Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่13 การพยาบาลเด็กที่ได้รับอุบัติเหตุและสารพิษ - Coggle Diagram
บทที่13
การพยาบาลเด็กที่ได้รับอุบัติเหตุและสารพิษ
ความหมาย
อุบัติเหตุ หมายถึง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด อาจมีอันตรายถึงชีวิตหรือบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย สามารถเกิดได้ทุกเวลา ทุกสถานที่ ทั้งในและนอกบ้าน
ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุในเด็ก
ช่วงวัยของเด็ก
วัยเรียน (6-12 ปี) ชอบผจญภัย เริ่มเล่นนอกบ้าน อุบัติเหตุที่เกิดขึ น เช่น จมน้ำ อุบัติเหตุบนท้องถนน เกิดบาดแผลจากของมีคม ข้อเคล็ด เคลื่อนหรือเกิดรอยฟกช ้า ถูกแมลงสัตว์กัดต่อย อันตรายจากไม้ขีดไฟและดอกไม้ไฟ
วัยก่อนเรียน (3-6 ปี) เริ่มเข้าสังคม ชอบซักถาม กิจกรรมที่ชอบคือเล่นเลียนแบบผู้ใหญ่อุบัติเหตุที่พบบ่อย ได้แก่ พลัดตกหกล้ม ถูกสารพิษ ไฟฟ้าดูดหรือไฟไม้น ้าร้อนลวก
วัยหัดเดิน/เตาะแตะ (1-3 ปี) เด็กวัยนี ชอบเดินส้ารวจ ปีนโต๊ะเก้าอี ชอบใช้นิ วแหย่ไชตามช่องโพรงต่างๆ อุบัติเหตุที่พบบ่อย ได้แก่ การพลัดตกหกล้ม สิ่งแปลกปลอมติดคอ ไฟไหม้ ไฟดูด จมน้ำ ถูกสัตว์เลี้ยงกัดและถูกรถยนต์ชน
วัยทารก (แรกเกิดถึง 1ปี) อุบัติเหตุในวัยทารกมักเกิดภายในบ้าน ได้แก่ สำลัก พลัดตกหกล้มจากที่สูง การบาดเจ็บจากความร้อน กินสารพิษ จมน้ำและสิ่งแปลกปลอม
จากสภาพของครอบครัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นครอบครัวเดี่ยวที่บิดามารดาต้องออกไปท้างานหารายได้ แด็กต้องอยู่กันล้าพังพี่ๆน้องๆหรืออยู่กับคุณตาคุณยายที่มีอายุมาก
สิ่งแวดล้อม ที่ท้าให้เด็กเกิดอุบัติเหตุกับเด็กได้ง่าย
การป้องกันอุบัติเหตุในเด็กในเบื้องต้น
2.ให้ความรู้กับบุคลทั่วไป เช่น การจัดนิทรรศการให้ความรู้ หรือแจกเอกสารแผ่นพับ
3.ให้ความรู้กับเด็กเช่น ให้รู้จักสัญญาณไฟจราจร สอนให้เด็กระวังอันตรายจากการเล่นน้ำ เล่นไฟ
1.ให้ค้าแนะน้าผู้ปกครอง เช่น ไม่ใช่ผ้าหรือหมอนหนุนขวดนมให้ดูดนมเองเด็กอาจสำลักได้ หรือไม่ควรให้เด็กถือถ้วยแก้วที่ร้อนเก็บของมีคมหรือสารพิษให้พ้นมือเด็กจัดบ้านให้เป็นระเบียบ
สารพิษ
สารที่เข้าสู่ร่างกายแล้วท้าให้เกิดอันตรายกับร่างกายสารพิษที่มีอันตรายกับเด็กมีหลายชนิดซึ่งส่วนใหญ่เป็นสารพิษที่อยู่ในบ้าน
1.สารพิษที่มีส่วนผสมของสารตะกั่ว เช่น สีทาบ้าน สีทาของเล่น สีย้อมผ้า ถ่านไฟฉาย แบตเตอรี่รถยนต์
