Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
แผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ, นางสาวศิรินทร์ทิพย์ บุตรศรี
รหัสนักศึกษา…
แผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ
ฉบับที่ 1 (2504-2509)
เน้นการขยายสถานบริการสาธารณสุขได้แก่โรงพยาบาลและสถานีอนามัย ให้เป็นพื้นฐานในการพัฒนาประเทศ มีการก่อสร้างโรงพยาบาลใหม่ๆ เพิ่มขึ้นหลายแห่ง แต่ยังไม่เน้นหนักในส่วยภูมิภาคเท่าที่ควร สำหรับงานด้านอนามัย ปราบปรามและควบคุมโรคติดต่อนั้นได้ดำเนินการ ได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ยกเว้นในเรื่องการแก้ไขปัญหา การขาดแคลนแพทย์และพยาบาลในชนบทห่างไกล
ฉบับที่ 2 (2510-2514)
เน้นการวางแผนกำลังคนและการกระจายพัฒนาสู่ชนบทเร่งรัด การผลิตบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข การปรับปรุงบริการสาธารณสุขโดยขยายของขอบเขตการบริการด้านสาธารณสุขแก่ประชาชนในชนบทห่างไกล ีมีการบังคับนักศึกษาแพทย์ให้ทำสัญญาปฏิบัติงานชดใช้ทุนเป็นครั้งแรก ใน พ.ศ 2508 ผลการดำเนินงานพบว่าการผลิตแพทย์และพยาบาลยังไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในแผนการส่งเสริมสุขภาพ มีอัตราความก้าวหน้าสูงกว่าช่วงแผนหนึ่ง เช่น ผลงาน BCG เพิ่มเป็น 3 เท่า การรักษาพยาบาลครอบคลุมประชาการได้ร้อยละ 11 สถานบริการระดับอำเภอเพิ่มจากร้อยละ 42.3 เป็นร้อยละ 54.9 ของจำนวนอำเภอทั้งหมด
ฉบับที่ 3 (2515-2519)
เน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตมากยิ่งขึ้น กำหนดนโยบายประชากรเป็นครั้งแรก มุ่งเน้นการอนามัยแม่และเด็ก การวางแผนครอบครัวการ ควบคมโรคคิดต่อ การปรับปรุงและขยายการบริการรักษา มีการทดลองรูปแบบการพัฒนา อนามัย สิ่งแวดล้อมด้วย พัฒนาความร่วมมือของประชาชนและมีนโยบาย การให้บริการรักษาพยาบาลฟรี แก่ผู้รายได้น้อยเป็นครั้งแรก พ.ศ. 2518 อัตราเพิ่มของประชากรลดลง 31.5 ต่อพัน เป็น 2671 ต่อพัน อัตราตายของประชากรลดลง 11.6 ต่อพัน เป็น 10.9 ต่อพัน การผลิตบุคลากรสาธารณสุขยังต่ำกว่าเป้าหมาย แพทย์ใช้ทนเริ่มปฏิบัติงานในพ.ศ. 2515 ทำให้มีภาพในชนบทมากกว่าขึ้น ในส่วนของการขยายบริการในลักษณะจำบวนเดียงจำนวนสถานบริการและการให้ภูมิคุ้มกันโรคยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
ฉบับที่ 4 (2520-2524)
มุ่งเน้นการแก้ไขและลดช่องว่างของ ปัญหาสาธารณสุข การให้บริการสาธารณะสุขแบบผสมผสานแก่ประชาชนอย่างทั่วถึงโดยเริ่มตั้งเป้าหมายสุขภาพดีถ้วนหน้าในปี 2543 โดยกลยุทธ์สาธารณสุขมูลฐานในพ.ศ. 2522 โรคติดต่อ บางอย่างลดลงจนไม่เป็นปัญหา เช่น กาฬโรค ไข้ทรพิษ ประชาชนในชนบทยังมีสุขภาพอนามัยไม่ดีเนื่องจากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ขาดแคลนน้ำสะอาดในการ บริโภคและมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคได้ สถานบริการเริ่มมีโรงพยาบาลประจำอำเภอ แทนศูนย์การแพทย์และอนามัย และมีโครงการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคขั้นพื้นฐานเป็นครั้งแรกในพ.ศ. 2521 มี การอบรมผสส. / อสม. ครั้งแรกในพ.ศ. 2520
