Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
เวียนศีรษะ - Coggle Diagram
เวียนศีรษะ
Hepatitis
-
-
พยาธิ
เชื้อไวรัสตับอักเสบ เป็นเชื้อที่ค่อนข้างทนต่อความร้อนและมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นาน ภายหลังผู้ป่วยได้รับเชื้อจากการรับประทานอาหารหรือน้ำปนเปื้อนแล้ว ไวรัสจะผ่านชั้นเยื่อบุผนังลำไส้เข้าไป (Intestinal mucosa) และเริ่มทำการแบ่งตัวใน
crypt cell ของชั้นเยื่อบุผนังลำไส้ และเข้าตับผ่านทางหลอดเลือดดำพอร์ทัล เพิ่มจำนวนในตับและถูกปล่อยกลับลงมาในทางเดินอาหารออกมากับอุจจาระอีกครั้ง ไวรัสตับอักเสบเอเองนั้นไม่มีผลทำลายเซลล์ตับ (non-cytopathic) การอักเสบของตับเกิดขึ้นเมื่อ มี virus-host immune interaction
สาเหตุ
- ไวรัสตับอักเสบ C การติดต่อก็เป็นช่องทางคล้ายกับไวรัสตับอักเสบบี ดังที่ได้กล่าวข้างต้น ความสำคัญ คือ ในปัจจุบันนี้ มียารักษาไวรัสตัวใหม่ๆ ที่สามารถรักษาโรคนี้ให้หายขาดได้ ซึ่งจะช่วยลดการเกิดผลแทรกซ้อน เช่น ตับแข็ง มะเร็งตับ เป็นอย่างมาก
- ไวรัสตับอักเสบ B ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รอยสัก เข็มฉีดยา การให้เลือด หรือแม่สู่ลูก คล้ายไวรัสตับอักเสบ C ซึ่งถ้าเรามีการคัดกรองแล้วทราบว่าผู้ป่วยรายใดเป็นพาหะ มีข้อบ่งชี้ในการกินยาต้านไวรัสตับอักเสบบี จะช่วยลดความเสี่ยงไม่ให้เกิดตับแข็ง และมะเร็งตับในอนาคตได้
- ไวรัสตับอักเสบ E ติดทางการกินอาหารที่ปนเปื้อน (Fecal oral route) คล้ายไวรัสตับอักเสบ A มักพบในประเทศที่สุขอนามัยไม่ดี
- ไวรัสตับอักเสบ A มักติดทางการกินอาหารที่ปนเปื้อน (Fecal oral route)
อาการของตับอักเสบ
- ไวรัสตับอักเสบ B มักมีอาการเรื้อรัง ค่อยเป็นค่อยไป บางครั้งไม่แสดงอาการ มีอาการอ่อนเพลียคล้ายเป็นหวัด คลื่นไส้ อาเจียน น้ำหนักลด จุกแน่นใต้ชายโครงขวาจากตับโตปัสสาวะเข้ม ตาเหลือง
- ไวรัสตับอักเสบ C มักมีอาการเรื้อรัง หรือ แม้แต่ไม่แสดงอาการ ตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะสีเข้ม เบื่ออาหาร น้ำหนักลด อ่อนเพลีย ไม่มีแรง บวม มีน้ำในช่องท้อง ปวดชายโครงขวา ปวดกล้ามเนื้อและปวดข้อ
- ไวรัสตับอักเสบ A มักมีอาการเฉียบพลัน อ่อนเพลีย มีไข้ ตัวเหลือง ตาเหลือง
- ไวรัสตับอักเสบ E มักมีอาการเฉียบพลัน อ่อนเพลีย มีไข้ ตัวเหลือง ตาเหลือง
การตรวจพิเศษ
- การตรวจทางเคมีคลินิก เป็นการตรวจการทำงานของตับเพื่อหาภาวะการอักเสบของเซลล์ตับ โดยการตรวจหาปริมาณเอนไซม์ 2 ชนิด คือ ALT / SGPT, AST / AGOT, ตรวจหาปริมาณของ Bilirubin สารเหลืองดีซ่าน เพื่อหาความสามารถของตับในการกำจัดสารต่างๆ ที่ไม่ต้องการออกจากร่างกาย, การตรวจหาปริมาณ AP ดูภาวะการอุดตันของท่อน้ำดี, การตรวจหาปริมาณของ GGT และการตรวจหาปริมาณของ Albumin (โปรตีน albumin)
