Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Electroconvulsive therapy : ECT, นศพต.สุปรียา พงษ์สวรรค์ เลขที่ 68 -…
Electroconvulsive therapy : ECT
ลักษณะและระยะของการชักจากการรักษาด้วยไฟฟ้า
ระยะหมดสติ (unconscious stage) 1-2 วินาที
ระยะเกร็ง (tonic stage) 10-15 วินาที
ระยะกระตุก (clonic stage) 30-60 วินาที
ระยะหยุดหายใจ (apnea stage) 1-2 วินาที
ระยะหลับ (sleep stage) ใช้เวลาประมาณ 5 นาที
ระยะงุนงงสับสน (confused stage) 15-30 นาที
การรักษาโดยใช้กระแสไฟฟ้าจากเครื่องทำการรักษาด้วยไฟฟ้าในปริมาณที่เหมาะสม ผ่านเข้าไปในสมองในระยะเวลาสั้นๆทาง electrodes วางไว้ขมับทั้งสองข้างหรือข้างเดียว ทำให้เกิดอาการชักเกร็ง กระตุกทั้งตัว (grand-mal seizer) หรือ tonic-clonic convulsive เป็นผลให้อาการของโรคทุเลาหรือหายได้
อาการข้างเคียง
หลังทำ ช่วงสั้น
ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ อาการสับสน มึนงง
หลังทำระยะยาว
ชัก หลงลืม สูญเสียความทรงจำ
ขณะทำ
ผลกระทบต่อหัวใจ และหลอดเลือด
ป้องกันที่ดีที่สุด คือ ควรมีเครื่องวัดสัญญาณชีพ บันทึกการเปลี่ยนแปลงสัญญาณชีพของผู้ป่วยตลอด
การพยาบาล
ขณะทำการรักษา
ให้ผู้ป่วยนอนหงายบนเตียง ใช้หมอนหนุนบริเวณต้นคอ เอว และข้อพับขาทั้งสองข้าง ป้องกันกระดูกสันหลังเคลื่อน
ให้ออกซิเจนทางจมูกผู้ป่วยก่อน 2-3 นาที
เช็ดทำความสะอาดขมับด้วยสำลีชุบแอลกอฮอล์
ใส่แผ่นยางกันการกัดลิ้น มือหนึ่งดึงคางขึ้นจับคาง และปิดปากผู้ป่วยไว้ อีกมือหนึ่งสอดไปพยุงบริเวณต้นคอของผู้ป่วยไว้
ให้ผู้ช่วยเหลือผู้ป่วย 2 คน จับบริเวณไหล่ และข้อมือของผู้ป่วยข้างละ 1 คน และผู้ช่วยอีก 2 คนจับบริเวณสะโพก และหัวเข่าข้างละ 1 คน วัดและบันทึกสัญญาณชีพก่อนการชักทันที 1 ครั้ง
เมื่อพร้อมแล้ว แพทย์ทำการกดกระแสไฟฟ้าผ่านเข้าไปในสมองของผู้ป่วย วัดและบันทึกสัญญาณชีพหลังการชักทันที 1 ครั้งและวัดซ้ำอีกครั้งหลัง 5 นาที หลังจากนั้นให้การช่วยหายใจโดยได้ออกซิเจนผ่าน inflating bag โดยปกติผู้ป่วยควรจะกลับมาหายใจเองภายใน 5 นาที เมื่อเห็นว่าผู้ป่วยหายใจเองแล้ว ให้จับศีรษะของผู้ป่วยตะแคงไปด้านใดด้านหนึ่ง
หลังทำการรักษา
วัดBP ทุก 15 นาที ใน 1 ชั่วโมงแรกหลังทำ หลังจากนั้นวัดความดันโลหิตทุก 1 ชั่วโมงอีก 2 ครั้ง และทุก 2 ชั่วโมง อีก 2 ครั้ง จนปกติ
ดูแลผู้ป่วยด้วยความระมัดระวัง
ให้ผู้ป่วยนอนพักประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง หรือจนกว่าผู้ป่วยจะควบคุมตัวเองได้
4.ไม่ควรชักถามประวัติส่วนตัว
