Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร - Coggle Diagram
การใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร
การใช้คำเพื่อการสื่อสาร
ความรู้เกี่ยวกับคำ
“คำ” เป็นสื่อแสดงความคิด ความรู้สึก และความรู้ออกมาให้ผู้อื่นได้รู้และเข้าใจ
โดยทำหน้าที่เป็นเครื่องหมาย หรือสิ่งที่บอกความหมายและเราตีความได้
สิ่งที่ควรคำนึงถึงเกี่ยวกับคำ
ลักษณะเสียง
1.2 ออกเสียงคำควบกล้ำไม่ถูกต้อง
เช่น
(การออกเสียงคำควบกล้ำไม่ถูกต้อง)
:check:ความ - :red_cross:ฟาม
:check:ขวา - :red_cross:ฝา
(การไม่ออกเสียงคำควบกล้ำ)
:check:ครู - :red_cross:คู
:check:คล้าย - :red_cross:ค้าย
1.3 ออกเสียงคำไม่ถูกต้อง
เช่น
ชาติพันธุ์ = :check:ชาด-ติ-พัน -:red_cross: ชาด-พัน
ตุ๊กตา = :check:ตุ๊ก-กะ-ตา -:red_cross:ตุ๊ก-ตา
1.1 ออกเสียง ร เป็น ล
เช่น
:check:เรื่องราว - :red_cross:เลื่องลาว
:check:เรียนรู้ - :red_cross:เลียนลู้
ลักษณะรูปคำ
เช่น
:check:เครื่องราง - :red_cross:เครื่องลาง
:check:พรรณนา - :red_cross:พรรณา
ลักษณะความหมายของคำ
3.2 ความหมายโดยนัย
หรือความหมายแฝง
(Connotation)
เป็นคำที่มีความหมายสัมพันธ์กับคำเดิม
อาจสัมพันธ์กันในเชิงเปรียบเทียบหรือสัมพันธ์กับความรู้สึก
เช่น
เสือ = ความดุร้าย ความน่ากลัว อันตราย
ลา = ไม่ฉลาด โง่
ฟ้า = ความสูงส่ง
3.3 ความหมายตามบริบท
(Context)
คำที่จะมีความหมายเฉพาะเป็นไปตามคำแวดล้อม
เช่น
คำว่า "พาน"
(น.) = ภาชนะมีเชิงประเภทหนึ่ง / ตอน บั้น เช่น พานท้ายปืน
(ว.) = ทำท่าว่า เช่น พานจะเป็นลม
(ก.) = พบปะ มักใช้คู่กับคำ พบพานหรือพานพบ / ขวาง กีด เช่น เอาเชือกมาพานไว้
3.1 ความหมายตรง
หรือความหมายโดยอรรถ
(Denotation)
เรียกว่า "ความหมายหลัก" เป็นคำที่มีความหมายตามอักขระ
ตรงตามคำนั้นๆ มีความหมายเป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไป
เช่น
เสือ ลา ฟ้า ดาว ดิน กิน
ลักษณะการเปลี่ยนแปลงความหมายของคำ
4.2 คำที่มีความหมายแคบเข้า
คำที่แต่เดิมใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ
ต่อมานำมาใช้เฉพาะสถานการณ์
เช่น
คำว่า "ชุม" = มีมาก มารวมกันจากที่ต่างๆ เช่น ยุงชุม สัตว์ป่าชุกชุม
4.3 คำที่มีความหมายตรงกันข้าม
เป็นคำบางคำที่ความหมายจะเปลี่ยนไปเป็นตรงกันข้าม
เช่น
คำว่า "แพ้" = สู้ไม่ได้ (ปัจจุบัน) แต่เดิมหมายถึง ชนะ
คำว่า "แกล้ง" = ไม่จริงใจ (ปัจจุบัน) แต่เดิมหมายถึง ตั้งใจ จงใจ เช่น แกล้งเกลากลอน (ตั้งใจแต่งกลอน)
4.1 คำที่มีความหมายกว้างออก
คำที่แต่เดิมมีความหมายเฉพาะ แต่ต่อมานำมาใช้
ในสถานการณ์ที่บ่งบอกความหมายได้กว้างขึ้น
เช่น
คำว่า "สะอาด" = เกลี้ยง หมดจด ผ่องใส บริสุทธิ์ (ใช้กับสิ่งที่เห็น) + (ใช้กับการดมกลิ่น) เช่น กลิ่นสะอาด
คำว่า "ธนาคาร" = ที่เก็บทรัพย์สิน หรือที่ประกอบธุรกรรมการเงิน+ (สถานที่เก็บสิ่งต่างๆ) เช่น ธนาคารเลือด ธนาคารข้อสอบ
ลักษณะด้านความหมายของคำลักษณะต่าง ๆ
5.3 คำที่มีความหมายตรงกันข้าม
คำตรงข้ามแบบปฏิเสธ = เป็นคำตรงข้ามที่ตายตัว และเป็นคำคู่
เช่น
ขาว-ดำ / บุญ-บาป / คุณ-โทษ / สุข-ทุกข์
คำตรงข้ามแบบระดับ = เป็นคำตรงข้ามที่ไม่ตายตัว
(มีคำตรงกันข้ามมากว่า 1 คำ เปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์)