ฉบับที่ 5 (2525-2529)
เน้นการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมโดยเฉพาะอุตสาหกรรมส่งออกเน้นการพัฒนาชนบทอย่างผสมผสาน โดยชุมชนมีส่วนร่วมภายใต้ระบบของคณะกรรมการพัฒนาชนบทแห่งชาติ(กชช.)การให้ประชาชนมีสวนร่วมในการสาธารณสุขมูลฐาน การจัดตั้งโรงพยาบาลระดับอำเภอให้ ครบทุกอำเภอ รวมทั้ง ยกฐานะสำนักงาน ยกฐานะสำนักงานผดุงครรภ์ไห้เป็นสถานีอนามัย ทั้งหมดและการตั้งเป้าหมายทางสังคมระยะยาว (20 ปี) "สุขภาพดีถ้วนหน้า2543 "จัดตั้ง โรงพยาบาลชมชนในระดับอำเภอและครอบคลุมร้อยละ 85.2 และสถานีอนามัยและครอบคลุมร้อยละ 97.9 การผลิตแพทย์และพยาบาล สามารถดำเนินการได้ร้อยละ 93.6 และร้อยละ 93.8 ของ เป้าหมายตามลำดับการฝึกอบรมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ได้ถึงร้อยละ 126.9 ของ เป้าหมายการอบรมผู้สื่อข่าวสาธารณสุขได้ถึงร้อยละ 119.6ของเป้าหมายรวมทั้งจัดตั้งกองทนยาได้ ถึงร้อยละ 232.2
ฉบับที่ 6 (2530-2534)
ขยายสถานบริการสาธารณ์สุขให้ครบตามเป้าหมายการยึดหลักการมีส่วนร่วม ของประชาชนในการพัฒนาและการรณรงค์ควบคุมโรคเอดส์ เพื่อไม่ให้กระทบต่อความมั่นดงของชาติและมีแนวคิดเรื่องหลักประกันสุขภาพ ประชาชนมีอายุยืนยาวขึ้นเป็น 60.8 ปีและ 64.8 ปีในเพศชายและเพศหญิงตามล่าดับ อัตราการคายของมารดา และทารกลดลงสถานบริการสาธารณสุขครอบคลุมครบจนถึงระดับอำเภอ / ตำบล ให้ความสำคัญกับปัญหาสาธารณสุขใหม่คือเอดส์ อุบัติเทตุ หัวใจ มะเร็งสุขภาพจิต
ฉบับที่ 7 (2535-2539)
การพัฒนาสถานีอนามัยให้เป็นจุดเชื่อมของงานสุขภาพดีด้านหน้า และการพัฒนาถาบบริการสาธารณสุขให้มีคุณภาพมาตรฐาน เน้นความพยายามในการสร้างหลักประกันด้านสุขภาพแก่คนไทยทุกคน เริ่มหันมาเน้นการพัฒนา คุณภาพบริการ และการแก้ปัญหาขาดแคลน บุคลากรที่ลาออกไปอยู่ภาคเอกชน สถานบริการสาธารณสุขทุกระดับ มีการกระจายครอบคลุมพื้นที่ต่างๆ อย่างทั่วถึงทั้งในเมืองและขนบท แต่มีปัญหาการบาดแคลนกำลังคน โดยเฉพาะแพทย์อย่างรนแรง อัตราการเพิ่มลดลงเหลือร้อยละ 13 ใน พ.ศ. 2537 การสร้างหลักประกันสุขภาพได้ครอบคลุมร้อยละ 72 ของประชาชนทั้งหมดการสร้างภูมีคมกับโรคติดต่อ โดยเฉพาะการให้วัคซีน ขั้นพื้นฐานในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปีมีความครอบคลุมเพิ่มขึ้น มากกว่าร้อยละ80 จึงทำให้อัตราการป่วยจากโรคดังกล่าวลดลง
ฉบับที่ 8 (2540-2544)
