Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
หน่วยที่ 1การพยาบาลแบบองค์รวมในผู้ที่มีความวิตกกังวลและความเครียด - Coggle…
หน่วยที่ 1การพยาบาลแบบองค์รวมในผู้ที่มีความวิตกกังวลและความเครียด
ภาวะการปรับตัวผิดปกติ (Adjustments Disorders)
ภาวะการปรับตัวผิดปกติ (Adjustments Disorders)หมายถึงเป็นภาวะสุขภาพที่เกิดขึ้นหลังจากต้องเผชิญความกดดัน ทำให้เกิดความเครียดสะสมหรือเครียดจัด และไม่สามารถตอบสนอง หรือปรับตัวได้อย่างเหมาะสม จนส่งผลกระทบต่อชีวิตการทำงาน การเรียน ความสัมพันธ์ หรือการเข้าสังคมการดำเนินโรคบางรายมีอาการเพียง 2-3 วัน หรือ2-3 สัปดาห์แต่จะไม่นานเกิน6 เดือน
สาเหตุ
Stressors ซึ่งเป็นลักษณะของความกดดันที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดปัญหา
Situational context ซึ่งเป็นสภาวะแวดล้อมของผู้ป่วยขณะนั้น ตัวอย่างเช่น ปัญหาเกิดจากใน
Intrapersonal factors คือ เหตุปัจจัยในตัวผู้ป่วยเอง ตัวอย่างเช่น นิสัย วิธีการปรับตัว
พบได้ในทุกอายุ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น จำนวนวัยรุ่น วัยรุ่นหญิงส่วนในกลุ่ม ผู้ใหญ่จะเป็นเพศหญิงมากกว่าเพศชายถึง 2 เท่า
ลักษณะอาการและอาการแสดง
A: มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์และพฤติกรรมตอบสนองต่อภาวะกดดันที่ปรากฏชัดเจนหนึ่งอย่างหรือมากกวา ภายใน3 เดือนนับตั้งแต่เริ่มมีภาวะกดดัน
B: มีลักษณะใด ลักษณะหนึ่งดังนี้
(1)มีอาการตึงเครียดมากเกินการตอบสนองตามปกติ ที่เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป
(2)มีความบกพร่องในหน้าที่การงาน การเรียน หรือการเข้าสังคมอย่างชัดเจน
C: ความผิดปกติดังกล่าวไม่เข้าเกณฑ์การวินิจฉัยของโรคทางจิตเวชอื่น และไม่ได้เป็นการก าเริบของโรคจิตเวชเดิม
D: ไม่ใช่การตอบสนองต่อการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก(bereavement)
E: เมื่อความกดดันหายไป จะมีอาการอยูไม่นานเกินกว่า 6 เดือน
วิธีการบำบัด
จิตบำบัดรายบุคคล (Individual psychotherapy)
เป็นการรักษาที่ใช้บ่อยที่สุดตัวอย่างของการรักษาในลักษณะนี้ คือ จิตบำบัดแบบสั้น ซึ่งผู้รักษาจะพยายามหาความหมายของการป่วย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องของความขัดแย้งที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข การมองภาพตนเองในแง่ลบ ประสบการณ์ที่สะเทือนใจในวัยเด็ก และความไม่พอเพียงของพัฒนาการ เทคนิคที่นิยมใช้ในคือ จิตบำบัดแบบประคับประคองและแสดงออก
ครอบครัวบำบัด (Family therapy)
วิธีนี้ไม่ได้เน้นที่ตัวผู้ป่วยเพียงคนเดียว แต่จะมองผู้ป่วยและบุคคลที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยว่าเป็นระบบ วิธีการนี้เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะการปรับตัวผิดปกติที่เผชิญกับสิ่งตึงเครียดซึ่งเกี่ยวข้องกับวิกฤตการณ์ในช่วยพัฒนาการ เช่น การคลอดบุตร การแต่งงาน การเกษียณอายุ และการสูญเสียสิ่งที่รัก