2.น้ำยาต่างๆที่มีส่วนประกอบของสารกัดกร่อน เช่น น้ำยาล้างห้องน้ำ น้ำยาซักผ้าขาว
3.น้ำยาท้าคววามสะอาด เช่น ผงซักฟอก น้ำยาซักแห้ง สบู่เหลว สบู่ก้อน
4.น้ำมันต่างๆที่มีส่วนผสมของไฮโดรคาร์บอน เช่น น้ำมันก๊าด น้ำเบนซิน
5.ยาฆ่าแมลงต่างๆ
การพยาบาลในเด็กและวัยรุ่นที่ได้รับอุบัติเหตุและสารพิษ
การพลัดตกหกล้ม ตกจากที่สูง เมื่อเด็กมีการพลัดตกหกล้มหรือตกจากที่สูง การช่วยเหลือตามลักษณะของแผล
แผลฝกช้้ำ ลักษณผิวหนังไม่ฉีกขาด มีบวม กดเจ็บ แดง หรืออาจเขียวคล้ำ
การพยาบาล
-ยกอวัยวะนั้นให้สูงกว่าลำตัวเพื่อลดอาการบวม
-ใช้ความเย็นประคบประมาณ 15-30 นาที เพื่อให้หลอดเลือดหดตัวและห้ามเลือดที่ออกเซาะในเนื อเยื่อหรือใต้ผิวหนัง หลังจากนั น 1 วัน ให้ใช้ความร้อนประคบเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณนั นเพื่อช่วยลดบวม
แผลถลอกเกิดจากการถูกของแข็งครูดอย่างแรง มีเลือดซึมออกมา ส่วนใหญ่เป็นแผลไม่สะอาดอาจมีเศษหิน ดิน ทราย เกิดการอักเสบตืดเชื อง่าย
การพยาบาล
-ล้างแผลให้สะอาด/น้ำสบู่
-กดแผลจนเลือดหยุด
-ท้าความสะอาจรอบแผลด้วย Alcohol 70%และอาจท้าแผลด้วย Providenceช่วยให้แผลแห้ง
ข้อเคล็ด ข้อเท้าแพลง
การพยาบาล
-ประคบเย็น
-ให้พักข้อโดยพันผ้าเพื่องดการเคลื่อนไหว
-ถ้าเอ็นฉีกขาดต้องน้าส่งโรงพยาบาล
แผลจากของมีคมและแผลถูกแทง ตำ
ลักษณะแผลถูกของมีคมขอบแผลเรียบแต่แผลถูกแทงหรือต้าแผลจะเล็กและลึก เช่น เหยียบไม้เสียบลูกชิ้น
การพยาบาล
-ถ้าแผลยาวมากกว่า 1 เซนติเมตรควรส่งโรงพยาบาล
-ถ้ามีเลือดออกมากให้ห้ามเลือด และยกให้สูงกว่าหัวใจถ้าเลือดไหลไม่หยุดให้รีบส่งโรงพยาบาล
-ถ้าแผลสกปรกให้ล้างแผลให้สะอาดและปิดแผลด้วยผ้าสะอาด
ข้อเคลื่อน ข้อหลุด กระดูกหัก
การพยาบาล
-ประคบเย็นงดใช้ข้อ โดยใช้ผ้าพันไว้ห้ามเคลื่อนไหวอวัยวะบริเวณนั น ส่งโรงพยาบาล
แผลจากความร้อน (Burns)
หมายถึง การบาดเจ็บที่ได้รับจากสารเหลวที่ร้อนหรือสารที่ติดไฟ เช่น น้ำมัน น้ำร้อนลวก กระแสไฟฟ้า หรือสารเคมี
สาเหตุ
2.จากสารเคมี ความรุนแรงขึ้นอยู่กับจ้านวนสารเคมี
3.จากกระแสไฟฟ้า ซึ่งจะท้าลายระบบประสาท กล้ามเนื้อ เส้นเลือดและกระดูก
1.จากวัตถุหรือสิ่งของที่มีความร้อนถูกผิวหนังท้าให้เกิดบาดแผล
4.จากสารกัมมันตรังสี
การพยาบาล
ให้การพยาบาลเบื้องต้นเมื่อเกิด
2.1ไฟไหม้เสื้อผ้า
-ให้เด็กนอนใช้น้ำดับไฟ ห้ามวิ่งหรือกลิ้งกับพื้น
-ถ้าไม่มีน้ำให้ใช้ผ้าหนาๆห่อตัวเด็กแล้วให้นอนกับพื้น ห้ามใช้ผ้าไนล่อนหรือผ้าโปร่ง
-รีบตัดผ้าที่ไหม้ออกแล้วรีบน้าส่งพยาบาล