เน้นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็น วัตถุประสงค์หลักเน้นการพัฒนาศักยภาพของคนในด้านสุขภาพโดยเฉพาะพฤติกรรมสุขภาพ เน้นเรื่องความครอบคลุมหลักประกับสุขภาพ ให้บริการที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพ เน้นการพัฒนาอุดสาหกรรมด้นสุขภาพ มีการปรับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 ด้าน สาธารณสุขให้สอดคล้องกับวิกฤตทางด้านเศรษฐกิจ
ฉบับที่ 9 (2545-2549)
เน้นสุขภาพคือสุขภาพวะ พัฒนาระบบสุขภาพทั้งระบบ ยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงกับสุขภาพ ระบบสุขภาพพอเพียง ภาพลักษณ์ของสังคมและระบบสุขภาพที่ฟังประสงค์ เริ่มกำหนวิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์การพัฒนาสุขภาพโดยมีวิสัยทัศน์ว่า "คนในสังคมไทยทุกคน มีหลักประกันทีจะตำรงชีวิดอย่างมีสุขภาพวะ และเข้าถึงบริการ สุขภาพที่มีคุณภาพอย่างเสมอภาค รวมทั้งอยู่ในครอบครัวชุมชนและส่งคมที่มี ความพอเพียงทางสุขภาพ มีศักยภาพมีการเรียนรู้และมีสวนร่วมในการจัดการสุขภาพโดย สามารถใช้ประโยชน์ทั้งจากภูมิปัญญาสากลและภูมิปัญญาไทยได้อย่างรู้เท่าทัน"
ฉบับที่ 10 (2550-2554)
แนวคิดน้อมนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางการพัฒนาสุขภาพและยึดหลักการสุขภาพดีเป็นผลจากสังคมดี วิสัยทัศน์: มุ่งสู่ระบบสุขภาพพอเพียง เพื่อสร้างให้สุขภาพดีบริการดีสังคมดีชีวิดมีความสุขอย่างพอเพียง
ฉบับที่ 11 (2555-2559)
หลักการมุ่งพัฒนาภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สร้างเอกภาพและธรรมาภิบาล ในการอภิบาลระบบสุขภาพให้ความสำคัญกับการสร้างกระบวนการการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคมมุ่งเน้นการสร้างหลักประกันสุขและการจัดบริการที่ครอบคลุมเป็นธรรมเห็นคุณค่าของการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ระหว่างผู้ให้และผู้บริการ วิสัยทัศน์: "ประชาชนทุกคนมีสุขภาพดีร่วมสร้างระบบสุขภาพพอเพียงเป็นธรรม นำสู่สังคมสุขภาพวะปลุก
ฉบับที่ 12 (2555-2559)
หลักการมุ่มพัฒนาภายใต้หลักปรัชญาเศษฐกิจพอเพียงสร้างเอกภาพและธรรมมาภิบาลในการอภิบาลระบบสุขภาพ มุ่งเน้นการสร้างหลักประกันและการจัดบริการที่ครอบคลุมเป็นธรรม เห็นคุ้นค่าของการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้ให้และผู้รับบริการ
ฉบับที่ 13 (2560-2564)
ให้ความสำคัญกับการกำหนดทิศทางตามแนวทางการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุขและเป้าหมายของ MOPH ที่มุ่งให้ประชาชนสุขภาพดีเจ้าหน้าที่มีความสุขระบบสุขภาพยั่งยืน
พันธกิจ: เสริมสร้างสนับสนุนและประสานให้เกิดการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน นักวิชาการและภาคประชาสังคมในการอภิบาลและพัฒนาระบบสุขภาพไทยให้เข้มแข็งรองรับบริบทของการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
-