เช่น
ร้อน-เย็น หรือ ร้อน-หวาน / ไป-มา หรือ ไป-กลับ / ดี-เลว หรือ ดี-ชั่ว
5.4 คำที่มีความหมายเหมือนกัน
่คำที่เป็นภาษาต่างระดับ มีความหมายเหมือนกัน
อาจใช้แทนกันได้ แต่ความสุภาพ ความเป็นแบบแผนต่างกัน
(กรณีสุภาษิต สำนวน แทนกันไม่ได้ )
เช่น
บิดา - ชนก - พ่อ ป๋า เตี่ย แดดดี้
มารดา - ชนนี - แม่ หม่ามี้
รับประทาน - เสวย ฉัน - กิน หม่ำ แดก
5.2 คำที่มีความหมายคู่กัน
คำที่ใช้พูดกันมาแต่เดิม และเป็นที่รับรู้ได้ว่าเป็นคำคู่กัน
มีอยู่จำนวนหนึ่งและเมื่อจะใช้ก็ต้องใช้คู่กัน ใช้คำอื่นมาแทนไม่ได้
เช่น
เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย / เขาไม่ถูกกันอย่างยิ่งเหมือนขมิ้นกับปูน
5.5 คำที่มีความหมายแตกต่างกันใช้แทนกันได้
คำไวพจน์ เป็นคำที่ใช้แทนกันได้ แม้ความหมายของคำที่เป็นรากศัพท์จะต่างกัน
(นิยมใช้ในงานเขียนเช่น ร้อยกรอง เพลง วรรณกรรม)
เช่น
ดวงจันทร์ = ดวงจันทร์ พระจันทร์ เพ็ญ ศศิธร โสม ฯลฯ
น้ำ = น้ำ นที ชล สลิล วารี ฯลฯ
ช้าง = คช กรี คชสาร พลาย คเชนทร์ ฯลฯ
5.1 คำที่มีความหมายคล้ายกัน
คำที่มีเสียงหรือความหมายคล้ายกัน แต่แทนกันไม่ได้
เช่น
กีดขวาง = ขวางกันไว้ ของเกะกะ (ใช้กับวัตถุ)
ขัดขวาง = ทำให้ไม่สะดวก ทำให้ติดขัด (ใช้กับบุคคล)
ขัดขืน = ไม่ประพฤติตาม ไม่ทำตาม (ใช้กับบุคคล)
หรือ
นี่ นี้ = อยู่ตรงหน้าใกล้ๆ
นั่น = อยู่ตรงหน้าไกลกว่า นี่ นี้
โน่น = อยู่ตรงหน้าไกลกว่า นั่น
การใช้ประโยคเพื่อการสื่อสาร
ความหมายของประโยค
“ประโยค” เป็นคำพูดหรือข้อความที่บริบูรณ์และต้องประกอบด้วยภาคประธาน ภาคแสดงครบถ้วน และใช้คำได้ถูกต้องตรงตามความหมายที่ต้องสื่อสาร
หน้าที่ของประโยค
ปฏิเสธ
เป็นประโยคปฏิเสธ (มีคำว่า ไม่ ไม่ได้ หามิได้ มิใช่ ใช่ว่า)
ถามให้ตอบ
เป็นประโยคคำถาม (มีคำว่าหรือ ไหม หรือไม่ ทำไม เมื่อไร ใครอะไร ที่ไหน อย่างไร)
บอกเล่าหรือแจ้งให้ทราบ
เป็นประโยคบอกเล่า
บังคับ ขอร้อง และชักชวน
เป็นประโยคที่มีเนื้อความเชิงบังคับ ขอร้อง และชักชวน
ประโยคที่มีข้อบกพร่องชนิดต่าง ๆ
(จำแนกโดย คุณสายใจ ทองเนียม และคุณประดิษฐ์ ทองเนียม)
การใช้คำที่มีความหมายขัดแย้งกัน - ทำให้สื่อความหมายได้ไม่ชัดเจน
การใช้จำนวนนับนำหน้าประโยคไม่ใช้ลักษณนาม - เป็นภาษาสื่อมวล ไม่ควรใช้ในภาษาเขียนทั่วไป
การใช้ประโยคผิดไวยากรณ์ - มีภาคประธานภาคแสดงไม่ครบถ้วนหรือเรียงคำผิดตำแหน่ง
การใช้สำนวนภาษาต่างประเทศ - การเรียงลำดับคำของภาษาไทยผิดแปลกไป
การใช้ภาษาต่างระดับในประโยคเดียวกัน - การใช้ภาษาพูดปนกับภาษาเขียน ใช้ภาษาเขียนปนกับภาษาการประพันธ์ ฯลฯ
การใช้คำฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น - ประโยคยาวแต่เยิ่นเย้อ
การใช้ประโยคไม่ครบใจความ - ประโยคความซ้อนอาจมีส่วนขยายที่ยาวเพื่อให้ใจความครบสมบูรณ์
การใช้คำกำกวม - การใช้คำที่มีหลายความหมายคิดได้หลายทาง
การใช้ประโยคไม่สละสลวย - ทำให้อ่านติดขัด ไม่ราบรื่น
ประโยคที่ใช้เนื้อหาไม่สัมพันธ์กัน - ทำให้ข้อความขาดหายหรือไม่สมเหตุสมผล
การใช้คำผิดความหมายหรือใช้คำไม่เหมาะสม - ทำให้ประโยคนั้นสื่อความหมายผิดไป
(จำแนกโดย คุณธเนศ เวศร์ภาดา)
การใช้ภาษาไม่เหมาะสม
การใช้ภาษาไม่กระจ่าง
การใช้ภาษาผิด
การใช้ภาษาไม่สละสลวย