2.2 ไฟฟ้าดูด
-ปิดสะพานไฟหรือรีบตัดกระแสไฟทันที
-กรณีตัดกระแสไฟไม่ได้ต้องรีบน้าเด็กออกจากบริเวณนั้นโดยเร็วแต่ต้องระวังถูกไฟดูดไปด้วย
-ถ้าเด็กไม่มีอาการผิดปกติให้นอนพักและสังเกตอาการปลอบโยนให้เด็กสงบ
-ถ้าหมดสติหรือหยุดหายใจ ให้ช่วยฟื้นคืนชีพ
2.3 น้ำร้อนลวก หรือน้ำมันลวก
-ถ้ามีตุ่มพองน้ำใสๆห้ามเจาะให้แตกเพราะจะท้าให้ติดเชื้อง่าย ใช้ผ้าสะอาดหรือก๊อซปิดไว้โดยไม่ต้องยา ครีม โลชั่นหรือขี้ผึ้ง
ถ้าเป็นบริเวณกว้างหรือลึกมากต้องรีบส่งโรงพยาบาล
-ถ้าถูกน้ำร้อนเล็กน้อยใช้ความเย็นประคบ นาน 10-30 นาที ถ้าถูกบริเวณกว้างให้ราดด้วยน้ำเย็นและตัดเสื้อผ้าออก
1.การป้องกัน
-แนะน้าให้ผู้ปกครองระมัดระวังการวางของร้อนไว้ในที่เด็กเอื อมถึงหรือที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายกับเด็ก
-ตรวจสอบอุณหภูมิของน้ำก่อนให้เด็กเช่น ทดสอบน้ำด้วยข้อศอกก่อนอาบน้ำให้เด็ก ชิมอาหารหรือน้ำก่อนให้เด็กรับประทาน
-สอนให้เด็กรู้จักอันตรายจากของที่ร้อน ไฟฟ้า
จมน้ำ(Drowning)
สาเหตุ
1.จากภายในบ้าน เช่น อ่างอาบน้ำถังน้ำ
2.แหล่งน้ำรอบๆ บ้าน เป็นกลุ่มเด็กที่โตขึ้น มักเกิดในเด็กที่ว่ายน้ำไม่เป็นอาจเกิดในแหล่งน้ำธรรมชาติหรือในสระว่ายน้ำ
การพยาบาลเบื้องต้น
ถ้าช่วยชีวิตเด็กได้ทันและเด็กยังหายใจ ให้วางเด็กลงบนพื้น ถอดเสื้อที่เปียกออก เช็ดตัวเด็กให้แห้งเท่าที่จะท้าได้คลุมตัวให้เกิดความอบอุ่น จัดให้นอนตะแคงกึ่งคว่้า
หากเด็กไม่รู้สึกตัว ให้คลำชีพจร โดยเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 1 ปีคล้าชีพจรที่ Brachial artery ส่วนเด็กโตอายุ1-8ปีหรือมากกว่า 8 ปี คลำที่ Carotid artery
ห้ามน้าเด็กวิ่งอุ้มพาดบ่า เพราะนอกจากจะไม่ได้ช่วยให้น้ำในปอดไหลออกมาแล้ว ยังท้าให้การช่วยชีวิตเด็กช้าลงไปอีก
ถ้าพบว่าเด็กไม่หายใจแต่มีชีพจรเต้น-ให้จับเด็กนอนหงาย แหงนหน้าขึ นให้จัดทางเดินหายใจโล่ง ท้าการเป่าปากช้าขณะเป่าปากสังเกตุหน้าอกว่าขยายขึ้นหรือไม่(เอามือบีบจมูกเพื่อไม่ให้ลมออก) เป่าอย่างน้อย 2 ครั้งใช้เวลาครั้งละ 1-1.5 วินาที (แรกเกิดถึง 8 ปี)
แจ้งหน่วยพยาบาลใกล้เคียงโดยเร็วที่สุด
ถ้าพบว่า เด็กไม่หายและหัวใจหยุดเต้น ให้เป่าปาก 2 ครั้งและนวดหัวใ
เมื่อครบ 2 นาทีแล้ว ให้ตรวจคล้าชีพจรอีกครั้ง หากมีชีพจร หรือ เริ่มหายใจได้เอง ให้หยุดนวดหัวใจ จัดท่านอนตะแคงเพื่อเปิดทางเดินหายใจ และรีบนำส่งโรงพยาบาล