- การตรวจหาภาวะการแข็งตัวของเลือด prothrombin เป็นโปรตีนที่สร้างจากตับ ช่วยในการแข็งตัวของเลือด หากตับมีความผิดปกติจะทำให้ขาด prothrombin จึงทำให้ระยะเวลาในการแข็งตัวของเลือดนานกว่าปกติ
- การตรวจทางภูมิคุ้มกันวิทยา เป็นการตรวจหาสารที่เป็นองค์ประกอบของเชื้อไวรัส (antigen) หรือหาโปรตีนที่ร่างกายสร้างขึ้น เพื่อตอบสนองต่อการติดเชื้อไวรัส (antibody)
- การตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซึ่งให้ผลแม่นยำกว่า และสามารถบอกปริมาณจากไวรัสได้
การตรวจร่างกาย
General apperance : ดูว่ามีอาการอ่อนเพลียคล้ายเป็นหวัด ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดตามข้อ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย จุกแน่นใต้ชายโครงขวาตัวตาเหลืองหรือไม่
-
-
ตรวจบริเวณช่องท้อง :
ดู: มีรอยแผลผ่าตัดหรือไม่ ดูว่ามีอาการปวดท้องใต้ชายโครงขวาหรือไม่
ฟัง: Bowel sound
คลำ: คลำดูว่ามีก้อน มีตับโตหรือไม่ ดูว่ากดเจ็บตรงส่วนบริเวณใต้ชายโครงขวาหรือไม่
เคาะ: ดูว่ามีน้ำหรือลมในช่องท้องหรือไม่
Cholangiocarcinoma
สาเหตุ
โรคท่อน้ำดีอักเสบแข็งปฐมภูมิ (primary sclerosing cholangitis)เป็นโรคท่อน้ำดีอักเสบชนิดหนึ่งที่ทำให้มีการหนาแข็งของท่อน้ำดีโรคนี้มีความสัมพันธ์กับโรคลำไส้ใหญ่อักเสบแบบมีแผล
โรคติดเชื้อปรสิตบางชนิด เช่นการติดเชื้อพยาธิใบไม้ในตับ Opisthorchis viverrini ที่พบในประเทศไทย ลาว และมาเลเซีย หรือ Clonorchis sinensis ที่พบในญี่ปุ่น เกาหลี และเวียดนาม
ผู้ป่วยโรคตับเรื้อรัง (chronic liver disease) ไม่ว่าจะจากการเป็นโรคตับอักเสบจากไวรัส เช่น ไวรัสตับอักเสบบีหรือซี โรคตับจากแอลกอฮอล์ หรือตับแข็งจากสาเหตุอื่นๆ
โรคติ่งเนื้อในท่อน้ำดี (biliary papillomatosis) ก็มีความสัมพันธ์กับมะเร็งท่อน้ำดีส่วนการมีนิ่วในถุงน้าดีนั้นยังไม่ชัดเจนว่าเป็นความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งท่อน้ำดีหรือไม่
การรับประทานอาหารหมักดอง เช่นปลาร้า ปลาเจ่า ปลาจ่อม รวมทั้งปลาส้ม ซึ่งมีสาร N-nitrosocompound และไนโตรซามีน (nitro-samine) ก็เป็นปัจจัยสี่ยงให้เกิดมะเร็งท่อน้ำดีได้นอกจากนี้การได้รับสารทึบแสงที่ใช้ทางรังสีวิทยาเช่น thorotrast ในอดีตก็พบว่าอาจเป็นมีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งท่อน้ำดีด้วย
-
-
-
พยาธิสภาพ
มะเร็งท่อน้ำดีที่เกิดภายในตับ (intrahepatic cholangiocarcinoma)เมื่อผ่าตัดเอาก้อนเนื้องอกออกมาจะพบว่าหน้าตัดมีสีขาวแกมเทาและค่อนข้างจะสะท้อนแสงแวววาว เนื่องจากการหลั่งน้ำเมือกจากก้อนมะเร็งก้อนเนื้องอกอาจพบเป็นก้อนเดี่ยวๆ หรือหลายก้อน และอาจพบข้างเดียวหรือจากตับทั้งสองข้างก็ได้ ซึ่งพยาธิสภาพเช่นนี้อาจทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นก้อนมะเร็งที่กระจาย (metastasis) มาจากที่อื่นได้
