Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่3 แผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ : - Coggle Diagram
บทที่3
แผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ :
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 1-12
ความเชื่อมโยงระหว่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กับ แผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ
เป้าหมายสำคัญของการพัฒนาประเทศ คือ ประชาชนมีสุขภาพดีและมีสุขภาวะอย่างพอเพียง ดังนั้นการจัดทำแผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติจึงต้องทำควบคู่ไปกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
แผนพัฒนาสาฝะารณสุขแห่งชาติ ฉบับที่ 1 พ.ศ.2504-2509
เน้นการขยายสถานบริการสาธารณสุข ได้แก่โรงพยาบาลและสถานีอนามัยให้เป็นพื้นฐานในการพัฒนาประเทศ
ปัญหาสุขภาพ
1.ป่วยและตายด้วยโรคติดต่อจากความยากจนและความไม่รู้ เช่น อหิวาตกโรค ไข้ทรพิษ
2.เด็กป่วยและตายด้วยโรคที่ป้องกันได้ด้วย
วัคซีน ไอกรน โปลิโอ
3.ป่วยด้วยโรคจากปัญหาสุขาภิบาล
สิ่งแวดล้อม
4.อัตราตายของมาดาและทารกสูง
5.ประชาชนในชนบทได้รับการดูแลสุขภาพ
ไม่ทั่วถึง
นโยบายสำคัญ
ปรับปรุงสถานบริการและเพิ่มบุคลากรเพื่อให้การบำบัดรักษาที่ครอบคลุมทั่วถึงยิ่งขึ้น
แผนพัฒนาสาธารณสุขแห่งชาติ ฉบับที่ 2
(พ.ศ.2510-2514)
การพัฒนาสาธารณสุขในระยะนี้ยังคงมีลักษณะที่รัฐยื่นบริการให้ประชาชน โดยประชาชนเป็นฝ่ายรับด้านเดียว มุ่งที่จะให้บริการสาธารณสุขไปถึงประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเขตชนบทห่างไกลการคมนาคมให้มากที่สุด
ปัญหาสุขภาพ
มีลักษณะคล้ายกับแผนฯ 1 คือ ป่วยและตายด้วยโรคติดต่อจากความยากจนและความไม่รู้ เช่น โรคไข้ทรพิษ กาฬโรค และไข้มาลาเรีย
นโยบายสำคัญ
เร่งผลิตบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ขยายการบริการสู่ประชาชนในชนบท
แผนพัฒนาสาธารณสุขแห่งชาติ ฉบับที่ 3
(พ.ศ.2515-2519)
มีความแตกต่างจากสองแผนแรกอย่างเห็นได้ชัด คือ มีการกล่าวถึงการพัฒนาบริการสาธารณสุขแบบผสมผสาน และให้ความสำคัญต่อความร่วมมือของประชาชนในการแก้ปัีญหาสาธารณสุขและมีการกล่าวถึง และลดอัตราเพิ่มของประชากร
พ.ศ.2517 มีการปรับปรุงส่วนราชการของกระทรวงสาธารณสุขครั้งใหญ่ โดยเป็นการเปลี่ยนแปลงการบริหารสาธารณสุขทั้งระบบ มีการกระจายอำนาจออกไปสู่ส่วนภูมิภาค
ปัญหาสุขภาพ
1.ประชากรเพิ่มอย่างรวดเร็ว
2.โรคติดต่อต่างๆและโรคจาก
พฤติกรรมไม่ถูกต้อง
3.อัตราตายของมารดาและทารก
ยังคงสูงอยู
นโยบายสำคัญ
มุ่งเน้นการอนามัยแม่และเด็ก การวางแผนครอบครัว ปรับปรุงและขยายการบริการรักษา มีการพัฒนาความร่วมมือของประชาชนในเรื่องอนามัยสิ่งแวดล้อมและมีนโยบายการรักษาพยาบาลฟรีแก่ผู้มีรายได้น้อย
แผนพัฒนาสาธารณสุขแห่งชาติ ฉบับที่ 4
(พ.ศ.2520-2524)
มุ่งเน้นการแก้ไขและลดช่องว่างของปัญหาสาธารณสุข การให้บริการสาธารณสุขแบบผสมผสานแก่ประชาชนอย่างทั่วถึง โดยเริ่มตั้งเป้าหมายสุขภาพดีถ้วนหน้าในปี 2543 โดยกลยุทธ์สาธารณสุขมูลฐาน ขาดแคลนน้ำสะอาดในการบริโภคและมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดโรค
ปัญหาสุขภาพ
ประชาชนในชนบทยังมีสุขภาพไม่ดีเนื่องจากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ถูกสุขลักษณะ
มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดโรค
นโยบายสำคัญ
เริ่มมีโรคพยาบาลประจำอำเภอ
มีโครงการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคขั้นพื้นฐานเป็นครั้งแรกใน พ.ศ. 2521 มีการอบรม ผสส. และ อสม. เป้นครั้งแรกใน พ.ศ. 2520