การบำบัดในภาวะวิกฤต (Crisis intervention)
การรักษาโดยวิธีนี้มีจุดประสงค์หลักคือ การช่วยให้ผู้ป่วยสามารถแก้ไขสถานการณ์ให้ผ่านพ้นโดยเร็วที่สุด เทคนิคที่ใช้บ่อยในการประคับประคอง (Supportive techniques) คือ การแนะนำ (Suggestion) การให้ความมั่นใจการปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อม (Environmental modification) หรือ การรับไว้รักษาในโรงพยาบาล (Hospitalization) ในกรณีที่จำเป็นการรักษาโดยวิธีนี้มีความยืดหยุ่น (Flexibility) ความถี่ (Frequency) และระยะเวลา (Duration) ที่ผู้รักษาจะพบผู้ป่วยอาจแตกต่างกันได้มากในผู้ป่วยแต่ละราย ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการรุนแรง ผู้รักษาอาจพบผู้ป่วยวันละครั้งหรือ 2-3 วันต่อครั้งก็ได้
กลุ่มช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
วิธีนี้จะกระทำโดยให้ผู้ประสบเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันมารวมกลุ่มกัน โดยไม่มีผู้รักษาแบบมืออาชีพ (Professional) เข้าร่วมกลุ่ม การเปิดเผยเรื่องราวของตนให้สมาชิกอื่นทราบสามารถทำให้ผู้ป่วยมั่นใจว่าเรื่องราวและอาการที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดเฉพาะผู้ป่วยคนเดียว (อย่างที่ผู้ป่วยเข้าใจ) หรือผู้ป่วยไม่ได้เป็นบางอย่างที่คิดไว้ สมาชิกในกลุ่มสามารถพูดหรือระบายความไม่สบายใจโดยไม่ต้องกลัวว่าจะกระทบต่อครอบครัวหรือเพื่อน นอกจากนี้ กลุ่มยังมีการแลกเปลี่ยนคำแนะนำและวิธีการที่แก้ปัญหารวมทั้งสนับสนุนและให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
พฤติกรรมบำบัดรายบุคคล
วิธีนี้แตกต่างจากจิตบำบัดรายบุคคล (Individual psychotherapy) ทั้งในแง่ทฤษฎีและเทคนิค โดยวิธีการนี้ปัญหาของผู้ป่วยจะถูกมองว่าเป็นกระบวนของการตอบสนองต่อเหตุการณ์แบบผิดปกติที่กระทำจนเป็นนิสัย วัตถุประสงค์ของการรักษาวิธีนี้ เพื่อการเปลี่ยนแปลงวิธีการตอบสนอง ตัวอย่างเช่น การเป็นตัวแบบ การเสนอความเห็นแบบการสอนการจัดลำดับของแรงเสริม วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีพฤติกรรมเกเร เนื่องจากผู้ป่วยเหล่านี้เป็นกลุ่มผู้ป่วยที่มีปัญหาในเรื่องการควบคุมความดลใจ
ภาวะความผิดปกติทางด้านร่างกายเป็นผลจากจิตใจ (Somatic Symptoms and Related Disorders)
ภาวะความผิดปกติทางด้านร่างกายเป็นผลจากจิตใจ (Somatization or Somatoform disorder)หมายถึง ผู้ป่วยจะมีอาการทางกายบางอย่างซึ่งเป็นอาการที่มีอยู่จริง คือไม่ได้แกล้งเป็นหรือคิดไปเอง โดยอาการที่พบบ่อยได้แก่ ปวดท้อง ปวดหัว หรือ มึนหัว หายใจไม่อิ่ม
สาเหตุของการเกิดโรค
พบว่า พันธุกรรม พัฒนาการการเรียนรู้ บุคลิกภาพ และปัจจัยทางสังคมวัฒนธรรม เป็นสาเหตุนำสาเหตุกระตุ้นและทำให้เกิด Somatoform Disorders