หากยังไม่มีชีพจร หลังครบ 2 นาที ให้นวดหัวใจ สลับเป่าปาก ต่อไปเรื่อยๆ และตรวจชีพ จรซ้ำอีกครั ง เมื่อครบ 2 นาที ท้าซ้ำไปจนกว่าจะมีทีมแพทย์มาช่วยเหลือ หรือ จนกว่าเด็กจะเริ่มรู้สึกตัว
รีบน้าเด็กขึ นจากน ้าให้เร็วที่สุด ให้ศีรษะอยู่ต่้ากว่าทรวงอกเพื่อป้องกันการส้าลักน ้าเข้าปอด
สิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย (Aspirated foreign bodies)
สิ่งแปลกปลอม หมายถึง เศษวัตถุ สารเคมี เมล็ดผลไม้ หรือวัตถุใดก็ตามที่เข้าสู่อวัยวะสำคัญของร่างกาย เช่น ตา หู คอ จมูก และกระเพาะอาหาร
สิ่งแปลกปลอมติดคอ (Foreign bodies in throat)
สิ่งแปลกปลอมในหลอดอาหารมักพบสิ่งแปลกปลอมในบริเวณส่วนต้นของหลอดอาหารและเป็นวัตถุแหลมคมเช่น ก้างปลา ฟันปลอม กระดูกไก่ กระดูกเป็ด และเหรียญต่างๆ เจ็บ
สิ่งแปลกปลอมเข้าสู่กล่องเสียงและหลอดลมสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่กล่องเสียงและ หลอดลม มักจะเป็นวัตถุที่ลื่น เช่น เมล็ดพืช กระดุม เศษอาหาร เหรียญต่างๆ
สิ่งแปลกปลอมในปากและคอในปากและคอจะพบสิ่งแปลกปลอมชนิดแหลมหรือมีคม เช่น ก้างปลา ไม้กลัด ลวดเย็บกระดาษ สิ่งเหล่านี จะติดที่บริเวณโคนลิ้น ผนังคอ ต่อมทอนซิล
. ในเด็กเล็กส้าลัก หรือสงสัยส้าลักวัตถุแปลกปลอม แล้วไม่หมดสติ ยัง สามารถไอได้ ต้องพยายามให้เด็กไอแรง ๆ เพื่อให้วัตถุแปลกปลอมหลุดออกมา ถ้าทางเดินหายใจอุดกั นรุนแรงสังเกตได้จากเด็กไม่มีเสียงเลย หรือเขียว ต้องช่วย remove สิ่งที่ส้าลักนั น ในเด็กเล็กต่้ากว่า 1 ปีให้ใช้เทคนิค back blow ร่วมกับ chest thrust โดยจับทารกนอนคว่้าบนท่อนแขนส่วนปลาย ใช้มือประคองศีรษะเด็กด้วยการจับที่ขากรรไกรให้แน่น และวางท่อนแขนไว้บนต้นขาเพื่อประคองเด็กไว้อีกชั นหนึ่ง ให้ศีรษะของทารกอยู่ต่้ากว่าล้าตัวของทารก ใช้ส้น มือตบหลังบริเวณระหว่าง scapula ซ้าย-ขวาอย่างแรงประมาณ 4-5 ครั ง (back blow) หลังจากท้า back blow แล้วจับเด็กหงายขึ น ตรวจดูในปาก ถ้าเห็นวัตถุที่ส้าลักให้เอาออก ถ้าไม่เห็นห้ามล้วง การจับเด็กหงายขึ นนั นท้าโดยใช้มืออีกข้างหนึ่งจับศีรษะเด็กทารกไว ้ วางท่อนแขนบนหลัง ทารกจะอยู่ ระหว่างมือและท่อนแขนทั งสอง โดยมือข้างหนึ่งประคองศีรษะ คอ ขากรรไกรและหน้าอกในขณะที่มือ อีกข้างประคองหลัง แล้วจึงจับเด็กพลิกหงายขึ น ประคองศีรษะและคอของทารกไว้ในขณะพลิกตัว วางท่อนแขนบนต้นขา ให้ศีรษะของเด็กอยู่ต่้ากว่าล้าตัว ใช้นิ ว 2 นิ ววางลงบนส่วนล่างของ sternum ในต้าแหน่งต่้ากว่า inter mammary line ประมาณ ถึง 1 นิ ว (ต้าแหน่งเดียวกับที่นวดหัวใจ) กระแทกอย่างแรงประมาณ 4-5 ครั ง (chest thrust) ดูในปากถ้าเห็นวัตถุที่ส้าลักให้เอาออก ไม่เห็นห้ามล้วง เช่นกัน และกลับไปเริ่ม back blow ใหม่