มะเร็งท่อน้ำดีที่เกิดภายนอกตับ (extrahe-patic cholangiocarcinoma) จะพบว่าเกิดอยู่ในท่อทางเดินน้ำดี 3 ระดับ
ระดับท่อน้ำดีสูงใกล้กับตัวตับ โดยเกิดอยู่ในท่อน้าดีตัวจนถึงท่อน้ำดีตับร่วม (upper third from hepatic duct tocommon hepatic duct) หรือ hilar cholangiocarcinoma พยาธิสภาพที่พบจะมีลักษณะแข็งมากทำให้ท่อน้ำดีตีบแคบ (scirhous and stenotic types) แต่บางครั้งก็อาจพบว่าเป็นแบบอื่นได้เช่น papillary หรือ nodular type เป็นต้น
ระดับท่อทางเดินน้ำดีส่วนกลาง (middle third from distal common duct, cystic duct and its confluence to proximal common bile duct) โดยพยาธิสภาพส่วนที่พบในท่อน้ำดีส่วนกลางมักจะเป็น nodular type
ระดับท่อทางเดินน้ำดีส่วนล่าง (lower third from distal common bile duct toperiampullary region) โดยพยาธิสภาพส่วนที่พบในท่อน้ำดีส่วนล่าง มักจะเป็น papilary type ตามลำดับ
การรักษาขั้นต้น
-
การผ่าตัด
-
กรณีของมะเร็งท่อน้ําดีนอกตับ การผ่าตัดจะประกอบด้วยการผ่าตัด ตัดท่อทางเดินน้ําดี (Bile duct resection) อาจต้องมีการผ่าตัดตับ หรืออาจต้อง ผ่าตัดตับอ่อนและลําไส้เล็กส่วนหนึ่งร่วมด้วย (Pancreaticoduodenectomy) ถ้ามะ เร็งท่อน้ําดีมีการลุกลามมาที่บริเวณดังกล่าว
-
-
-
CA Liver
-
อาการ
อาการส่วนใหญ่จะเป็นไปช้าๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะแรกมักจะไม่มีอาการจนพัฒนาถึงขั้นแสดงอาการจึงสังเกตได้ดังนี้
-
ปวดท้องตำแหน่งจะอยู่บริเวณใต้ชายโครงขวาหรือลิ้นปื่อาจปวดร้าวไปบริเวณหัวไหล่ได้อาการปวดอาจเป็นตลอดเวลาหรือปวดเป็นพักๆ
-
-
Hepatocellular failure ได้แก่ อาการตัวเหลือง ตาเหลือง ท้องมาน อาการของ Portal Hypertension อาจมาด้วยอาการอาเจียนเป็นเลือด อาการสมองเสื่อม เนื่องจากตับไม่ทำงาน (hepatic encephalopathy) จะมีอาการมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับระยะของโรคและภาวะที่มีตับแข็งร่วมด้วย
-
-
-
การตรวจพิเศษ
-
-
การตรวจอัลตราซาวน์
เป็นการตรวจเบื้องต้นที่ง่ายที่สุดในการระบุโรคมะเร็งตับ การตรวจอัลตราซาวน์ช่องท้องจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของการตรวจสุขภาพพื้นฐานในปัจจุบัน
-
-
พยาธิสภาพ
มะเร็งตับ หรือ Hepatocellular carcinoma คือ โรคที่เกิดจากเซลล์ตับที่ผิดปกติ เกิดการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนเซลล์มากกว่าปกติ จนเกิดเป็นก้อนในตับ และอาจมีการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งไปยังอวัยวะอื่นๆ เช่น ปอด กระดูก
ลักษณะชิ้นเนื้อระดับตาเปล่า (Gross pathology) มีการแบ่งประเภทไว้หลายแบบ แต่ที่ใช้มาก ได้แก่ Eggel's classification
1.Massive type