ช่วยทบทวนเกี่ยวกับกิจวัตรประจำวัน และกิจกรรมต่างๆ ของหอผู้ป่วย
เตรียมผู้ป่วยก่อนทำการรักษา
ด้านร่างกาย
ตรวจร่างกายทั่วไป
สมอง หัวใจ ปอด ความดันโลหิต ฉายรังสี
เซ็นใบยินยอมการรักษาด้วยไฟฟ้า
NPO อย่างน้อย 4 ชั่วโมง
ตรวจวัดV/S
void ก่อน
อาบน้ำ สระผมให้สะอาดและเช็ดให้แห้ง นำของมีค่า ฟันปลอม แว่นตา และโลหะอื่นๆ ออกจากตัวผู้ป่วย
ด้านจิตใจ
อธิบายถึงเหตุผลที่ต้องทำการรักษาด้วยไฟฟ้า บอกขั้นตอนคร่าวๆ
ใช้คำว่า "รักษาโดยใช้ไฟฟ้า"
อธิบายอาการหลังทำที่อาจจะเกิดขึ้น
ยาทางจิตเวชที่มีผลต่อการรักษาด้วยไฟฟ้า
ยาที่ใช้ไม่ได้
ยาต้านเศร้า
mood-stabilizing
anticonvulsants
antidepressant --> TCAs
bupropion
trazadone
reserpine
ยาที่ใช้ได้
antipsychotic
antidepressant --> SSRIs
ข้อบ่งชี้
เป็นวิธีแรกก่อนใช้ยา
ต้องการผลการรักษาที่รวดเร็วแน่นอน
รักษาวิธีอื่นปลอดภัยน้อยกว่า
หลังจากที่ได้ให้การรักษาชนิดอื่น
ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา
ทนต่อผลข้างเคียงของยาไม่ได้
อาการของผู้ป่วยแย่ลงเรื่อยๆ
วิธีการ
Modified ECT
ใช้ยาระงับความรู้สึก หรือยาสลบ และยาคลายกล้ามเนื้อช่วยในการรักษากระแสไฟฟ้าที่ใช้ต้องสูงกว่าวิธี unmodified ECT
Unmodified ECT
แพทย์จะกดเครื่องผ่านกระแสไฟฟ้า 70-130 โวลต์ เข้าไปในสมองใช้เวลา 0.1-0.5 วินาที จนทำให้ผู้ป่วยชักไม่น้อยกว่า 25 วินาทีไม่ใช้ยาระงับความรู้สึกหรือยาสลบและยาคลายกล้ามเนื้อช่วยในการรักษา ผู้ป่วยยังคงรู้สึกตัว
กลไกการออกฤทธิ์
ปฏิกิริยาของการซักจะมีผลต่อโครงสร้างของสมองในระดับลึก เช่น เบซอลแกงเกลีย (basal ganglia) และทาลามัส (thalamus) ได้รับการฟื้นฟูให้ดีขึ้น
การชักช่วยให้สมองทั้งสองข้างเกิดความสมดุลกัน
การไหลเวียนเลือดในสมองเพิ่มขึ้น มีการใช้น้ำตาลและออกซิเจนในสมองเพิ่มมากขึ้น
noradrenergic เกิดการลดลงของตัวรับทำให้เกิดความไวของปฏิกิริยาลดลง
ซีโรโตนีน (serotonin) เกิดการเพิ่มขึ้นของตัวรับ ที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาไวขึ้น
ข้อห้าม
ภาวะการมีพยาธิสภาพในสมอง (space-occupying lesion)
ความดันในกะโหลกศีรษะเพิ่มขึ้น (increased intra-cerebral pressure) / ภาวะที่เสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกในสมอง (cerebral bleeding)
กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด (myocardial infarction) / โรคหัวใจ (cardiac disease)
ความดันโลหิตสูงอย่างรุนแรง (severe hypertension)
การหลุดลอกของเยื่อภายในลูกตา (retinal detachment)
นศพต.สุปรียา พงษ์สวรรค์ เลขที่ 68