สิ่งแปลกปลอมเข้าหู (Foreign bodies in ears)
สิ่งแปลกปลอมประเภทเศษวัตถุได้แก่ ก้อนหิน ก้อนกรวด เมล็ดพืช ลูกปัด กระดุม ฯลฯ มักพบในเด็กที่ใส่เข้าไปโดยไม่รู้ถึงอันตรายว่าเป็นอย่างไร หรือเล่นกัน ใ
ให้เอียงหูข้างนั้นต่ำลง หรือให้นอนตะแคงและกระตุกใบหูข้างนั้นมาก ๆ วัตถุจะเลื่อนออกมาเองได้
ถ้าวัตถุยังไม่ออกรีบส่งโรงพยาบาล
อย่าพยายามใช้นิ้วมือหรือไม้แคะหู เพราะจะท้าให้วัตถุเลื่อนลึกลงไป
สิ่งแปลกปลอมประเภทตัวแมลงได้แก่ ยุง แมลงสาบ ตัวหนอน เห็บ เหา สิ่งแปลกปลอมเหล่านี้เคลื่อนที่ไปมาท้าให้เกิดความร้าคาญและ เจ็บปวดอย่างมาก
ใช้ไม้พันส้าลีที่สะอาด ทำความสะอาดหูข้างนั้น
ถ้าแมลงนั้นตายและไม่ลอยขึ้นมา อาจเป็นเพราะแมลงตัวใหญ่ ให้รีบส่งโรงพยาบาล
หยอดหูข้างนั้นด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำมันมะกอกจนเต็ม เพื่อให้ตัวแมลงตาย และลอยขึ้นมาแต่ถ้าผู้บาดเจ็บมีประวัติว่าเป็นหูน้ำหนวกห้ามใช้น้ำหยอดเพราะจะทำให้เกิดการอักเสบ
สิ่งแปลกปลอมเข้าตา (Foreign bodies in eyes)
สิ่งแปลกปลอมเข้าตาชนิดธรรมดาคือ สิ่งแปลกปลอมที่เข้าไปในเปลือกตาหรือลูกตาท้าให้เกิดความระคายเคือง เจ็บตา และสิ่งแปลกปลอมนี อาจจะเคลื่อนที่ไปได้
ถ้ามองเห็นสิ่งแปลกปลอมอยู่ให้เปิดเปลือกตาขึ้นใช้มุมผ้าบางที่สะอาดหรือใช้ส้าลี พันปลายไม้เขี่ย
ถ้าสิ่งแปลกปลอมติดอยู่ในเปลือกตาบน ให้จับและดึงเปลือกตาบนด้วยนิ วหัวแม่มือกับนิ้วชี พับหนังตาบนด้วยไม้พันส้าลี
ลืมตาในน้ำสะอาด หรือล้างตาด้วยน้ำอุ่น หรือน้ำยาบอริค 3% (Boric acid 3%) หรือน้ำเกลือ
เมื่อสิ่งแปลกปลอมที่เข้าตาออกแล้ว ควรล้างตาด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำอุ่นปริมาณมาก ๆ
ห้ามขยี ตา
สิ่งแปลกปลอมเข้าตาชนิดฝังคาอยู่ในตาสิ่งแปลกปลอมลักษณะนี้ จะเคลื่อนที่ไม่ได้ เช่น สะเก็ดหิน ผงเหล็ก ซึ่งมีความแหลมคมฝังอยู่ในดวงตาส่วนใดส่วนหนึ่ง
ห้ามขยี ตา หรือพยายามเขี่ยสิ่งแปลกปลอม
ให้หลับตา และใช้ผ้าก๊อซสะอาดปิดตาแน่น เพื่อยึดไม่ให้ลูกตาเคลื่อนไหว
รีบน้าส่งโรงพยาบาล
สัตว์กัด แมลงต่อย Bites / Stings
สัตว์กัด บาดแผลที่เกิดจากสัตว์กัด อาจท้าให้มีเลือดออกและติดเชื ออักเสบได้ บางครั งอาจติดเชื อบาดทะยักและท้าให้เป็นบาดทะยัก ถ้าเกิดจากสุนัข แมว สัตว์แทะ (หนู กระรอก) หรือสัตว์ป่ากัด อาจท้าให้เป็นโรคพิษสุนัขบ้า ได้ถ้าเกิดจากสัตว์พิษ เช่น งูพิษ อาจมีอันตรายร้ายแรงจากพิษของมันได้