ระบาดวิทยาและการดำเนินของโรค
ส่วนใหญ่พบในวัยผู้ใหญ่ ร้อยละ0.2 -2 ของประชากร พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย ประมาณ 2-20 เท่า
ลักษณะอาการและอาการแสดง
อาการทางกายตั้งแต่ 1 อาการขึ้นไปทำให้ไม่มีความสุขและจะไปรบกวนการดำเนินชีวิตประจำวัน
มีพฤติกรรม ความรู้สึกกังวลที่มากเกินไปกับอาการทางกาย หรือความกังวลด้าน
1.ความคิดที่ต่อเนื่องเกี่ยวกับอาการของตนเองอย่างจริงจัง
2.มีความวิตกกังวลในระดับสูงเกี่ยวกับสุขภาพ
3.ใช้เวลาอย่างมากและจดจ่อกับอาการ หรือความกังวลด้านสุขภาพ
ถึงแม้ว่าอาการทางกายจะไม่ปรากฏอย่างต่อเนื่อง แต่ผู้ป่วยยังรู้สึกว่าอาการยังคงอยู่ ปกติพบมากกว่า 6 เดือน
การบำบัดทางจิต
การทำจิตบำบัดชนิด Cognitive behavior therapy (CBT) ควรมุ่งความสนใจให้ผู้ป่วยได้แสดงความรู้สึกและพูดปัญหาในชีวิต ความต้องการด้านจิตใจมากกว่าใช้เวลาในการรับฟังรายละเอียดของอาการทางร่างกายของผู้ป่วย
พฤติกรรมบำบัด (Behavior therapy) เป็นการนำทฤษฎีการเรียนรู้มาใช้ลดความวิตกกังวลและพยายามเลิกพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกระทำได้หลายรูปแบบ ตัวอย่างเช่น Systemic desensitization, Relaxation, Modeling และ thoughtstopping
การพยาบาลโดยใช้กระบวนการพยาบาล
1.การรวบรวมข้อมูลทางการพยาบาล (Nursing Assessments)
1.1 แบบแผนการรับรู้สุขภาพและการดูแลสุขภาพ (Health perception-health management pattern)พบข้อมูลว่าผู้ป่วยจะมีการรับรู้ด้านสุขภาพว่าตนเองมีการเจ็บป่วยทางกาย จึงแสวงหาการรักษาที่ไม่ถูกต้อง
1.2 แบบแผนโภชนาการและการเผาผลาญสารอาหาร (Nutritional-metabolic pattern) พบข้อมูลว่าผู้ป่วยจะรู้สึกท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือความเครียดทำให้เบื่ออาหารทานอาหารได้น้อย
1.3 แบบแผนการขับถ่าย (Elimination pattern) พบข้อมูลว่าผู้ป่วยจะมีอาการท้องเสีย ท้องผูก ปัสสาวะบ่อย
1.4 แบบแผนการท ากิจกรรมและการออกกำลังกาย (Activity-exercise pattern) พบข้อมูลว่า ผู้ป่วยจะบกพร่องไม่มากนักต้องการช่วยเหลือบางส่วน
1.5 แบบแผนการพักผ่อนและการนอนหลับ (Sleep-rest pattern) พบข้อมูลว่า ผู้ป่วยหลับยากหลับๆตื่นๆ ตื่นกลางดึก รู้สึกว่านอนไม่พอ ง่วงมากตอนกลาง นอนละเมอและวันฝันร้าย
1.6 แบบแผนการรู้คิดและการรับรู้ (Cognitive-perceptual pattern) พบข้อมูลว่า ผู้ป่วยคิดว่ารูปร่างหน้าตาของตนเองผิดปกติไป ส่วนสมาธิจะเสียเมื่อความวิตกกังวลสูง การรับรู้ส่วนใหญ่ปกติ
1.7 แบบแผนการรับรู้ตนเอง อัตมโนทัศน์ และสภาพอารมณ์ (Self-perception -self-concept –emotional status pattern) พบข้อมูลว่าส่วนใหญ่คิดว่าตนเป็นคนไม่มีคุณค่าขาดความสามารถขาดความเชื่อมั่นในตนเอง ส่วนอารมณ์มี วิตกกังวล เศร้า โกรธ หงุดหงิด