แผนการพัฒนาสาธารณสุขฉบับที่ 5
(พ.ศ. 2525-2529)
ให้ความสำคัญด้านการกระจายบริการสาธารณสุขออกไปสู่ท้องถิ่นชนบท ทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ เพื่อให้เกิดความเป้นธรรมแก่ประชาชน
ปัญหาสุขภาพ
1.อัตราป่วยและตายด้วยโรคติดต่อและ
โรคระบาดลดลง
โรคที่สอดคล้องกับการขยายตัวของการคมนาคมและการย้ายถิ่นเพิ่มขึ้น เช่น มาลาเรีย
โรคจากสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมในชุมชนแออัดเขตเมืองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ขาดการศึกษาวิจัย
นโยบายสำคัญ
เน้นความเป็นธรรมของการบริการสาธารณสุขแก่ประชาชนเร่งดำเนินการสาธารณสุขมูลฐาน ยกฐานะสำนักงานผดุงครรภ์ให้เป้นสถานีอนามัย และใช้เป้าหมาย สุขภาพดีถ้วนหน้า 2543
แผนพัฒนาสาธารณสุขแห่งชาติ ฉบับที่ 6
(พ.ศ.2530-2534)
ขยายสถานบริการสาธารณสุขให้ครบตามเป้าหมาย การยึดหลักการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาและการรณรงค์ควบคุมโรคเอดส์เพื่อไม่ให้กระทบต่อความมั่นคงของชาติ และเริ่มแนวคิดเรื่องหลักประกันสุขภาพ
ปัญหาสุขภาพ
1.โรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีนมีแนวโน้ม
ลดลง
โรคของประเทศที่พัฒนาแล้วในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเริ่มมีมากขึ้น เช่น หลอดเลือดหัวใจ อุบัติเหตุ
3.โรคจากการประกอบอาชีพมีแนวโน้ม
เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในสถานประกอบการ
4.มีการระบาดของโรคเอดส์เนื่องจาก
ความเบี่ยงเบนในพฤติกรรมทางเพศ
นโยบายสำคัญ
ขยายสถานบริการสาธารณสุขให้ตรงตามกลุ่มเป้าหมาย ยึดหลีกการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาการสาธารณสุข การรณรงค์ควบคุมโรคเอดส์ เริ่มมีแนวคิดเรื่องหลักประกันสุขภาพ
แผนพัฒนาสาธารณสุขแห่งชาติ ฉบับที่ 7
(พ.ศ.2535-2539)
มีวัตถุประสงค์หลักที่จะรักษาอัตราการเจริญทางเศรษฐกิจที่สูงอย่างต่อเนื่องเน้นที่การกระจายรายได้ไปสู่กลุ่มผู้ด้อยโอกาสและเน้นการพัฒนาในพื้นที่เฉพาะ เช่น พื้นที่เขตเศรษฐกิจใหม่ พื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก และเน้นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และคุณภาพชีวิต ตระหนักถึงภัยของปัญหาสิ่งแวดล้อมและคำนึงถึงการพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โดยกระทรวงสาฝะารณสุขได้ให้รางวัลอสม. เป็นสิ่งจูงใจ คือการให้ อสม. และครอบครัวได้รับการรักษาโดยไม่เสียเงินทั้งครอบครัว ซึ่งแต่เดิมมีเพียง อสม. เท่านั้นที่ได้รับสิ่งนี้
ปัญหาสุขภาพ
ปัญหาโรคและการบาดเจ็บจากการ
ท างานเพิ่มมากขึ้น
2.โรคเอดส์แพร่กระจายมากขึ้นและเกิด
กับประชาชนทุกกลุ่ม
3.โรคไม่ติดต่อที่เกิดจากพฤติกรรมสุขภาพไม่ถูกต้องมีแนวโน้มสูงขึ้น(อุติเหตุ)
4.โรคเรื้อรัง โรคจิตประสาท ความเครียด มีอัตราสูงขึ้น
นโยบายสำคัญ
เน้นการพัฒนาสถานีอนามัยให้เป็นจุดเริ่มของงานสุขภาพดีถ้วนหน้า พัฒนาสถานบริการสาธารณสุขให้มีคุณภาพมาตรฐาน
เน้นความพยายามในการสร้างหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้กับให่กับคนไทยทุกคน
แผนพัฒนาสาธารณสุขแห่งชาติ ฉบับที่ 8
(พ.ศ.2540-2544)
เน้น คน เป็นจุดศูนย์กลางของการพัฒนา
เพื่อให้การพัฒนาสาธารณสุขมีความสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาประเทศที่เน้นคนเป็นกลาง จึงได้กำหนดภาพลักษณ์สุขภาพของคนไทยที่พึงประสงค์ ตั้งแต่เริ่มปฏิสนธิในภรรภ์มารดาจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต คือ คนไทยทุกคน ไม่จำกัดในเรื่องเพศ อายุ อาชีพ ศาสนา ถิ่นที่อยู่ เชื้อชาติ การศึกษา และฐานะทางเศรษฐกิจ เป็นคนที่มีความปกติสุข ทั้งทางกาย ทางใจ และทางสังคม