การพยาบาล
ถ้าแผลใหญ่ และมีเลือดไหลมาก ควรทำการห้ามเลือด แล้วส่งโรงพยาบาลด่วน
ถ้าเกิดจากงูกัด ควรท้าการปฐมพยาบาลและให้การรักษาแบบงูกัด
เมื่อถูกสัตว์กัด ให้รีบล้างแผลด้วยน้ำสะอาดกับสบู่ทันที ควรฟอกล้างนานอย่างน้อย 5 นาทีแล้วใช้ผ้ากอซปิด ไม่ควรเย็บปิดแผล เพราะอาจติดเชื้อเป็นหนองได้ง่าย ควรชะล้างแผลด้วย น้ำเกลือสัก 3-4 วัน เมื่อแผลสะอาดดีจึงค่อยเย็บปิด
ถ้าเกิดจากแมว สัตว์แทะ สัตว์ป่า หรือสัตว์เลี ยงลูกด้วยนมอื่นๆกัด ควรปฏิบัติเช่นเดียวกับสุนัขกัด
ในกรณีถูกผึ้งต่อย
การพยาบาล
ล้างด้วยน้ำสะอาดและเช็ดด้วยแอลกอฮอร์ 70% แล้วประคบเย็น
บางรายอาจแพ้มากต้องรีบน้าส่งโรงพยาบาล
เมื่อถูกแมลงที่มีเหล็กในต่อยควรรีบเขี่ยออกทันทีจะช่วยลดปริมาณพิษที่เข้าสู่ร่างกายป้องกันมิให้เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงได้
การพยาบาลเมื่อเด็กได้รับสารพิษ
กลุ่มสารตะกั่ว
อาการและอาการแสดง
1.แบบเรื้อรัง เด็กจะซีด อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ข้อมือข้อเท้าตกพัฒนาการล่าช้า
3.สารตะกั่วในเลือดมากว่า 40 ไมโครกรัม/เดซิลิตร มีภาวะซีด ปวดท้องรุนแรง
4.สารตะกั่วในเลือดมากว่า 100 ไมโครกรัม/เดซิลิตร ทำให้มีอาการทางสมอง ชัก ปัญญาอ่อน อัมพาต ตาบอดและเสียชีวิต
2.สารตะกั่วในเลือดมากว่า 10 ไมโครกรัม/เดซิลิตร ทำให้พัฒนาการของสมองล่าช้า
การพยาบาล
1.ช่วยในการน้าสารตะกั่วออกจากร่างกายโดยเร็ว เช่น การล้างท้อง สวนอุจาระ ให้ยาระบาย เพื่อลดการดูดซึมของสารตะกั่วเข้าสู่ร่างกาย
2.ดูแลให้สารน้ำทางหลอดเลือด เพื่อเร่งในการขับสารตะกั่วออกทางปัสสาวะ
3.สังเกตอาการ เพื่อรายงานแพทย์และให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาได้รวดเร็ว
กลุ่มสารกัดกร่อน
เกิดแผลตลอดทางเดินอาหารท้าให้มีอาการแสบร้อยในปาก รับประทานอาหารได้น้อยหรือทานไม่ได้
การพยาบาล
1.ห้ามท้าให้อาเจียน
2.ถ้าผู้ป่วยรู้สึกตัวต้องท้าให้สารพิษเจือจางโดยการดื่มน ้าหรือนมประมาณ 1 แก้ว
3.ใส่สายยางลงสู่กระเพราะอาหาร (Nasogastric tube: NG tube)เพื่อป้องกันการตีบของหลอดอาหาร
4.ถ้าเด็กกลืนได้ให้ดูดนมหรืออาหารเหลว
5.ถ้าเข้าตาหรือราดตัวให้รีบล้างออกด้วยน ้าสะอาด
กลุ่มทำความสะอาดเสื้อผ้าและร่างกาย
อาการและอาการแสดง
-เมื่อเด็กรับประทานผงซักฟอกและสบู่เข้าไปจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสียอาจมีชักร่วมด้วย
-เมื่อเด็กรับประทานน้ำยาซักแห้ง มีพิษต่อตับและไต อาจมีอาการใจสั่นหรือชักเกร็ง
การพยาบาล
1.ถ้ารับประทานสบู่ ให้ดื่มน้ำหรือนมมากเพื่อไปเจือจางและรีบส่งโรงพยาบาล
2.ถ้ากระเด็นเข้าตาล้างออกและไปโรงพยาบาล
กลุ่มไฮโดรคาร์บอน
อาการและอาการแสดง
เจ็บแสบบริเวณคอ ปวดศรีษะ คลื่นไส้อาเจียน อาจมีท้องเสียหรืออาจปอดอักเสบจากการส้าลักระหว่างรับประทาน ซึ่งจะมีอาการหายใจเร็ว เหรื่อยหอบ กระสับกระส่าย หรืออาจหมดสติ
การพยาบาล
รับประทานห้ามทำให้อาเจียน ห้ามล้างกระเพาะ
ให้ activate charcoal
จัดให้นอนศีรษะสูง เพื่อให้ทางเดินหายโล่ง
กลุ่มยาฆ่าแมลง
อาการและอาการแสดง
1.Muscarinic receptor น้ำลายไหล น้ำตาไหล เหงื่ออก ปัสสาวะราด ท้องเสีย คลื่นไส่ อาเจียน ปวดท้องรุนแรง ความดันโลหิตต่ำม่านตาเล็กลง
2.Nicotinic receptor กล้ามเนื้ออ่อนแรงโดยเฉพาะกล้ามเนื อช่วยในการหายใจ ทำให้หายใจลำบาก
3.ระบบประสาท มีอาการตื่นเต้น กระวนกระวายสับสน ปวดศรีษะชักและหมดสติ
การพยาบาล
ถ้าถูกผิวหนังให้รีบล้างออกทันทีประเมินการได้รับยากลุ่ม organophosphate เพื่อให้การช่วยเหลือได้ทันที
ดูแลให้ยาแก้พิษ
ถ้ารับประทานต้องท้าให้อาเจียนหรือล้างท้องหลังจากนั้นให้ activated charcoal
กลุ่มยารักษาโรค
การพยาบาล
2.ให้ยาแก้พิษacetylcysteince ก่อนให้activatedcharcoal
3.ให้สารละลายทางหลอดเลือด
1.ถ้ารับประทานเข้าไปต้องท้าให้อาเจียนหรือล้างท้อง
4.รักษาตามอาการ เช่น เหนื่อยให้จัดท่านอนและออกซิเจน เลือดออกง่ายต้องให้ยา vit .k
การได้รับสารพิษจากกลุ่มยาที่ใช้ในเด็ก ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อเด็กได้ถ้าใช้เกินขนาด เช่น ยาparacetamolเมื่อรับประทานเกินขนาดจะมีผลต่อเซลล์ตับส่งผลท้าให้หน้าที่ของตับเสียขนาดของยาparacetamolที่เป็นพิษคือ 140 มิลลิกรัม/กิโลของน้ำหนักตัวเมื่อได้ยา paracetamolเกินขนาดเด็กจะมีคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ในระยะแรก ถ้าปล่อยไว้นานจะมีอาการตับวาย มีตัวเหลืองตาเหลืองยา aspirin ถ้าได้รับเกินขนาดมีผลต่อการแข็งตัวของเลือด ขนาดที่เป็นพิษคือ 200-280 มิลลิกรัม/กิโลของน้ำหนักตัว เมื่อได้รัยา aspirinเกินขนาดจะมีคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร หายใจเร็ว ในระยะแรก ถ้าปล่อยไว้นาน เด็กจะกระสับกระส่าย หมดสติ มีเลือดอกง่ายหยุดยาก