาน ถั่วต่าง ๆ เมล็ดธัญพืช ข้าวซ้อมมือ ปลา ผัก และผลไม้สด
ควรหลีกเลี่ยง
ชา กาแฟ น้ าอัดลม และช็อกโกแลต
แอลกอฮอล
เนื้อสัตว์ติดมัน , เครื่องในสัตว์
น้ำตาล อาหารที่มีเกลือ และอาหารที่มีโซเดียมสูง