1.8 แบบแผนบทบาทและสัมพันธภาพ (Role-relationship pattern) พบข้อมูลว่าการทำหน้าที่ตามบทบาท และสัมพันธภาพกับบุคคลอื่นบกพร่อง แยกตัวออกจากสังคมหรือไม่ต้องการเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม
1.9 แบบแผนทางเพศและการเจริญพันธ์ (Sexuality-reproductive pattern)พบข้อมูลว่า ไม่มีปัญหามีอาการทางเพศและการเจริญพันธ์ได้
1.10 แบบแผนความเครียด ความทนต่อความเครียด และการจัดการกับความเครียด(Coping-stress-tolerance pattern)พบข้อมูลว่า การจัดการกับความเครียดหรือการแก้ปัญหาไม่เหมาะสม การปรับตัวบกพร่อง และมีความคิดจะฆ่าตัวตายหรือแก้ปัญหาไม่เหมาะสม
1.11 แบบแผนคุณค่าความเชื่อและสุขภาวะทางจิตวิญญาณ(Value-belief-spiritual pattern)พบข้อมูลว่าผู้ป่วยมีความทุกข์ทางจิตวิญญาณเนื่องจากว่าการควบคุมจัดการอาการตนเอง
การวินิจฉัยปัญหาทางการพยาบาล (Nursing Diagnosis) ตัวอย่างเช่น
1 การได้รับสารอาหารไม่สมดุล โดยไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
2 แบบแผนการนอนหลับเปลี่ยนแปลง
3 การดูแลสุขภาพไม่มีประสิทธิภาพ
4 การดูแลตนเองในการปฏิบัติกิจวัตรประจำบกพร่อง
5 การเผชิญปัญหาไม่มีประสิทธิภาพ
6 วิตกกังวลอย่างรุนแรง
การปฏิบัติการพยาบาล (NursingIntervention)
1 สร้างสัมพันธภาพให้ผู้ป่วยยอมรับพยาบาลทั้งในด้านบุคลิกภาพ และความรู้ความสามารถ
2 ดูแลอาการทางกายโดยตั้งอยู่บนข้อเท็จจริง
3 ให้ผู้ป่วยบอกความรู้สึก ว่าเขารู้สึกอย่างไร และให้ระบายความรู้สึกนั้นออกมา เพื่อให้ผู้ป่วยได้ระลึกรู้ความรู้สึก และความต้องการของตนเองมากกว่าที่จะไปมุ่งอยู่ที่อาการเจ็บป่วยทางร่างกาย
4 ช่วยผู้ป่วยให้ได้พัฒนาวิธีการที่เหมาะสมที่จะพูดระบายความรู้สึกและความต้องการของตนเองให้มากขึ้นอ
5 จำกัดพฤติกรรมของผู้ป่วย โดยการเฉยเสียเมื่อเขาบ่นหรือมุ่งความสนใจไปที่อาการทางกาย และให้แรงเสริมทางบวกเมื่อเขามีพฤติกรรมที่เหมาะสม
6 ให้การพยาบาลด้วยความเสมอต้นเสมอปลาย
7 หันเหความสนใจของผู้ป่วยไปที่การเข้าร่วมกิจกรรมบำบัด
8 ไม่ตอกย้ำหรือตำหนิติเตียนเกี่ยวกับปัญหา หรือความคับข้องใจของผู้ป่วย
การประเมินผลทางการพยาบาล (NursingEvaluation) ตัวอย่างเช่น
1 ผู้ป่วยมีพฤติกรรมวิตกกังวลลดลง
2 ผู้ป่วยมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่นในสังคมอย่างเหมาะสม
3 ผู้ป่วยมีวิธีเผชิญปัญหาเหมาะสม
4 ผู้ป่วยมีสุขอนามัย และการดูแลกิจวัตรประจำวันของตนเองได้ โดยได้รับความช่วยเหลือ หรือกระตุ้นเตือนเพียงเล็กน้อย
5 ผู้ป่วยมีสีหน้าที่แสดงถึงความสบายใจ และมีความสุข
6 ผู้ป่วยสนใจในสิ่งแวดล้อม และร่วมมือทำกิจกรรมมากขึ้น
การวางแผนการพยาบาล (NursingCare Plan)
1 ดูแลสุขภาพตามความต้องการขั้นพื้นฐานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2 มีภาวะการรับรู้การเจ็บป่วยของตนเองได้ถูกต้อง
3 มีความวิตกกังวลลดลงและจัดการกับความขัดแย้งในใจได้
4 มีการเห็นคุณค่าและยอมรับนับถือในตนเองเพิ่มขึ้น