ปัญหาสุขภาพ
ปัญหาพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่ถูกต้องเพิ่มมากขึ้น เช่น การบริโภค การออกกำลังกาย การขับขี่ยานพาหนะ
ผู้สูงอายุมีจำนวนมากขึ้น ทำให้มีแนวโน้มของโรคที่เกิดจากความเสื่อมและโรคเรื้อรังต่าวๆเพิ่มขึ้น
สถานบริการไม่เพียงพอต่อการรับผู้ป่วยใน
โรคเอดส์ สารเสพติด
นดยบายสำคัญ
เน้นการพัฒนาศักยภาพของคนในด้านสุขภาพโดยเฉพาะพฟติกรรมสุขภาพ
เน้นความครอบคลุมหลักประกันสุขภาพด้วยบริการที่มีคุณและประสิทธิภาพ
เน้นการพัฒนาสุขภาพในการประกอบอาชีพโดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรม
นำภูมิปัญท้องถิ่นมาร่วมแก้ปัญหาสาธารณสุข
แผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ 9
(พ.ศ. 2545-2549)
เน้นสุขภาพคือสุขภาวะ
พัฒนาระบบสุขภาพทั้งระบบ
ยึดหลักปรชญาฌศรษฐกิจพอเพียงกับสุขภาพเป็น ระบบสุขภาพพอเพียง
ปัญหาสุขภาพ
1.ปัญหาการเจ็บป่วยจากโรค
ติดเชื้อ
2.ปัญหาการเจ็บป่วยจากโรคที่
มีสาเหตุทางพฤติกรรม
3.ปัญหาสุขภาพจิต สารเสพติด อาหารเสริมผลิตภัณฑ์ความงามที่ขาดคุณภาพ
4.ปัญหามลพิษสิ่งแวดล้อม
5.การกระจายบุคลากรด้านสุขภาพไม่เท่าเทียม ข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพขาดประสิทธิภาพ
นโยบายสำคัญ
สร้างสุขภาพเชิงรุก ให้ประชาชนมีส่วนร่วมคิดร่วมทำใน
การพัฒนาสุขภาพ (สร้างนำซ่อม)
พ.ศ.2545 ได้มีการประกาศใช้นโยบาย 30 บาทรักษา
ทุกโรค เพื่อขยายบริการสุขภาพให้ครอบคลุม
ประกาศให้เป็นปีเริ่มต้นแห่งการร่วมพลังสร้างสุขภาพ โดยการรณรงค์ 5 อ ได้แก่ ออกกำลังกาย อาหาร อารมณื อนามัย สิ่งแวดล้อม อโรคยา (และในปี 2548 ได้เพิ่ม อ ที่ 6 คือ อบายมุข)
พ.ศ.2547 มีการประกาศนโยบายและเป้าหมายเมืองไทยแข็งแรง ภายในปี2550
แผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติฉบับที่ 10
(พ.ศ.2550-พ.ศ.2554)
น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางการพัฒนาสุขภาพและยึดหลักการสุขภาพ
ดี เป็นผลจากสังคมดี
วิสัยทัศน์: มุ่งสู่ระบบสุขภาพพอเพียง เพื่อสร้างให้สุขภาพดีบริการดี สังคมดี ชีวิตมี
ความสุขอย่างพอเพียง
พันธกิจ : สร้างเอกภาพทางความคิดสร้างจิตรสำนึกสุขภาพใหม่สร้างระบบจัดการที่
โปร่งใส สร้างกลไกการมีส่วนร่วมในการพัฒนา
ปัญหาสุขภาพ
1.ยังคงมีปัญหาเหมือนแผนพัฒนาฯ ฉบับ
ที่ 9
2.มีความทุกข์ในระบบบริการทาง
การแพทย์
3.ปัญหาด้านการเงิน การคลังด้านสุขภาพ
4.ขาดแคลนก าลังคนด้านสาธารณสุข
5.เทคโนโลยีข้อมูลข่าวสารการแพทย์ยังไม่
ทันสมัย
นโยบายสำคัญ
ปรัชญานำทาง เศรษฐกิจพอเพียง ยึดทางสายกลาง มีความสมดุลพอดี รู้จักพอประมาณ การมีเหตุผล มีระบบภูมิคุ้มกัน รู้เท่าทันโลก
วิสัยทัศนืระบบสุขไทย มุ่งสู่ระบบสุขภาพพอเพียง
สร้างสุขภาพดีตั้งแต่ครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน
แผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติฉบับที่ 11
(พ.ศ.2555-พ.ศ.2559)
มุ่งพัฒนาภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สร้างเอกภาพและธรรมาภิบาลใน
การอภิบาลระบบสุขภาพ ให้ความสำคัญกับการสร้างกระบวนการ การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคมมุ่งเน้นการสร้างหลักประกันและการจัดบริการที่ครอบคลุมเป็นธรรมเห็นคุณค่าของการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ระหว่างผู้ให้แและผู้รับบริการ
วิสัยทัศน์ : "ประชาชนทุกคนมีสุขภาพดีร่วมสร้างระบบสุขภาพพอเพียงเป็นธรรมนำสู่สังคมสุขภาวะ
