Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การรักษาและการพยาบาล HIV/AIDS in Pregnancy, สมาชิกกลุ่มที่ 15 - Coggle…
การรักษาและการพยาบาล HIV/AIDS in Pregnancy
การรักษา
ให้ยาต้านไวรัสแก่มารดาที่ตั้งครรภ์ 3 ตัว คือ Emtricitabine (FTC) 200 mg/Tenofovir alafenamide fumarate (TAF) 300 mg /Efavirenz (EFV) 600 mg 1 เม็ด ทุก 24 ชั่วโมง
เริ่มยาต้านไวรัสแก่ทารก คือ AZT syr 0.4 mg/kg เริ่มภายใน 1 ชั่วโมงหลังคลอดดีที่สุดถ้าคลอด จากมารดาที่มีความเสี่ยงสูง ทารกควรได้รับยา 3 ตัว และสามารถให้ vitamin K วัคซีนป้องกันวัณโรค และวัคซีน ไวรัสตับอักเสบบีได้
การพยาบาล
การพยาบาลมารดา
ระยะคลอด
1.การให้ยาต้านไวรัสเอซไซวีให้ใช้สูตรเดิมเพิ่ม AZT (300mg) ทุก 3 ชั่วโมง หรือ AZT (600mg) ครั้งเดียวก่อนคลอด
2.ตรวจปริมาณไวรัสในเลือด (Vral load) ที่อายุครรภ์ 36 สัปดาห์ เพื่อพิจารณาผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องแบบวางแผนหรือคลอดผ่านทางช่องคลอด
3.ไม่แนะนำให้เจาะถุงน้ำคร่ำในระยะแรกของการเจ็บครรภ์ ควรรอให้ถุงน้ำคร่ำแตกเองในช่วงใกล้คลอดเพื่อลดระยะเวลาที่ทารกจะสัมผัสกับสารคัดหลั่งในช่องคลอด
4.แยกห้องคลอดเตียงคลอด เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อจากเลือด น้ำคว่ำ สารน้ำต่างๆ จากช่องคลอด
6.การตรวจทางช่องคลอด หรือทางทวารหนักควรใช้ถุงมือที่ใช้ครั้งเดียว
7.หลีกเสี่ยงการทำสูติศาสตร์หัตถการทางช่องคลอดในการช่วยคลอดจะทำให้เกิดบาดแผลต่อทารก เช่นการช่วยคลอดด้วยคีมหรือเครื่องดูดสุญญากาศ
ไม่ควรตัดฝีเย็บเพื่อลดปริมาณเลือดมารดา
สัมผัสทารถ้ามีการตัตฝีเย็บวิธีการเย็บฝีเย็บใช้ปากคีบจับเนื้อเยื่อบริเวณที่จะเย็บเพื่อป้องกันเข็มตำมือ
5.ปฏิบัติตามหลักการป้องกันและควบคุมการ
ติดเชื้อเอซไอวีอย่างเสร่งครัดได้แก่ การล้างมือ การใส่เครื่องป้องกันต่างๆ เช่น ถุงมือ ผ้าปิดปากและจมูก ผ้ากันเปื้อนพลาสติก
เตียงคลอดปูผ้าพลาสติกผืนใหญ่ ม่วนริมทั้ง 2 ข้างเข้าหามารดาเก็บริมให้เรียบร้อย
รีบดูดเสมหะจากปากและจมูกทันทีที่ศีรษะคลอด ด้วยความนุ่มนวล
ผูกตัดสายสะดือทันทีที่ทารกคลอดเพื่อ ป้องกันการถ่ายเทเลือดจากมารดาสู่ทารก
ระยะตั้งครรภ์
การตรวจร่างกาย ที่จะช่วยบ่ง
บอกระยะของโรค
การตรวจภายใน
ซักประวัติที่เกี่ยวข้องประวัติความเสี่ยงที่ได้
รับเชื้อมารวมถึงอาการต่างๆที่บ่งชี้ถึงระยะของโรค
การตรวจช่องปาก เพื่อเป็นการดูเยื่อบุช่อง
ปากและลิ้นเพื่อค้นหาผื่นขาวของเชื้อรา
การให้คำ ปรึกษา (Counseling)
การตรวจตาหาการติดเชื้อ Cytomegalovirus
retinitis
การตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อติดตามภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดจากการรับยาต้านไวรัส
การให้ภูมิคุ้มกันระหว่างตั้งครรภ์ โดยการให้วัคซีนแนะนำ ให้วัคซีนแก่มารดาหลังจากได้ยาต้านไวรัสเอชไอวีประมาณ 4 สัปดาห์
การพยาบาลทารก
ใส่ถุงมือทุกครั้งเมื่อจับตัวทารกท่ีปนเปื้อน เลือดและสิ่งคัดหลั่ง
ตัดสายสะดือด้วยความระมัดระวังไม่ให้ เลือดกระเด็น
เช็ดตัวทารกทันทีหลังคลอดเพื่อล้างสิ่งปนเปื้อน ออกไปก่อนที่จะย้ายออกจากห้องคลอดและก่อนฉีดยา
เริ่มยาต้านไวรัสแก่ทารก คือ AZT syr 0.4 mg/kg เริ่มภายใน 1 ชั่วโมงหลังคลอดดีที่สุดถ้าคลอด จากมารดาที่มีความเสี่ยงสูง ทารกควรได้รับยา 3 ตัว สามารถให้ vitamin K วัคซีนป้องกันวัณโรค และวัคซีน ไวรัสตับอักเสบบีได้เช่นเดียวกัน
หลีกเลี่ยงการใส่สายยางสวนกระเพาะ อาหารทารก โดยไม่จําเป็นเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดบาดแผล
งดการให้นมมารดาเพื่อป้องกันการติดเชื้อของทารกหรือห้ามให้นมมารดาสลับนมผสม
สมาชิกกลุ่มที่ 15
3.นางสาวอาทิตติยา แสนบุตร 62110118
1.นางสาวกมลชนก สกุลรัตน์ภิรมย์ 62110059
5.นางสาวอาทิตยา ปราบจะบก 62110289
2.นายศราวุฒ อินทนัย 62110078
4.นางสาวภัสนีกร อุปทอง 62110279