ลักษณะเป็นก้อนเดี่ยวใหญ่ อาจพบ satellite nodules ได้ มักพบในผู้ป่วยอายุน้อย
ไม่มีโรคตับแข็ง พบการแตกของก้อนมะเร็งได้บ่อย เป็นชนิดที่เหมาะแก่การรักษาด้วยงิธีการผ่าตัด
-
-
การรักษาขั้นต้น
การรักษาทางยา
-ยาต้านมะเร็งกลุ่ม target agent ออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตและการสร้างหลอดเลือดเข้าไปเลี้ยงมะเร็งตับ
-
-ยาต้านไวรัสตับอักเสบ สำหรับผู้ป่วยมะเร็งตับที่มีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือซีเรื้อรังและภายหลังการรักษาขจัดก้อนมะเร็งได้หมดแล้ว เพื่อป้องกันมะเร็งตับเกิดขึ้นใหม่
-
-
-
-
-
ซักประวัติ
-
-
-
ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
LFT พบ AST 228 U/L, ALT 94 U/L สูงกว่า ปกติ
-
-
-
-
-
Cirrhosis
ชนิดและสาเหตุ
แบ่งออกเป็น 2 ชนิด
- แบ่งตามรูปร่างของเซลล์ (Morphologic classification) แบ่งได้ 3 ชนิด
-
-
-
- แบ่งตามสาเหตุ (Etiologic classification)
-
-
-
2.4 Biliary cirrhosis
เกิดหลังการมีการคั่งของน้ำดี มี 2 ชนิด คือจากโรคของตับเอง (Primary biliarycirrhosis) และการอุดตันของทางเดินน้ำดี(Secondarybiliary cirrhosis)
2.5 สาเหตุอื่น
-
โรคหัวใจพยาธิ เช่น พยาธิใบไม้ในตับ สารเคมี เช่นยา Chlorpromazine,Carbontetrachoride
-
อาการ
ผู้ป่วยที่มีภาวะตับแข็งอาจไม่มีอาการหรือมีอาการน้อยมาก หรืออาจมีอาการเนื่องจากภาวะแทรกซ้อนตามระยะของโรค ทั้งนี้อาการที่อาจพบได้ เช่น
-
-
-
-
-
-
มีอาการทางสมอง เนื่องจากตับไม่สามารถกรองสารพิษออกมาได้ จึงเริ่มสะสมในเลือด โดยสัญญาณแรกของการสะสมสารพิษในสมองอาจสังเกตได้จากการที่ผู้ป่วยละเลยการดูแลตนเอง ไม่มีอาการตอบโต้ ลืมง่าย ไม่มีสมาธิ
มีเลือดออกอย่างรุนแรงในกระเพาะอาหารส่วนบนหรือหลอดอาหาร เนื่องมาจากการไหลเวียนของเลือดผิดปกติ ซึ่งจัดเป็นอาการที่รุนแรงและอันตราย แพทย์ต้องรีบหยุดเลือดโดยเร็ว
-
พยาธิสภาพ
ตับแข็งเป็นระยะสุดท้ายในโรคตับหลายชนิด การแข็งของตับมีลักษณะเป็นปุ่มแผลเป็นและพื้นที่ที่มีเนื้อเยื่อเกิดใหม่ ซึ่งการทำลายเซลล์ตับจำนวนมากทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการไหลของระบบเลือดน้ำเหลืองและน้ำดีก่อนการมีดีซ่าน ความดันหลอดเลือดดำพอร์ทัลสูง เกิดขึ้นในตับแข็งรุนแรง หลอดเลือดดำพอร์ทัลได้รับเลือดจากลำไส้และม้ามด้วยเหตุนี้การเพิ่มขึ้นของความดันในพอร์ทัลมีสาเหตุจาก
1) หลอดเลือดเสื่อม มีแรงต้านเพิ่มขึ้นและหลอดเลือดบริเวณหลอดอาหาร สะดือ ทวารหนักโตขึ้นซึ่งอาจเกิดจากเลือดออก
-
-
การรักษาขั้นต้น
การรักษาโรคตับแข็งขึ้นอยู่กับสาเหตุ ความรุนแรงและความเสียหายของตับ การรักษามีจุดมุ่งหมายเพื่อชะลอการลุกลามของโรคตับแข็งและรักษาภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคตับแข็ง
-
-
-
-
-