พันธกิจ: พัฒนาระบบสุขภาพพอเพียงโดยยึดหลักธรรมาภิบาล สร้างภูมิคุ้มกันต่อภัยคุกคาม และเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน รวมถึงการใช้ภูมิปัญยาไทย
ปัญหาสุขภาพ
โครงสร้างประชากรที่มีวัยสูงอายุมากขึ้น วัยเด็ก และวัยแรงงานลดลง
การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลก
ความมั่นคงทางอาหารและพลังงานเปลี่ยนแปลงไป
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
การก่อการร้าย ความไม่สงบทางการเมือง
นโยบายสำคัญ
มุ่งพัฒนาภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ให้ประชาชนทุกคนมีสุขภาพดี ร่วมสร้างระบบสุขภาพพอเพียง เป็นธรรม นำสู่สุขภาวะ
สร้างหลักประกันและจัดบริการที่ครอบคลุมเป็นธรรม สร้างภูมิคุ้มกันต่อภัยคุกคาม ให้ประชาชน ท้องถิ่น ลดการเจ็บป่วยจากโรคที่ป้องกันได้หรือโรคที่เกิดจากพฤติกรรมสุขภาพ
มีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้ให้และผู้รับบริการ มีระบบบริหารจัดการการเงินการคลังด้านสุขภาพอย่างมีประสิทธิภาพเป็นเอกภาพ
ความหมายเศรษฐกิจกิจพอเพียง ดังนี้
1.ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดี ไม่มากหรือไม่น้อยเกินไป ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น
ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้น
ภูมิคุ้มกัน หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นโยคำนึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้นๆ อย่างรอบคอบ
2 เงื่อนไข
เงื่อนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผน ความระมัดระวังในการปฏิบัติงาน
เงื่อนไขคุณธรรม ที่จะต้องเสริมสร้าง ประกอบด้วย มีความตระหนักในคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต
แผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ 12
(พ.ศ.2560 – 2564)
สถานการณ์และปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนาสุขภาพ
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็วของประเทศไทย อันเนื่องมาจาก การลดลงของภาวะเจริญพันธ์หรือการเกิดน้อยลง และภาวะการณ์ตายลดลง คนไทยอายุคาดเฉลี่ยยืนยาวขึ้น การเปลี่ยนแปลงทางระบาดวิทยา ทำให้รูปแบบของภาระโรคเปลี่ยนจากโรคติดเชื้อไปเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง และยังมีปัญหาสุขภาพจากอุบัติเหตุ ภัยภิบัติและภัยสุขภาพ รวมทั้งโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อมสูงขึ้น
วิสัยทัศน์: ระบบสุขภาพไทยเข้มแข็ง เป็นเอกภาพ เพื่อคนไทยสุขภาพดี สร้างประเทศได้มั่นคง และยั่งยืน
พันธกิจ: เสริมสร้าง สนับสนุนและประสานให้เกิดการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน นักวิชาการและภาคประชาสังคม ในการอภิบาลและพัฒนาระบบสุขภาพไทยให้เข้มแข็ง รองรับกับบริบทของการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
เป้าประสงค์
1.ประชาชน ชุมชน ท้องถิ่น และภาคีเครือข่าย มีความรอบรู้ด้านสุขภาพเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้การเจ็บป่วยและตายจากโรคที่ป้องกันได้ลดลง
2.คนไทยทุกกลุ่มวัยมีสุขภาวะที่ดีลดการตายก่อนวัยอันควร
3.เพิ่มขีดความสามารถของระบบบริการสุขภาพทุกระดับ ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการได้อย่างสะดวก เหมาะสม
4.มีบุคลากรด้านสุขภาพที่ดูแลประชาชน ในสัดส่วนที่เหมาะสม
5.มีกลไกการอภิบาลระบบสุขภาพแห่งชาติที่เหมาะสม มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล